ความคิดเห็นที่ 1 ตอบข้อ 1 ค่ะ   จากคุณ : เพชรน้ำนิล เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 10:43:57 A:115.87.18.203 X:

ความคิดเห็นที่ 2 เอาจริงถึงแน่นอน แต่จะเอาไปเยอะ ๆ ทำไม เอาไปเยอะก็ตรวจสอบนาน... ได้มาล้านรายชื่อ ส่งตามที่กฏหมายกำหนดพอ จะได้ไม่เอารายชื่อไปดองตรวจสอบ... จากคุณ : poppoomi เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 10:47:18 A:101.51.62.180 X:

ความคิดเห็นที่ 3 เห็นด้วยกับ #2 ครับ และต้องฝ่าด้านสว.กระสันหาด้วย ปล. เราจะได้ถอดถอนสว.กระสันได้ด้วยหรือเปล่าน่ะ จากคุณ : สัจจะธรรมคือความจริง เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 11:05:18 A:125.25.157.40 X:

ความคิดเห็นที่ 4 จะล่าเป็นล้านชื่อถ้าศาลไม่ได้ทำผิดก็ถอดไม่ได้ อาจจะยาวสักหน่อยแต่ก็น่าจะทำให้เข้าใจอะไรได้บ้าง เพราะคนที่ทำผิดกฏหมายเสียเองคือพรรคเพื่อไทย แต่พรรคเพื่อไทยพยายามบิดเบือนเรื่องต่าง ๆว่าศาลไม่มีสิทธิก้าวกายงานด้านนิติบัญญัติ แต่สิ่งที่ศาลทำคือการคานอำนาจต่างหากแล้วศาลก็ออกมาชี้เตือนแล้วด้วย ท่าทางจะตกม้าตายเสียแล้วสำหรับพรรคเพื่อไทยที่พยายามผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งว่ากันว่าเนื้อหาที่ออกมานั้นไม่ต่างจากการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยมีเป้าหมายเพื่อปูทางไปสู่การวางโครงสร้างการปกครองของ 'รัฐไทยใหม่' แต่ล่าสุดต้องมาสะดุดกลางคัน เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้อง 5 คำร้อง จากผู้เสนอ 5 ราย และมีคำสั่งให้สภาระงับการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ไว้ก่อน เนื่องจากเห็นว่าอาจเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และอาจเป็นการกระทำเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข !!             เนื้อหาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวเป็นเช่นไร เหตุใดจึงเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ? ซึ่งถือเป็นข้อหาอุกฉกรรจ์ทางการเมือง และการที่พรรคเพื่อไทยยืนยันจะเดินหน้าพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญใน วาระ 3 ต่อไป โดยไม่ฟังคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญจะส่งผลเช่นไร ? 'วรินทร์ เทียมจรัส' แกนนำกลุ่มสยามสามัคคี อดีต ส.ว.สรรหา และนักกฎหมายมือฉมัง ในฐานะหนึ่งในผู้ที่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ได้แจกแจงและวิเคราะห์ให้ฟังอย่างถึงแก่น             เนื้อหาส่วนไหนในการแก้รัฐธรรมนูญที่มองว่าเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จนเป็นเหตุให้ต้องยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้สภายุติการพิจารณาแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญครั้งนี้             คือความจริงมาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญให้อำนาจกับรัฐสภาที่จะสามารถดำเนินการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญได้ ภายใต้เงื่อนไขและหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ เช่น ต้องมีการเข้าชื่อกันของสมาชิกของสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของแต่ละสภา เพื่อเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือประชาชนเข้าชื่อกัน 50,000 ชื่อเพื่อเสนอแก้ไข แต่ทั้งนี้ต้องไม่ไปกระทบองค์กรหลักของรัฐธรรมนูญ หรือกระทบต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อาทิ เปลี่ยนไปเป็นการปกครองระบอบประธานาธิบดี หรือทำให้เกิดการแบ่งแยกตัวรัฐ นอกจากนี้กฎหมายยังได้กำหนดขั้นตอนในการพิจารณาต่างๆไว้โดยละเอียด เช่น เมื่อรับร่างแล้ว ต้องพิจารณาต่อเนื่อง 3 วาระ พร้อมทั้งกำหนดว่าการพิจารณาในแต่ละวาระจะต้องใช้เสียงในการลงมติเท่าไรจึงจะผ่านการพิจารณา และเมื่อดำเนินการแก้ไขกฎหมายเสร็จสิ้นแล้วต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อลงพระปรมาภิไธย             แต่ปรากฏว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ ส.ส.ในสภากลับดำเนินการแก้ไขตัวมาตรา 291 ซึ่งเป็นมาตราที่กำหนดขั้นตอนและวิธีการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อที่จะกำหนดให้มี ส.ส.ร. (สภาร่างรัฐธรรมนูญ) เข้ามาดำเนินการยกร่างกฎหมาย ซึ่งตรงนี้ถือว่าผิดหลักการ คำถามก็คือ ส.ส.ร. มาได้อย่างไร เพราะโดยเจตนารมณ์ของกฎหมายรัฐธรรมนูญต้องการให้สมาชิกแห่งรัฐสภาเป็นผู้ทำหน้าที่แทนประชาชนในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ และได้กำหนดวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ชัดเจน ดังนั้นการแก้มาตรา 291 ในครั้งนี้จึงถือเป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญ             ที่สำคัญ ส.ส.ร.ยังเป็นองค์กรที่ไม่ได้มีสัญญาประชาคมกับประชาชน ผิดกับสมาชิกแห่งรัฐสภาที่ได้ปฏิญาณตนไว้แล้วว่าจะทำเพื่อประโยชน์ของปวงชนชาวไทย นอกจากนั้น ส.ส.ร.ยังเป็นเพียงคณะที่จะมายกร่างกฎหมาย แต่ไม่ได้มีกฎหมายบังคับในการทำหน้าที่ การที่รัฐบาลบอกว่าจะไม่มีแก้การหมวด 1(หมวดทั่วไป) หมวด2 (หมวดพระมหากษัตริย์) ก็เป็นเรื่องการรับปากของรัฐบาล ไม่ได้ผูกพันกับ ส.ส.ร. ดังนั้น ส.ส.ร.ชุดนี้จะร่างกฎหมายออกมาอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา เขาอาจจะแก้ไขทั้งหมดก็ยังได้ ซึ่งตรงนี้เราจึงเห็นว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้มีผลให้เกิดการยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 อันเป็นการกระทำเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข             ดังนั้น เมื่อมีการแก้ไขมาตรา 291 ซึ่งเท่ากับเป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญ จึงเข้าข่าย มาตรา 68 ซึ่งระบุว่า บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้             แล้วขั้นตอนในการดำเนินการตามมาตรา 68 ต้องทำยังไง             ในมาตรา 68 วรรค 2 ระบุว่า หากบุคคลหรือองค์กรที่รู้เห็นการกระทำดังกล่าวข้างต้น ก็มีสิทธิที่จะไปร้องต่ออัยการ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน แล้วจึงส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ หรือจะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรงก็ได้ สามารถทำได้ทั้ง 2 ช่องทาง             คือมาตรา 68 ได้ให้อำนาจกับประชาชนเพราะถือว่าประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย จึงเปิดช่องตรงให้เข้าไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญซึ่งมีอำนาจวินิจฉัยเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญโดยตรง ซึ่งกรณีนี้ศาลอาจสั่งให้ระงับการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 เนื่องจากเห็นว่าอาจจะมีการล้มล้างสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงวิธีการที่ได้มาซึ่งอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นอกเหนือจากกรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ คือรัฐธรรมนูญระบุว่าว่า ส.ส.สามารถดำเนินแก้รัฐธรรมนูญได้ ภายใต้มาตรา 291 แต่ ส.ส.กลับไปแก้ไข มาตรา 291 เพื่อตั้งคณะบุคคลคือ ส.ส.ร.ขึ้นมาทำหน้าที่แก้รัฐธรรมนูญแทน ตรงนี้จึงเป็นการแสวงอำนาจการปกครอง นอกเหนือจากที่รัฐธรรมนูญรับรอง             ตรงนี้ก็เห็นภาพชัดแล้วว่าคุณทำผิด เมื่อศาลรัฐธรรมนูญท่านเห็นว่าเป็นเรื่องที่ผิด ศาลก็จะมีคำสั่งให้หยุดการกระทำ โดยรัฐสภาต้องหยุดการกระทำทันที และเมื่อหยุดการกระทำแล้วศาลวินิจฉัยต่อไปพบว่ามีการกระทำผิดจริงและมีเจตนาที่จะทำผิด ส.ส.ทั้งหมดที่ร่วมกันแก้รัฐธรรมนูญก็ต้องร่วมกันรับความผิดนั้น             หากศาลวินิจฉัยว่า ส.ส.ที่ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้มีความผิด จะมีโทษอย่างไร             ส.ส. ที่เข้าชื่อเสนอแก้รัฐธรรมนูญ หรือร่วมลงมติให้มีการแก้ไข ก็จะอยู่ในชะตากรรมอันเดียวกันก็คือต้องถูกดำเนินคดีอาญาฐานความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงภายในแห่งรัฐ ซึ่งความผิดสูงสุดก็คือกบฏในราชอาณาจักร มีโทษถึงขั้นประหารชีวิต แล้วก็ไล่ไปว่าแต่ละคนเข้าข่ายตรงไหน อาจจะได้รับโทษอาญาเป็นการเฉพาะตัว โดยกรรมการบริหารพรรคการเมืองอาจถูกศาลอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาตัดสิทธิทางการเมือง รวมไปถึงอาจถูกยุบพรรคอีกด้วย ซึ่งตรงนี้จะเกี่ยวเนื่องกับมาตรา 237 ในรัฐธรรมนูญ เพราะถือว่าเป็นการได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ             ทั้งนี้โดยส่วนตัวมองว่าถ้าเป็นความผิดฐานกบฏภายใน ถือว่าเป็นความผิดที่ใหญ่หลวงมาก เพราะคำว่ากบฏสามารถตีความได้ว่าเป็นผู้รู้เห็นเป็นใจ หรือรู้เห็นแต่ไม่เป็นใจ การที่เลือกที่จะไม่บอกก็เป็นความผิดด้วย สรุปคือขบวนการทั้งหมดใครรู้เห็นก็มีสิทธิ์โดนหมด ไม่ว่าจะเป็นคนที่รับร่างในแต่ละฉบับ ในแต่ละขั้นตอน จะมาอ้างว่าไม่ทราบ ทำไปตามหน้าที่ไม่ได้             วันนี้เป็นเรื่องที่เราต้องมาพัฒนาการเมืองกัน สิ่งสำคัญคือระบบพรรคการเมืองไทย จะสามารถพัฒนาต่อไปได้จากคดีนี้ สามารถแปลงวิกฤตเป็นโอกาสได้ สมาชิกรัฐสภาทุกคนต้องกลับมาทบทวน อ่านรัฐธรรมนูญทั้งหมด ว่าอันไหนห้ามทำก็อย่าไปทำ วันนี้เท่ากับว่า ส.ส.กำลังใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญ2550 ซึ่งหลักการทั่วไปเนี่ยรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 และ 2550 นั้นเขียนไว้เหมือนกัน             ถ้า ส.ส.พรรคเพื่อไทย หรือสมาชิกสภา ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ยืนยันที่จะเดินหน้าลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 จะมีความผิดอย่างไร             เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ถือเป็นการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญซึ่งมีผลทำให้เป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 อันเป็นการกระทำเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ จึงมีความผิดดังนี้ คือ 1. ถูกดำเนินคดีอาญา 2.ถูกยุบพรรค 3.ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี นอกจากนั้นยังมีความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงภายใน ซึ่งอยากให้ท่าน ส.ส.ไปเปิดดูเพราะมันมีหลายมาตรา             และเนื่องจากตัวคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นกฎหมายซึ่งมีผลผูกพันกับสมาชิกรัฐสภา ดังนั้นถ้ารัฐสภาดึงดันลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ศาลรัฐธรรมนูญท่านก็บอกว่า..ไม่เป็นไร คุณก็ลงมติไปสิ ถ้าศาลสั่งแล้วคุณไม่ทำ ศาลก็จะเอาการลงมติวาระ 3 มาพิจารณาถึงเจตนา เนื่องจากศาลมีมติห้ามแล้วแต่คุณไม่ฟังก็ถือว่ามีเจตนากระทำผิด คือในการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 1 คุณได้รับร่างไป คุณก็อาจจะบอกได้ว่า..ผมไม่รู้ เขายื่นมาผมก็รับ พอวาระที่ 2 คุณนั่งพิจารณาร่างแก้ไขกฎหมาย แล้วคุณก็ลงมติ มันก็อาจจะยังไม่ชัดนะครับ แต่พอวาระที่ 3 คุณลงมติรับรอบเพื่อออกเป็นร่างพระราชบัญญัติ ในขณะที่ศาลบอกแล้วว่าผิด อย่างนี้ถือว่าความผิดสำเร็จแล้วครับ ผมเองอยากให้เขาลงมติวาระ 3 ใจจะขาดนะครับ             หลายคนสงสัยว่าการตั้ง ส.ส.ร.ในการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ แตกต่างจากการตั้ง ส.ส.ร.เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 อย่างไร             ตอนนั้นกฎหมายไม่ได้ห้ามไว้ ครับ เลยมี ส.ส.ร.ได้             บางคนบอกว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะสามารถเข้ามารับเรื่องได้ก็ต่อเมื่อผ่านวาระ 3ไปแล้ว             กรณีดังกล่าวเป็นคนละเรื่องกัน กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องเมื่อผ่านวาระ 3 ไปแล้วนั้นต้องเป็นเรื่องที่สมาชิกสภาไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมาย แต่เขาเป็นเสียงข้างน้อย ไม่สามารถคัดค้านในสภาได้ จึงไปเข้าชื่อกันเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญหยิบยกมาพิจารณาว่าพระราชบัญญัติฉบับนั้นขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่กรณีนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนเข้ามาทำหน้าที่พิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญซึ่งจะเข้าไปตอนไหนก็ได้ เมื่อเห็นว่าเป็นการออกกฎหมายที่ไม่ถูกต้องก็ยื่นเรื่องต่อศาลขอให้มีคำสั่งห้ามไม่ให้สภาดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อ นี่คือความงดงามในการเรียงร้อยกฎหมายไว้อย่างมีเหตุมีผล             คือผมอ้างแค่ไม่ให้แก้มาตรา 291 แล้วจึงมาดูว่าจะไปร้องทางช่องไหน ซึ่งก็มีช่องทางทางศาลรัฐธรรมนูญอยู่ และการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ไปก้าวก่ายอำนาจบริหาร เราต้องเข้าใจก่อนว่าการใช้อำนาจขององค์กรในรัฐธรรมนูญนั้นแบ่งเป็น 3 ฝ่าย คือ บริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ นอกจากนั้นในช่วงหลังยังมีการเพิ่มองค์กรอิสระเข้าไปด้วย เพื่อให้องค์กรเหล่านี้ใช้อำนาจถ่วงดุลกันและกัน ฉะนั้นใครใช้อำนาจเกินขอบเขตไปก็ต้องออกมาเบรกกัน             ซึ่งการดุลอำนาจจะเกิดขึ้นใน 2กรณี คือ 1.ในขณะที่กระบวนการยังไม่เสร็จสิ้น และ 2.ในลักษณะที่กระบวนการเสร็จสิ้นแล้ว อย่างในกรณีนี้ รับหลักการวาระแรกแล้ว วาระที่ 2 ก็มีการแปรญัตติแล้ว ดังนั้นร่าง พ.ร.บ.นี้ออกเป็นกฎหมายแน่นอน ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญจึงต้องเข้ามาป้องปรามตรงนี้             พรรคเพื่อไทยพยายามโจมตีว่าเรื่องนี้เป็นเกมการเมือง             ไม่ใช่ครับ คือตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2540 เป็นต้นมาเนี่ยเราได้แยกการเมืองเป็น 2 ขั้ว คือ 1.การเมืองในขั้วของนักการเมือง และ 2. การเมืองภาคประชาชน ซึ่งการเมืองในขั้วนักการเมืองนั้นก็คือการที่พรรคการเมืองเข้าไปรวบรวมบุคคลที่มีความคิดทางการเมืองเหมือนกัน ต้องการแสวงหาอำนาจทางการปกครองเหมือนกัน เข้ามาเป็น ส.ส. เป็นรัฐบาล เขาก็จะพยายามผูกขาดอำนาจของเขาไว้ ซึ่งเป็นระบบการเมืองที่เรากำลังติดกับกันอยู่ ขณะที่การเมืองภาคประชาชนนั้นเป็นการเมืองที่รัฐธรรมนูญได้ให้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นและการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ซึ่งตรงนี้รัฐธรรมนูญปี 2550 ใช้คำว่าการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาเราได้สอดแทรกการเมืองภาคประชาชนไว้ในรัฐธรรมนูญในหลายๆ จุด เยอะแยะมากมาย แต่เราไม่ได้ดึงออกมาใช้             แสดงว่าการยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้สภายุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ถือเป็นการใช้อำนาจของการเมืองภาคประชาชน             ใช่ครับ แล้วการเมืองภาคพลเมืองเนี่ยเป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้าการเมืองภาคประชาชนเข้มแข็งเราจะสามารถถ่วงดุลอำนาจกับนักการเมืองได้ สภาไม่สามารถใช้อำนาจแบบพวกมาลากไปได้อีก ซึ่งการที่มีนักการเมืองเข้ามาแสวงประโยชน์เราก็ไปโทษเขาไม่ได้นะเพราะประชาชนไปเลือกคนที่แสวงประโยชน์เข้ามาทำงานในสภาเอง แต่ถ้าการเมืองภาคพลเมืองเข้มแข็ง เช่น สมมุติผมมีกลุ่ม กลุ่มของผมมีเสียงสัก 50 ล้านคน ถ้าวันนี้ผมต้องการนโยบายที่ดูแลสิ่งแวดล้อม ถ้าพรรคไหนดำเนินนโยบายนี้กลุ่มผมเทคะแนนให้เลยนะ นี่คืออำนาจต่อรองของประชาชน ซึ่งการเมืองที่พัฒนาแล้วจะเป็นแบบนี้ อำนาจจะอยู่ที่ภาคประชาชน             ทางพรรคเพื่อไทยก็บอกว่าตอนนี้ศาลรัฐธรรมนูญกำลังใช้อำนาจตุลาการมาแทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติ             นี่เป็นวาทะทางการเมือง ซึ่งในทางปฏิบัติถ้าคุณเชื่อว่าศาลก้าวก่ายการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ คุณก็เดินหน้าลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ไปเลย แต่ถ้าผมในฐานะนักกฎหมาย ซึ่งทั้งเรียนกฎหมาย สอนกฎหมาย และเคยร่างกฎหมายด้วย ผมว่า ณ วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญแค่ใช้ดุลพินิจที่จะรับคำร้องไว้ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นอำนาจของศาล ในทางธุรการเขาส่งหนังสือมาก็ต้องรับ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินทางปกครองเนี่ยเขาส่งหนังสือมา หนังสือนั้นจะชอบหรือไม่ชอบ คุณต้องตอบรับไว้ก่อนว่าได้รับหนังสือแล้ว นั้นคือการใช้ดุลพินิจทางปกครอง หลังจากรับคำร้องแล้วเนี่ยศาลก็ได้ใช้ดุลพินิจทางตุลาการโดยการประชุมองค์คณะ ซึ่งตามกฎหมายบอกว่าองค์คณะต้องมีอย่างน้อย 5 คน ซึ่งครั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญท่านประชุมแล้วมีคำวินิจฉัย ก็จะเข้าข่ายรัฐธรรมนูญมาตรา 216 วรรคห้า ที่ระบุว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐทันที             การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้เท่ากับเป็นการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับหรือเปล่า             งานนี้เหมือนออกเช็คเปล่าให้ไปเขียนตัวเลขเอง เพราะฉะนั้นมันเป็นไปได้ทั้งนั้นเพราะว่าสภาไม่ได้บอกเลยว่าจะให้อำนาจ ส.ส.ร.แค่ไหน จะแก้มาตราไหนบ้าง ที่รัฐบาลบอกว่าจะไม่แตะหมวด 1 (หมวดทั่วไป) หมวด 2 (หมวดพระมหากษัตริย์) ก็ไม่ได้มีการพูดกันในสภานะครับ เป็นการยกรัฐธรรมนูญให้ ส.ส.ร. ร่างทั้งฉบับเลย คุณจะทำอะไรก็เรื่องของคุณ จะแก้มาตราไหนก็ได้ จะร่างใหม่ทั้งฉบับก็ได้ เพราะฉะนั้นในฐานะที่เราเป็นประชาชนคนหนึ่ง เราจึงจำเป็นต้องยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการใช้สิทธิทางการเมืองของภาคประชาชนที่รัฐธรรมนูญให้การรับรอง             ทำไมรัฐบาลเพื่อไทยจึงต้องเร่งรีบแก้รัฐธรรมนูญ ในขณะที่ปัจจุบันคนทั่วไปยังไม่เห็นความจำเป็นในการแก้รัฐธรรมนูญเลย ไม่มีความขัดแย้งอะไรที่จะนำไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญ             ใช่ครับ แก้รัฐธรรมนูญเสร็จวันนี้ข้าวก็ไม่ลงราคา ผมก็ยังกินข้าวแกงจานละ 45 บาทเหมือนเดิม             คิดว่าพรรคเพื่อไทยมีเป้าหมายอะไรในการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับครั้งนี้             ก็เพื่อประโยชน์ของพรรคการเมือง ส่วนพรรคการเมืองจะไปเอื้อประโยชน์ให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดก็ว่ากันเป็นกรณีไป คือตอนนี้เรายังไม่เห็นว่าเขาจะร่างอย่างไรกันบ้าง             จากสถานการณ์ที่ผ่านมาทำให้มีการวิเคราะห์กันว่าการแก้ไขกฎหมายครั้งนี้พรรคเพื่อไทยต้องการจะรวบอำนาจตุลาการ หลังจากที่ตอนนี้สามารถรวบอำนาจบริหารและอำนาจนิติบัญญัติไว้ในมือได้แล้ว             เขาจะทำอะไรก็ทำได้หมดแหล่ะครับ แม้กระทั่งจะยุบองค์กรอิสระทั้งหมดก็ทำได้ จะยุบศาล ลดทอนอำนาจศาล ลดอำนาจขององค์กรอื่นๆ ทำได้หมดแหล่ะครับ             มีการมองถึงขั้นว่าจะเป็นการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างการปกครองเป็นรัฐไทยใหม่             มันก็เป็นไปได้ เราจึงจำเป็นต้องยื่นเรื่องเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้สภายุติการพิจารณากฎหมาย ก็อย่างที่บอกมันเหมือนการเขียนเช็คเปล่าให้เขาไปกรอกตัวเลข ต่อไปนี้เขาจะไปวางโครงสร้างอำนาจยังไงก็ได้เพราะ ส.ส.ร.ทั้ง 99 คน เป็นคนร่าง แล้วรัฐบาลก็บอกว่าจะเร่งรัดดำเนินการให้เร็วที่สุด ถามว่าทำไมจึงต้องเร่งรัด แล้วคุณคัดคนที่จะมาเป็น สสร.ได้ไหม             ถ้าสุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าสภาลงมติแก้รัฐธรรมนูญในสาระ 3 ไม่ได้ การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้จะตกไปเลยหรือเปล่า             ใช่ครับ เท่ากับการแก้รัฐธรรมนูญตกไปทั้งหมด จากนั้นกระบวนการรับผิดของสภาก็ต้องตามมา ส่วนสุดท้ายแล้วศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินเช่นไร ผมไม่ขอก้าวล่วง เพราะตรงนี้ถือเป็นอำนาจในการใช้ดุลพินิจของศาล ขั้นตอนขณะนี้ถือว่าได้เดินมาในแนวทางนิติรัฐนิติธรรมแล้ว ถ้าวันนั้นผมไม่ตัดสินใจยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ศาลก็ไม่สามารถสั่งให้สภายุติการพิจารณากฎหมายได้ ตอนนี้คนที่ใส่สูทในสภาก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่ากำลังจะต้องเปลี่ยนเครื่องแบบ สังคมไทยเริ่มขยับตัว ความเกรี้ยวกราดเริ่มลดลงเรื่อยๆ ที่ท้าทายว่าจะไปปลดศาล จะอย่างนั้นจะอย่างนี้ เอาเข้าจริงการระดมพลครั้งนี้ก็ยังไม่รู้จะมีคนมามากน้อยขนาดไหน ถ้าเราใช้กระบวนการตามกฎหมายมาดำเนินการ แม้คนในสังคมจะมีความเห็นต่างกันก็มีคนกลางออกมาวินิจฉัยชี้ขาด บ้านเมืองมันจะเดินไปได้             เห็นว่าตอนนี้พรรคเพื่อไทยก็เตรียมล่ารายชื่อคนเสื้อแดงเพื่อยื่นถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ             รีบทำเลยครับ อยากทำอะไรก็ทำ ก่อนที่ศาลจะมีคำวินิจฉัย คือมีสิทธิทางการเมืองก็ทำไปแต่ว่ามันต้องมีสติเพราะสุดท้ายผลของการกระทำมันจะย้อนกลับมา การใช้สิทธิเสรีภาพเนี่ยหลักการสำคัญคือห้ามไปกระทบสิทธิของผู้อื่น ถ้าคุณไปกระทบสิทธิ กระทบเสรีภาพของคนอื่นคุณต้องรับผิดชอบ             กรณีที่จะเข้าชื่อถอดถอนศาลรัฐธรรมนูญได้จะต้องเข้าข่ายอะไรบ้าง             ต้องเป็นกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจ ใช้ดุลพินิจโดยไม่มีกฎหมายรองรับ ใช้อำนาจตามอำเภอใจแห่งตน วางตนไม่เป็นกลาง ผิดจริยธรรมของตุลาการ ถ้าเข้าข่ายดังนี้ประชาชนก็สามารถเข้าชื่อถอดถอนแล้วส่งไปให้ ป.ป.ช.(คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ)ทำการสอบ และท้ายที่สุดจึงจะส่งมาให้วุฒิสภาพิจารณาถอดถอน แต่ได้ข่าวว่าก่อนหน้านี้เขายื่นถอดถอน ป.ป.ช.ด้วยนะ แต่งานนี้เขาต้องไปยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ถอดถอดตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ (หัวเราะ) ผมว่าเขากินยาผิดนะ วันนี้ผมว่าเป็นโอกาสดีที่จะทำให้ประชาชนเรียนรู้ที่จะใช้สติปัญญาในการตัดสินปัญหานะ             ทางเพื่อไทยก็กล่าวหาศาลรัฐธรรมนูญว่าปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลาง             ถ้าดูถึงพื้นฐานในการทำหน้าที่ของศาลนั้นศาลเป็นองค์กรที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมา 100 กว่าปีแล้วนะ แล้วมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นความมั่นคง ความยั่งยืน และการส่งต่อในการทำหน้าที่ วิธีการทั้งหมดมันถูกพัฒนามาแล้ว 100 กว่าปี จะดีจะชั่วยังไงเขาก็พัฒนามาเป็นร้อยปี ไม่เหมือนนักการเมือง มาอยู่ 2 ปีก็ไปแล้ว ย้ายพรรค ถูกยุบพรรค ที่ผ่านมาเราเปลี่ยนรัฐธรรมนูญมากี่ครั้ง แต่เปลี่ยนรัฐธรรมนูญกี่ครั้งศาลก็ยังเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นผมยืนยันว่าศาลก็ยังเป็นที่พึ่งได้             พรรคเพื่อไทยมักอ้างว่าเขามาจากเสียงข้างมาก เพราะฉะนั้นมีสิทธิที่จะดำเนินการอะไรก็ได้เพราะมาจากเสียงของประชาชน             เขามาจาก 15 ล้านเสียง แต่คนไทยทั้งประเทศมี 65 ล้านคน เพราะฉะนั้นแปลว่าเขาเป็นเสียงข้างน้อยนะครับเพราะคนไทยอีก 50 ล้านคนไม่ได้เลือกพรรคเพื่อไทย คือวันนี้เราอ้างประชาธิปไตยแบบตัวเลข มี 15 ล้าน เขาก็บอก...ผมเป็นเสียงข้างมาก แล้วคนไทยอีก 30-40 ล้านคนที่เขาไปใช้สิทธิลงคะแนนล่ะ คุณไม่ฟังเสียงเขาหรือ นี่แหล่ะคือการเมืองภาคพลเมือง ตอนนี้เป็นโอกาสที่ประชาชนจะได้มานั่งถกกันว่ากรณีนี้เข้าข่าย มาตรา 68 หรือเปล่า เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญไหม คือเวลาเรามองมิติทางกฎหมายเนี่ยมันต้องมองหลายๆ มิติ เราจะได้ไม่ถูกนักการเมืองหลอก จากคุณ : สายดิน เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 11:07:05 A:122.155.36.214 X:

ความคิดเห็นที่ 5 อย่าเอาเยอะเลยครับ เอาแค่พอประมาณพอ เดี๋ยวเขาจะหาว่าพวกมากลากไปอีก พวกแมลงสาบมันไม่ยอมรับเสียงข้างมากหรอกครับ จากคุณ : suph_ph เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 11:07:37 A:58.11.215.233 X:

ความคิดเห็นที่ 6 เขาให้สองหมื่นชื่อก็ใช้ได้เอาไปทำไมต้ังล้านชื่อ ชาติหน้าจะตรวจสอบเสร็จใหม จากคุณ : ฉันคนเกาหลีชื่อจนจังกู เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 11:07:48 A:171.97.177.34 X:

ความคิดเห็นที่ 7 ตอบไปว่าแสนถึงห้าแสน คิดว่าเราไม่จำเป็นต้องออกแรงมากนัก... คิดว่าเกมนี้ไม่น่ายาว ตลกไม่น่าจะฝืนความจริง มันไม่เป็นเรื่องการล้มล้างประชาธิปไตยนั้นแน่นอยู่แล้ว อัยการสูงสุดไม่รับ บรรทัดฐานเดิม ตัวบท กระแสสังคม ตลกคงได้แค่ชลอเกม ฝืนมากอาจโดนสวน ฝืนไปก็เสียความน่าเชื่อถือไปเรื่อยๆ และเกมแก้รัฐธรรมนูญนี้จบกันที่ปีครึ่ง ช้าแต่ชัวร์ได้ ก็ไม่เสียหายอะไร จากคุณ : SS เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 11:11:45 A:58.8.26.120 X:

ความคิดเห็นที่ 8 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจ ใช้ดุลพินิจโดยไม่มีกฎหมายรองรับ ใช้อำนาจตามอำเภอใจแห่งตน วางตนไม่เป็นกลาง ผิดจริยธรรมของตุลาการ ถ้าเข้าข่ายดังนี้ประชาชนก็สามารถเข้าชื่อถอดถอนแล้วส่งไปให้ ป.ป.ช.(คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ)ทำการสอบ และท้ายที่สุดจึงจะส่งมาให้วุฒิสภาพิจารณาถอดถอน แต่ได้ข่าวว่าก่อนหน้านี้เขายื่นถอดถอน ป.ป.ช.ด้วยนะ แต่งานนี้เขาต้องไปยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ถอดถอดตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เออ จะเอาไง ถอดถอนทั้ง ปปช. ถอดทั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คลิป นปชยื่นถอด ปปช. http://www.youtube.com/watch?v=A_xo55zBbYE จากคุณ : สายดิน เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 11:15:54 A:122.155.36.214 X:

ความคิดเห็นที่ 9 คิดว่าการล่ารายชื่อให้ได้มากๆ เป็นการแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของประชาชนมากกว่าค่ะ ถ้ามองกันตามกระบวนการยื่นถอดถอนแล้ว ไม่น่าจะถอดถอนได้ เพราะ ส.ว. ครึ่งหนึ่งถูกแต่งตั้งมากจากกลุ่มที่แต่งตั้ง ตลก. ศาล รธน. ด้วย พูดง่ายๆ ก็คือคนกลุ่มเดียวกันพวกเดียวกัน ถึงจะถอดถอนไม่ได้ แต่ประชาชนก็ควรจะแสดงเจตนารมณ์ให้เห็น จากคุณ : น้ำมิตร เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 11:16:19 A:58.11.69.19 X:

ความคิดเห็นที่ 10 คหสต.  น่าจะมีประชาชนร่วมลงชื่อเกิน 1 ล้านคน แต่เอกสารที่ถูกต้องครบถ้วน(การกรอกข้อมูล) น่าจะใช้ได้ไม่ถึง 1 ล้านรายชื่อ จากคุณ : น้ำมิตร เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 11:18:22 A:58.11.69.19 X:

ความคิดเห็นที่ 11 จะเอาไว้ทำไมแค่สานผีข้างถนนหลอกหลอนคนไทยมานานนม จากคุณ : กะป๋องทอง เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 11:23:45 A:110.168.33.121 X:

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ สายดิน...พิมพ์เร็วมาก ยาวเหยียด จนไม่น่าเชื่อว่าจะพิมพ์ยาวๆอย่างนี้เพื่อตอบกระทู้นี้ แต่เชื่อไม่เชื่อคงไม่สำคัญ คุณสายดินมีสิทธิ์เชื่อ และทำอย่างไรก็ได้ พิมพ์ก่อน หรือนำมาจากไหน ที่โพสไปแล้วอย่างไรก็ได้ ก็แค่แปลกๆ ว่ายาวดีครับ จากคุณ : SS เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 11:29:44 A:58.8.26.120 X:

ความคิดเห็นที่ 13 พิมมาตั้งนาน ยังไม่เข้าใจ เรื่องเสียงข้างมากอีก   นี่สงสัยนับตั้งแต่เด็กทารกไปเลยมั้ง  ถ้าเพื่อไทยคือเสียงข้างน้อย  แล้ว ปชป พันธมิตรล่ะ เรียกว่าอะไรดี เสียงในรูหนูหรอ? จากคุณ : dobitaT10 เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 12:32:20 A:180.183.106.187 X:

ความคิดเห็นที่ 14 จะเสียงข้างมากหรือข้างน้อยถ้าทำผิดกฏหมายก็มีสิทธิ์ติดคุกหรือถูกดำเนินคดีครับ ไม่ใช่อะไรอะไรก็เสียงข้างมาก เพราะมันยังมีองค์กรตรวจสอบเพื่อถ่วงดุลย์อำนาจกันอยู่ ไม่อย่างนั้นถ้าชนะเลือกตั้งก็เอาประเทศไปเลยเหรอครับ จากคุณ : สายดิน เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 12:38:50 A:122.155.36.214 X:

ความคิดเห็นที่ 15 เลือกข้อ 1 แต่ถึงแม้จะดูเยอะ ออกไปในแนวทางสัญญลักษณ์ว่ามีคนไม่เห็นด้วยกับ ตลก คณะนี้ แต่สุดท้าย ไม่รู้ว่าจะเหมือนตอนโน้นรึเปล่า ตอนที่รวบรวมรายชื่อหลายล้านคน เอาไปเก็บไว้หลายปี ทุกวันนี้ก็ยังนอนแอ้งแม้งอยู่นิ่งๆ ไม่เห็นมีอะไรคืบหน้า ของเค้าแรงจริงๆ จากคุณ : Trunnion เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 12:41:08 A:14.207.154.34 X:

ความคิดเห็นที่ 16 เรียนคุณสายดินครับ กลับบ้านกินนมนอนครับ จากคุณ : soklexkom เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 13:05:44 A:27.55.6.36 X:

ความคิดเห็นที่ 17 ผมว่าคุณ Soklexkom ยังไม่ได้อ่านหรือหาข้อโต้แย้งเลยนะครับ ออกอาการพาลเสียด้วยซ้ำ จากคุณ : สายดิน เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 13:13:38 A:122.155.36.214 X:

ความคิดเห็นที่ 18 ลงชื่อไปแล้ว ไม่สนใจว่าถอดได้ หรือไม่ สนใจเพียงว่า คน 7 - 9 คน ใหญ่ค้ำฟ้า อย่างไร หรือ ยังไง ไม่สำคัญ ให้ รู้ไว้เพียงว่า ปชช.เกินล้าน ชังน้ำหน้า ทั้งตัวเอง และ back ปล.....อีกกว่า 50 ล้าน ล่ามาให้ได้ซิ ระจะเชื่อว่า มีจริง เพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แค่ กว่าๆๆ 35 ล้านเสียงเท่านั้น อีก 20 ปีข้างหน้า อาจจะถึง ก้อเป็นได้ แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 55 13:23:48 แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 55 13:22:11 จากคุณ : ThePhenix เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 13:20:09 A:180.180.201.206 X:

ความคิดเห็นที่ 19 พิมพ์มาตั้งเยอะแยะ นึกว่าจะหาเหตุผลที่มีกฏหมายรองรับ แต่เป็นวิตกจริตนี้เอง คำว่า "อาจจะ" ใช้กับเจ้าของกระทู้ก็ได้นะ " อาจจะบ้าไปแล้ว " กินนมนอนซะ โต้ขึ้นจะได้แยกถูกแยกผิดได้ จากคุณ : สวัสดิเกียรติ เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 13:24:12 A:101.51.244.76 X:

ความคิดเห็นที่ 20 สำหรับท่านที่คิดว่า คนที่มองเห็นการทำงานที่ผิดปกติของ ตลก. ศาล รธน. มีแต่พรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดง คนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย น่าจะเิปิดหูเปิดตา อ่านความเห็นของ นักกฏหมาย นักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์ นักรัฐศาสตร์ หรือแม้แต่ ตลก. ศาล รธน. ด้วยกันอย่างคุณชัช ชลวร บ้างนะ จะได้ทราบว่า บุคคลทั่วไปเขามีความคิดเห็นต่อ ตลก. ศาล รธน. ว่าอย่างไร? จากคุณ : น้ำมิตร เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 13:31:04 A:58.11.112.119 X:

ความคิดเห็นที่ 21 ผมว่ามีได้เป็น 10 ล้านนู่น อย่าลืมว่าที่ พวกเมนส์หมา แดงทั้งแผ่นดินมันก็พวกนี้ทั้งนั้น อัตราเฉลี่ยความมีคุณภาพของรายชื่อ ที่ว่า ไม่ทราบว่าวัดจากอะไร ... เอะอะไม่พอใจอะไรก็ให้เสนอรายชื่อ แต่ไม่ไปดูหรอกว่าคุณภาพของรายชื่อที่ว่ามันดีพอที่จะใช้เป็นตัวตัดสินให้มีการเปลี่ยนแปลงประเทศที่ส่งผลต่อคนอื่นๆรึป่าว อย่าลืมนะครับว่า จำนวนคนที่อยากร่วมขับเคลื่อนบ้านเมืองด้วย "ความสะใจ " แบบพวกเมนส์หมา มันมีมากกว่าปัญญาชนคนที่ต้องการขับเคลื่อนบ้านเมืองด้วย "สติ " .... จากคุณ : หล่อดี มีสติ (Goemon_Benkei) เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 14:08:17 A:58.8.48.31 X:

ความคิดเห็นที่ 22 คห 21 คำว่าคุณภาพของรายชื่อ  คืออะไร? เวลาเลือกตั้งตัดสินกันที่จำนวนคนกาบัตรให้  ไม่เคยตัดสินกันที่คุณภาพรายชื่อสักครั้งเดียว จะว่าไป คนไทยระดับรากหญ้าบางท่าน ยังมีคุณภาพทางความคิดการกระทำมากกว่าคนเป็น ส.ส. บางท่านด้วยซ้ำไป คนที่สนับสนุนด้วยความสะใจน่ะมีทั้งสองฝ่ายนั่นละ อย่างเ่ช่นคนให้โล่กับหมอวรงค์ ก็คงไม่ใช่คนคุณภาพหรอก ผิดถูกยังแยกแยะไม่ได้เลย สะใจไว้ก่อน จากคุณ : น้ำมิตร เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 14:24:18 A:58.8.176.132 X:

ความคิดเห็นที่ 23 แน่นอน แต่กลัวโดนจับขังเหมือนคราวที่แล้ว จากคุณ : patsi@cm เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 15:26:43 A:223.205.224.90 X:

ความคิดเห็นที่ 24 เขามาจาก 15 ล้านเสียง แต่คนไทยทั้งประเทศมี 65 ล้านคน เพราะฉะนั้นแปลว่าเขาเป็นเสียงข้างน้อยนะครับเพราะคนไทยอีก 50 ล้านคนไม่ได้เลือกพรรคเพื่อไทย คือวันนี้เราอ้างประชาธิปไตยแบบตัวเลข มี 15 ล้าน เขาก็บอก...ผมเป็นเสียงข้างมาก แล้วคนไทยอีก 30-40 ล้านคนที่เขาไปใช้สิทธิลงคะแนนล่ะ ทำไมผู้มีสิทธิมันเกือบเท่าประชากรของประเทศเลย ไปเรียนหนังสือใหม่เถอะครับ ให้เข้าใจเรื่องเสียงข้างมาก แล้วค่อยมาโพสต์ แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 55 17:26:37 จากคุณ : Tpon เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 15:50:45 A:125.25.5.114 X:

ความคิดเห็นที่ 25 ออกพรบชั่วแล้วยังหน้าด้านไปไล่เขาอีก หน้าด้านสุดๆ จากคุณ : N52 เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:58:42 A:125.24.184.234 X:

ความคิดเห็นที่ 26 . ".....เขามาจาก 15 ล้านเสียง แต่คนไทยทั้งประเทศมี 65 ล้านคน เพราะฉะนั้นแปลว่าเขาเป็นเสียงข้างน้อยนะครับเพราะคนไทยอีก 50 ล้านคนไม่ได้เลือกพรรคเพื่อไทย.....ฯลฯ...." นี่มิต้องฉีกตำราเรียนวิชาสังคมศึกษาทิ้งกันเลยหรือ ? . . จากคุณ : 123 งามพร้อม เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 23:14:48 A:223.204.168.158 X:

ความคิดเห็นที่ 27 ".....เขามาจาก 15 ล้านเสียง แต่คนไทยทั้งประเทศมี 65 ล้านคน เพราะฉะนั้นแปลว่าเขาเป็นเสียงข้างน้อยนะครับเพราะคนไทยอีก 50 ล้านคนไม่ได้เลือกพรรคเพื่อไทย.....ฯลฯ...." ฮาขี้แตก คิดได้ขนาดนี้ ครูอะไรสอนครับเนี่ย จากคุณ : เด็นน้อย13 เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 15:26:25 A:61.19.198.150 X:

ความคิดเห็นที่ 28 ความคิดเห็นที่ 27     ".....เขามาจาก 15 ล้านเสียง แต่คนไทยทั้งประเทศมี 65 ล้านคน เพราะฉะนั้นแปลว่าเขาเป็นเสียงข้างน้อยนะครับเพราะคนไทยอีก 50 ล้านคนไม่ได้เลือกพรรคเพื่อไทย.....ฯลฯ...." <<<<< นับทารกที่กำลังอยู่ในครรภ์ด้วยมั้งนั่นอ่ะ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งของคุณคลอดออกมาก็มีสิทธิ์เลือกเลยเหรอ ??? จากคุณ : fifty เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 19:22:09 A:171.7.246.223 X: