รู้จักเขา "นายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข" คนที่อากง มีเบอร์โทร
|
 |
สมเกียรติ อยู่ไหน...จะซ้ำอากงอีกยกมั๊ย ?
สังคมมุมหนึ่ง เริ่มวิพากษ์กันเผ็ดร้อนมากขึ้น กับ ข้อกังขาในคดี อากงเอสเอ็มเอส สะเทือนทรวง จากพฤติกรรมของชายผมขาว หลังโก่ง ถูกตั้งข้อหาส่งข้อความสั้นผ่านโทรศัพท์มือถือ
เป็นการระบุว่าข้อความดังกล่าวเป็นข้อความที่มีเนื้อหาไม่สมควรเผยแพร่ มีเจตนาจ้องหมิ่นสถาบัน
แล้วมีหนึ่งในผู้รับข้อความ ที่ชื่อว่า สมเกียรติ ครองวัฒนสุข เลขานุการส่วนตัว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับ 4 ข้อความ และนำกรณีดังกล่าวเข้าแจ้งความ จนนำไปสู่การตัดสินของศาลว่า อากง มีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดในพ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ในการส่งข้อความที่หมิ่นเบื้องสูง
โดนตัดสินลงโทษ 4 กระทงๆละ 5 ปี ศิริรวมเบ็ดเสร็จ 20 ปี
กระนั้น กระบวนการถกเถียงกันถึงคดีนี้ กำลังดำเนินการกันต่อไป เป็นการถกเถียงเพื่อตั้งข้อสังเกต ถึงแนวทางการสู้คดี ของทีมกฎหมายในคดีนี้ และการตัดสินใจของ อากง ว่าจะ เลือกทางไหน ระหว่างไม่อุทธรณ์ เพื่อรอวันก้าวออกมาจากคุก ในฐานะผู้สำนึกผิด ซึ่งต้องรอ 30 วัน ตามขั้นตอนกฎหมาย
หรือ การลุกขึ้นสู้ ยื่นอุทธรณ์คดีนี้ เพื่อนำข้อพิสูจน์ต่างๆ ขึ้นศาลอีกครั้ง
อีกมุมหนึ่ง ผู้คนอยากเห็นท่าทีของ นายสมเกียรติ ผู้เป็นคนที่เข้าแจ้งความ ว่า หลัง อากงถูกตัดสินคดีไปแล้ว จะออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างไร
แต่ด้วยความที่เป็นคน เบื้องหลังมานาน จึงไม่อยากโผล่ เบื้องหน้าให้สังคมจับจ้อง
ข้อมูลพอสังเขปจากหลายคนที่รู้จัก นายสมเกียรติ ผู้นี้ เผยว่า นายสมเกียรติเป็นคนขึ้นตรงกับ นายอภิสิทธิ์ โดยตรง ทำงานในตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวนายอภิสิทธิ์ รับเงินเดือนโดยตรงจากนายอภิสิทธิ์ ไม่ได้รับเงินเดือนจากพรรคประชาธิปัตย์
เป็นหนุ่มนักเรียนสายเศรษฐศาสตร์ใน ป.ตรี จบ ป.โทรัฐศาสตร์ จากรั้วแม่โดม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้ามาทำงานกับนายอภิสิทธิ์เป็นเวลามากกว่า 10 ปี (ตั้งแต่ปี 2538)
นิสัยใจคอทั่วไป โอภาปราศรัยกับผู้สื่อข่าวและบุคคลในพรรคประชาธิปัตย์อย่างเป็นปกติ มีความสนิทสนมกับนักข่าวบางค่าย ที่คุยด้วยแล้วถูกคอ ก็เป็นเรื่องปกติ ชอบร้องเพลง ชอบรับประทานอาหารตามแหล่งต่างๆ
ก็ใช้ชีวิตเหมือน สลิ่ม คนเมืองทั่วๆไป
งานในหน้าที่คอยรับหน้าที่ประสานงานการจัดคิวให้สัมภาษณ์จากสื่อแขนงต่างๆ สำนักไหน ช่องไหน จะติดต่อขอคิวเข้าสัมภาษณ์นายอภิสิทธิ์ จะต้องส่งเรื่องผ่านคนนี้ หรือบุคคลอื่นที่จะนัดเข้าพบก็ต้องส่งเรื่องมาทางนี้
จากนั้น นายสมเกียรติ จึงจะเป็นผู้จำแนกส่งเรื่องตามสายงานต่อไปว่า จะอนุมัติใครเข้าพบนายอภิสิทธิ์ สื่อรายไหน จะได้คิวสัมภาษณ์เมื่อไร อย่างไร
จึงจัดเป็นผู้คนที่ มีคนเข้าติดต่อผ่านตัวตนคนนี้เป็นจำนวนมากพอสมควร แต่คนที่จะเข้ามาคุยคงต้องเป็น บุคคลที่ต้องมีเครดิตอยู่บ้าง หรือมีที่มาที่ไป ว่ามาจากไหนอย่างไร ถึงจะมีการแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ เพื่อติดต่อเรื่องงานกันได้
ลำพังชาวบ้านอย่าง อากง ยังไม่รู้ชัดว่า ไปรู้จักนายสมเกียรติได้อย่างไร ที่ไหน และตอนไหน เพราะนายสมเกียรติเอง แม้จะเกาะติดนายอภิสิทธิ์ เพื่อลงพื้นที่หาเสียง แต่ก็คงไม่เที่ยวไล่แจกเบอร์มือถือให้กับใครได้ง่ายๆ หากมีชาวบ้านเข้ายื่นเรื่องร้องเรียนอะไรต่างๆ ก็จะต้องผ่านหลายขั้นตอน ไม่ง่ายที่จะถึงมือเลขาส่วนตัวนายกฯโดยตรง
ก็ไมรู้ว่า อากง ต่อสายมือถือกับ อาสมเกียรติ คนนี้เมื่อไร
นอกจากนี้ "สมเกียรติ ครองวัฒนสุข" ปรากฏชื่อเมื่อครั้งที่ นายพนิษ วิกิตเศรฐ์ อดีตส.ส.กรุงเทพ พรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงที่เป็นผู้ช่วยรมว.ต่างประเทศ เดินหลงข้ามพรมแดนเข้าไปในกัมพูชา และมีการโทรศัพท์ประสานงานมายัง นายสมเกียรติ ดังข้อความ ว่า
"ฮัลโหลคิวเหรอ ได้ยินชัดมั้ย เดี๋ยวเผื่อสัญญาณขาด โทร.ไปบอกสมเกียรติ (ครองวัฒนสุข เลขานุการส่วนตัวนายกฯ) เลขาท่านนายกฯหน่อย เออ..เดี๋ยวเราจะคุยกับนายกฯเอง แต่ไม่เป็นไร บอกสมเกียรติ บอกว่าเราข้ามมาที่เขตกัมพูชาแล้ว เดี๋ยวถ้าเกิดมีอะไรจะได้ประสานเข้าไปหา บอกเขาหน่อยเพราะว่านี่ เราเข้ามาในพื้นที่กัมพูชาแล้ว แต่อย่าให้ใครรู้ เพราะมีนายกฯ รู้อยู่คนเดียว"
และในเดือน ธ.ค.2552 ได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราช การการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จากนั้น ขยับขึ้นเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง แต่ยังทำหน้าที่เลขานุการส่วนตัวเหมือนเดิม พร้อมรับหน้าที่ดูแลงานด้านไอทีให้ด้วย
อย่างไรก็ดี หลังจากข่าว อากง ปรากฏขึ้น ตั้งแต่วันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยกคณะเข้าจับกุม อากงถึงบ้าน มีเพียงครั้งเดียวที่นายสมเกียรติ แสดงทัศนะออกมาสู่สาธารณะหลังมีคำตัดสินจากศาลออกมาแล้ว
เป็นการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว
...วันนี้เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยซึ่งเขาเรียนนิติศาสตร์ เคยทำงาน ITV และชื่นชมทักษิณ แต่เราไม่คุยกันมา 5 ปีแล้ว เขาส่ง smsมาว่า"คุณ...ด้วยความเคารพ ผมว่าเรื่องนี้ (คงหมายถึงเรื่องที่อากงส่ง sms หมิ่นสถาบันโดนศาลตัดสินติดคุก 20 ปี)อาจนำมาซึ่งความคิดขัดแย้งครั้งใหญ่กว่าที่เคยมีมานะ คุณยังพอแก้ไขอะไรได้มั้ย
เห็นข้อความที่ส่งมาแล้วรู้สึกสงสารประเทศไทยที่คนเรียนจบกฎหมายแต่มีความคิดแบบนี้เข้าใจว่าเป็นห่วงไม่อยากเห็นความขัดแย้งในสังคมแต่ไม่เห็นถามถึงความรุนแรงของsms ที่หมิ่นสถาบันหรือไม่สนใจเหตุผลว่าทำไมถึงโดนติดคุกถึง 20 ปี ซึ่งเขาส่ง sms มา 4 ครั้งศาลก็นับเป็น 4 กระทงๆ ละ 5 ปี รวมเป็น 20 ปี นี่คือข้อเท็จจริง
ส่วนเรื่องที่เค้าติดคุกผมก็ไม่ได้เป็นคนไปทำให้เขาติด ถ้าเขาไม่ได้ส่งจริงก็สามารถหาหลักฐานมาหักล้างได้ผมเคยถูกศาลเรียกให้ไปเป็นพยานโจทก์ ผมก็แค่เล่าไปตามข้อเท็จจริง ว่ามีคนส่ง sms หมิ่นสถาบันแบบนี้ ไม่เคยรู้จักคนส่ง ไม่ทราบถึงเหตุผลแล้วผมก็ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องอะไรในคดีอีกเลย เป็นเรื่องของทางศาล
แน่นอนว่าคนเสื้อแดงก็พยายามจะนำคดีนี้มาใช้ประโยชน์ในการจุดประเด็นความขัดแย้ง ทั้งอ้างว่าอากงแก่ขนาดนี้ส่ง sms ไม่เป็นบ้าง คดีฆ่าคนตายยังติดคุกไม่ถึง 20 ปี ฯลฯแล้วก็พยายามจุดชนวนไปถึงว่า ควรยกเลิก ม.112
ตกลงสังคมไทยไม่ได้อยู่กันด้วยเหตุผล ด้วยหลักฐานและด้วยความถูกต้องแล้วหรือ แต่ใครที่พยายามจะใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายแล้วก็ทำให้คนในสังคมกลัว เราก็ต้องยอมศิโรราบไปเสียหมดเลยหรือ
ผมไม่สามารถคาดเดาได้ว่าสังคมไทยจะขัดแย้งหรือแตกแยกกันครั้งใหญ่กว่าที่เคยมีมาโดยมีสาเหตุจากคดีนี้หรือเปล่าแต่หากมันจะเกิดขึ้นจริงพวกเราก็น่าจะพึงสังวรณ์ได้ว่า ผมไม่ได้เป็นคนจุดชนวนแต่เพราะคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่เคารพกฎหมาย และพยายามจะใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายอะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิดครับ ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีเหตุผลและที่มาที่ไปเพียงแต่เราจะยอมรับความจริงกันได้หรือเปล่าและบ่อยครั้งที่ความจริงมักทำให้เราเจ็บปวด
ถ้า sms ที่ส่งมาเตือนผมเพื่อให้กลัวเหตุการณ์ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตแล้วให้ผมไปบอกตำรวจหรือศาลว่าผมแจ้งความเท็จ ทั้งๆที่มีหลักฐานที่ส่งมาอย่างชัดเจนโดยที่เรื่องการสืบสวนหาคนผิดไม่ใช่หน้าที่ผมผมก็ไม่สามารถไปยับยั้งอะไรได้ผมคงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
ถ้าผมจะกลัวก็กลัวที่ตัวเองจะไม่ทำในสิ่งที่ถูกต้องมากกว่า ใครทำเช่นไรก็ย่อมได้รับกรรมเช่นนั้น และถ้าผมเลือกที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วแต่ไม่ถูกใจใครหลายคนรวมถึงคุณแม้อาจจะเป็นเหตุให้คุณเลิกคบผมเป็นเพื่อน
ผมก็ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า"ยังไงผมก็เลือกที่จะยืนอยู่ข้างความถูกต้องแม้จะต้องเจ็บปวดกับสิ่งที่เลือก"...
นี่อาจเป็นเพียงทัศนะเดียว ที่สะท้อนผ่านออกมาจาก นายสมเกียรติ เพราะหลังจากนั้น บุคคลคนนี้ก็เก็บตัวเงียบ ไม่มีการพูดอะไรผ่านสื่อ หรือแสดงความเห็นอะไรออกมาอีก
ขณะเดียวกัน ปรากฏการณ์ ฝ่ามืออากง ได้เริ่มก่อตัว เคลื่อนไหวเพื่อรณรงค์ โดยเริ่มจาก "นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์" นักรัฐศาสตร์ สถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาแห่งสิงคโปร์ เริ่มต้นรณรงค์ออนไลน์เมื่อวันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2554 โดยระบุถึงที่มาและวัตถุประสงค์แคมเปญ "อากง"บนเฟซบุ๊ค ว่า เป็นการรณรงค์เพื่อให้เห็นว่าระบบยุติธรรมไทยมาถึงปลายทางแล้ว หวังกระตุกความคิดสุดโต่งที่ใช้กฎหมายหมิ่รนี้เป็นเครื่องมือทางการเมือง แต่อาจทำให้สถาบันเสื่อมถอย
โดยนายปวิน ยืนยันว่า แคมเปญนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากโครงการ "ความไม่กลัว" ของพม่า ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนางอองซาน ซูจี เพื่อสนับสนุนความกล้าหาญให้แก่นักโทษทางการเมืองจำนวนมากในพม่า นี่เป็นการรณรงค์อย่างสงบสันติ
จากนั้น คำ ผกา คอลัมน์นิสต์ชื่อดัง ได้ใช้ร่างกายมาร่วมรณรงค์ ด้วยการเพ้นท์คำว่า อากง ลงบนเรือนร่างเปลือยเปล่า เพื่อแสดงทัศนคติต่อกรณี เอสเอ็มเอสอากง
แต่กระนั้นการสะท้อนผ่านสื่อกระแสหลัก ยังคงนิ่งเฉยต่อกรณีที่เกิดขึ้น เพราะอาจจะมองข้ามเรื่องลักษณะนี้ โดยไม่อยากเสนอข่าว เสนอความเห็นใดๆ ด้วยอาจเกรงว่าเป็น คดีต้องห้าม จึงไม่อยากเปลืองตัวเข้ามาทำหน้าที่ในการ รายงานข่าว
จึงเป็นเรื่อง ความสมดุล ทางโครงสร้าง
เรื่องเดียวกัน บนการทำงานวิชาชีพเดียวกัน ยังมีการทำงานที่แตกต่างกัน นับประสาอะไรกับเรื่องใหญ่กว่านี้.
Produced by VoiceTV
| จากคุณ |
:
จ่าปืนเรือ 
|
| เขียนเมื่อ |
:
9 พ.ค. 55 10:51:06
A:118.174.89.163 X:
|
|
|
| 
