ความคิดเห็นที่ 1 มันถึงทางตันแล้วหรือครับ ใครจะมาตัดสินได้ผมก็อยากรู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญมันใหญ่คับฟ้าเลยหรือครับ จากคุณ : รักเหตุผล เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 10:44:47 A:183.89.7.71 X:

ความคิดเห็นที่ 2 ขอยืมคำว่าพวกมากลากไปมาใช้กับกากเดนเผด็จการ  9 คนนี้ได้ป่าว แมลงสาบว่าไง จากคุณ : fat_man_kkc เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 10:45:20 A:223.205.135.172 X:

ความคิดเห็นที่ 3 ผมสงสัยข้อหนึ่งว่า มาตรา ๖๘ บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้ ไม่ได้ห้ามการแก้ไขรัฐธรรมนูญ   แต่ห้ามการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย   แล้วศาลเอาอำนาจที่ไหนมาสั่ง   ถ้าจะสั่งต้องพิสูจน์ก่อนไม่ใช่หรือว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นในรัฐสภาเป็นไปเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย จากคุณ : Tanis เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 10:46:07 A:118.172.36.194 X:

ความคิดเห็นที่ 4 สภาประชาชนเลือกให้มาทำหน้าที่บริหารและนิติบัญัติ ตรวจสอบได้ถอดถอนได้ แต่สานห้ามละเมิด มาจากการแต่งตั้ง และสามารถยุบและตัดสินผู้แทนประชาชนได้ จากคุณ : peengineer19/68 เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 10:51:55 A:125.25.5.122 X:

ความคิดเห็นที่ 5 ศรีธนชัย แล้วครับ อย่างนี้ จากคุณ : amtee เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 10:54:59 A:101.108.70.237 X:

ความคิดเห็นที่ 6 คณะตลกรัฐธรรมนูญ ( ขอให้อ่านว่า  คะ-นะ-ตะ-หลก-รัด-ทะ-ทำ-มะ-นูน) แทรกแซงอำนาจนิติบัญญัติหรือไม่   บริหาร-นิติบัญญัติทำอะไรลงไปต้องผ่านความเห็นชอบของท่านเหล่านี้  ตีความได้ว่า ประเทศนี้ปกครองโดย "คะนะตะหลกรัดทะทำมะนูน" ได้หรือไม่ บริหาร - นิติบัญญัติ  สามารถปฎิเสธคำวินิจฉัยของ "คะนะตะหลกรัดทะทำมะนูน" ได้หรือไม่ น่าคิดนะครับ จากคุณ : bermAggie เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 10:55:24 A:49.49.207.72 X:

ความคิดเห็นที่ 7 เพี้่ยนไปแล้วครับ ดุลย์ของ 3 อำนาจหลัก แต่อยากแสดงก็แสดงออกมาครับ เหมือน ปชป. สุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง ดูแล้วเหมือนที่เขาบอกว่า "ถิ่นกาขาว" จากคุณ : มีปัญญาคืออาวุธ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 10:57:06 A:118.172.135.184 X:

ความคิดเห็นที่ 8 “รัฐสภา” ปฏิเสธคำสั่ง “ศาลรัฐธรรมนูญ” ได้หรือไม่ ? วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ http://www.facebook.com/verapat               ---         1 มิถุนายน 2555 เป็นวันประวัติศาสตร์ที่ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ได้อ้างอำนาจตาม “รัฐธรรมนูญ มาตรา 68” เพื่อรับคำร้องมาวินิจฉัยว่า การดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 โดยรัฐสภาและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องนั้น เป็น กรณีที่ศาลจะสั่งการให้ “เลิกการกระทำ” ได้หรือไม่         นอกจากนี้ ศาลได้มี “คำสั่ง ” ไปยังเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อแจ้งให้รัฐสภารอการดำเนินการดังกล่าว จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย โดยข้อมูลจากรายงานข่าวนั้น ไม่ชัดเจนว่าศาลได้สั่งไปยัง “สมาชิกรัฐสภา” โดยเจาะจง หรือเป็นเพียงการสั่งไปยัง “เลขาธิการ” เพื่อ “แจ้งสภาให้ทราบ” เท่านั้น ( http://on.fb.me/LQrM7w )           ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด ผู้เขียนขออาศัยวันเดียวกันเขียนเชิญชวนให้เรา โดยเฉพาะ “บรรดาผู้แทนของเรา” ร่วมกันใคร่ครวญว่า “รัฐสภา” ในฐานะ “ผู้ใช้อำนาจนิติบัญญัติแทนปวงชนชาวไทยเพื่อถ่วงดุลอำนาจฝ่าย บริหารและตุลาการ” นั้น จะสามารถ “ปฏิเสธคำสั่ง” ของศาลรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ ?         ในขั้นแรก รัฐธรรมนูญ ได้กำหนดว่า “คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา...” แต่รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดว่า “คำสั่ง ” ของศาลนั้น มีผลผูกพันเด็ดขาดต่อรัฐสภาหรือไม่         ในขั้นต่อมา การที่รัฐสภาจะตัดสินใจปฏิเสธหรือปฏิบัติตาม “คำสั่ง” ของศาลหรือไม่นั้น รัฐสภาจะต้อง ปฏิบัติตาม “รัฐธรรมนูญ” อย่างน้อยสี่มาตรา คือ มาตรา 3 วรรค 2 บัญญัติว่า ทั้งรัฐสภาและศาล ต่างต้องปฏิบัติหน้าที่ตามหลักนิติธรรม มาตรา 6 บัญญัติว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ กฎหมายอื่นจะมาขัดแย้งมิได้ มาตรา 291 (5) บัญญัติให้ รัฐสภามีหน้าที่ต้องพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระที่สาม เมื่อพ้น 15 วันหลังเสร็จ สิ้นการพิจารณาวาระที่สอง และที่สำคัญ คือ มาตรา  122 ซึ่งบัญญัติว่า “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยโดยไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติ มอบหมาย หรือความครอบงำใด ๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชน ชาวไทย โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์”         ดังนั้น ประเด็นที่ “รัฐสภา” ต้องพิจารณาก็คือ  หาก “รัฐสภา” ปฎิบัติตาม “คำสั่ง ” ของศาลรัฐธรรมนูญแล้วไซร้ จะเกิดผลอะไรต่อบทบัญญัติทั้งสี่มาตราที่กล่าวมานี้ ?         กล่าวอย่างตรงไปตรงมาก็คือ หากการปฎิบัติตาม “คำสั่งศาล” ดังกล่าว มีผลเป็นการยอมรับการใช้อำนาจที่ ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ อันเป็นการขัดหลักนิติธรรมทั้งโดยศาลและรัฐสภา เป็นการละเมิดกำหนดเวลาที่รัฐธรรมนูญ กำหนดไว้ อีกทั้งส่งผลให้ผู้แทนปวงชนชาวตกอยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติ มอบหมาย หรือความครอบงำ ของศาล แล้วไซร้ รัฐสภาย่อมมี “หน้าที่” ตามรัฐธรรมนูญที่จะปฏิเสธ “คำสั่ง ” ดังกล่าว !          หาก “รัฐสภา” สำนึกในหน้าที่ของตนได้ดังนี้ ผู้เขียนก็จะขอเสนอคำถามเบื้องต้นที่อาจช่วยตรวจสอบว่า “คำสั่ง ” ของศาลรัฐธรรมนูญที่ว่านั้น ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ *** คำถามแรก: ศาลใช้อำนาจ “เกินกรอบ” มาตรา 68 หรือไม่ ? ***         รัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรคแรก บัญญัติว่า “บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่ บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้”         ถ้อยคำของ มาตรา 68 ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเฉพาะการกระทำที่เป็นการ “ใช้สิทธิและเสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญ” เพื่อล้มล้างการปกครอง...ฯ เท่านั้น ซึ่ง “การใช้สิทธิเสรีภาพ ” ย่อมเป็นคนละเรื่องกับ “การใช้ อำนาจหน้าที่ ” เช่น การลงมติสนับสนุนหรือเห็นชอบการแก้ไข มาตรา 291         ลักษณะสำคัญของ “การใช้สิทธิเสรีภาพ ”  คือ ผู้กระทำได้อ้าง “สิทธิเสรีภาพ ”  เพื่อประโยชน์ของตนตาม ที่ตนปราถนาโดยปลอดจากสภาพบังคับ และจะใช้หรืออ้าง “สิทธิเสรีภาพ ” หรือไม่ก็ได้ ตัวอย่างการกระทำที่อาจเข้า ข่าย มาตรา 68 อาจมีรูปแบบที่หลากหลาย เช่น การดำเนินนโยบายพรรคการเมืองเพื่อยุยงให้ล้มล้างสถาบันพระมหา กษัตริย์ หรือ การนัดชุมนุมเพื่อทำให้คณะรัฐมนตรี รัฐสภาหรือศาลไม่อาจทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ         แต่ “การใช้อำนาจหน้าที่ ”  นั้น หมายถึง ผู้กระทำมิอาจเลือกได้อย่างอิสระว่า ตนจะกระทำหรือไม่กระทำเพื่อ ประโยชน์ของตนตามที่ปราถนาโดยปลอดจากสภาพบังคับ แต่เป็นกรณีที่ผู้กระทำถูกกำหนดให้กระทำไปเพราะมี อำนาจหน้าที่ต้องกระทำหรือต้องใช้ดุลพินิจกระทำไปในฐานะส่วนหนึ่งของกลไลตามรัฐธรรมนูญ         เช่น การที่สมาชิกรัฐสภาจะเสนอญัตติ หรือออกเสียงลงคะแนน หรือกระทำการอื่นที่เกี่ยวกับการแก้ไข มาตรา 291  ก็ถือเป็น “การใช้อำนาจหน้าที่ ”  ซึ่งการใช้ดุลพินิจย่อมไม่อิสระ แต่อยู่ภายใต้ มาตรา 122  กล่าวคือ จะอ้างว่ามีเสรีภาพใช้ดุลพินิจเพื่อตนเองหรือผู้ใดผู้หนึ่งไม่ได้ และจะสงวนการใช้สิทธิเสรีภาพว่าขอละเว้น ไม่รับรู้ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการทำหน้าที่ในสภาก็ไม่ได้ เช่นกัน เป็นต้น         ข้อที่สำคัญกว่านั้น คือ หากมี “การตีความปะปน” ว่า “การใช้อำนาจหน้าที่ ” ตามรัฐธรรมนูญ กลายเป็น “การใช้ สิทธิเสรีภาพ ” ตาม มาตรา 68 ไปเสียแล้ว ก็จะส่งผลแปลกประหลาดทำให้ ศาลรัฐธรรมนูญ กลายเป็นองค์กรที่ มีเขตอำนาจล้นพ้น สามารถรับเรื่องมาวินิจฉัยการใช้อำนาจหน้าที่ได้มากมาย         เช่น การใช้อำนาจของคณะองคมนตรีในการเสนอชื่อผู้สมควรเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตาม มาตรา 19 การใช้อำนาจของรัฐสภาในการเห็นชอบการประกาศสงครามตาม  มาตรา 189 การใช้อำนาจของที่ประชุมใหญ่ ของศาลฎีกาในการเลือกผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตาม มาตรา 204 ก็อาจล้วนถูก ศาลตรวจสอบได้ เป็นต้น         หรือแม้แต่การเสนอ ร่าง พ.ร.บ. ปรองดอง หากมีผู้อ้างว่าเป็นการ “ใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ” เพื่อ ล้มล้างการปกครอง...ฯ ก็จะกลายเป็นว่า สามารถถูกตรวจสอบโดยศาลได้ โดยไม่ต้องรอให้มีการพิจารณาตามวาระ ของรัฐสภาเสียด้วยซ้ำ และอาจนำไปสู่การยุบพรรคหรือตัดสิทธิทางการเมืองได้อีกด้วย !         ยิ่งไปกว่านั้น หาก “สิทธิการยื่นคำร้อง” ตามมาตรา 68 ถูกตีความอย่างพร่ำเพรื่อ เช่น อ้างอำนาจตุลาการมา ยับยั้งการใช้ดุลพินิจของผู้แทนปวงชนได้ทุกกรณีแล้วไซร้ “สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ” นี้เองอาจกลับกลายมาถูกนำมา ใช้ในทางที่เป็น “ปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ” ทำลายหลักการแบ่งแยกอำนาจ และขัดต่อหลักการใช้สิทธิตาม มาตรา 28 อีกด้วย         (อนึ่ง ผู้เขียนน้อมรับหากมีผู้เห็นต่างเรื่องสิทธิหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญและการแยกแยะสถานะของ “เอกชน” และ “รัฐ” ซึ่งก็หวังว่าจะได้แลกเปลี่ยนในทางวิชาการต่อไป) *** คำถามที่สอง: ศาลใช้อำนาจ “ข้ามขั้นตอน” อัยการสูงสุดหรือไม่ ? ***         รัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรคสอง บัญญัติว่า “ในกรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทำการตามวรรคหนึ่ง ผู้ทราบการกระทำดังกล่าวย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้ อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว แต่ ทั้งนี้ ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการดังกล่าว”         ศาลตีความว่า ผู้ที่จะนำคดีมาสู่ศาล จะเสนอเรื่องผ่านอัยการสูงสุดให้ยื่นคำร้องต่อศาลก็ได้ หรือ จะยื่น คำร้องเองโดยตรงต่อศาลเลยก็ได้ ดังนั้น ศาลจึงรับคำร้องได้โดยไม่ต้องรออัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน         คำถามก็คือ การตีความที่ว่านี้ ขัดต่อทั้งถ้อยคำและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ อีกทั้งสร้างผลประหลาดตามมาหรือไม่         หากพิจารณาถ้อยคำ มาตรา 68 ว่า “มีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย” การตีความของศาลทำให้เกิดปัญหาทางภาษาอย่างน้อย 2 ระดับ ระดับแรก คือ เสมือนศาลได้แทนคำว่า “และ” ด้วยคำว่า “หรือ” และระดับที่สอง คือ ศาลได้ใช้ตรรกะภาษาที่ตีความขัดกับรูปประโยค เพราะหากศาลมองคำว่า “และ” ให้แปลว่า “หรือ” ก็จะเท่ากับว่า รูปประโยคไม่ได้ให้อำนาจ “อัยการสูงสุด” เป็นผู้ยื่นคำร้องต่อศาล         หากพิจารณาในแง่เจตนารมณ์ จะเห็นว่า “อัยการสูงสุด” มีบทบาทจำเป็นในการกรองคดี เพราะศาลไม่มีทรัพยากรที่จะไปตรวจสอบหรือสืบสวนการ “ล้มล้างการปกครองฯ...” ซึ่งอาจมีข้อเท็จจริงและพฤติกรรมที่ต้องอาศัยพยานหลักฐานจำนวนมาก เห็นได้จาก คดีอื่นในทางมหาชน เช่น คดีทุจริต หรือ คดีพรรคการเมือง ก็จะมี อัยการ ป.ป.ช. หรือ กกต. เป็นผู้นำคดีมาสู่ศาล หรือ หากเป็นคดีที่ฟ้องตรงได้ต่อศาล ก็จะต้องเป็นกรณีที่วินิจฉัยข้อกฎหมาย และมีข้อจำกัดในเรื่องผู้มีสิทธินำคดีมาสู่ศาล อีกทั้งป้องกันการกล่าวอ้างสารพัดมาเพื่อสร้างภาระคดีต่อศาลโดยตรง         การให้ความสำคัญกับอัยการสูงสุด ยังปรากฏหลักฐานจาก “รายงานการประชุมของสภาร่างรัฐธรรมนูญ” ครั้งที่ 27/2550 เช่น คำอภิปรายโดยนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ในหน้าที่ 6-8 และนายจรัญ ภักดีธนากุล (ผู้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในเวลานี้) ในหน้าที่ 32-34 ซึ่งอภิปรายถึงการให้ อัยการสูงสุดเป็นผู้นำคดีไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญ และไม่ได้กล่าวถึงการให้สิทธิบุคคลอื่นยื่นเรื่องโดยตรงต่อศาลแต่อย่างใด ( http://ไม่ใช่ลิขวิดครับ/Mg9kLY  ....ไม่ใช่ลิขวิดครับแทนด้วย บีไอ.แอลวาย)         นอกจากนี้ การตีความของศาลก็ส่งผลประหลาด คือ ทำให้บทบาทของ “อัยการสูงสุด” ที่จะยื่นคำร้องต่อศาลนั้นไร้ความหมาย เพราะหากผู้ใดจะนำคดีไปสู่ศาล ก็ย่อมยื่นต่อศาลโดยไม่เสนอเรื่องผ่านอัยการ และหากผู้อื่นเสนอเรื่องเดียวกันให้อัยการในเวลาเดียวกัน ก็จะเกิดคำถามตามมาว่า อัยการต้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไปหรือไม่ เพราะศาลได้รับคำร้องเรื่องเดียวกันจากผู้อื่นที่ยื่นตรงต่อศาลไปแล้ว         ยิ่งไปกว่านั้น การที่ มาตรา 68 ให้ศาลมีอำนาจ “ยุบพรรคการเมือง” หรือ “ตัดสิทธิทางการเมือง” ก็คือการให้ ตุลาการถ่วงดุลอำนาจของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ โดยมี “อัยการ” เป็นกลไกในการกรองคดี แต่หากศาลตีความเพิ่มอำนาจให้ตนเองได้อย่างกว้างขวางแล้ว ก็จะเป็นช่องทางให้มีผู้ใช้ตุลาการเป็นอาวุธทางการเมือง ซึ่งก็จะกลับมาทำร้ายตุลาการในที่สุด *** บทสรุปและข้อเสนอแนะ ***         ผู้เขียนไม่ปฏิเสธเลยว่าการแก้ไข มาตรา 291 มีปัญหาและความไม่สง่างามหลายประการ แต่นั่นคือปัญหาที่รัฐสภาเสียงข้างมาก ต้องรับผิดชอบทางการเมือง และประชาชนก็ต้องจ่ายราคาของประชาธิปไตย ที่จะอดทนเรียนรู้และตัดสินใจได้ดีขึ้นในครั้งต่อไป แต่ประชาชนจะไม่มีวันเรียนรู้โดยตัวเองเลย หากเราปล่อยให้มีเสียงข้างน้อยที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง นำมาตรฐานจริยธรรมและความพึงพอใจทางการเมืองส่วนตนมาลากประชาชนไปสู่ทางออกที่ตนยังไม่ทันได้เข้าใจ         ดังนั้น หาก “รัฐสภา” พิจารณาได้ว่า “คำสั่ง ” ของศาลรัฐธรรมนูญนั้น เป็นการใช้อำนาจที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นเพราะ “เกินกรอบ” และ “ข้ามขั้นตอน” ตามตามที่อธิบายมาก็ดี หรือ เพราะขัดหลักนิติธรรม หรือหลักการแบ่งแยกอำนาจ หรือ หลักอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญก็ดี (หรือสภาเห็นช่องทาง แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องการอนุโลมกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่ศาลกำหนดขึ้นเอง “ระหว่างรอกฎหมาย” จากรัฐสภาก็ดี!) “รัฐสภา” ย่อมมี “หน้าที่ ” ที่จะต้องปฎิเสธและไม่ปฏิบัติตาม “คำสั่ง ” ดังกล่าว เพื่อพิทักษ์รัฐธรรมนูญแทนปวงชนชาวไทย อีกทั้งต้องร่วมต่อต้าน ดำเนินการตรวจสอบ รวมทั้งพิจารณาถอดถอนผู้ใดที่จงใจใช้อำนาจนอกวิถีรัฐธรรมนูญ         แต่หากประธานรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภาปฏิบัติตาม  “คำสั่ง ”  อันขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย อีกทั้งยัง “ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่” เมื่อพ้นเวลา 15 วันตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้แล้วไซร้ ก็พึงสังวรว่า กลับเป็นประธานและสมาชิกรัฐสภาหรือไม่ ที่ร่วมลงมือละเมิดรัฐธรรมนูญของประชาชน และอาจต้องโทษอาญาเสียเอง --- อีกความเห็น จากคุณ : คนแดนไท เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 10:58:11 A:180.183.110.62 X:

ความคิดเห็นที่ 9 การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อำนาจนิติบัญญัติ ตุลาการ และบริหารแยกกันเด็ดขาดไม่มีอำนาจใด สั่งการให้อำนาจใด หยุดดำเนินการได้ เพราะเป็นการเข้าไปก้าวก่ายอำนาจของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างชัดเจน และไม่เคยมีบัญญัติไว้ใน รธน. ศาล รธน. มีแต่อำนาจพิจารณากฎหมายที่ สภาออกไปแล้วว่าขัด รธน. หรือไม่ แต่ไม่มีอำนาจสั่งการให้สภาหยุดการพิจารณาเรื่องใดๆ ที่ยังไม่ได้ออกมาเป็นกฎหมาย แต่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา การมีมติไปให้ สภานิติบัญญัติซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดด้วยซ้ำ ยุติพิจารณาเรื่องใดๆ ผมถือว่าเป็น "การบังอาจมากเกินไปแล้ว" นี่เป็นการทำรัฐประหารเงียบ หากสภายอมตามศาลรัฐธรรมนูญ เท่ากับว่า ในประเทศนี้ศาล รธน. ที่ไม่ได้มาจากประชาชนใดๆ สามารถระงับอำนาจนิติบัญญัติได้ นี่เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่ยอมกันไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ผิดหลักการโดยชัดเจน ดังนั้นสภานิติบัญญัติจึงไม่มีหน้าที่่ต้องฟังคำของศาลรัฐธรรมนูญ และผมว่า สภาน่าจะยกวาระขึ้นพิจารณา เพื่อถอดถอนตุลาการรัฐธรรมนูญที่ใช้อำนาจก้าวก่ายอำนาจนิติบัญญัติได้แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องหลักการใหญ่เลยครับ เป็นรัฐประหารเงียบอย่างชัดแจ้ง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ครับ เรื่อง พธม.นั้นเป็นแค่เรื่องเล็กๆ เท่านั้น แต่เรื่องศาล รธน. ทำรัฐประหารเงียบนี้เป็นเรื่องใหญ่ของสังคมครับ หากพวกเขาชนะเท่ากับว่า พวกเขาทำรัฐประหารเงียบสำเร็จแล้ว ต้องตีปี๊บให้ดังครับ ตระหนักให้ดี เครดิต จากคุณลูกชาวนาไทย http://www.tfn5.info/board/index.php?topic=38715.0 จากคุณ : หนุ่มแหลมฉบัง (wton) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 11:05:49 A:209.141.35.164 X:

ความคิดเห็นที่ 10 รอฟัง มุม ปชป.มาแก้ต่างให้ จากคุณ : JJ 2 Go เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 11:07:43 A:223.207.15.105 X:

ความคิดเห็นที่ 11 ความคิดเห็นที่ 2 ขอยืมคำว่าพวกมากลากไปมาใช้กับกากเดนเผด็จการ  9 คนนี้ได้ป่าว แมลงสาบว่าไง จากคุณ : fat_man_kkc .......................... ไม่ใช่พวกมากลากไปครับ  เรียกว่าไม่กี่คนแต่หลงอำนาจตนต่างหาก เสพอำนาจจนเคยตัว  ควรเป็นผู้ที่ดำรงความยุติธรรมกลับไม่เป็น  เอาแต่เพียงความคิดเห็นส่วนตัวที่ลำเอียงอย่างชัดแจ้งมาตัดสินคดี หมดแล้วศักดิ์ศรีสำหรับสถาบันนี้ จากคุณ : เฮียไช้ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 11:11:48 A:27.130.30.46 X:

ความคิดเห็นที่ 12 ยังงี้เรียกว่า "เผด็จการณ์ ศาลรัฐธรรมนูญได้ไหมครับ" เผด็จการณ์ แค่คน 9 คน สามารถทำให้การดำเนินการแก้กฏหมายที่ถูกร่างมาแบบผิดๆ ทำให้เกิดความแปลกแยกในประเทศ และทำให้กระบวนการประชาธิไตยของประเทศต้องชะงักไปได้น่ะ ไม่อยากจะล่วงเกิน แต่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มคณะที่รัฐประหารตั้งขึ้นมาเพื่อทำให้ประเทศชาติถึงทางตันเลย พับผ่า....เถอะ ปล่อยให้คดีที่พวกพ้องของตัวเองมีความผิด หมดอายุไป ปล่อยให้เกิดความวุ่นวายในประเทศจากพรรคพวกของตัวเองได้ แต่พอฝ่ายตรงข้ามทำบ้างก็ออกมาเล่นงาน องค์กรณ์องค์การณ์อะไรก็ตามที่คณะรัฐประหารตั้งขึ้นมานั้นต่างเป็น เผด็จการณ์ที่ตัดสินเอาแต่พวกพ้องของตัวเองทั้งนั้นน่ะ เมื่อไรประเทศไทยจะก้าวออกจากวัฎจักรนี้ได้นะครับ หรือว่าจะต้องก้าวเข้าสู่เหตุการณ์เหมือนในอดีตอีกต่อไป ที่รัฐบาลจำเป็นจะต้องจัดระเบียบระบบยุติธรรมใหม่ รัฐประหารตัวเอง แล้วฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง ยุบองค์กรณ์อิสระทุกองค์กรณ์ ทั้ง ศาลรัฐธรรมนูญ, ผู้ตรวจการรัฐสภา, องค์กรณ์สิทธิมนุษย์ชน, ส.ว., ส.ส. รัฐบาลและฝ่ายค้าน จัดการตั้งรัฐบาลชั่วคราวขึ้นมา แล้วก็ให้มีการเลือกตั้งองค์กรณ์อิสระ ที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อดำเนินการเลือกตั้ง รัฐบาลของประชาชนอีำกทีครับ จากคุณ : เฒ่าเกเร เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 11:23:01 A:101.109.10.86 X:

ความคิดเห็นที่ 13 ยุบทิ้งครับ  ศาลนี้ไม่มีประโยชน์กับนิติรัฐไทยโดยสิ้นเชิง ยุบทิ้งแบบที่ทหารมายุบทิ้งเลยครับ จากคุณ : แก้มอ้น เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 11:34:47 A:118.172.173.61 X:

ความคิดเห็นที่ 14 คนจิตใจชั่วไร้ความยุติธรรม จะหนีกฏแห่งกรรมไปไม่พ้น จากคุณ : nessey เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 11:44:25 A:61.90.17.106 X:

ความคิดเห็นที่ 15 รายชื่อคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายจรัญ  ภักดีธนากุล นายจรูญ  อินทจาร นายเฉลิมพล  เอกอุรุ นายชัช  ชลวร นายนุรักษ์  มาประณีต นายบุญส่ง  กุลบุปผา นายสุพจน์  ไข่มุกด์ นายอุดมศักดิ์  นิติมนตรี ใครจะเป็นผู้ถ่วงดุลย์อำนาจศาล 8 คนนี้ จากคุณ : Mr.นน เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 11:47:55 A:58.8.6.175 X:

ความคิดเห็นที่ 17 ยิ่งไปอ่านจาก ข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ http://www.facebook.com/l.php?u=http%3A%2F%2Fwww.constitutionalcourt.or.th%2Foffice%2Findex.php%3Foption%3Dcom_docman%26task%3Ddoc_download%26lang%3Dth%26gid%3D78%26Itemid%3D78&h=vAQFhPldH ใช้คำว่า "ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า  รัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ให้สิทธิแก่ผู้ทราบถึงการกระทำอันเป็นการเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุขและเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนู ย่อมใช้สิทธิให้มีการตรวจสอบการกระทำดังกล่าวได้ โดยให้มีสิทธิสองประการ คือ หนึ่งเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ และสอง ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว จึงมีมติให้รับคำร้องไว้พิจารณา...." แต่ในรัฐธรรมนูญระบุว่า "มาตรา ๖๘ บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้ ในกรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทำการตามวรรคหนึ่ง ผู้ทราบการกระทำดังกล่าวย่อมมีสิทธิเสนอเรื่อง ให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว.... ความหมายที่คนทั่วไปอ่าน ก็คือ ให้เสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริง และอัยการสูงสุดยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย (โดยละคำว่าอัยการสูงสุด แต่เป็นงานที่อัยการสูงสุดจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง และยื่นคำร้อง) แต่ทำไมถึงออกมาว่ามีทั้งเสนอต่ออัยการสูงสุด และยื่นศาลได้เลย ถ้าแบบนี้กฎหมายที่เขียนทั้งหมด ที่ใช้คำว่า "และ" ต้องตีความกันใหม่หมด ว่าเท่ากับ "หรือ" ข้อสังเกต ในข่าวที่ 16 ใช้คำยื่นต่อศาลรัฐธรรมนุญซ้อนกัน ".... โดยให้มีสิทธิสองประการ คือ หนึ่งเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ และสอง ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว...." ทั้งๆที่ในรัฐธรรมนูญใช้และเชื่อมกันเลย ซึ่งถ้าตีความแยกกัน ก็ต้องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริง อย่างเดียว แล้วให้ผู้ทราบ ยื่นร้อง ก็คงตลกดี ที่อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงเฉยๆ ถ้าตีความแบบศรีธนนชัย แบบหน้าด้านๆ สู้กันแบบไม่อายกัน ก็ต้องบอกว่า ผู้ร้องได้เสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือยัง เพราะคำว่า...และยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการ เป็นสิ่งที่ต้องทำสองอย่างพร้อมกัน ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ คำสั่งศาล สั่งโดยไม่ครบขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญ แถมคนที่เคยมีส่วนได้เสียมีส่วนเกี่ยวข้อง เรื่องร่างรัฐธรรมนูญนี้ ดันลงคะแนนเสียงในเรื่องนี้ด้วย แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 55 12:02:12 จากคุณ : คนแดนไท เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 11:50:48 A:180.183.110.62 X:

ความคิดเห็นที่ 18 ใช่แล้ว รัฐสภา จะเป็นเบี้ยล่าง ปฏิบัติตามคำสั่งศาล รธน.อาจจะเป็นคำสั่งที่ขัดกฎหมาย รธน.ก็ได้ ที่สำคัญ ศาลสั่งเลขาธิการสภาฯ แต่เลขาฯเป็นลูกน้องประธานสภา ไม่มีอำนาจบังคับบัญชาสั่งต่อได้ สภาฯต้องอภิปรายถกเถียงกันว่าจะทำอย่่างไร แล้วเอามติที่ประชุม คุ้มครองการที่ไม่ปฏิบัติ ตามคำสั่งศาล ดูทีว่า ศาลจะสั่งยุบสภาฯได้หรือ สนุก จากคุณ : NiyomC เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 11:50:58 A:122.155.36.251 X:

ความคิดเห็นที่ 19 อีกความเห็นที่ค้นมา Joe Toulouse มาตรา ๖๘ บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้มิได้ ในกรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทำการตามวรรคหนึ่ง ผู้ทราบการกระทำดังกล่าวย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว แต่ทั้งนี้ ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการดังกล่าว คดีนี้ผมว่ามีข้อบกพร่องสองเรื่อง เรื่องหนึ่งคือด้านรูปแบบอำนาจฟ้อง ตามที่เถียงกันมาว่า และ มันแปลว่าอะไร มันหมายถึงว่าบุคคลมีอำนาจ 1.เสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริง และ 2.ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย นั่นคือสองอย่างนี้เป็นเอกเทศจากกัน หรือจะแปลว่า บุคคลมีอำนาจเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดซึ่งอัยการสูงสุดมีหน้าที่คือตรวจสอบข้อเท็จจริงและตัวอัยการสูงสุดเองแหละเป็นคนยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญถ้าเห็นว่ามีการกระทำผิดจริง ผมเห็นตามแบบหลังด้วยเหตุสามอย่าง อันแรกคือตามสามัญสำนึกทั่วไปเมื่ออ่านแล้วได้ความเช่นนั้นซึ่งอันนี้แต่ละคนอาจอ่านแล้วเข้าใจไม่ตรงกันได้ ผ่านไป อันที่สองคือ ผมคิดในอีกแง่นึงว่าถ้าบุคคลมีสิทธิสองประการจริงๆ รัฐธรรมนูญควรใช้คำเชื่อมว่า หรือ มากกว่า และ เพราะโดยปกติแล้วการใช้สิทธิตามกฎหมายเรื่องเดียวกันท่านไม่ให้ใช้สองทางพร้อมกันหรอกครับหนึ่งก็เพื่อลดภาระงานให้เป็นไปตามลำดับและสองเพื่อกันไม่ให้ผลพิจารณาออกมาขัดกันซึ่งคงตลกพิลึก เหตุผลสุดท้ายคือผมคิดว่าถ้าเราตีความแบบแรก อำนาจของอัยการสูงสุดจะเหลือเพียงตรวจสอบข้อเท็จจริงแต่ยื่นเรื่องให้ศาลไม่ได้ ก็คงตลกพิกลจะให้อัยการสูงสุดตรวจสอบเรื่องแค่นั้นแล้วไม่มีอำนาจยื่นเรื่องได้อย่างไร จากคุณ : คนแดนไท เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 11:56:08 A:180.183.110.62 X:

ความคิดเห็นที่ 20 รัฐบาลเป็นฝ่ายบริหาร  ดังนั้นถ้าเป็นเรื่อง นโยบาย  ฝ่ายตุลาการไม่มีสิทธิมาตัดสินว่าผิดหรือถูก สภาเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ  การออกกฎหมายใดๆ  แม้แต่รัฐธรรมนูญก็อยู่ในอำนาจของสภา  ฝ่ายตุลาการไม่มีสิทธิมาตัดสินว่าผิดหรือถูก รัฐบาลหรือสภาจึงไม่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งอำนาจฝ่ายตุลาการ  แต่ถ้ายอมปฏิบัติตามก็พูดได้คำเดียวว่า "โง่"  และถ้าทำเช่นนั้นเท่ากับทรยศต่อประชาชนที่มอบอำนาจให้ ทางปฏิบัติ คือ เรียกประชุมรัฐสภา  แล้วมีมติว่า  คำสั่งนั้นเป็นการก้าวล่วงอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ  และมีมติไม่ปฎิบัติตาม  จากนั้นแจ้งความดำเนินคดีกับผู้มีคำสั่งนั้นทั้งชุดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กับศาลอาญา  ใช้ระบบศาลปกติจัดการกับศาลพิเศษที่ไม่ได้รับการโปรดเกล้า แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 55 12:10:01 จากคุณ : เติ้ง1234 เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 12:00:49 A:124.120.222.142 X:

ความคิดเห็นที่ 21 ศาลมีคำสั่งให้เลขาธิการสภาฯแจ้งต่อสภาให้ระงับการพิจารณาไว้ก่อน เนื่องจากการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของฝ่ายนิติบัญัญญัติ จึงเป็นอำนาจของประธานสภาผู้แทนราษฏรที่จะต้องพิจารณาว่ามีเหตุตามที่กำหนดในรธน. ที่จะต้องระงับการพิจารณาร่างแก้ไขรธน.ตามที่ศาลสั่งมายังเลขาธิการสภาฯหรือไม่ หากไม่มีเหตุใดในรธน.กำหนดไว้ให้ระงับได้ การปฏิบัติตามที่ศาลมีคำสั่งมายังเลขาธิการสภาฯ ย่อมเป็นการไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ซึ่งประธานสภาฯต้องมีความรับผิดฐานจงใจละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามรธน. การมีคำสั่งศาลที่สั่งไปยังเลขาธิการสภาฯไม่อาจหยิบยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวให้พ้นความรับผิดได้ พนัส ทัศนียานนท์ จากคุณ : คนแดนไท เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 12:06:44 A:180.183.110.62 X:

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่เคยเห็นพวกอาจารย์สำนัก  ธรรมศาสตร์หรือสำนักไหนๆจะเห็นด้วยกับศาลสักทีตั้งแต่อดีต  เกือบยี่สิบปีที่แล้ว  จนบัดนี้ ประมาณ อยากหาเหตุผลสร้างพาวข่มพวกศาลนั่นแหละ แต่แนวทางในวิชาการ  มันมีความเห็นแต่กเป็นหลายฝ่ายถึงที่สุดต้องยุติที่ศาลอยู่ดี  ไม่อย่างนั้นก็ให้พวกอาจารย์(บางคนตอนผมเรียนจบเนฯแล้วยังไม่ได้เรียนกฎหมายเลย) ไปเป็นศาลตัดสินตามอำเภอใจเสียเอง จากคุณ : ทนายเนติบัณฑิตคนหนึ่ง เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 12:35:21 A:27.55.6.128 X:

ความคิดเห็นที่ 23 มีบางคน คงไม่ได้เรียนกฎหมายจากอาจารย์สำนักไหนๆ ถึงดูหมิ่น ประนามว่า "ประมาณ อยากหาเหตุผลสร้างพาวข่มพวกศาลนั่นแหละ" จากคุณ : คนแดนไท เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 12:40:12 A:180.183.110.62 X:

ความคิดเห็นที่ 24 พวกวิชาการเรียนรู้ไว้ก็ดี ความเห็นอันหลายมุม แต่เวลาทำคดี   เราต้องเอาตามคนส่วนใหญ่หรือที่ศาลส่วนใหญ่เห็นด้วยและเป็นธรรม และมีบรรทัดฐานแม้    ไปต่อสู้ตามแนวทางวิชาการ แบบนี้   ทำ  100 คดี ก็แพ้ทั้ง 100  คดีนั่นแหละครับ จากคุณ : ทนายเนติบัณฑิตคนหนึ่ง เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 12:42:02 A:27.55.6.128 X:

ความคิดเห็นที่ 25 อาจารย์บางคน  รุ่นพี่เขา  ผมยังเคยเทรนสอนวิชากฎหมาย วิชาว่าความให้เลยครับ จากคุณ : ทนายเนติบัณฑิตคนหนึ่ง เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 12:45:16 A:27.55.6.128 X:

ความคิดเห็นที่ 26 ขอข้อความเห็นตามกระทู้ อย่าอวดอ้างเลย ในโลกอินเตอร์เนท ไม่รู้จริงเท็จ เป็นแค่อะไรก็ไม่มีใครรู้ จากคุณ : คนแดนไท เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 12:51:44 A:180.183.110.62 X:

ความคิดเห็นที่ 27 ถ้าหาหลักฐานได้ว่า มีเส้นสายตุลาการ กระซิบให้40 สว.ยื่นคำร้องตาม รธน.ม68 ตุลาการอาจติดคุกได้ เพราะตุลาการ รธน.ชุดนี้ มีส่วนได้เสียในการแก้ รธน.เพราะอาจถูกยุบ ดังนั้นจึงมีมูลเหตุจูงใจ เป็นเจตนาพิเศษ ที่จะให้ยับยั้ง ขัดขวางการแก้ รธน.ของรัฐสภาในครั้งนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้น ตุลาการ รธน.อาจมีความผิด ตาม ป.อ.มาตรา157 จากคุณ : NiyomC เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 12:54:14 A:122.155.36.145 X:

ความคิดเห็นที่ 28 คุณทนายครับ ทำไมตอนนี้อ้างเสียงข้างมากล่ะครับ ในรัฐสภาบอก เสียงข้างมากลากไป ตกลงแบบไหนที่มันถูกต้องครับ คุณจำเรื่องที่ คุณสุรพงษ์ โตวิจักชัยกุล ยื่นเรื่องการแก้ใขรัฐธรรมนูญ ที่ นายมารค์กับพวกแก้ใข สาน ที่คุณว่า บอกไม่มีอำนาจหน้าที่ เป็นเรื่อง ของนิติบัญญัติ ตกลงเอามาตราฐานไหนแน่ หรือ มาตราฐานของกรู ถ้าพวกคัวทำ ไม่ผิดแต่พวก คุณ ต้องผิด เอางั้นหรือครับ ทนาย จากคุณ : pongsri เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 13:15:17 A:118.174.83.120 X:

ความคิดเห็นที่ 29 หลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย แบ่งแยกอำนาจไว้อย่างชัดเจน นิติบัญติ(รัฐสภา) บริหาร(รัฐบาล) ตุลาการ(ศาล) เป็นการถ่วงดุลอำนาจกันตามหลัก check and balance  การที่ศาลรธน. จะตรวจสอบฝ่ายนิติบัญัติต้องมีบทญัติให้อำนาจไว้ในรธน.เท่านั้น แต่การที่ศาลรธน.ออกคำสั่งเช่นนี้ เท่ากับเป็นการทำลายหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยโดยตรง เพราะเท่ากับฝ่ายตุลาการเข้ามาควบคุมกำกับการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติโดยตรง อีกทั้งไม่มีรธน.มาตราใดให้อำนาจศาลออกคำสั่งเช่นนี้ต่อรัฐสภาได้ อีกทั้งรธน.กำหนดให้ที่อำนาจสูงสุดนั้นเป็นของปวงชนชาวไทยและใช้อำนาจนั้นผ่านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หากปล่อยให้กรณีเช่นนี้เป็นไป เท่ากับฝ่ายนิติบัญัติทั้งหมดยินยอมตกอยู่ใต้อำนาจฝ่ายตุลาการอย่างสิ้นเชิง เท่ากับเป็นการทำลายสมดุลอำนาจตามระบอบปชต. ประชาธิปไตยในประเทศต้องล่มสลายอย่างแน่นอน หากรัฐสภาไม่ยืนยันในสิทธิและอำนาจของตนแล้ว ต่อไปก็คงไม่อาจดำเนินการใดๆโดยอิสระได้อีกซึ่งก็คือจุดจบของการใช้อำนาจของประชาชน แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 55 14:16:41 จากคุณ : sunsy เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 13:28:45 A:182.53.230.28 X:

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณ คุณคนแดนไทครับ ที่นำเสนอ  มุมมองที่แตกต่าง นี่คือกระทู้คุณภาพอีกหนึ่ง จากคุณ : ชัย อาภาภิรมย์ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 14:19:44 A:183.89.91.195 X:

ความคิดเห็นที่ 31 ตุลาการพิบัติ จากคุณ : สัจจะธรรมคือความจริง เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 15:03:15 A:125.25.149.236 X: