สัญญาณจาก 'ภูมิใจไทย' หรือเปลี่ยนทิศทาง(อีกครั้ง) หลังบ้านเลขที่111ปลดล็อก?
|
 |
| อยากให้ ภูมิใจไทย กลับมาดีกับ เพื่อไทย อีกครั้ง (6 คน) |
|
| | | ไม่อยากให้ เพื่อไทย ร่วมงานกับ ภูมิใจไทย อีก (98 คน) |
|
| |
| | | | | อยากให้ ภูมิใจไทย กลับมาดีกับ เพื่อไทย อีกครั้ง (6 คน) | | | | ไม่อยากให้ เพื่อไทย ร่วมงานกับ ภูมิใจไทย อีก (98 คน) | | |
จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 104 คน |
---------------------------------------------
โหวต.. อยากให้ ภูมิใจไทย กลับมาดีกับ เพื่อไทย อีกครั้งมั๊ย ??
---------------------------------------------
วันครบรอบพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2555 ที่ผ่านมานั้น ถือว่าครบวาระ 66 ปีที่ได้มีการก่อตั้งพรรคขึ้นมาให้เป็นสถาบันทางการเมืองที่มีประวัติมายาวนานที่สุด โดยมีบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคที่ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 4 คน คือ นอกจากนี้ในวันดังกล่าวยังสอดคล้องกับเป็นวันเกิดของพรรคภูมิใจไทยที่มีอายุครบ 3 ปีบริบูรณ์ โดยกำลังจะก้าวเข้าสู่ในปีที่ 4 อย่างแข็งขัน มีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งมีกลุ่มบุคคลเบื้องหลังเป็นพวกบ้านเลขที่ 111 ที่โดนศาลตัดสินไม่ให้มีส่วนร่วมทำงานการเมืองเบื้องหน้า เป็นกุนซือคอยช่วยเหลือประคองพรรคให้ในการทำงานการเมืองในขณะนี้ เช่น นายเนวิน ชิดชอบ ผู้มีบารมีคนหนึ่งในแถบอีสานใต้ และเป็นอดีตรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยเป็นคนใกล้ชิดกันก่อนจะมีอุบัติเหตุในการแยกขั้วการเมือง หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีตรัฐมนตรีในสมัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ เช่นกัน
ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ถือว่าเป็นพรรคที่เก่าแก่ที่มานาน จนในช่วงที่มีหลายๆ พรรคโดนดำเนินการทางกฎหมายไปจนมากมาย จนถึงขั้นมีการยุบพรรคเกิดขึ้นประชาธิปัตย์เองก็รอดมาได้อย่างหวุดหวิด จนมีอายุมานานขนาดนี้ ส่วนของพรรคภูมิใจไทยเป็นกลุ่มคนที่มีความเห็นต่าง ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงจากเดิมของแต่ก่อน ซึ่งบุคคลที่เป็นหัวหอกระดับแกนนำที่มากบารมีในการต้นคิดคือ นายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งเนื้อแท้เดิมก็คือของคนพรรคพลังประชาน พรรคไทยรักไทย หรือชื่อในขณะนี้คือเพื่อไทยนั่นเอง
ล่าสุดเมื่อวันที่จัดงานพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย หัวหน้าพรรคแต่ละคนก็ได้ไปมอบดอกไม้ให้แก่กันอย่างชื่นมื่น ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใดเมื่อสองพรรคใหญ่จะกอดคอกันสัมพันธ์แนบแน่น เพราะเมื่อหันไปมองย้อนหลังสมัยที่อยู่ร่วมรัฐบาลกัน แม้ว่าจะมีทะเลาะกันบ้างในเรื่องของโควตาตำแหน่งรัฐมนตรี สุดท้ายก็สามารถพยุงกันจนอยู่รอดตลอดมาจากการที่เป็นพรรคร่วมสองพรรคใหญ่
เคียงบ่าเคียงไหล่มานาน ใครจะรู้ว่าอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลง??
เนื่องจากภายในปีนี้ คนที่เคยถูกให้ศาลตัดสิทธิ์ทางการเมืองเมื่อ 5 ปีที่แล้วก็จะได้พ้นโทษ สามารถกลับมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้เหมือนแต่ก่อน ไม่เว้นแม้แต่คนในพรรคภูมิใจไทยเองบางคนก็ส่งสัญญาณมาบ้างแล้วว่า 'เอาด้วย' หรือบางคนก็ดูแล้วจะหันหน้าไปทำงานอย่างจริงจังเอาดีด้านกีฬาจนไม่สามารถจะคาดเดาได้ว่าจะกลับมาเล่นการเมืองหรือไม่อย่างไร แต่ในส่วนของนายอนุทิน บุตรชายของเจ้าของพรรคในขณะนี้ที่ติดโทษทางการเมืองก็มีการคาดการณ์กันว่าจะมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทนหลังจากพ้นโทษ และถือเป็นตัวหลักของสมาชิกในขณะนี้ด้วย
ทั้งนี้ นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสการจะเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยในงานวันเกิดพรรคภูมิใจไทย ว่า "ขอให้ถึงเวลานั้นก่อน เพราะมีเวลาอีก 2 เดือน การเมืองจะวางแผนยาวๆ ไม่ได้ เวลาที่เหลือยังมีเงื่อนไขต่างๆ อีก นอกจากนี้ ทางพรรคยังมีหัวหน้าพรรค ที่ทำหน้าที่มาจนก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว ส่วนเรื่องการปลดล็อก 111 นั้น คิดว่าคงไม่มีแรงกระเพื่อมมากนัก เพราะ 5 ปีที่ผ่านมา ผ่านการเลือกตั้งมา 2 ครั้ง ก็ไม่มีคนบ้านเลขที่ 111 มาเกี่ยวข้อง จึงคิดว่าไม่น่ามาให้ความสนใจมาก ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนกำหนดว่า เมื่อ 111 ออกมาแล้ว จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพราะไม่ได้มีใครกำหนดว่าเมื่อพ้นแล้วจะต้องได้รับตำแหน่งทางการเมือง"
สอดคล้องกันกับผู้เป็นบิดาคือนายชวรัตน์ ที่บอกไว้ว่าเมื่อนายอนุทินพ้นการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ก็มีสิทธิ์ที่จะเล่นการเมืองได้ ส่วนที่นายชัย ชิดชอบ ระบุถึงนายอนุทิน เหมาะที่จะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค นายชวรัตน์ตอบว่าสั้นๆ ว่า เป็นความคิดเห็นของนายชัย ไม่สามารถที่จะระบุได้ว่าเหมาะหรือไม่ เพราะเป็นพ่อลูกกัน
พ่อ ลูก พูดกันย่อมเคลียร์กันได้แน่นอน ซึ่งหากไม่มีผู้ที่เสนอตัวก็ย่อมจะไม่เกิดอะไรขึ้นในพรรคแน่ เพราะเมื่อพ่อคุยกับลูกเรื่องของคนในครอบครัวนั้นพูดกันรู้เรื่องได้ง่าย ยกเว้นเสียแต่ว่าจะมีคนที่เสนอตัวเพื่อมาเป็นตัวเลือก ก่อนหน้านั้นมีการคาดการณ์ว่านายเนวินจะมาเป็นหัวหน้าพรรคหลังจากติดโทษ แต่เมื่อนายเนวินได้หันไปสนใจทำกีฬาเพื่อรอเวลาหันมาร่วมการเมือง จนสุดท้ายกลายเป็นการหลงใหลห่างหายหน้าตาจากสื่อการเมือง แต่ไปโผล่บนท็อปออฟเฟรมหน้าหนึ่งหนังสือสื่อกีฬาเป็นบ่อยๆ อีกทั้งยังไม่เคยให้ความเห็นด้านการเมืองอีกเลย จึงยังมองไม่ออกชัดเจนในเรื่องการเมืองว่านายเนวินยังมีความสนใจขนาดไหนกันแน่
ที่น่าสนใจก็คือคิวที่นายอนุทินออกมาตอบคำถามผู้สื่อข่าว ในงานวันเกิดพรรคภูมิใจไทยว่าหลังพ้นเดือน พ.ค.นี้ มีโอกาสจะกลับไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ว่า "การเมืองทุกวันนี้ต้องไม่ถือว่ากลุ่มไหนพรรคไหน แต่ต้องคิดว่าอะไรที่ทำให้บ้านเมืองสงบสุข ประชาชนมีความสุข เศรษฐกิจดีขึ้น โดยช่วงปีนี้ เป็นช่วงที่มีโอกาสที่จะทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ทั้งเรื่องการปรองดอง การแก้รัฐธรรมนูญ ถือโอกาสรีเฟรชใหม่ ทำให้ประเทศเข้มแข็งขึ้น คิดว่า เราจะก้าวข้ามเรื่องที่ไม่ควรให้ความสำคัญได้หรือไม่ อย่าไปมุ่งว่าเป็นคนใดคนหนึ่ง ถ้ามองข้ามสิ่งนั้นไป ยอมปิดตาข้างหนึ่ง ทุกอย่างจะกลับมาดี และขอให้มองตัวเราเองว่าจะดีหรือไม่ หากเศรษฐกิจ การเมือง เข้มแข็ง ประชาชนมีความสามัคคี"
จะถือว่าการตอบดังกล่าวเป็นการตอบแบบเปิดโอกาสก็ที่จะเข้าร่วมงานกับรัฐบาลในครั้งนี้ หากว่าได้มานั่งคุมทัพใหญ่ภูมิใจไทยด้วยตนเองก็เป็นได้ แต่ที่แน่ๆ ก็ยังไม่แบะท่าชัดเจนเท่าใดนัก!
อย่างไรก็ตาม หากมองย้อนไปก่อนหน้านี้สักระยะ ก็จะพบว่านายอนุทินก็มีท่าทีที่ประนีประนอมมาตลอดเมื่อพูดถึง พ.ต.ท.ทักษิณในการร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งต่างจากนายเนวินที่ไม่ค่อยจะให้สัมภาษณ์สักเท่าใด จึงไม่รู้ว่าในใจนั้นคาดการณ์อะไรไว้หรือไม่ เชื่อได้ว่าหากนายอนุทินได้มีโอกาสมานั่งกุมบังเหียนพรรคภูมิใจไทยเมื่อใด เมื่อนั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นก็เป็นได้ ทั้งนี้ ถึงตอนนั้นก็คงจะไม่ขัดใจนายเนวินเท่าใดนักเพราะลึกๆ แล้วก็เป็นเพื่อนเก่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ สุดท้ายหากคุยกันได้เหมือนเพื่อนเก่าก็คงจะไม่มีปัญหา เว้นเสียแต่ว่านายใหญ่ยังจะผูกใจเจ็บ ไม่คิดร่วมสังฆกรรมร่วมวงไพบูลย์ หากเป็นเช่นนั้น ก็อาจจะทำให้ฝันของนายอนุทินพังครืนได้เหมือนกัน แต่ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ก็คงทำใจได้ หากลงเอยโดดเดี่ยวแบบนี้ เพราะตอนที่รวบรวมเสียงก่อนจะได้มาเป็นรัฐบาลก็ต้องใช้นายเนวินยอมทิ้งพรรคเพื่อไทยมาเช่นกัน.
| จากคุณ |
:
มาลัยดำ 
|
| เขียนเมื่อ |
:
9 เม.ย. 55 10:01:19
A:223.206.204.175 X:
|
|
|
| 
ความคิดเห็นที่ 1
