ผมเริ่มสงสารคุณสุเทพขึ้นบ้างแล้วล่ะครับ
|
 |
นอกจากหน้าจะดำขึ้น ยังดูหมองคล้ำผิดกว่าตอนเป็นรองนายกฯมากเลยครับ ยิ่งมาฟังอภิปรายแล้ว ยิ่งรู้สึกสงสารอย่างจับจิตเลยครับ ช่วงเวลาแค่ 7 เดือน ไม่อยากจะเชื่อคนเราจะเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้
ก็ดูคุณสุเทพอภิปรายสิครับ แม้จะพยายามหยอดมุข แม้จะพยายามทำสีหน้าแสดงถึงความมั่นอกมั่นใจ แม้จะพยายามอ้างถึงประชาชนเสียงส่วนใหญ่ แต่ทว่าเนื้อหาที่อภิปรายก็ยังคงไว้ในลักษณะเดิม
ไม่ว่าจะเป็นการทุจริตอย่างมโหฬารของคุณทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นการหมิ่นสถาบันของคุณทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นแทรกแซงศาลของคุณทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอยากเป็นประธานาธิบดีของคุณทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเผาบ้านเผาเมืองของคนเสื้อแดง ไม่ว่าจะเป็นการอยากเปลี่ยนรัฐไทยใหม่ของคนเสื้อแดง ไม่ว่าจะเป็นการต้องโทษของคุณทักษิณกับคนเสื้อแดง เรื่องเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคำพูดที่คุณสุเทพพูดมาแล้วทั้งสิ้น คุณสุเทพออกสื่อฯเป็นรายวัน คุณสุเทพให้เหล่านักวิชาการออกมาล้างสมอง คุณสุเทพอภิปรายในรัฐสภา คุณสุเทพหาเสียงตอนเลือกตั้ง ซึ่งครั้งนี้คุณสุเทพลงทุนไปปราศรัยที่ราชประสงค์ ดินแดงแห่งความวิปโยค ซึ่งครั้งนี้คุณสุเทพลงทุนเสียน้ำตาบนเวที เพื่อกระชากใจแนวร่วมให้คล้อยตาม
แต่สุดท้าย คุณสุเทพก็พา ส.ส.เข้าสภาได้แค่ 157 เสียง ซึ่งน้อยกว่าอีกฝ่ายที่คุณสุเทพพยายามโจมตีมาหลายปี และยังเป็นความน้อยกว่าที่รวมกันทุกพรรคการเมืองยังสู้ไม่ได้ อย่างนี้แล้ว มีหรือครับที่คนอย่างคุณสุเทพจะไม่รู้เชียวหรือว่า เรื่องเหล่านี้มันไม่มีประโยชน์สำหรับคนส่วนใหญ่ เพราะคนส่วนใหญ่ในเวลานี้
เขาไม่โง่เหมือนเมื่อสิบกว่าปีก่อน เขาไม่โง่ จนไม่รู้ว่าใครทำเพื่อตัวเอง ใครทำเพื่อประชาชนกันแน่ เขาไม่โง่ จนไม่สามารถแยกแยะออกว่าอะไรจริง อะไรเท็จ เขาไม่โง่ จนไม่เห็นความเหลื่อมล้ำทางสังคม เขาไม่โง่ จนไม่เห็นความสองมาตรฐานทางการเมือง เขาไม่โง่ จนไม่รู้ว่าการฆ่าเกิดก่อนการเผา เขาไม่โง่ จนไม่รู้ว่าการใช้คู่กรณีมาตรวจสอบนั้นมันไม่ชอบธรรม
และเขาฉลาดพอที่จะรู้ว่า ความแตกแยกที่เกิดขึ้นในเวลานี้ เพียงเพราะต้องการให้พรรคหนึ่งที่ประชาชนไม่ต้องการ เป็นรัฐบาลให้ได้ โดยไม่แคร์กระแสสังคม โดยไม่แคร์ถึงความต้องการของเสียงส่วนใหญ่ ดังนั้นเขาจึงเรียนรู้เองว่า ถ้าต้องการกำหนดทิศทางของประเทศด้วยตัวเอง จึงต้องใช้สิทธิให้มากที่สุด เพื่อแย่งอำนาจของคนกลุ่มน้อยให้มาเป็นของคนกลุ่มใหญ่ ให้ได้
คุณสุเทพจึงได้เห็นความตื่นตัวในการอยากเลือกตั้ง คุณสุเทพจึงได้เห็นน้ำตาของคนที่ไม่มีรถไปลงคะแนนเพียงแค่คะแนนเดียว คุณสุเทพจึงได้เห็นกระแสนายกฯหญิงที่แรงตั้งแต่เริ่มเปิดตัว คุณสุเทพจึงได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้าสู่เวทีการเมืองเพียง 49 วันก็ได้รับเสียงตอบรับมากมายขนาดนี้ และคุณสุเทพก็ได้เห็นผู้หญิงคนนี้ที่คุณอภิสิทธิ์ของคุณสุเทพที่ทำงานการเมืองมา 20 กว่าปี ปรามาสไว้ว่า “มีดีกว่าผมก็แค่รวยกว่า” ก้าวขึ้นเป็นนายกฯหญิงคนแรกของประเทศไทย
แต่คุณสุเทพก็ยังไม่ยอมรับ ยังคิดว่าความพ่ายแพ้ครั้งนี้ไม่ใช่พ่ายแพ้ให้กับมวลชนคนส่วนใหญ่ ที่พ่ายแพ้คือกลุ่มคนเสื้อแดงต่างหาก ดังนั้นคุณสุเทพจึงริเริ่มจะไปเปิดโรงเรียนสอนประชาธิปไตย แต่จุดมุ่งหมายก็แค่ต้องการสร้างมวลชนขึ้นเอง แต่ถึงตอนนี้คุณสุเทพคงรู้แก่ใจแล้วสิครับ
คนเสื้อแดงที่แข็งแกร่งทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะรับจ้าง คนเสื้อแดงวันนี้ไม่ใช่เพราะหลงคำพูดเหล่าแกนนำ คนเสื้อแดงวันนี้มิใช่จะสู้เพื่อคุณทักษิณเพียงอย่างเดียว คนเสื้อแดงวันนี้ก้าวข้ามความหวาดกลัว คนเสื้อแดงวันนี้ต่อสู้เพียงเพื่อต้องการประชาธิปไตยอย่างแท้จริงสำหรับประเทศไทย ดังนั้นคนเสื้อแดงในวันนี้จึงเป็นคนเสื้อแดงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์อันแน่วแน่
มิใช่ว่าแค่เปิดโรงเรียนสอน ก็จะได้มวลชน มิใช่ว่าแค่ปลุกเร้าอารมณ์ก็จะได้แนวร่วม มิใช่ว่าแค่พูดเก่งก็จะโน้มน้าวให้เกิดมวลชนมากมาย ดังนั้นวันนี้คุณสุเทพคงได้รู้ซึ้งแล้วว่า มันมีความแตกต่างมากมายระหว่างอุดมการณ์ของคนเสื้อแดงกับความภักดีของฐานเสียง
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วคุณสุเทพทำไมจึงยังคงอภิปรายในเรื่องเดิมๆ จึงเป็นไปได้ว่า สิ่งที่คุณสุเทพต้องการไม่ใช่ให้คนส่วนใหญ่เชื่อ สิ่งที่คุณสุเทพต้องการไม่ใช่ให้คนเลือกพรรคเพื่อไทยกลับใจ สิ่งที่คุณสุเทพต้องการไม่ใช่ให้คนที่รักคุณทักษิณหันกลับมาชิงชัง และสิ่งที่คุณสุเทพต้องการคงไม่ใช่ต้องการให้พรรค ปชป.เป็นพรรคอันดับหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ดังนั้นที่เป็นไปได้ก็คือ สิ่งที่คุณสุเทพอภิปรายเมื่อคืนนี้ ก็แค่ ต้องการรักษามวลชนที่มีอยู่แล้ว ให้คงที่ต่อไปจนกว่าจะถึงเลือกตั้งคราวหน้า ต้องการให้คนที่ปักใจเชื่อในเรื่องเหล่านี้ จงเชื่อต่อไป ต้องการให้คนที่เคยศรัทธาใน ปชป. อย่าได้หูตาสว่างจนคนเสื้อแดงเพิ่มขึ้นๆ และสิ่งที่คุณสุเทพต้องการที่สุดในเวลานี้ก็คือ อยากให้เหล่าสาวกทั้งหลายจงรักประชาธิปัตย์ต่อไป โดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล
อย่างนี้แล้วจะไม่ให้ผมสงสารคุณสุเทพได้อย่างไร จะไม่ให้ผมสงสารพรรคเก่าแก่พรรคนี้ได้อย่างไร เพราะในยุคที่มีคุณอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรค พรรคการเมืองพรรคนี้ได้ตกต่ำถึงขั้นย้ำคิดย้ำทำ เพียงเพื่อรักษามวลชนของตัวเองให้อยู่แค่นั้นเอง เฮ้อ คิดแล้วเศร้าใจจริงๆครับกับพรรคการเมืองที่พยายามยกตัวเองเป็นเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่เป็นสถาบันการเมือง สุดท้ายที่ทำได้ก็ได้เพียงแค่นี้ ว้าเหว่ ครับ ว้าเหว่
ดังนั้นเรื่องปรองดองที่คุณสุเทพอยากให้เป็น โดยตั้งเงื่อนไขมากมายนั้น จึงเป็นเพียงวาทกรรมสวยหรู เพียงเพื่อยื้อเวลาปรองดองให้นานที่สุด แล้วระหว่างนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตารอให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง จะได้ก้าวสู่อำนาจดังที่ผ่านมา แม้ว่าสุดท้ายแล้วอาจเป็นแค่ฝันเปียก แต่คุณสุเทพก็มีสิทธิจะฝันมิใช่หรือ หุหุ เขารู้กันหมดแล้วล่ะ...ตัวเอง
จากคุณ |
:
ทวดเอง
|
เขียนเมื่อ |
:
วันจักรี 55 09:58:43
A:27.130.179.44 X:
|
|
|
|