แน่ปฏิบัติการลุยคุกที่เรือนจำนครศรีธรรมราชน่าจะเป็น “ต้นแบบ”
อย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โดยเฉพาะตัวผู้บังคับการที่มุ่งมั่นต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่าง
น่าชมเชยเป็นอย่างยิ่ง
คือไม่ได้สักแต่ว่าทำเพื่อสนองนโยบายให้ผ่านๆ ไปที
แต่ทำด้วยเห็นว่ายาเสพติดนั้นเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ
ที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศและนโยบาย
การปราบปรามยาเสพติดถือเป็นวาระแห่งชาติที่
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ซึ่งรับผิดชอบโดยตรง
ได้ขับเคลื่อนทุกกระบวนท่าจนสามารถจับกุมยาเสพติดนานาชนิด
ได้เป็นจำนวนมากและต่อเนื่อง
แต่สิ่งที่ปรากฏตามมานั้นน่าจะทำให้เกิดหูตาสว่างกันมากขึ้น
เมื่อได้พบขบวนการค้ายาเสพติดที่ใช้สารพัดรูปแบบอย่างไม่น่าเชื่อ
อย่างเรื่องยา “ซูโด” ซึ่งเป็นยาแก้หวัดที่ขายกันตามร้านขายยาและ
โรงพยาบาลทั่วประเทศกลายเป็นสารตั้งต้นของการผลิตยาเสพติด
ใครจะไปเชื่อว่ามีการสั่งเข้าจากต่างประเทศ จากโรงงานในประเทศ
ปรากฏว่ามีจำนวนมากมายมหาศาล
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เรื่องธรรมดา เพราะมันเกี่ยวพันกับ
ขบวนการค้ายาเสพติดระดับชาติเลยทีเดียว
ทั้งหมอ ทั้งเภสัชกร ทั้งพ่อค้า ศุลกากรเข้ามาเอี่ยวกัน ไปหมด
ผลประโยชน์จากธุรกิจยาเสพติดที่มากมายนั้นกลายเป็นว่า “เงิน”
นั้นสามารถซื้อได้ทุกอย่างจนทำให้คนสามารถทำได้ทุกอย่างโดย
ไม่ได้ยั้งคิดว่ามันเป็นการทำลายชีวิต อนาคตของคนไทยด้วยกันเอง
สิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ก็คือ แม้จะมีการจับกุมยาเสพติดได้มากและ
ต่อเนื่อง รวมถึงการปิดช่องทางเกือบทุกประตู แต่ยาเสพติดก็ไม่ได้ลดลง
แถมยังมากขึ้นและท้าทายมาตลอด นั่นเพราะยังไม่สามารถ
เข้าสู่ต้นตอของเหตุได้
กรณียา “ซูโด” นั้นชัดเจนที่สุดหากว่าสารตั้งต้นยังมีการลักลอบ
ส่งไปยังแหล่งผลิตในจำนวนมากและต่อเนื่องก็คงมิอาจแก้ไขปัญหาได้
หรือที่เรือนจำนครศรีธรรมราชก็ชัดเจนอีกจุดหนึ่ง เมื่อตำรวจนำกำลัง
เข้าไปตรวจค้นแบบจู่โจม ปรากฏว่าพบทั้งยาเสพติด มือถือ
และนักโทษที่ติดยาเสพติดกันเป็นจำนวนมาก แม้คล้อยหลังไป 2 วัน
จะลุยค้นก็เจอเข้าไปอีก
สืบสาวราวเรื่องแล้วพบว่าแม้ที่ผ่านมาจะมีการตรวจค้นตาม นโยบาย
แต่เป็นเพราะไม่ได้เอาจริงเอาจัง เมื่อสั่งมาก็ว่ากันไปตามหน้าที่ เท่านั้น
ไม่มีการเอาจริงเอาจัง ไม่ได้มีการสอดส่องดูแลกันอย่างถึงลูกถึงคน
ที่สำคัญก็คือ มีผู้คุมเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
เพราะปกติแล้วการนำมือถือเข้าไปในเรือนจำเพื่อให้นักโทษ
ใช้นั้นแม้จะเล็ดลอดเข้าไปได้บ้างด้วยวิธีการต่างๆ
แต่หากผู้คุมเข้มงวด ไม่เข้าไปมีเอี่ยวด้วยมันก็เป็นเรื่องยาก
แต่เมื่อผู้คุมเล่นเสียเอง ผลมันจึงออกมาเป็นอย่างนี้
มิน่าล่ะร่ำรวยกันแบบผิดปกติกันเกือบทุกคน ที่ต้องจัดการ
ลงโทษให้หนักเพราะถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงและอย่ามา
อ้างเหตุผลเพื่อแก้ตัว
เมื่อมาถึงจุดนี้คงพอจะมองเห็นอนาคตในการแก้ไขปัญหา
ยาเสพติดเพราะเดินมาถูกทางแล้วคือ นอกจากจะจับกุมได้มาก
ยังรู้ถึงต้นตอสำคัญทั้งสารตั้งต้นในการผลิต และขบวนการสั่ง
ซื้อซึ่งกลายเป็นว่าแหล่งสุดท้ายคือ “คุก” หรือ “เรือนจำ” นี่แหละ
นอกเหนือจากปราบปรามแล้ว สิ่งที่ไม่ควรนิ่งนอนใจก็คือ
การจัดการกับเจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องที่จะต้อง
ดำเนินการกันอย่างจริงจัง ขนาดว่าบ้านเมืองเดินหน้า
แก้ไขกันเป็นวาระแห่งชาติ แต่กลับปรากฏเจ้าหน้าที่
ยังเสพติดกับผลประโยชน์โดยไม่แยแสอะไรทั้งสิ้น
ถ้ารัฐเอาจริง เจ้าหน้าที่จริงใจ เชื่อว่าแก้ยาเสพติดได้แน่.
“สายล่อฟ้า”
http://www.thairath.co.th/column/pol/gladai/256539
นานๆ จะเห็น "สายล่อฟ้า" เขียนถึงผลงานของรัฐบาลแบบ
ชื่นชมซะที แต่อย่างว่า ค่ะ งานนี้ใครจะกล้ามาตำหนิ
นอกจาก "คุณม่วงคัน" แล้ว ยังไม่เห็นใครออกมาวิจารณ์เชิงลบ
เพราะพยายามหาข่าวนี้ แบบวิจารณ์ใน แนวหน้า และ ไทยโพสต์
ปรากฎว่า ข่าวใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีคอลัมนิสต์แตะเลย
ดิฉันอาจจะหลงหูหลงตาไปบ้างก็ได้ แต่ปกติแล้ว สื่อ 2 ค่ายนี้
เขาถนัด "ด่า" เท่านั้น
แค่ผลงานนี้ ดิฉันก็ยกนิ้วให้แล้ว ส่วนเริ่องอื่นๆ ก็ต้องติดตามกันต่อไป