ความขัดแย้งใหม่อันเนื่องมาจากความพยายามแก้ความขัดแย้งเดิม โดย ธิดา ถาวรเศรษฐ
|
 |
จาก FB
ธิดา ถาวรเศรษฐ 9 เมษายน 2555
คำว่า ปรองดอง นิรโทษกรรม ความยุติธรรม ในระยะเปลี่ยนผ่านถูกนำมากล่าวถึง แต่หลายคนอาจลืมข้อเสนอการลบล้างผลพวงของรัฐประหารที่นำเสนอโดยคณะนิติราษฎร์ไปเสียแล้ว
คำเหล่านี้ล้วนฟังดูไพเราะดูดี แต่ล้วนแสลงหูแสลงใจคนกลุ่มต่าง ๆ ที่ดำรงอยู่ในความขัดแย้งเดิม ระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ต้องการพิทักษ์ระบอบอำมาตยาธิปไตยกับฝ่ายประชาชนที่ต้องการระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง (ไม่ใช่ฝ่ายผู้มีคุณธรรมกับฝ่ายเสียงข้างมาก)
เราอาจแบ่งผู้คนกลุ่มต่าง ๆ ที่มีปฏิกิริยาต่อคำว่า นิรโทษกรรมเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ 1. พวกกลัวทักษิณจะได้นิรโทษกรรม 2. พวกกลัวอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้เกี่ยวข้องในการปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนจะได้นิรโทษกรรม 3. พวกกลัวว่ามวลชนและแกนนำที่ถูกคุมขังและผู้ต้องหาคดีอันเนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองจะไม่ได้รับนิรโทษกรรม พวกนี้ต้องการให้มีนิรโทษกรรม แต่ถ้ามีการนิรโทษกรรมทั้งหมด ก็จะขัดแย้งกับพวกที่ 1 และพวกที่ 2 ที่ไม่ต้องการให้นิรโทษกรรมทั้งหมด พวกที่ 3 นี้ที่ต้องการได้รับนิรโทษกรรมเพราะไม่เชื่อในกระบวนการยุติธรรมในปัจจุบันว่าจะให้ความยุติธรรมแก่ประชาชน ทั้งในแง่ตัวกฎหมายและกระบวนการการปฏิบัติตามกฎหมาย
เมื่อเสนอการปรองดองที่มุ่งนิรโทษกรรม จึงเกิดการต่อต้านจากคน 2 กลุ่ม กลุ่มแรกที่กลัวคุณทักษิณจะได้ประโยชน์ ก็ได้แก่กลุ่มจารีตนิยมเครือข่ายอำมาตย์ที่เป็นปฏิปักษ์กับคุณทักษิณ ขณะนี้ดาหน้าออกมาปรากฎตัวชัดเจนในเวทีรัฐสภาที่โต้กันดุเดือด ย้อนกลับไปพูดเรื่องรากเหง้าความขัดแย้งในมุมมองที่ต่างกัน และกลับมาโจมตีด่าทอกันใหม่ จนถึงขั้นท้าทายว่าให้เว้นนิรโทษกรรมคุณทักษิณแลกกับคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะกับคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ โดยที่คุณอภิสิทธิ์ไม่รับคำท้าของคุณจตุพร ให้เว้น 2 คนต่อ 2 คน เพราะหวังจะแลกขุนเท่านั้น ประการแรกนี้แสดงว่า ความขัดแย้งที่ดำรงอยู่ยังมีสูงยิ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความอาฆาตพยาบาทริษยาแรงกล้า ที่ไม่ยอมรับความจริงว่าประชาชนส่วนใหญ่เขาตัดสินมาแล้ว 3 ครั้งทั่วประเทศ ที่จะมอบความไว้วางใจให้กลุ่มการเมืองของคุณทักษิณเป็นคณะผู้บริหารประเทศ ประการต่อมา ยังไม่ยอมรับกับสังคมว่า เป็นความผิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐต่อประชาชน ยังยืนกรานใส่ร้ายป้ายสีคนเสื้อแดงและแกนนำนปช.ว่าต้องการเปลี่ยนการเมืองการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐ พูดง่าย ๆ ก็คือคุณทักษิณจะเป็นประธานาธิบดี แล้วก็ต่อไปว่าปกครองประเทศโดยพรรคเดียว ในความหมายคือเป็นเผด็จการเสียงข้างมาก (ตามวาทะกรรมของพรรคประชาธิปัตย์) รวมความว่าเสียงข้างมากที่เลือกพรรคเพื่อไทยและพรรคคุณทักษิณที่แล้วมาเป็นอธรรม เป็นคนเลวเสียงข้างมาก ส่วนกลุ่มจารีตนิยมชนชั้นนำและพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายธรรม จึงไม่แปลกที่ฝั่งเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยรวมทั้งคุณทักษิณ ทำอะไรก็เลวหมด ผิดหมด การยึดมั่นไม่ยอมรับความผิด อาชญากรรมโดยเจ้าหน้าที่รัฐที่พรรคประชาธิปัตยและเครือข่ายระบอบอำมาตย์กุมอำนาจอยู่ก็ยากที่จะปรองดอง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการนิรโทษกรรม เพราะพวกเขาเป็นคนกลุ่มที่ 1 ที่กลัวคุณทักษิณและคนเสื้อแดงจะได้รับนิรโทษกรรม
ประการที่สาม คนเหล่านี้จะถือว่าคุณทักษิณคือสาเหตุรากเหง้าปัญหาทั้งปวง การแก้ปัญหาความขัดแย้งมีสถานเดียวคือ ต้องลงโทษคุณทักษิณให้หมดสิ้นอนาคตในทางการเมือง จะโดยการต้องให้ถูกจับกุมคุมขัง ยึดทรัพย์ ยุบพรรคซ้ำแล้วซ้ำอีก กลุ่มเครือข่ายระบอบอำมาตย์ จารีตนิยมเหล่านี้ไม่มีทางอื่นให้เลือก
แล้วจะเดินหน้าปรองดองได้อย่างไร? เพราะกลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 3 อันเป็นกลุ่มเสื้อแดงมองตรงข้ามกับกลุ่มที่ 1 โดยสิ้นเชิง กล่าวคือ มองว่าคุณทักษิณได้รับความอยุติธรรมสมควรได้รับการยกเลิกส่วนแห่งความอยุติธรรมอันมาจากผลพวงการรัฐประหาร เริ่มต้นจาก คตส. แล้วเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคุณทักษิณและประชาชนคนเสื้อแดงที่ถูกกระทำ ถูกจับกุมคุมขัง ถูกตัดสินโทษอย่างไม่เป็นธรรม ในขณะเดียวกันก็ต้องการเอาคนผิดมาลงโทษ หมายถึงผู้ใช้อำนาจรัฐ อำนาจปืน ปราบปรามเข่นฆ่าประชาชน จับกุมคุมขัง ลงโทษประชาชนสองมือเปล่าที่ไร้อาวุธ แต่ถูกตั้งข้อหาร้ายแรงว่าเป็นผู้ก่อการร้าย เผาบ้านเผาเมืองและถูกตัดสิน ลงโทษรุนแรงนับสิบ ๆ ปี นี่จึงเป็นความขัดแย้งเพิ่มใหม่อันสืบเนื่องมาจากความพยายามแก้ความขัดแย้งเดิม ฝ่ายประชาชนก็มุ่งมั่นที่จะเอาคนผิดมาลงโทษ ฝ่ายผู้ใข้อำนาจรัฐที่มาจากการทำรัฐประหารและเครือข่ายระบอบอำมาตย์ ไม่ยอมรับความผิด คิดแต่ว่ากลุ่มตนชอบธรรมเพราะเป็นผู้ทรงคุณธรรม หากเป็นเช่นนี้ยากที่จะเดินหน้าปรองดองโดยความสมัครใจทั้ง 2 ฝ่าย ในขณะเดียวกันญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง ก็ไม่ต้องการให้มีการนิรโทษกรรม ต้องการให้เอาคนผิดมาลงโทษ ดูไปแล้วผู้ที่ต้องการการนิรโทษกรรมก็จะเป็นคนที่ถูกกระทำหนักในฝั่งเสื้อแดง และเป็นผู้กระทำหนัก (สำคัญ) ในฝั่งเสื้อเหลือง เพราะกลัวตนเองจะมีความผิด ดังนั้น จะมีคนทั้งสองสีที่ทั้งต้องการให้มีนิรโทษกรรมและไม่มีการนิรโทษกรรม และมีทั้งสองสีที่ต้องการให้เลือกนิรโทษกรรมเฉพาะกลุ่มของตนและไม่นิรโทษกรรมกลุ่มตรงข้าม อย่าลืมว่า ประชาชนเสื้อเหลือง เสื้อแดงก็มีคดีก่อการร้ายและบาดเจ็บล้มตาย รวมทั้งทหารเช่นกัน
ถ้าเราพิจารณาการปรองดองที่เกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ จึงจำเป็นต้องมีองค์คณะบุคคลที่ค้นหาความจริงที่เชื่อถือได้ และมีอำนาจเรียกบุคคลและข้อมูลมาสืบสวนสอบสวนให้ได้ความจริงนำมาตีแผ่สู่สาธารณะ
ในขณะเดียวกันก็ต้องมีการศึกษา ความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านมาปรับใช้ในสถานการณ์ไม่ปกติ เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งอันเนื่องจากการเมืองที่ผ่านยุคการใช้อำนาจไม่เป็นธรรมและหรือปราบปรามเข่นฆ่าประชาชน ทั้งในแง่การปรับแก้ตัวบทกฎหมายหรือประกาศใช้กฎหมายที่มีลักษณะเฉพาะเหตุการณ์ เฉพาะพื้นที่ เฉพาะเวลา ยิ่งกว่านั้นสังคมต้องชัดเจนว่ามีความผิดพลาดอะไรเกิดขึ้นในปัญหาจากความขัดแย้งทางการเมือง ที่สำคัญ สังคมต้องเชื่อมั่นได้ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก ไม่ว่าจะโดยวิธีสั่งฟ้องเอาคนผิดมาลงโทษ หรือการปรับโครงสร้างและการปฏิรูปกฎหมาย องค์กร สถาบันที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจจัดการประชาชน การแก้ปัญหาความขัดแย้งในต่างประเทศจึงเป็นการออกกฎหมายใหม่และ/หรือการปฏิรูปองค์กร เช่น กองทัพ, ตุลาการ เป็นต้น
บางประเทศนั้นหลังจากผ่านการค้นหาความจริงมานานนับสิบปีจนชัดเจนหายสงสัย ผู้นำประเทศก็ออกมาขอโทษประชาชนและกลุ่มผู้ถูกกระทำ เช่นนี้หมายความว่า จะนานเท่าไร เราก็จะต้องทำความจริงให้ปรากฎ ให้สังคมไทยยอมรับว่ามีการก่อกรรมทำเข็ญ อาชญากรรมโดยรัฐอำมาตยาธิปไตย และต้องค้นคว้าสืบความจริงอย่างเป็นระบบ ให้นักวิชาการก้าวหน้าและประชาชนเรียกร้องให้เปิดเผยความจริงประวัติศาสตร์การเมืองไทย จนถึงเหตุการณ์ในปี 2552, 2553 มิฉะนั้นอาชญากรรมและการปล้นอำนาจประชาชนโดยกลุ่มจารีตนิยมของรัฐอำมาตยาธิปไตยก็จะกระทำต่อประชาชนซ้ำแล้วซ้ำอีก สำหรับการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ของประชาชนและแก้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมต่าง ๆ ก็ถูกขัดขวางเต็มกำลังเช่นกัน จากกลุ่มอนุรักษ์นิยมของอำมาตยาธิปไตย ทางออกทางเดียวที่ดีที่สุดคือ ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยต้องเข้มแข็งเติบใหญ่ทั้งปริมาณและคุณภาพ รุกก้าวหน้าในพรมแดนประชาธิปไตย ให้ได้อำนาจอธิปไตยกลับมาเป็นของประชาชนให้ได้ ถ้าประชาชนเข้มแข็ง ทิศทางการปรองดองก็จะก้าวหน้าประชาชนได้รับประโยชขน์ แต่ถ้าประชาชนอ่อนแอ ฝ่ายการเมืองฉวยโอกาสที่เป็นผู้ชนะชั่วคราวทำการปรองดองที่ถอยหลัง มีแต่นักการเมืองได้ประโยชน์ ประชาชนเสียประโยชน์ ฉะนั้น ประชาชนกำลังจับตาดูการเมืองของนักการเมืองที่ไม่ใช่การเมืองของประชาชน และไม่ฟังเสียงประชาชน พรรคการเมืองฉวยโอกาสทั้งหลายก็จะเหินห่างกับประชาชนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายทุนใหม่หรืออนุรักษ์นิยมก็ตาม
ประชาชนต้องยืนหยัดสร้างความเข้มแข็ง เพราะมีแต่ประชาชนเท่านั้นที่จะยึดมั่นในผลประโยชน์ของประชาชน และรักษาทิศทางที่จะทำให้ประเทศก้าวหน้าประชาชนเป็นสุข เราไม่ต้องการการปรองดองในลักษณะแบ่งปันอำนาจของผู้ปกครอง แต่เราต้องการให้คืนอำนาจให้กับประชาชน นี่คือทางออกประเทศไทย !
จากคุณ |
:
Paul_Cols
|
เขียนเมื่อ |
:
10 เม.ย. 55 08:42:21
A:118.172.246.229 X:
|
|
|
|