สิ่งที่อภิสิทธิ์ไม่ได้พูดในคำกล่าวอำลาสถานะการเป็นรัฐบาล
|
 |
สิ่งที่อภิสิทธิ์ไม่ได้พูดในคำกล่าวอำลาสถานะการเป็นรัฐบาล
1. เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทย 33,048 ล้านดอลลาร์ ในปี 2544 38,924 ล้านดอลลาร์ ในปี 2545 42,148 ล้านดอลลาร์ ในปี 2546 49,832 ล้านดอลลาร์ ในปี 2547 52,066 ล้านดอลลาร์ ในปี 2548 66,985 ล้านดอลลาร์ ในปี 2549 87,455 ล้านดอลลาร์ ในปี 2550 111,008 ล้านดอลลาร์ ในปี 2551 138,418 ล้านดอลลาร์ ในปี 2552 172,129 ล้านดอลลาร์ ในปี 2553
2. สถานะเงินคงคลังของประเทศ เงินคงคลังของประเทศ 3.01 แสนล้านบาท ในปี 2554 แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ทำเรื่องกู้เงินมาตั้งแต่เริ่มงาน เป็นจำนวนหนี้ 1.2 ล้านล้านบาท โดยสร้างหนี้เพิ่มต่อเนื่องขึ้นเรื่อยๆจนไม่ทราบแน่ชัดว่าเท่าใดกันแน่
และเงินจำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท ยึดมาจากทักษิณ
3. เปอร์เซ็นต์หนี้สาธารณะ ลดลงอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทย 57.5 % ในปี 2544 55.1 % ในปี 2545 50.7 % ในปี 2546 49.5 % ในปี 2547 47.3 % ในปี 2548 42.0 % ในปี 2549 38.3 % ในปี 2550 37.3 % ในปี 2551 หลังจากลดลงจนต่ำ ก็เพิ่มขึ้นในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ 45.2 % ในปี 2552 44.1 % ในปี 2553
4. เปอร์เซ็นต์การว่างงาน เป็นข้อมูลที่ไม่ได้รวมข้อมูลการว่างงานอย่างไม่เป็นทางการ และข้อมูลตกสำรวจอีกมาก
อีกหลายอย่างครับ อย่างเงินเฟ้อ กับ GDP
พวกข้าวของจำเป็นในการดำรงชีวิต (อาหาร+เครื่องใช้) พวกนี้มันเติบโตกี่เปอร์ แล้ว GDP มันโตกี่เปอร์
แล้วก็ GDP ที่โตนั้น ไปอยู่กับอุตสาหกรรมไหน และก็กลุ่มคนกลุ่มไหน
อย่างค่าแรงขั้นต่ำ ยังขึ้นไม่ทันราคาสินค้าจำเป็น เลยทำให้คนชั้นล่างลำบากกันมาก แต่มาร์คก็แกล้งไม่เข้าใจ เพราะว่าแก้ไม่เป็น
เป็นแต่กู้แล้วก็หว่านเงินไปให้นิดหน่อย ที่เหลือให้เข้าพวกพ้องซะเพียบ
------------------------------ ทำไมน้ำมันปาล์มขาดตลาด ทำไมบัตรปชช.ยังใช้กระดาษสีเหลืองเป็นใบแทน ม๊ากกกก ก็ไม่ได้พูด ....... คุณูปการของรัฐบาลไทยรักไทย ที่สร้างผลงานและศักยภาพต่างๆแก่ประเทศ ยังคงค้ำจุนประเทศไว้ในเวลาต่อๆมา แม้จะมีคนบางกลุ่มและบางพรรคการเมือง กระทำการอันเป็นผลทำร้ายประเทศและประชาชนอย่างหนักหนาสาหัส
จากคุณ : วษณ เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 54 23:26:02 A:58.8.111.98 X: ............. คำถามถึงอภิสิทธิ์
จากคำกล่าวอำลาสถานะการเป็นรัฐบาลในวันที่ 4 สิงหาคม 2554 และจากผลงานในระหว่างการทำงานเป็นรัฐบาลระหว่าง 17 ธค. 2551-5สค. 2554 ได้แก่
1. เข้ามาเป็นรัฐบาล หลังจาก สส. ของพรรค ร่วมเป็นแกนนำ ส่งรถติดตราประจำพรรคช่วยกิจกรรมต่างๆ หัวหน้าพรรคไปให้ช่อดอกไม้ บุคคลสำคัญในพรรคไปเยี่ยม สนับสนุนม็อบแอบอ้างเสื้อเหลือง ทำการปิดถนน ยึดทำเนียบ ปิดสนามบิน จนกระทั่งเกิดการก่อรัฐประหาร และหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาเผยแก่สื่อว่าถูกบังคับให้สนับสนุนเป็นรัฐบาล 2. แจกปลากระป๋องเน่า ข้าวสารขึ้นรา แก่ผู้ประสบเหตุน้ำท่วม และนมบูด แก่เด็กนักเรียน 3. แจกตู้กรองน้ำ ครุภัณฑ์ เวชภัณฑ์ ที่ผู้รับไม่ได้ร้องขอและไม่ต้องการ ที่ราคาแพงมาก โดยใช้งบประมาณของประเทศ 4. ทำเรื่องกู้เงินทันทีในช่วงเริ่มต้นเป็นรัฐบาลรวม 1.2 ล้านล้านบาท และทำเรื่องใช้เงินกู้อย่างต่อเนื่องจนไม่ทราบชัดว่าเป็นจำนวนเท่าใด 5. ตั้งคณะกรรมการศึกษาและเสนอแนะต่างๆ โดยจ่ายค่าตอบแทนคณะกรรมการเป็นจำนวนมากด้วยงบประมาณของประเทศ ซึ่งค่าตอบแทนนี้ไม่ใช่ค่าปิดปากหรือค่าให้ช่วยสนับสนุนรัฐบาล แต่รัฐบาลยังไม่ได้นำข้อศึกษาและข้อเสนอแนะมาใช้ 6. ใช้งบประชาสัมพันธ์ผ่านบางสื่อเป็นจำนวนมหาศาล 7. ปิดสื่อต่างๆเป็นจำนวนมาก ถึงกับเป็นจำนวนอันดับต้นๆของโลก ใช่หรือไม่ ? 8. องค์กรฟรีดอมเฮาส์ลดอันดับชั้นเสรีภาพสื่อประเทศไทย เป็น ไม่เสรี ระดับระนาบเดียวกันกับประเทศพม่า 9. โฆษณาผลงานของผู้อื่น แต่ใส่รูปหรือชื่อของอีกพรรคการเมืองหนึ่ง เช่น Airport Link และอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำ (อุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำป้องกันน้ำท่วม กทม. ที่เปิดใช้ในต้นปี 2554 เริ่มโครงการในสมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ว่าฯ กทม. และเริ่มสร้างในปลายสมัย ส่วนหนึ่งของการที่คลองแสนแสบสะอาดขึ้นก็เป็นผลมาจากอุโมงค์ระบายน้ำ ขอบันทึกไว้เป็นเกียรติให้แก่ผู้ล่วงลับ) 10. แจกเงินฟรีคนละ 2,000 บาท แก่ผู้มีรายได้ประจำ ที่ไม่มีความเดือดร้อน 11. ธนาคารบางแห่งได้ค่าธรรมเนียมการออกเช็คที่ใช้ในการแจกเงิน 12. อนุมัติงบประมาณเกินกว่าที่ทหารขอมาเป็นจำนวนมาก 13. สื่อต่างๆ ออกข่าวถึงการสูญหายของปืน กระสุน และระเบิด ในคลังแสงของทหาร หลายครั้งหลายหน 14. สื่อเสนอข่าวว่ารัฐบาลจะซื้อดาวเทียม ราคาหุ้นบางตัวในตลาดหุ้นถีบตัวขึ้น แล้วมีข่าวว่าไม่ซื้อ ราคาหุ้นรูดกราวลง 15. สื่อเสนอข่าวว่ารัฐบาลจะให้สัมปทานหวยออนไลน์ แล้วมีข่าวยกเลิก ราคาหุ้นในตลาดบางตัวถีบตัวขึ้นแล้วรูดกราวลง 16. รัฐมนตรีคลังเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อพิจารณาหาข้อมูลการจะซื้อดาวเทียมไทยคมคืน 17. กลุ่มธุรกิจหวยออนไลน์มีสัมพันธ์เป็นเครือญาติบางคนในรัฐบาลหรือไม่ ? 18. รัฐมนตรีคลังแต่งตั้งมาจากผู้ที่เคยเป็นผู้บริหารบริษัทนายหน้าค้าหุ้น ที่น่าจะเข้าใจวิธีการหลอกลวงของกลุ่มผู้ทุจริตปั่นหุ้นเป็นอย่างดี เช่น วิธีการสร้างสตอรี่ 19. ปรากฎเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์ว่า สส. ของพรรครัฐบาลบางคนถูกจับกุมฐานลักทรัพย์ร้านค้าในต่างประเทศ ครอบครัวของ สส. ของพรรครัฐบาลบางคนฉ้อโกงทรัพย์สิน ครอบครัวของ สส. ของพรรครัฐบาลบางคนค้ายาเสพติด 20. ยึดเงินทักษิณเป็นจำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท ที่ทักษิณได้จากการขายหุ้น ด้วยเหตุหลายข้อหา หลายคดี ถือว่ามีผลทำให้ราคาหุ้นของทักษิณเพิ่มขึ้นจากเดิม โดยถือว่าเป็นหุ้นของทักษิณทั้งหมด
หลังจากทักษิณ ชินวัตร เข้าบริหารประเทศ ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 2 ถึง 6 เท่า เป็นส่วนใหญ่ ราคาหุ้นของ กลุ่มปูนซีเมนต์ไทย กลุ่ม ปตท. กลุ่ม ทีพีไอ กลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์ สูงขึ้น 5-6 เท่า ราคาหุ้นของกลุ่มธุรกิจในระดับยอดหญ้าต่างเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงราคาหุ้นของครอบครัวชินวัตรที่เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 2.6 เท่า
คดีโทรศัพท์มือถือ เปลี่ยนจากจ่ายรายเดือนเป็นใช้บัตรเติมเงิน และใช้โครงข่ายร่วม ลดอัตราค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้รัฐลง พร้อมลดราคาค่าใช้โทรศัพท์ลง ทำให้คนใช้โทรศัพท์เพิ่มขึ้นทันที ในปี 2546 จาก 2 ล้านเลขหมาย เป็น 8 ล้านเลขหมาย ทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะจำนวนคนใช้โทรศัพท์เพิ่มขึ้นหลายเท่า ทั้งทำให้ประชาชนได้ใช้โทรศัพท์มือถือในราคาถูก และธุรกิจต่างๆ มีต้นทุนสื่อสารราคาถูก สะดวกมากขึ้น จนธุรกิจต่างๆ เติบโตขยายตัวอย่างมาก ผลของเหตุการณ์นี้ มีส่วนอย่างสำคัญต่อ GDP ของประเทศ ที่ซึ่ง GDP ของประเทศขยายตัว 28.85 % สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในปี 2546 หรือเท่ากับ 6.7 % จากฐานปกติ เป็นอันดับ 31 ของโลก
รายได้ที่รัฐได้จากอัตราเดิม คืออัตราตอบแทนเดิมคูณจำนวน 2 ล้านราย รายได้ที่รัฐได้จากอัตราใหม่ คืออัตราตอบแทนใหม่คูณจำนวน 8 ล้านราย
เพราะว่าจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้อัตราตอบแทนใหม่จะน้อยกว่าอัตราตอบแทนเดิม แต่รายได้ที่รัฐได้จากอัตราตอบแทนใหม่กลับมากกว่ารายได้ที่รัฐได้จากอัตราตอบแทนเดิม เป็นอย่างมาก
แต่ คตส. กลับพิจารณา โดยเอาอัตราตอบแทนเดิมคูณด้วยจำนวนผู้ใช้ทั้งหมดรวมทั้งที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนเงื่อนไข เทียบกับอัตราตอบแทนใหม่คูณด้วยจำนวนผู้ใช้ทั้งหมดรวมทั้งที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนเงื่อนไข แล้วบอกว่ารัฐเสียหาย
คดีเปลี่ยนค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต รัฐได้เงินไปใช้ทันที ไม่ต้องรอ TOT และ CAT ส่งให้ตอนสิ้นปี ทั้งได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ต้องถูกหักเงินเป็นค่าโบนัสและสวัสดิการของ TOT และ CAT
ในสถานการณ์ที่การกล่าวหา การกล่าวโทษ การใส่ร้ายป้ายสี อคติ ฝุ่นตลบ คงเป็นในอนาคตกาลข้างหน้าอีกยาวไกล ที่ฝุ่นจาง วิสัยทัศน์ของการเปลี่ยนค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิตจะปรากฏต่อสังคม
ดังเช่น กรณีประมูลค่าสัมปทานระบบสื่อสาร 3 จี โดยเอกชน หากเป็นภาษีสรรพสามิต เอกชนดำเนินการได้ทันที ยังคงจ่ายให้รัฐในรูปภาษี การพัฒนาของประเทศไม่ต้องหยุดชะงักติดขัดอย่างที่กำลังเป็นอยู่ แข่งขันกันอย่างเสรี ไม่ผูกขาด จะทำให้ประชาชนสามารถเลือกใช้ในราคาถูกมีคุณภาพ ผลประโยชน์ถึงมือประชาชนโดยตรง ไม่ใช่โดยอ้อมจากค่าสัมปทานที่นักการเมืองจะจัดสรรมาให้ประชาชน ที่ไม่แน่ว่าจะทั้งถูกบวกเพิ่ม ทั้งถูกเบียดบัง ไปแค่ไหน หรือไม่ ?
คดีดาวเทียม ถือว่าเอาดาวเทียมสำรองที่ดีกว่าที่กำหนดในสัญญามาให้แทน เป็นการผิดสัญญา ถือว่าการให้ใช้แทนได้เป็นการเอื้อประโยชน์ผู้รับสัมปทาน ใช่หรือไม่ ? (คงเป็นทำนองเดียวกับเอาคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการ Window มาให้แทนคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการ Dos ที่ล้าสมัย ตกรุ่น ไม่มีผลิตขายแล้ว ถือว่าผิดสัญญา ถือว่าการให้ใช้แทนได้เป็นการเอื้อประโยชน์ผู้รับสัมปทาน หรือคงเป็นทำนองเดียวกับเอาโทรศัพท์สมาร์ทโฟน มาให้แทนโทรศัพท์รุ่นขนาดกระติกน้ำแขวนเอว ที่ล้าสมัย ตกรุ่น ไม่มีผลิตขายแล้ว ถือว่าผิดสัญญา ถือว่าการให้ใช้แทนได้เป็นการเอื้อประโยชน์ผู้รับสัมปทาน เปรียบเทียบเช่นนี้ ถูกต้องไหม ?)
การทำดาวเทียม ทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้า มีดาวเทียมใช้ เป็นของตนเอง รัฐได้ค่าสัมปทาน มีรายได้จากค่าใช้ดาวเทียม ไปจุนเจือประเทศชาติ
ถ้าครอบครัวชินวัตรไม่ทำดาวเทียม ประเทศเสียโอกาส และก็ไม่ได้อะไร
ถ้าครอบครัวชินวัตรทำดาวเทียม ประเทศไม่เสียอะไร แต่ได้ค่าสัมปทาน ได้ค่าใช้ดาวเทียม ได้ใช้ดาวเทียม ได้ความเจริญก้าวหน้า เป็นคุณูปการต่อชาติ หรือไม่ ?
สมควรช่วยกันส่งเสริม สนับสนุน ให้การช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก ไม่สมควรขัดขวาง กลั่นแกล้ง กดขี่ เอารัดเอาเปรียบ ในความเป็นจริง ไม่เพียงขัดขวาง กลั่นแกล้ง กดขี่ เอารัดเอาเปรียบ ยังทำลายล้าง หรือไม่ ? ทำไม ประเทศไทยจึงเอื้อประโยชน์สารพัดให้ต่างชาติ เพื่อเชื้อเชิญให้เขามาลงทุน ? ทำไม คนไทยไม่ช่วยคนไทยด้วยกันเอง อย่างที่ช่วยต่างชาติด้วย ?
เป็นที่รู้กันดีว่า ประเทศญี่ปุ่น เขาสนับสนุน ช่วยเหลือ เอื้อประโยชน์ ให้คนญี่ปุ่นของเขาเอง อย่างยิ่ง ประเทศญี่ปุ่นจึงเจริญก้าวหน้ายิ่ง
ทำไม ประเทศไทยต้องไม่เอื้อประโยชน์ให้คนไทย ?
กรณี ปรส. เป็นตัวอย่างอันเจ็บปวด ที่รัฐบาลของพรรคที่ไม่สามารถเอ่ยนาม ฝากแผลเป็นไว้แก่ประเทศไทย หรือไม่ ? ที่ประเทศไทยต้องไม่เอื้อประโยชน์ให้คนไทย ไม่ขายทรัพย์สินของคนไทยให้คนไทย อ้างเหตุผล ไม่ให้คนไทยเสียนิสัยจากการทำธุรกิจขาดทุนแล้วซื้อคืนได้ในราคาถูก ทั้งที่ความจริงแล้ว คนไทยไม่ได้ทำขาดทุนเอง แต่ถูกทำให้ขาดทุน โดยนโยบายผิดพลาดของพรรคการเมืองใด ที่เปิดช่องโหว่ให้โจมตีทางเศรษฐกิจ ? เป็นการขายสมบัติชาติอย่างแท้จริง ด้วยราคาแสนต่ำ หรือไม่ ?
มีคนปกติทั่วไปสักคนไหมบนโลกนี้ ที่ไม่ประกอบอาชีพ ทำธุรกิจ มีทรัพย์สิน มีครอบครัว มีญาติมิตร ที่อำนาจการเมืองไม่มีผลมากระทบเกี่ยวข้อง ต่ออาชีพ ธุรกิจ ทรัพย์สิน ครอบครัว ญาติมิตร ของบุคคลผู้นั้น สำคัญอยู่ที่ว่า เกี่ยวข้องอย่างเป็นประโยชน์หรือเป็นโทษแก่ประเทศชาติ ได้ประโยชน์จากการสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติ หรือได้ประโยชน์จากการสร้างโทษให้ประเทศชาติ คดีให้เงินกู้แก่พม่า ได้ดอกเบี้ยจากพม่า ประเทศเพื่อนบ้านมีพรมแดนติดกันเป็นมิตรกับไทย ได้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติของพม่า ได้กำหนดเงื่อนไขที่พม่าต้องซื้อของจากไทย (เป็นเงื่อนไขที่ทุกชาติในโลกควรทำแก่ชาติตน แต่อาจต้องยกเว้นประเทศไทย) และพม่าก็ไม่ได้ซื้อสินค้าจากกลุ่มชินวัตรเพิ่มจากเดิมที่เคยซื้ออยู่แล้วแต่อย่างใด
21. ลูกทักษิณจะถูกปรับเงินเป็นค่าภาษี จากข้อหาได้หุ้นจากบริษัทของตนเองหรือบริษัทของพ่อตนเองในราคาถูก การได้มาในราคาถูกเทียบกับราคาในตลาดหุ้นขณะนั้น ถือว่าได้ผลประโยชน์ ต้องเสียภาษี โดยไม่ได้เป็นการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ จึงไม่ได้รับการยกเว้นภาษี โดยถือว่าหุ้นจำนวนส่วนนั้นไม่เป็นหุ้นของทักษิณ แต่เป็นของลูกทักษิณ (แต่ยึดเงินทักษิณ โดยถือว่าหุ้นจำนวนส่วนนั้นเป็นของทักษิณ)
จากคุณ : วษณ เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54
จากคุณ |
:
อุ้มหน่อย
|
เขียนเมื่อ |
:
5 เม.ย. 55 09:51:06
A:110.49.232.49 X:
|
|
|
|