ว่าด้วยเรื่องของ จักรภพ เพ็ญแข
|
 |
จักรภพ เพ็ญแข เปิดใจประเด็น ปรองดอง-ทักษิณ ชี้อำนาจเก่ากลัว นิติราษฎร์ มากที่สุด หลังจากที่อัยการ สั่งไม่ฟ้อง นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯ คดีหมิ่นเบื้อง สูงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นายจักรภพฯ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษต่อทีมข่าวของประชาไท ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งกลางกรุงพนมเปญซึ่งมีพูดถึงกลุ่มนิติราษฎร์ว่า การเกิดขึ้นของนิติราษฎร์ เป็นการสร้างความรู้สึกคุกคามให้กับฝ่ายอำนาจเก่าอย่างรุนแรง
นิติราษฎร์เป็นกลุ่มที่ฝ่ายอำนาจเก่ากลัวมากกว่า นปช.และคุณทักษิณเยอะ ทุกครั้งที่นิติราษฎร์ ออกโรงมีความเคลื่อนไหว จะมีการยอมจากฝ่ายอำนาจเก่ามาก
ทำไมนักวิชาการ 7 คนซึ่งไม่มีฐานอำนาจทางการเมืองใดๆ เลย ไม่มีลักษณะเชื่อมโยงทางการ เมืองใดๆ เลย ไม่มีทุนทางการเมืองที่สนับสนุนอย่างชัดเจนใดๆ เลยถึงได้เป็นที่ครั่นคร้ามของผู้ที่มี อำนาจสูงสุด แล้วเรียกว่าสามารถชี้นำทุกอย่างโครงสร้างในสังคมปัจจุบันได้ ผมก็เลยได้คำตอบกับตัว เองว่า อำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการเปลี่ยนแปลงประเทศจากนี้ไป คืออำนาจในการเปลี่ยนแปลงความคิด มาสู่การเคารพในสิทธิมนุษยชนมากขึ้น... สิทธิของใครต่อใครที่จะเป็นตัวของตัวเองมันกลายเป็น ปราการใหญ่ที่ทำให้ทุกคนมีจุดร่วมกันโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นแนวร่วมโดยที่ไม่เหมือนกันเลย แบบที่ หลายประเทศเป็น... เพราะมีลักษณะร่วมก็คือว่าแบบเธอๆ ก็ไม่อยากเปลี่ยน แบบฉันๆ ก็ไม่อยาก เปลี่ยน แบบคุณๆ ก็ไม่อยากเปลี่ยน ตกลงมีลักษณะร่วมกันคือ ไม่อยากให้มายุ่ง มันก็จะมาผนึกกำลัง กัน นี่คือสิ่งที่นิติราษฎร์กำลังนำความคิดนี้เข้ามา สุดท้ายคนที่หนุนนิติราษฎร์อาจจะไม่ใช่คนที่เชื่อตาม นิติราษฎร์ แต่จะเป็นคนที่ออกมาปกป้องให้นิติราษฎร์ได้คิดอย่างนิติราษฎร์ต่อ เพื่อวันหนึ่งฉันจะได้คิด แบบฉันบ้าง นี่คือสิ่งที่น่ากลัวมากของความคิดแบบเดิมของไทย ..." .....................................................................................................................
ถ้าผมเป็นนิติราษฎร์ และได้อ่านบทสัมภาษณ์ของนายจักรภพฯ คงจะต้องรู้สึก ขนหัวลุก ขึ้น มาทันทีที่นายจักรภพฯ กล่าวถึงในลักษณะนี้ แต่หากจะวิเคราะห์คำพูดของนายจักรภพฯ แล้ว ก็มิได้ เป็นเรื่องที่ห่างไกลจากความจริงไม่ เพราะในโลกปัจจุบันที่การติดต่อสื่อสาร และ ข้อมูลข่าวสารไร้ พรมแดน พลังแห่งความคิดในเชิงปัจเจกบุคคล สิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน เป็นสิ่งที่ไม่สามารถจะถูก ครอบงำได้ง่ายเหมือนเช่นในอดีตอีกต่อไปแล้ว เมื่อประชาชนมีความคิด วิเคราะห์ และเชื่อในสิ่งที่เขา เหล่านั้นได้เห็นแจ้งในความจริง แน่นอน ย่อมเกิดความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมไปสู่สิ่งที่เป็นความ ถูกต้อง ชอบธรรม หรือ สิ่งที่ใกล้เคียงความถูกต้องมากที่สุดตราบเท่าที่ห้วงเวลาและกรอบของระบอบ การปกครองจะอำนวย สิ่งเหล่านี้เป็นที่มาของความเข้มแข็งมากขึ้นในหลัก นิติธรรม ซึ่งเป็นจุดยืน และ หัวใจของการแสดงความคิดเห็นที่มีพลังของนิติราษฎร์มาโดยตลอด มิใช่ว่ากลุ่มนักวิชาการนิติ ราษฎร์ 7 คน เป็นผู้วิเศษมาจากไหน แต่เพียงเพราะว่ากลุ่มนิติราษฎร์ กำลังสอนให้ประชาชนในสังคม ไทยรู้จักสิ่งที่เรียกว่า นิติธรรม ผ่านตัวอย่างกระบวนการคิดของนิติราษฎร์ที่ยึดมั่นในหลัก นิติธรรม อย่างเข้มแข็ง แบบที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย
นั่นก็หมายความว่า สิ่งที่นายจักรภพฯ ได้พูดว่าฝ่ายอำนาจเก่ากลัวนิติราษฎร์ มากกว่านปช. มา กกว่าพ.ต.ท.ทักษิณฯ แท้จริงแล้วฝ่ายอำนาจเก่ากลัว หลักนิติธรรม และ ผู้ที่ยึดมั่นในหลักนิติธรรม อย่างนิติราษฎร์ เสียมากกว่า ทั้งนี้ก็เพราะ หลักนิติธรรม มีเป้าหมายที่จะจำกัดอำนาจของผู้ปกครอง ให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย กล่าวอีกนัยหนึ่งก็ไม่ต้องการให้มนุษย์(ผู้มีอำนาจเหนือ)ปกครอง มนุษย์(ประชาชนทั่วไป)ด้วยกันเอง แต่ต้องการให้ความถูกต้องและชอบธรรมของกฎหมายเป็นผู้ ปกครองมนุษย์ ซึ่งหมายความว่าผู้ที่ทรงอำนาจบริหารปกครองบ้านเมืองจะกระทำการใดๆก็ตาม การก ระทำนั้นจะต้องสอดคล้องกับกฎหมาย จะกระทำการให้ขัดต่อกฎหมายไม่ได้ และกฎหมายนั้นต้องมา จากประชาชน มิใช่กลุ่มบุคคลหนึ่งบุคคลใด เป็นผู้ใช้อำนาจบัญญัติขึ้นเอง
ดังนั้น หากคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ ที่รับในแนวทางและวิธีคิดของนิติราษฎร์ ซึ่งนับวันยิ่ง มีคนจำนวนมากขึ้นตระหนักในแนวคิด นิติธรรม นี้ ย่อมสามารถคิด วิเคราะห์ และพบคำตอบของ การปกครองระบอบประชาธิปไตยได้เอง โดยใช้ตรรกะ เพื่อหาคำตอบได้ว่าการกระทำใด ? ของผู้ใด ? มี ความชอบธรรมหรือไม่ ? และท้ายที่สุดต้องทำอย่างไร ? เปลี่ยนแปลงไปในแนวทางใด ? เพราะถึง สังคมประชาธิปไตยที่แท้จริง ย่อมไม่มีอะไรที่จะอยู่เหนือ ประชาชน และการปกครองที่ทุกคนอยู่ภาย ใต้หลักกฎหมายที่มาจากประชาชนนั่นเอง
จากคุณ |
:
ห่างไกล
|
เขียนเมื่อ |
:
5 เม.ย. 55 15:20:36
A:119.46.250.246 X:
|
|
|
|