บทความ ไล่ปีศาจในใจ"ประชาธิปัตย์" เอามาลงตามคำ "ขู่" คคุณsao..เหลือ..noi
|
 |
คอลัมน์ ที่ห็นและเป็นไป โดย สุชาติ ศรีสุวรรณ
มีความสงสัยอย่างหนึ่งติดค้างในใจ และนับวันที่จะตอกย้ำว่าควรจะต้องหาคำตอบ เพราะหากไม่ได้คำตอบนี้ จะก่อความรู้สึกว่า "ไม่เข้าใจธรรมชาติของการเมือง"
คำ ถามที่ว่าก็คือ "ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ ประกาศมาตลอดทุกยุคสมัยว่าเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา จึงกลับกลายไปมีภาพของพรรคที่สนับสนุนอำนาจนอกระบบ ฝักใฝ่ที่จะแสวงหาและขึ้นสู่อำนาจด้วยกลไกเผด็จการไปได้"
ไม่เชื่อ หรอกครับ ว่าพรรคประชาธิปัตย์ที่บุคลากรในพรรคได้ดิบได้ดีมีอำนาจวาสนา ร่ำรวยเงินทองยศถาบรรดาศักดิ์มาด้วยประชาธิปไตย จะมีสำนึกฝักใฝ่เผด็จการเหมือนที่ถูกโจมตี
พรรคประชาธิปัตย์น่าจะมีความจำเป็นบางอย่างมาเป็นปัจจัยบีบคั้นให้ต้องเดินไปในวิถีทางที่ถูกมองว่าฝักใฝ่การอุ้มชูจากอำนาจเผด็จการ
เพื่อให้เข้าใจเรื่องนี้ คงต้องหาให้พบก่อนว่าความจำเป็นนั้นคืออะไร
อะไร ทำให้พรรคการเมืองที่ผู้นำพรรคทุกยุคทุกสมัยประกาศจนเป็นหลักการของพรรคว่า "เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา" กลับกลายมาเป็นพรรคที่พยายามใช้วาทกรรม "เผด็จการรัฐสภา" และ "พวกมากลากไป" มาเป็นอาวุธในการทำลายคู่ต่อสู้
ทั้ง ที่วาทกรรม เป็นข้อกล่าวหาของ "ฝ่ายนิยมเผด็จการ" ที่นำมาใช้ทำลายฝ่ายประชาธิปไตย ทำลาย "ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบอบรัฐสภา" มาเนิ่นนาน
ทำไม "ประชาธิปัตย์" ซึ่งเป็นพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย จึงหยิบยกวาทกรรมที่เป็นเครื่องมือของ "เผด็จการ" มาใช้อย่างเต็มปากเต็มคำ
เหล่านี้เป็นคำถามที่ค้างคา ที่เรียกร้องให้ค้นหาคำตอบเพื่อเข้าใจ "ธรรมชาติของการเมือง"
คง ไม่มีทางที่จะหาคำตอบได้เลย หากไม่ค้นให้เจอว่า "วาทกรรมเผด็จการ" เหล่านี้ แทรกเข้ามาอยู่ในสมอง "นักประชาธิปไตยผู้เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย" อย่าง "พลพรรคประชาธิปัตย์" ตั้งแต่เมื่อไร
เมื่อย้อนรื้อฟื้น ประวัติศาสตร์ดู ก่อนหน้านั้นอาจจะมีบ้าง แต่ที่ชัดเจนที่สุดคือเมื่อ "พรรคประชาธิปัตย์" พ่ายแพ้การเลือกตั้งต่อพรรคการเมืองใหม่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้นำ
เป็นการพ่ายแพ้อย่างราบคาบ แพ้ซ้ำซาก แพ้ทั้งที่สถานการณ์ไม่ควรจะแพ้
พ่ายแพ้ชนิดที่มองไม่เห็นทางว่าพรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาชนะ เข้ามามีอำนาจรัฐได้ด้วยการเลือกตั้งความพ่ายแพ้อย่างหมดสภาพ มอง
ไม่เห็นหนทางที่จะเข้ามาควบคุมอำนาจรัฐผ่านกระบวนการเลือกตั้งได้อย่างไร น่าจะเป็นเข็มที่ทิ่มแทงจิตใจ จนสมองเปิดรับ "วาทกรรมเผด็จการ" เข้าไปในสมองคนของพรรคประชาธิปัตย์
เราได้ยินคำว่า "เผด็จการรัฐสภา" หรือ "พวกมากลากไป" จากคนพรรคประชาธิปัตย์ถี่ และแรงขึ้นเรื่อยๆจาก พรรคที่หัวหน้าพรรคในอดีตเคยหยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่ชนะเลือกตั้งไม่ตั้งรัฐบาล มาเป็นพรรคที่พร้อมจะเอาทุกปัจจัยเข้ามาบวกเพียงเพื่อให้ได้อำนาจ
จากพรรคที่เคยถือธง "เราเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา" กลับใช้วาทกรรมที่ส่งผล "ทำลายระบบรัฐสภา" อย่างคล่องปาก
ยิ่ง นับวันดูเหมือนจะชื่นชอบที่จะโน้มน้าวให้ประชาชนเห็นดีเห็นงามไปกับ "พวกน้อยลากไป" ด้วยการโจมตี "พวกมาก" ว่าเป็น "เผด็จการรัฐสภา" อย่างสนุกสนาน
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์นี้ เป็นไปได้หรือไม่ที่เกิดจากแรงในจิตใจที่เกิดจาก "ความกลัว" กลัว "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" จนขึ้นสมอง
กลัวจนแปลมาเป็น "ความเกลียดชังอย่างรุนแรง"
จนต้องทุ่มเททุกวิถีทางเพื่อทำลาย พ.ต.ท.ทักษิณให้ได้
เป็นจิตของผู้ตื่นตระหนก หวาดวิตกในการดำรงอยู่ของคนที่ "ตัวเองไม่มีทางเอาชนะได้"
ถ้า เป็นเช่นนี้ ย่อมเป็นเรื่องที่น่าสงสารและเห็นใจไม่น้อย เพราะจากพรรคการเมืองที่ได้รับความชื่นชมในศักดิ์ศรีของนักประชาธิปไตย วันนี้ "ประชาธิปัตย์" ถูกความกลัวครอบงำจิตใจจนพากันเดินออกนอกลู่นอกทางประชาธิปไตยไปแล้ว
เรา ควรจะช่วยให้พรรคการเมืองเก่าแก่นี้เดินกลับมาในหนทางที่ควรจะเดิน อย่างน้อยเพื่อไม่ให้พรรคการเมืองที่เติบโตมากับการพัฒนาประชาธิปไตยของ ประเทศอย่างยาวนาน กลายเป็นพรรคที่ไปสนับสนุนเผด็จการอย่างไม่มีวันหรือสายเกินไปที่จะกู่กลับ
ต้องพยายามทำให้เห็นว่า "พ.ต.ท.ทักษิณ" ก็แค่คนคนหนึ่ง ไม่ได้วิเศษวิโสมาจากไหน
พรรคประชาธิปัตย์สร้างภาพ พ.ต.ท.ทักษิณในใจให้ใหญ่โต และมีอิทธิฤทธิ์มากเกินความเป็นจริง และไป "กลัวในภาพที่ตัวเองสร้างขึ้นมาในใจ" มากกว่า "ความเป็นจริง"
แค่กลับมาสู่หนทางประชาธิปไตยอันเป็นปกติ โดยไม่ต้องสนใจ "ทักษิณ ชินวัตร" ว่าจะ "ขึ้นสวรรค์หรือลงนรก" ชั้นไหน หรือขุมใด
เลิกคิดว่าอะไรจะเป็นประโยชน์ หรืออะไรจะเป็นโทษกับ "ทักษิณ" แล้วเทใจไปต่อต้านและสนับสนุนอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง
ลืม "ทักษิณ" ไป ก้าวข้าม "ทักษิณในใจตัวเอง" ไป
คนประชาธิปัตย์ไม่ได้ด้อยปัญหา กระทั่งทำประโยชน์ให้ประเทศจนชนะใจประชาชนไม่ได้ หากไม่เอาแต่ยอมจำนนต่อ "ความกลัวทักษิณ" ปล่อยให้ความกลัวนั้นชักนำพฤติกรรมในทุกเรื่องเหมือนที่เป็นอยู่
ที่มา นสพ.มติชน
ผมว่า ปีศาจที่อยู่ในใจของคนในพรรคนี้ ไม่มีทางไล่ออกไปได้ครับ เพราะ มัน ถูกเพาะบ่มกันมาตั้งแต่การเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค ๆ นี้แล้ว
ความเกลียด กลัว คนชื่อ ทักษิณ จะยังคงอยู่ในจิตใต้สำนึกเขาทุก ๆ วินาที ไม่ มีทางที่จะลบไปจากใจ วันที่สมาชิกพรรคแสดงกริยากับ พล.อ. สนธิ นั้น มัน แสดงตัวตนของพรรค ๆ นี้เป็นอย่างดีว่า กมลสันดาน ของพรรคนี้เป็นอย่างไร
พรรคนี้เล่นการเมืองไปเสียทุกเรื่องไม่สนใจเรื่องภาพลักษณ์พรรค ไม่เคารพ ประชาชน จนอยากจะบอกว่าพรรคนี้มันช่าง "การเมื๊อง การเมือง"
จากคุณ |
:
โบกกรัก
|
เขียนเมื่อ |
:
1 เม.ย. 55 19:42:44
A:41.76.148.30 X:
|
|
|
|