ดูดีๆ ผมว่า กรณี สส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ เป็นเหมือนกรณีทดลอง
|
 |
ศาลฎีกา พิพากษาด้วยเสียงไม่เป็นเอกฉันท์ สั่งฟัน ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ หลานสาวทักษิณ คดีซุกหนี้ 100 ล้าน พ้นเก้าอี้ ส.ส.เชียงใหม่ ลงโทษจำคุก 2 ด. ปรับ 4 พันบาท รอลงอาญา 1 ปี !!
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาไม่เป็นเอกฉันท์ เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2555 ให้ น.ส. ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย บุตรสาวนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และหลานสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่ง ส.ส กรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในส่วนเงินกู้ยืมจาก นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ จำนวน 100 ล้านบาท
ศาลฎีกา ฯ พิเคราะห์พยานหลักฐานและเอกสารในสำนวน แล้วเห็นว่า น.ส.ชินณิชา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ฯ ตามรัฐธรรมนูญ ฯ ปี 2550 มาตรา 259 และ 263 ประกอบ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119
จึงพิพากษาให้น.ส.ชินณิชา ผู้คัดค้าน พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. และห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา และให้จำคุกน.ส.ชินณิชา ผู้คัดค้าน เป็นเวลา 2 เดือนพร้อมทั้งปรับเป็นเงิน 4,000 บาท แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรรอการลงโทษมีกำหนด 1 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีการซุกหนี้ จำนวน 100 ล้านบาท ของ น.ส.ชินณิชาดังกล่าว ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หลังได้เข้าตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของน.ส.ชินณิชา ที่ยื่นไว้กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2551 พบว่า น.ส.ชินณิชา ไม่ได้ยื่นแสดงรายการหนี้สินในส่วนเงินกู้ยืมจาก นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ จำนวน 100 ล้านบาท ซึ่ง น.ส.ชินณิชา ได้ยื่นขอให้คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เพิกถอนการอายัด แม้ต่อมา น.ส.ชินณิชาจะยื่นแสดงรายการหนี้สินในส่วนเงินกู้ยืม 100 ล้านบาทดังกล่าวเพิ่มเติมต่อ ป.ป.ช.ในวันที่ 31 ตุลาคม 2551 แต่เป็นการยื่นหลังจากรับตำแหน่ง ส.ส.เชียงใหม่เป็นเวลากว่า 8 เดือนแล้ว โดยอ้างว่า เพราะความเข้าใจคลาดเคลื่อนโดยสุจริตว่า ระหว่างยื่นรายการบัญชีทรัพย์สินฯ นั้น กระบวนการไต่สวนของ คตส. ยังไม่เสร็จสิ้น จึงไม่ได้ยื่นแสดงบัญชีหนี้สินดังกล่าว
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ น.ส.ชินณิชา ไม่ยื่นแสดงรายการเงินกู้ยืม 100 ล้านบาท แต่ปรากฏว่า น.ส.ชินณิชา ได้ยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินฯในส่วนรายการเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขา ถ.รัชดาภิเษก 3 จำนวน 6,823,058 บาท ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากที่น.ส.ชินณิชายื่นขอให้ คตส. มีคำสั่งเพิกถอนการอายัดเช่นกัน อีกทั้ง น.ส. ชินณิชา ได้ยื่นแสดงรายการเงินให้บริษัท วาย ชินวัตร จำกัด กู้ยืม จำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้เป็นส่วนหนึ่งของเงิน 100 ล้านบาทที่กู้ยืมมาจาก นายบรรณพจน์นั่นเอง
นอกจากนี้ การยื่นแสดงรายการกู้ยืมเงิน 100 ล้านบาทของน.ส.ชินณิชา ต่อป.ป.ช.ในภายหลัง เป็นการทำหลังจากที่ปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนไปแล้ว ข้ออ้างของน.ส.ชินณิชาจึงฟังไม่ขึ้น จึงมีมติว่า น.ส.ชินณิชา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย เพื่อให้พ้นจากตำแหน่ง และห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี และขอให้ลงโทษทางอาญาตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ด้วย
ทั้งนี้ มาตรา 119 ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้กำหนด หรือจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
============================================================
คดีนี้แปลกๆ ตรงที่ เรื่องมันเกิดตั้งแต่ ปี 2551 แล้ว สส. ก็ยื่นรายการ ทรัพย์สิน เพิ่มเติมใหม่ไปตั้งแต่ เดือน ตุลาคม 2551 จากนั้น ปปช ก็เงียบไป จน มีการยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ก็ไม่ชี้มูลความผิด จน ปี 2554 คุณ ชินณิชา ได้มาเป็น สส อีกรอบ
กพ.2555 ปปช ถึงได้ชี้มูลความผิด ว่า บัญชีที่ยื่นในเดือน มกราคม 2551 ผิด เป็นการจงใจปกปิด เพราะ ยื่นเพิ่มเติมช้าไป 8 เดือน
ปัญหาคือ ถ้ากรณีแบบนี้ถ้าสามารถถอดถอน สส ออกได้ ก็ค่อยข้างจะเป็น อันตรายกับ ระบบ
เพราะ ปปช อาจจะ ละเว้น ใครก็ได้ แค่ดองเรื่องไม่ชี้มูล จนหมดวาระ หรือ อยากจะเอาเรื่องใคร ก็ชี้มูลความผิดย้อนหลัง จาก การยื่นบัญชี ครั้งไหนก็ได้
อย่างกรณีนี้ สมมติ นาย X จงใจปกปิด เมื่อเข้ารับตำแหน่ง สส. ปี 2554 ปปช ก็อาจจะไม่ชี้มูล ก็ได้ ปล่อยเรื่องไป จนสภาหมดวาระ เลือกตั้งใหม่ นาย X กลับมาเป็น สส. ปปช. ถึงไปชี้มูล ฟ้องศาล
จากคุณ |
:
webkit
|
เขียนเมื่อ |
:
23 เม.ย. 55 14:58:42
A:202.28.118.121 X:
|
|
|
|