ความคิดเห็นที่ 1 1.  ถ้าโรงเรียนทั่วไป ยังขาดมาตรฐาน  ทำไมไม่พัฒนาระบบการเรียนการสอนในแต่ละโรงเรียนให้มีมาตรฐานเดียวกัน 2.  ถ้าจำนวนโรงเรียนมีไม่พอกับจำนวนนักเรียน ทำไมไม่สร้างโรงเรียนเพิ่ม 3.  ทำไมเด็กนักเรียนที่เรียนดี จึงไมไ่ด้รับสิทธิ์เรียนต่อในโรงเรียนเดิมก่อนเด็กนักเรียนจากภายนอก จากคุณ : น้ำมิตร เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 21:48:12 A:58.8.150.137 X:

ความคิดเห็นที่ 2 การจ่ายเงินตรงนี้ ต้องยอมรับว่า มีการให้จ่ายจริงๆครับ การรับเด็กเข้าเรียน จะมีทั้งระบบโควต้า-สอบเข้า-จับฉลาก การ"จ่ายเงินแป๊ะเจี๊ยะ"จึงน่าจะเป็นในส่วนของระบบโควต้านั่นเอง มีผู้ปกครองบางคน แม้จะให้ลูกจับฉลากด้วย แต่ก็ยอมเสียเงิน"บริจาค"ให้โรงเรียนอีกส่วนหนึ่งเพื่อรับประกันว่า ถ้าจับฉลากไม่ได้ ลูกก็จะได้ในระบบโควต้าโดยอัตโนมัติไปด้วย แต่ถ้าลูกจับฉลากได้เงินที่เสียไปก็ไม่คืนเพราะถือว่าเป็นเงินบริจาค เคยไปสัมนาหนนึง มีเพื่อนร่วมสัมนาที่เขาทำงานฝ่ายกฏหมายของเขตการศึกษาฯ ก็เคยได้อภิปรายกันถึงเรื่องนี้ ว่า "ค่าแป๊ะเจี๊ย"ดังกล่าวนั้นผิดกฏหมายหรือไม่อย่างไร ซึ่งก็อภิปรายกันจนได้ข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า เงินนั้นจะจ่ายในรูป"เงินบริจาค"ให้กับสมาคมผู้ปกครองของโรงเรียน(หรือชื่อสมาคมอะไรก็แล้วแต่) มีใบเสร็จให้ถูกต้องเสียด้วย ดังนั้นเมื่อเป็นการสมยอมทั้งมีหลักฐานเช่นนั้น จึงน่าจะเอาผิดกันตามกฏหมายไม่ได้ครับ ปัญหาเรื่องนี้มีมานานมากแล้ว น่าจะตั้งแต่สมัยผมเด็กๆอยู่ก็ได้ยินเรื่องนี้กันมาแล้วละครับ ก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมต้องมีเงิน"แป๊ะเจี๊ยะ" เงินงบประมาณที่รัฐบาลให้มา ไม่เพียงพอต่อการบริหารหรือไรครับ เดี๋ยวนี้ ได้ยินว่าโรงเรียนดังๆ(ไม่ขอเอ่ยนาม) ค่าแป๊ะเจี๊ยะเป็นแสน...ลูกหลานใครหัวไม่ดีสอบเข้าไม่ได้-ไม่มีเงิน คงไม่ได้เรียนโรงเรียนดังๆแล้วกระมังครับ จากคุณ : อุบลแมน เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 21:58:38 A:101.51.3.149 X:

ความคิดเห็นที่ 3 ผู้ปกครองอยากจ่ายครับ จากคุณ : this is thailand เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 22:05:11 A:171.96.37.10 X:

ความคิดเห็นที่ 4 เพราะผู้ปกครองแน่นอนครับ โรงเรียนคือผู้สนอง จากคุณ : jubchay เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 22:09:25 A:58.11.61.86 X:

ความคิดเห็นที่ 5 1.  ถ้าโรงเรียนทั่วไป ยังขาดมาตรฐาน  ทำไมไม่พัฒนาระบบการเรียนการสอนในแต่ละโรงเรียนให้มีมาตรฐานเดียวกัน -  ผมเข้าใจว่า  ตรงนี้  ก.ศึกษาน่าจะมีระบบ มาตรฐานกลางอยู่แล้ว  น่าจะประมาณว่า  ต้องสอนวันละกี่ชั่วโมง วิชาละกี่ชั่วโมงต่อเทอม  ข้อสอบวัดผลน่าจะต้องมีมาตรฐานของเขาว่า  ต้องยากง่ายเท่าไหร่ๆ  แต่  เข้าใจว่า  ทางปฏิบัติอาจมีการ "เมค" คือ น่าจะมีการวัดผลแบบสุกเอาเผากิน  ปล่อยเกรดให้นักเรียนเกินไป    อีกทั้ง  ปัญหาบุคลากร  คนเก่งๆน่าจะอยากเป็นครูในโรงเรียนใหญ่ๆมากกว่าเป็นครูบนดอย   แต่เห็นว่า  ของแบบนี้น่าจะใช้เวลาเหมือนกันครับ  ที่จะพัฒนาตรงนั้น ผมเห็นว่า  สิ่งที่ต้องทำ คือ มาตรฐานกลางในการผ่านจะต้อง"เป๊ะ" ไม่สุกเอาเผากิน  และ  หาทางสนับสนุนให้คนในท้องถิ่นได้ทำงานที่นั่น  คนจังหวัดไหนก็ควรได้เป็นครูที่นั่น เพราะ อย่างน้อยๆสำนึกรักบ้านเกิดน่าจะช่วยได้บ้าง  คนดอยก็อาจจะอยากเป็นครูดอยเป็นต้น   และ  น่าจะให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการศึกษา เช่น  อาจมีชั่วโมงให้ผู้ปกครอง(ที่ว่าง)ไปช่วยสอนพูด-เล่าประสบการณ์ก็ได้  จะได้เป็นการมีส่วนร่วม  และ  ถ้าเป็นไปได้  น่าจะแยกให้ โรงเรียนไปขึ้นกับท้องถิ่นให้หมด  ภาคประชาชนจะได้ช่วยดูแลสอดส่องได้มากขึ้นๆไปอีก(ซึ่งคงเป็นในอนาคตอีกนานเหมือนกัน) 2.  ถ้าจำนวนโรงเรียนมีไม่พอกับจำนวนนักเรียน ทำไมไม่สร้างโรงเรียนเพิ่ม -  ในส่วนนี้  ผมเห็นว่า  โรงเรียนมีพอครับ  แต่ปัญหามันน่าจะมาจากข้อหนึ่ง  คือ  บางโรงเรียนไม่ดัง ไม่เด่น  เลยไม่เป็นที่ต้องการของตลาด  ถ้าแก้ปัญหาข้อหนึ่งได้  ข้อนี้น่าจะแทบหมดห่วงไปเลยครับ  เท่าที่ทราบ  โรงเรียนตามบ้านนอก  บางโรงเรียนมีนักเรียนไม่ถึง ๕๐ คน  ก็มีครับ  แต่ตัวโรงเรียน-อาคารใหญ่โต... 3.  ทำไมเด็กนักเรียนที่เรียนดี จึงไมไ่ด้รับสิทธิ์เรียนต่อในโรงเรียนเดิมก่อนเด็กนักเรียนจากภายนอก -  เท่าๆที่ทราบคร่าวๆ  เด็กเรียนดีมีโควต้านะครับ ความคิดเห็นที่ 11 สมัยผมเป็นเด็กมัธยม ผมเรียนมัธยมที่ รร.เบ็ญจะมะมหาราช ทั้งต้น-ปลาย ตอนม.ปลายมี ทั้งสอบเข้า และ โควต้านักเรียนเก่า ผมเลือกได้ทั้งสองโควต้า ทั้งเรียนดีและกิจกรรม(เป็นหัวหน้าห้องและผู้นำเยาวชน...แอบโม้ อิอิ) แต่ก็เลือกเอาโควต้าเดียวคือ เรียนดี ถ้าจำไม่ผิด เขาจะมีหลักเกณฑ์นะครับ ว่า โควต้าไหนต้องมีคุณสมบัติอย่างไร ให้สมัคร(มั้ง) แล้วโรงเรียนก็จะพิจารณาอีกทีว่า คุณสมบัติได้ไหม แล้วก็ประกาศผล ถ้าได้ก็ไม่ต้องสอบ ถ้าไม่ได้ก็ต้องไปสอบเข้าม.๔ใหม่กับเขา ถ้ากฏระเบียบโรงเรียน เป็นแบบนี้ ผมว่า ก็ต้องยอมรับนะครับ ถ้าเอาคนที่เรียนอยู่เดิมเข้าหมดเลย การพัฒนาศักยภาพของนักเรียนรวมไปถึงโอกาสจะได้เด็กดีเด็กเก่ง ก็น่าจะน้อยลงครับ เห็นว่า ระเบียบโรงเรียนไหนๆ เขาก็น่าจะเป็นแบบนี้ครับ อย่างไรก็ตามก็ควรดูเรื่องเด็กที่ประท้วง ว่า เขามีคุณสมบัติที่จะได้เรียนต่อโดยไม่ต้องสอบจริงหรือไม่ ถ้ามีทำไมจึงไม่ให้เขา ...ถ้าไม่มีคุณสมบัติตามระเบียบแล้วยังไปประท้วง ก็เห็นว่าไม่สมควรครับ จากคุณ : อุบลแมน เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 14:58:50http://www.pantip.com/cafe/social/topic/U12115246/U12115246.html ปัญหาการศึกษา...ปัญหาใหญ่ ที่บ้านเราควรปรับปรุงหรือหาทางยกระดับขึ้นมาให้ได้ครับ จากคุณ : อุบลแมน เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 22:14:07 A:101.51.3.149 X:

ความคิดเห็นที่ 6 รัฐอุดหนุน -------- เข้าโรงเรียน แต่ ผู้ปกครองอุดหนุน ( แป๊ะเจี๊ยะ) ---------- เข้ากระเป๋าใคร จากคุณ : ดักไซแห้ง เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 22:19:04 A:118.173.212.60 X:

ความคิดเห็นที่ 7 สังคมไทย เป้นสังคม อุปถัมภ์ เกื้อกูล มานมนานกาเลแล้ว ต้องยอมรับข้อนี้  ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็มี เพราะมีมาแต่รากเหง้า เหล่ากอ ตั้งแต่สมัย ร้อยๆปีก็มี และไม่เคยจะหมดหดหายไป เพราะคนไทย เป้นคนเอาพี่เอาน้อง เอาญาติมิตร  ใครจะฝากลูกฝากหลาน ก็เกรงใจ ขัดไม่ลง พอต่อมาก็เริ่มเป็นการรับเงินสินบน เพื่อให้สะดวก ราบรื่น  อย่าว่าแต่เฉพาะฝากลูกหลานเข้าเรียนเลย สมัยก่อนสมัย นี้เค้าก็ฝากลูฝากหลานรับ ราชการ งานการเป็นนัก   เพียงแต่สมัยนี้ เดือนนี้ เค้านิยมเกาะกระแส หากินกับเด็ก พอเห็นเด็กอดข้าว ก็มาเกาะกระแส หากินกับเด็ก น่าอนาจ การเมืองเป็นเรื่องสกปรกไปเสียหมดแล้ว จากคุณ : ทาโร่_โมจิ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 22:25:27 A:61.90.44.21 X:

ความคิดเห็นที่ 8 คห 5  คุณอุบลแมน ตอนที่จบ ม.3 จะขึ้น ม.4  ก็ไม่ได้สอบเหมือนกันค่ะ  ได้เป็นนักเรียนโควต้าเหมือนกัน แต่ในปัจจุบันนี้ นอกจากจะได้โควต้าก็ยังต้องจ่ายเงินอยู่ดี หรือสอบเข้าก็ต้องจ่ายเงินเป็นหลักประกันเหมือนกัน เมื่อก่อนเรื่องการจ่ายเงินคาแป๊ะเจี๊ยให้กับทางโรงเรียน ยังทำกันไม่เปิดเผยเหมือนในปัจจุบันนี้ ที่นอกจากจะทำเปิดเผย ยังเก็บแพงกว่าแต่ก่อนมาก ปัญหาน่าจะมาจากนักเรียนที่มีตังค์แต่ผลการเีรียนไม่ดี ผู้ปกครองจึงยอมจ่ายแพงๆ เพื่อให้ลูกได้เรียนที่โรงเรียนดัง พอมีการจ่ายเงิน เด็กที่เรียนดีแต่กลัวไม่ได้เรียน ผู้ปกครองก็ต้องยอมจ่ายเป็นหลักประกันไปด้วย ตอนนี้โรงเรียนมีการแข่งขันกัน ทั้งในเรื่องพยามส่งเด็กสอบแข่งขัน เมื่อเด็กสอบแข่งขันชนะ  หรือทางโรงเรียนไปแข่งขันเรื่องระบบการสอน+เรื่องสถานที่ของโรงเรียน แล้วโรงเรียนได้รับรางวัลชนะเลิศ ทางโรงเรียนก็อัพเกรดตัวเอง แล้วเรียกเก็บเงินบำรุงโรงเรียนมากขึ้น เพื่อช่วยค่าใช้จ่ายทางโรงเรียน ตรงนี้เจอมากับตัว ตอนไปส่งมอบตัวหลาน ใครหยอดเงินใส่ตู้บริจาคน้อย ผอ. พูดออกไมค์เลยว่า ช่วยน้อยจัง นี่ขนาดรับบริจาคแบบไม่มีใบเสร็จรับเงินนะ พูดตรงๆ  แบบนี้ถือเป็นคอรัปชั่นอย่างหนึ่งเหมือนกัน  เก็บกันซึ่งๆ หน้าเลย จากคุณ : น้ำมิตร เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 22:26:19 A:115.87.218.247 X:

ความคิดเห็นที่ 9 ยังไงก็มีคนจ่ายและคนรับ ทำให้มันเห็นๆไปเลย จากคุณ : Rajin เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 22:30:42 A:14.207.142.127 X:

ความคิดเห็นที่ 10 เรื่องอย่างนี้ ตบมือข้างเดียว ไม่ดังครับ จากคุณ : aj (AJ.ARSE) เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 22:37:30 A:125.25.158.99 X:

ความคิดเห็นที่ 11 ส่วนตัวผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับการเรียกเก็บค่าแป๊ะเจี๊ยะ ควรให้สอบแข่งกันหรือวัดความสามารถกันมากกว่า คนเก่งกว่าควรได้เลือกก่อน ถ้ามีแป๊ะเจี๊ยะในระดับมัธยมได้ อนาคตระดับมหาวิทยาลัยก็อาจจะมีพาดหัวข่าว "จุฬาฯ รับจากแอดมิชชั่น80% แป๊ะเจี๊ยะ20%" จากคุณ : badboysII เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 22:46:48 A:115.87.19.137 X:

ความคิดเห็นที่ 12 เพราะโรงเรียนอยากได้ครับ ผมว่ามีผู้ปกครองแค่บางส่วนที่จะอยากจ่าย แต่มีหลายคนที่ไม่มีปัญญาจ่าย ถ้าโรงเรียนไม่รับเด็กเพราะวิธีนี้ซะอย่างเด็กทุกคนก็มีลุ้นพอๆกัน จากคุณ : คนการ์ตูน เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 22:47:39 A:171.7.174.147 X:

ความคิดเห็นที่ 13 เป็นเพราะทำตาม ๆ กันมา จนเป็นเรื่องปกติครับ จากคุณ : sator-noi เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 22:55:17 A:171.97.163.234 X:

ความคิดเห็นที่ 14 ผู้ปกครองอยากจ่ายครับขอแค่ให้ลูกได้เรียนในที่ดีๆ ผมเป็นพ่อมีลูกสามคนก็ยอมเสียครับเท่าไรก็ได้ที่คิดว่าลูกเราจะได้ประโยชน์นี้คือความจริง เพียงแต่ต่อมามันก็ไปอยู่ที่ว่าใครมีกำลังมากกว่ากัน จากคุณ : amnuaysilpa 63 เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 23:16:17 A:115.67.224.133 X:

ความคิดเห็นที่ 15 ผมว่าปัญหามันเริ่มต้นมาจากทั้งระบบเลยครับ คือความเข้าใจด้านการศึกษามันคลาดเคลื่อนไปหมด ถ้าจะให้พูดตรงๆนะครับ นักเรียนทุกคนคงไม่สามารถพูดได้ว่าเท่าเทียมกันหมดครับ ในด้านระดับผลการเรียนและด้านอื่นๆ ดังนั้นถ้าตามระบบ นักเรียนที่เรียนดี ก็จะมีโอกาสสูงกว่า ทั้งเรื่องโควต้าเรียนดี และสอบเข้า มาถึงกลุ่มต่อมาเป็นนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษที่"เป็นประโยชน์กับการสร้างชื่อเสียงให้แก่ทางโรงเรียน" ก็จะได้สิทธิการศึกษาต่อ หรืออาจมีการหยิบยื่นข้อเสนอให้เข้ามาเรียนในลักษณะ โควต้าพิเศษ ทีนี้มาถึงอีกกลุ่ม ที่เรียนไม่ดี ความสามารถไม่เด่น แต่อยากเรียนที่ดังๆ คราวนี้ก็เป็นช่องทางของแป๊ะเจี๊ยละครับ ซึ่งในมุมมองของผม การจ่ายเพื่อให้ได้เรียน ในบางครั้งมันไม่จบไม่สิ้นครับ เพราะสุดท้าย ก็อาจต้องจ่ายไปตลอด เด็กบางคนที่ผมเคยเจอคือ เข้า ม ต้น ก็ต้องจ่าย สอบเข้า ม ปลาย ไม่ติดก็ต้องจ่ายอีก และก็ไปจบที่ ม เอกชน ซึ่งค่าเทอมแพงมาก และเรียนไม่จบ ถ้าคนที่พร้อมจะจ่ายก็ดีไป แต่สำหรับบางคน ผมเห็นแล้วสงสารพ่อแม่ครับ ย้อนกลับไปในตอนต้น จริงๆแล้วถ้าทราบว่าตนเองไม่เหมาะกับการเรียนสายสามัญ การเรียนสายอาชีพ ก็ถือเป็นทางออกที่เหมาะสมนะครับ แต่ก็นั่นหล่ะติดปัญหาอยู่ที่ค่านิยมอีก ดังนั้นอันดับแรกเลย ผมว่ารัฐต้องพยายามพัฒนาการเรียนสายอาชีพให้มีคุณภาพ เพื่อลบล้างค่านิยมเก่าๆครับ เด็กส่วนหนึ่งจะได้เต็มใจและยินดีในการเลือกที่จะเรียนครับ ต่อไปมาถึงเรื่องสายสามัญ โดยส่วนตัวผมว่าโควต้าโรงเรียนใกล้บ้านนี่ไร้สาระที่สุดครับ พอใกล้จะเลื่อนชั้นก็ย้ายๆกันเข้ามาใกล้โรงเรียน ที่ไร้สาระรองลงมาคือหยิบฉลาก ซึ่งไปแย่งที่นั่งเด็กที่มีความพร้อมไปเปล่าๆ วิธีที่ดีที่สุดในความคิดผมคือการสอบเข้าครับ โควต้าเรียนดีอาจส่วนหนึ่ง เกรดเฉลี่ยก็อีกส่วน แต่สอบเข้าเนี่ยผมว่ายุติธรรมดีครับ (สำหรับคนขี้เกียจแบบผม 555) สอบกันไปเลย เอาคะแนนสอบไปใช้จัดห้องด้วย จากประสบการณ์ที่ผ่านมานะครับ ห้องเรียนที่มีคนเรียนระดับใกล้เคียงกัน จะทำความเข้าใจบทเรียนง่ายกว่า ห้องเรียนที่หลากหลายครับ ปล อยากฝากไว้อย่างหนึ่งสำหรับคนที่ยังเรียนนะครับ ในการทำกิจกรรมของโรงเรียนถือเป็นการเสียสละเพื่อส่วนรวมและฝึกการทำงานร่วมกัน แต่คุณต้องรู้จักแบ่งเวลาด้วย คุณไม่สามารถเอามาอ้างได้ครับ ว่าคุณเกรดเท่านี้ ช่วยรับเข้าไปเรียนหน่อย เพราะว่าเป็นเด็กกิจกรรม เพราะไม่ได้มีใครบังคับคุณนะครับ การที่อ้างทำนองแบบนี้มันดูแย่มากกว่าดูดีครับ ขอเตือนในฐานะอดีตเด็กกิจกรรมครับ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 23:32:21 จากคุณ : ปลงไม่ตกซะที เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 23:27:33 A:110.49.242.128 X:

ความคิดเห็นที่ 16 อีกประเด็นหนึ่งที่ไม่อยากให้มองข้าม นักเรียนที่เรียนไม่ดี แต่ผู้ปกครองจ่ายแป๊ะเจี๊ยะแพงให้เด็กได้เข้าไปเรียน สุดท้ายผลการเรียนตกต้องถูกให้ออกภายหลัง กรณีแบบนี้ เป็นการแย่งโอกาสเด็กที่เรียนดีแต่ไม่มีเงินจ่ายค่าแป๊ะเจี๊ยะแพงๆ อย่างน่าเสียดาย เห็นด้วยว่า การสอบแข่งขันเข้าเรียนเป็นเกณฑ์ที่ดีที่สุด จากคุณ : น้ำมิตร เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 23:35:11 A:115.87.217.136 X:

ความคิดเห็นที่ 17 ความคิดเห็นที่ 16     อีกประเด็นหนึ่งที่ไม่อยากให้มองข้าม นักเรียนที่เรียนไม่ดี แต่ผู้ปกครองจ่ายแป๊ะเจี๊ยะแพงให้เด็กได้เข้าไปเรียน สุดท้ายผลการเรียนตกต้องถูกให้ออกภายหลัง กรณีแบบนี้ เป็นการแย่งโอกาสเด็กที่เรียนดีแต่ไม่มีเงินจ่ายค่าแป๊ะเจี๊ยะแพงๆ อย่างน่าเสียดาย เห็นด้วยว่า การสอบแข่งขันเข้าเรียนเป็นเกณฑ์ที่ดีที่สุด จากคุณ : น้ำมิตร     เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 23:35:11 A:115.87.217.136 X:   ================================================= ลงว่าอ้อยเข้าปากช้างแล้วไม่ให้ออกง่ายๆหรอกครับ มันก็จะมีเงื่อนไขอื่นๆตามมา เพื่อให้สามารถรักษาสถานะภาพเอาไว้ได้ครับ บางคนนี่กว่าจะจบ ม 6 นี่จ่ายไปบานเลย แล้วก็ได้นักเรียนที่ไร้คุณภาพ พอดีเลยครับ เห็น จขกท พูดถึงการศึกษาขึ้นมา ถ้าต้องให้เลือกระหว่างแจก tablet pc ให้กับเด็ก กับเอางบก้อนนั้นไปเพิ่มเงินเดือนครู และจัดจ้างครูที่มีความสามารถมาสอน แบบไหนจะดีกว่ากันครับ และในกรณีที่แจก tablet ผมไม่เห็นด้วยที่จะแจกทุกคนครับ น่าจะแจกคนที่สามารถใช้ประโยชน์จากมันให้ได้เต็มที่มากกว่า จากคุณ : ปลงไม่ตกซะที เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 23:53:47 A:110.49.242.128 X:

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่อง tablet  แล้วแต่คนจะมองนะคะ คนชอบก็บอกว่าดี คนไม่ชอบก็จะมองแต่เรื่องติ ส่วนตัวมองว่า เทคโนโลยีจะปรับเพิ่มขึ้นทุกเวลาที่ผ่านไป การเรียนรู้ ทำได้ดีที่สุด ตอนที่คุณเป็นเด็ก จะเป็นการเร่งการพัฒนาการได้มากกว่าตอนที่อายุสูงขึ้น สอนเด็กใช้ tablet สอนง่ายกว่า สอนได้ง่ายกว่า ได้ผลมากกว่า การปรับเงินเดือนครู กับคุณภาพของครู เป็นสิ่งที่อยากส่งเสริมเหมือนกันค่ะ ครูควรเป็นคนที่มีศักยภาพมากที่สุด แต่ความจริงก็คือ สอบเข้าเรียนอะไรไม่ได้จึงจะเลือกเรียนครู เป็นส่วนน้อยที่จะเลือกเรียนครูเป็นอันดับแรก เพราะจบมาทำงานเงินเดือนก็น้อย เหนื่อยก็เหนื่อย จากคุณ : น้ำมิตร เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 00:03:16 A:115.87.217.136 X:

ความคิดเห็นที่ 19 ความคิดผมคือ  ทุกคนต้องได้เรียน ต้องมีที่เรียน เป็นพื้นฐานเดิม ซึ่ง รร.ที่จะตอบโจทย์ตรงนี้คือ  รร.เทศบาลครับ โดยที่เด็กทุกคนที่อยู่ในพื้นที่เขตเทศบาลนั้น ควรจะได้รับสิทธิ์พื้นฐาน ใน รร.เทศบาลนั้นๆโดยอัตโนมัติครับ จากนั้น  รร.ประจำจังหวัด หรือโรงเรียนดังๆ ที่มีชื่อเสียง  ยกเลิกระบบโควต้า  ระบบบ้านใกล้  แล้วเปลี่ยนเป็นระบบสอบเข้าแทนครับ เพื่อการแข่งขัน คนที่เก่ง ได้เรียนในโรงเรียนที่ต้องการ  ส่วนคนที่ไม่เก่ง มีโรงเรียนรองรับ ซึ่งระบบนี้ควรใช้แบบสอบเข้าตั้งแต่ ม.1 ม.4 ครับ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เด็กเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและมีการแข่งขันอยู่ตลอดเวลา จะได้พัฒนาครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการรับ นร เก่าเข้าเรียนต่อ เพราะนั่นหมายความว่าคุณตัดโอกาส คนอื่นๆที่พยายามเข้ามาเรียนโรงเรียนที่มีชื่อเสียง  บางคนดิ้นรนเพื่อเข้า ม.1 แต่หลังจากนั้นทำตัวไม่ตั้งใจเรียน  ขณะที่อีกคนนึง มาตั้งใจเรียนโค้งสุดท้ายเพราะคิดได้  ผมคิดว่าการให้โอกาสกับคนที่คิดได้นั้น เป็นสิ่งสำคัญครับ  ประเทศเรายังไม่เปิดโอกาสให้คนที่กลับตัวกลับใจ หรือคิดได้ได้มีพื้นที่ทางสังคมมากนัก เช่นเดียวกับการสอบเข้ามหาลัย   สุดท้าย  ถ้า รร.ดังๆใช้ระบบการสอบทั้งหมด  ลดปัญหาแป๊ะเจี๊ยะได้ครับ จากคุณ : GoLfGoNzO เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 00:55:20 A:61.19.201.7 X:

ความคิดเห็นที่ 20 ความเห็นส่วนตัว  ระบบที่ใช้อยู่มีเหตุมีผล เหมาะสม ดีอยู่แล้ว 80% เป็นเด็กน.ร.เก่า (ตรวจสอบง่าย) 20% เป็นเด็กที่เปิดโอกาสแข่งขันเข้ามา ย่อยเป็น ระบบโคต้า(ตรวจสอบได้) ระบบสอบแข่งขัน(อันนี้ยากนิดนึง) และ...ฯลฯ    เรื่อง พิสูจน์ข้อทุจริต สอบทั้งระบบว่าใครทำผิด มีช่องว่างตรงไหน นั้นแหละสำคัญและควรตรวจสอบแบบเปิด ใครผิดก็จัดให้หนักๆ และออกสื่อไปเลยยิ่งดี แต่ถ้ากรณีพิสูจน์แล้ว ไม่พบข้อทุจริตเนี่ยสิ  น่าคิด...ว่าที่น้องๆมาร้อง มาอดข้าวประท้วงเนี่ย ผู้ปกครองน่าโดนอบรม..แบบจัดหนักเหมือนๆกัน แล้วสำคัญที่เด็กจะมีที่ยืนในสังคมแบบไหน ..น่าคิด เรื่องนี้บอกได้คำเดียว  สงสารแต่เด็ก ... จากคุณ : สุดท้ายก็เจ็บ (สุดท้ายก็เจ็บ) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 03:56:10 A:124.122.125.100 X:

ความคิดเห็นที่ 21 ตั้งแต่ชั้นอนุบาลยันปริญญาตรี มีตอนไหน?บ้างที่ไม่จ่าย ถ้าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ประชาชนไม่เลี่ยงภาษี ผู้ปกครองแทบไม่ต้องจ่ายเรื่องการศึกษาเลย...แต่มีข้อแม้ว่า หลังการเรียนจบ นักเรียนต้องเอาความรู้ มาช่วยพัฒนาประเทศชาติ จากคุณ : ข้าวก่ำ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 07:32:20 A:101.109.28.92 X:

ความคิดเห็นที่ 22 ถูกต้องแล้วคร๊าบ ความคิดเห็นที่ 21 อันนี้เรามองจาก ประเทศญี่ปุ่นนะ เพราะเรามีประสบการณ์โดยตรง ลูกเราแทบไม่ต้องจ่ายอะไรเลย เมื่อย้ายไปเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น โรงเรียนญี่ปุ่นในไทยจะประสานงานกับโรงเรียนที่ญี่ปุ่นเอง แถมเรียนฟรีด้วย เรียนฟรีถึงมอสาม  มีค่าใช้จ่ายแค่ค่าชุดพละ และรองเท้าจ่ายประมาณแค่ 10000 yen หรือสามพันกว่าบาท เราไม่อยากดูถูกระบบการศึกษาในไทย เดี๋ยวนี้เป็นอะไรกันไปหมดแล้ว ครูก็ไปอีกทาง นักเรียนก็ไปอีกทาง ลูกเราเรียนตอนนี้ก็ปอสอง ไม่เห็นโรงเรียนเขาใช้แทบเล็ตอะไรเลย สอนบนกระดานดำ การเรียนรู้บางอย่างก็เอามาจากธรรมชาติ ประดิษฐ์เอา ถ้าว่างก็นั่งพับกระดาษ และให้นักเรียนออกนอกสถานที่ เป็นอาสาสมัคร แต่ประเทศไทยนี่ ประชานิยมสุดๆ แถมต้องไปกู้มาอีกต่างหาก อยากให้โรงเรียนในไทยไปดูตัวอย่้างของประเทศญี่ปุ่นแล้วเอามาประยุกต์ใช้บ้างอะไรบ้าง แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 09:50:01 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 09:47:40 จากคุณ : natsumichan เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 09:46:28 A:101.108.61.23 X:

ความคิดเห็นที่ 23 การจะเรียนต่อ ม.4 5 6 ได้นี่ มันก็ต้องเกรดเฉลี่ยถึงตามที่ รร. กำหนดไม่ใช่หรือ แต่น้อง รร.บดินทร์ฯ ที่มาออกรายการสรยุทธ  คุณส เค้าถามว่า น้องได้เกรดเฉลี่ยเท่าไหร่ น้องเค้าบอกว่า  ได้ 1.57  แล้วคนสุดท้ายของ ม. 3 ที่ได้เรียนต่อ ม. 4 คือ 3.16 แล้วอย่างนี้  คุณคุณ คิดว่า  น้อง 1.57 คนนี้ ยังสมควรได้เรียนต่อ ม.4 อยู่อีกหรือ จริง ๆ เกรดขนาดนี้ ไม่ควรเรียนต่อสายสามัญเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่า รร. ไหนก็ตาม เป็นหน้าที่ ที่พ่อแม่ควร แนะนำลูกด้วยซ้ำ ว่าให้ไปเลือกสายอื่นแทน แต่นั่นแหละนะ  คุณแม่น้องก็บอกว่าเป็นแต่แม่บ้าน และดูเหมือนว่าไม่รู้เรื่องการเรียนอะไรเลยจริงๆ  ก็ได้แต่สงสารน้องอะนะ จากคุณ : เมลฟีเซล เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 12:21:29 A:115.87.18.241 X:

ความคิดเห็นที่ 24 คห 21,22 จริงๆประเทศพัฒนาแล้ว มันดีตรงนั้นไงครับ เมืองไทยจึงพยายามจะให้เรียนฟรี แต่ที่เหมือนกันทั่วโลก ทุกระบบชั้นเรียน คือ มีการอุปถัมถ์ครับ มีระบบเส้นสายแน่นอน 100% ที่ญี่ปุ่นทำไมจะไม่มีครับ ลองเข้า รร ชื่อดังสิครับ แบบว่าที่ดังจะเข้่า มหาลัยโตเกียวอ่ะครับ เหมือนกันหมดพ่อแม่อยากมีทัศนคติอย่างนี้ สังคมเรายังเลือกนิยมแบบนี้ ทำอะไรได้ ระบบแป๊ะเจี๊ยะ ไม่เข้าใจว่าทำไมเรียกแบบนี้มันน่าจะเก๋าเจี๊ยะมากกว่า ผมว่าเกือบจะ 100%ไม่อยากให้มี แต่ก้มีพ่อแม่ไม่น้อย ที่ทำใจว่าลูกจะไมไ่ด้เรียน รร ดัง ความไม่สมดุลจึงเกิดขึ้น ระบบนี้ต้องแยกนะครับ คือ 1.จ่ายใต้โต๊ะ สมัยก่อนสอบเข้า รร 100% มีแต่คำครหา คำเล่าลือว่ามีระบบจ่ายเงิยใต้โต๊ะเกิดขึ้น ถามว่ามีไหม ผมว่าน่าจะมี ย้ำว่าน่าจะ เพราะผมและเพื่อนสอบเข้า ไม่ได้จ่ายเงินแพงมาก แค่เทอมละ500- 1000 บาท 2.จ่ายบนโต๊ะ มีใบเสร็จ จากระบบ 1 ที่มันมีปัญหา ครหากันหนัก ขณะที่ รร ดังต้องยอมรับว่าเค้าไม่มีปัญญาหาเงินมาใช้จ่ายเพื่อพัฒนา รร ให้เพียงพอได้ หลา่ยท่านถามว่า ทำไมละในเมื่อรัฐ ให้เงินแล้ว มันพอไหมละครับ เด็กที่อยากเข้ามาตั้งเยอะ การแข่งขันทางการศึกษามันสูงมากนะครับ จ้างครู ตปท มาสอน เปลี่ยนคอมให้ใหม่ อุปกรณ์การเรียนใหม่ ถามว่ามาเก็บกับผู้ปกครองที่เด็กสอบเข้าทั้งหมดเลยดีไหม จ่ายไหวไหมถ้าเฉลี่ยคนละ 2-3 หมื่นต่อเทอมทั้งที่เด็กออกจะเก่งสอบเข้ามาได้ คุณมองย้อนไป รร เอกชนสิครับ ทุกวันนี้เรียกว่า ประมูล ครับ สอบ ป.1 รรเอกชนดังย่านบางรัก เงิน 7 หลักแล้วคุณ ผมว่าการมีใบเสร็จคือการยอมรับถึงปัญหาตรงนี้และผู้ปกครองทุกท่านผมว่า ทราบดี คิดดูแล้วสมาคมผู้ปกครองก็มีนะครับ เค้ายังยอมรับและเข้าใจปัญหาเลย ประเด็นมันอยู่ที่ว่า การรับเด็กอุปการะเนี่ย มันจำนวนเท่าไหร่ ประกาศเป็นกิจจะไหม ซึ่งบอกตรงๆว่า มันประกาศมานานแล้ว ไม่ใช่แค่วัน2วัน พ่อแม่เด็กก็ทราบนะครับ ผมว่าทราบก่อนสอบอีก ทำไมตอน ม.1 ไม่โวย ไม่เข้าประชุมผู้ปกครอง ทำไมผู้ปกครองท้ังชั้นไม่โวย ไม่แก้ไขกฏกติกานี้ เพราะมันพอรับได้ การเข้าเรียนต่อ ม.4 ต้องเข้าใจว่า รร ดังเค้าก็อยากได้ เด็กเก่งๆนะครับ เพราะเค้าต้องหาเงินมาพัฒฬนา รร เพื่ออะไร เพื่อชื่อเสียงของ รร จะได้มีเด็กเก่งๆเข้ามาไงครับ ดูง่ายๆตะก่อน ม.4 เตรียมอุดมดังมาก ดูดเด็กชั้นหัวกะทิ เข้าไป เรียกได้ว่าตะก่อน เด็กเตรียมผูกขาดจุฬาเลย ตอนนี้มี มหิดล มาคาน มาแข่งขัน เลยแบ่งเบาไปได้ ตะก่อน รร ชั้นกลาง มีคนสอบน้อย บางทียังเหลือที่สอบเลย เพราะเด็กแห่ไปสอบ รร ดังหมด สมัยผมสอบ รร ดังย่านปากคลอง อัตราก็ 1 ต่อ 9 แล้วครับ คิดดูว่ามันมีคนไมไ่ด้เท่าไหร่ ข้ออ้างอีกข้อนึง คือ เด็กเกรดต่ำกว่าทำไมได้เรียน ต้องดูว่าเพราะอะไร ผมว่ามันตรวจสอบง่ายมาก ซึ่งอาจจะเป็นกรณีดังนี้ก็ได้ คือ 1.เด็กเกรดต่ำกว่าจาก รร อื่น มาสอบเข้าใหม่ แข่งกับเด็กเก่าที่ถูกคัดออก(เกรดสูงกว่าเด็ก รร อื่น) ถามว่า ถ้าเค้าสอบได้จะโวยทำไม 2.เด็กเกรดต่ำกว่าจาก รร เดียวกันเข้าได้ มี 2 แบบคือ สอบใหม่ได้ อาจจะเรียนได้เกรดต่ำกว่าแต่ตั้งใจสอบมากกว่า เลยได้ กับ เข้าได้เพราะเป็นเด็กพิเศษ เช่น เตะบอลเก่งมาก เล่นดนตรีเก่งมาก หรืออีกกรณีคือ เป็นเด็กของผู้มีอุปการคุณ เช่น ลูกหลานผู้บริจาคที่ดิน ผมว่าอย่าฟังเด็กลอยๆ จะพูดอะไรก็ได้เอาข้อเท็จจริงนั้นมาดีกว่า ทุกคนมีความคิดตัวเอง มีสิทธิเชื่อในความคิดตัวเอง แต่อย่าลืมคุณต้องมีหลักฐานในการอ้างอิง จากคุณ : เกรียนจังแก (rookie of Love) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 12:40:05 A:58.9.106.108 X: