ความคิดเห็นที่ 1 เถียงไม่เก่งปูเสื่อรอละกันครับ จากคุณ : มีสติ__ก็คิดได้ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 06:38:57 A:101.109.148.159 X:

ความคิดเห็นที่ 2 พวกท่านเห็นอย่างไร... ----------------------------- ตอบ ผมเห็นว่า การถกเถียงด้วยเหตุผล เป็นเรื่องที่ดีและถูกต้อง แต่...จนมีข้อสรุปว่า...ผิด <-- ใครจะเป็นผู้ตัดสินครับ ? ในเมื่อขนาดในความเป็นจริง ศ.ตลก. และนักกฏหมายที่แย้ง ก็ยังยืนในฝ่ายของตนเองอย่างเหนี่ยวแน่น ไม่มีใครเปลี่ยนใจ และในความเป็นจริง แทบทุกเรื่องที่ถกเถียงกันใน รดน.นี้ ต่างฝ่าย ต่างก็เชื่อในเหตุผลของตนเอง และไม่เห็นด้วยกับอีกฝ่าย ถ้าจะวัดกันด้วย คะแนนเสียง ผมเชื่อว่าฝ่าย จขกท.จะเสียเปรียบแน่ ดังนั้น ผมจึงเห็นว่า จะถกเถียงประเด็น จะให้เหตุผลใดใด ก็ว่ากันไป แต่ไม่ต้องตั้งเดิมพันอะไรกันหรอกครับ ให้ผู้ชมอ่านและตัดสินใจเอง ว่าเขาจะเชื่อเหตุผลของใคร มากกว่ากัน ซึ่งเป็นเรื่องปัจเจกในความคิด จากคุณ : กาแฟดำขม เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 06:47:41 A:125.27.84.2 X:

ความคิดเห็นที่ 3 อย่าเลยลูกพี่ นักการเมืองควรเล่นการเมืองในสภาฉันใด ประชาชนก็ควรถกการเมืองในห้องราชดำเนินฉันนั้น. แพ้ชนะก็ว่ากันไป อย่าไปเลียนแบบพรรคเก่าแก่ที่ชอบไปเก่งนอกสภาเลยครับ จากคุณ : kritatahseri เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 06:48:07 A:27.55.2.8 X:

ความคิดเห็นที่ 4 เถียงกันไปก็ไม่มีใครชนะหรอกครับ ต่างฝ่ายต่างยึดในจุดยืนและเหตุผลของตนเองเสียปานนั้น   ใครจะยอมแพ้ จากคุณ : Tanis เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 06:51:20 A:118.172.17.251 X:

ความคิดเห็นที่ 5 ประเด็นที่ 1 ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจในการสั่งยุบพรรค ปชป. ตรงนี้คุณก็ตีประเด็นของประเด็นผิดไปไกลแล้วค่ะ นายสุรพงษ์ยื่นยุบพรรค ปชป. ตามมาตรา 63 เนื่องจากเห็นว่านายอภิสิทธิ์ใช้สิทธิและเสรีภาพในการขอนายกพระราชทานตามมาตรา 7 เป็นการล้มล้างเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่ศาลเห็นว่าต้องยื่นผ่านอัยการสูงสุดเท่านั้น นายสุรพงษ์ไม่มีสิทธิ์ยื่นเอง ประเด็นมีแค่นี้ค่ะ ไม่ต้องอ้อมไปไกลกว่านั้น ไม่ต้องอ้อมไปว่า เป็นคนละกรณีกับเรื่องมาตรา 68 ในวันนี้ที่แตกต่างกันคือ ของนายสุรพงษ์ยื่นยุบพรรค แต่วันนี้แค่ยื่นตรวจสอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะผลมันเหมือนกันคือ 1.ตามรัฐธรรมนูญมาตราเดียวกัน 2. หากศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าผิดตามคำร้องก็ยุบพรรคเหมือนกัน ไม่ต้องไปอ้อม เพราะนั่นเป็นเรื่องการตีความแบบอ้อม ไม่ใช่เรื่องชี้ให้ตรงประเด็นตามข้อกฎหมาย เป็นลีลาของพวกหัวหมอค่ะ ประเด็นที่ 2  ศาลใช้ดุลพินิจในกรณีของรัฐสภาได้ถูกต้องตามเจตนาของมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ ประเด็นนี้แค่ถามว่าศาลใช้อำนาจตามกฎหมายข้อไหน รัฐธรรมนูญมาตราใดก็จบแล้วค่ะ ไม่ต้องพูดมากเลย เมื่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญชัดเจนว่าให้ยื่นผ่านอัยการสูงสุด แต่ศาลรับเองโดยตรงก็ผิดรัฐธรรมนูญแล้วค่ะ การตีความแบบไร้เหตุผลของศาลนั้น น่ารังเกียจมากค่ะ ตีความแบบขัดกับกรณีของนายสุรพงษ์ กลายเป็นการตีความแบบขาดบรรทัดฐาน ตีความแบบขัดกับข้อกำหนดของศาลเองที่ได้กำหนดไว้ในเว็บไซท์ พอผิดพลาด ก็ใช้วิธีแถ  คืออ้างเรื่องตีความแบบกว้าง อ้างเรื่องฉบับภาษาอังกฤษ อ้างเรื่องเจตนารมณ์ตาม รธน.2540 อ้างสารพัดอ้าง  หลังสุดนายจรัญก็ออกมาอ้างหน้าตาเฉยแบบหน้ามึน ๆ ว่าตีความได้สองทาง คือยื่นศาลโดยตรงก็ได้ ยื่นผ่านอัยการก็ได้ ก็น่าสงสัยนะคะ ว่าวันนี้อัยการสูงสุดชี้แล้วว่าไม่มีมูล  หากศาลว่ามีมูล อะไรจะเกิดขึ้นกับสังคม ? อีกอย่าง นายจรัญก็เป็นสมาชิกสภาร่าง รธน.2550 ซึ่งในการบันทึกการประชุมสภาร่าง ก็มีบันทึกชัดเจนว่าสมาชิกสภาร่างเห็นชอบตรงกันว่ามาตรา 68 ต้องยื่นผ่านอัยการเท่านั้น แต่วันนี้กลับมาบอกว่าตีความได้สองทาง ดูสิคะ ประธานศาล โฆษกศาล นายจรัญ อ้างเหตุผล อ้างการตีความไปแบบเหมือนอยู่กันคนละศาล   อย่าตีความแบบมั่วเลยค่ะ พอเถอะ สังคมเรามั่วเกินพอแล้วกับการลำพองของตุลาการภิวัต สังคมเราวุ่นวายพอแล้วพวกหัวหมอ เรื่องง่าย ๆ เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดเจน แต่เพราะหวังผลทางการเมือง จึงตีความเลยเถิด  กระทำการเลยเถิด ถ้าคุณ MiNiJung ไปได้ข้อมูลมาจากไหน จากใคร ก็โปรดได้ศึกษาให้ชัดก่อนนะคะ อย่าแค่เชื่อแล้วนำมาเป็นความคิดเห็นโดยทันที แค่ศาลสั่งรัฐสภาชะลอการลงมติวาระ 3  ก็เกินอำนาจแล้วค่ะ แต่ก็ยังมีการแถว่าทำได้ ใช้อำนาจตามกฎหมายข้อไหน ? จากคุณ : pingpoojung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 06:56:01 A:110.77.203.69 X:

ความคิดเห็นที่ 6 63 เป็น 68 ผิดครับ..ตรงนี้ไม่เถียงแทน แต่ในเนื้อหาขอรอดู..ในฐานะผู้ชมได้น่ะครับ..อ้อลืมบอบอกไป ผมก็เสื้อแดงน่ะครับ..กรุณาอย่าเหมา..เพราะท่านประธานฯเหมาฯจากโลกนี้ไปนานแล้วครับ จากคุณ : แมวน้ำสีคราม เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 06:59:51 A:180.180.93.23 X:

ความคิดเห็นที่ 7 ความคิดเห็นที่ 2 ผมขอเพิ่มเติม ใน 2 เรื่องครับ 1)จากคำถามว่าใครเป็นผู้ตัดสิน ผมได้แจ้งไว้ว่า"หากได้ข้อสรุป"เจตนาคือเป็นที่ยอมรับจาก คู่สนทนาครับว่าเห็นในทิศทางใด จนกว่ามีข้อสรุปนี่อาจไม่จบเพียงครั้งเดียวก็ได้นะครับ ข้อถกเถียงก็มีกันมาเยอะ 2)ในเรื่องข้อเสนอในการแสดงออกทางการเมือง ผมเชื่อว่าปัญหาเรื่องความขัดแย้งทางการ เมืองของเราขณะนี้ ที่สำคัญส่วนหนึ่งก็คือการนำข้อมูลที่ผิดเพี้ยน  เปลี่ยนแปลงข้อมูลไม่ ก็บิดเบือนเจตนาออกไป ปกติแล้วผมก็ไม่นิยมท้าทายในการแลกเปลี่ยนความเห็นครับ แต่คิดว่าการเมืองที่เริ่มส่้อเค้าขนาดนี้ เรื่องไหนที่คิดว่าน่าจะทำความเข้าใจให้กระจ่างได้ ก็น่าจะลองทำให้เป็นบรรทัดฐานไว้ครับ ส่วนข้อตกลงก็เป็นการรับผิดชอบต่อข้อมูลของตน อย่างตรงประเด็นเองไม่ได้รุนแรงเลวร้ายอะไร _________________________________________________ ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ ขอสงสัยนิดเดียวในการเทียบเคียงความเห็นของผมกับพรรคการเมือง ว่ามันมีส่วนเหมือนกันตรงไหน? จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 07:08:15 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 8 คุณ pingpoojung ยินดีต้อนรับครับ ผมขอเริ่มจากตรงนี้ก่อนนะครับ 1)คุณ pingpoojung จะรับแลกเปลี่ยนในเรื่องไหนบ้าง? 2)คุณ pingpoojung จะรับข้อเสนอการแสดงออกทางการเมืองหรือไม่? ขอบคุณครับ จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 07:10:36 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 9 เบื้องต้นขอตอบคำถามของคุณ pingpoojung ก่อน จะได้สบายใจว่าผมคงไม่ใช่สาวกใคร หรือฟังข้อมูลจากคำพูดใคร ถ้าคุณ MiNiJung ไปได้ข้อมูลมาจากไหน จากใคร ตอบ : จากข้อมูลในกระทู้ของคุณ pingpoojung  ที่แตกประเด็นมานั่นล่ะครับ และก็จาก รัฐธรรมนูญ2550 ตามมาตรา 68 และเทียบเคียงกับ พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 2541 ก็นำพื้นฐานข้อมูลมาจากกระทู้คุณ pingpoojung  เช่นเดียวกัน จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 07:15:06 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 10 ......... เงื่อนไข การโต้แย้ง ต้องอยู่และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของตัวบท ม.68   จะแก้ไขให้ผิดไปเพื่อนำมายืนยันความคิดของตัวเองไม่ได้ ......          ผลครอบคุมผู้ที่เข้าร่วมโต้แย้งเท่านั้น เพราะที่นี่เป็นกระดานแสดงความคิดเห็นสาธารณะ ผู้ใดที่เข้ามาอ่านจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ได้ ........  หนุก ๆๆ  เอาละจะนั่งรอดู .... จากคุณ : csom 9263 เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 07:19:01 A:115.67.224.46 X:

ความคิดเห็นที่ 11 คห.8 ดิฉันอธิบายไว้ใน คห.5 ชัดเจนแล้วค่ะว่าประเด็นไหน มีเวลาอีกนิดหน่อย จะรอนะคะ  ถ้าไม่ทันก็ไว้เที่ยงหรือเย็น ๆ จากคุณ : pingpoojung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 07:24:17 A:110.77.203.69 X:

ความคิดเห็นที่ 12 ......... จขกท. กำหนดเงื่อนไขเวลาไว้หรือเปล่า  จะเริ่มเมื่อไหร่ และยุติเมื่อไหร หรือถ้าเอาเงือนไขตัวผู้ตอบโต้ จะต้องครบสามตามจำนวน หรือเมื่อรอไปถึงช่วงเวลาหนึ่งที่เหมาะสม ผู้โต้มาเท่าไรก็เท่านั้นเริ่มได้เลย ... ขอรายละเอียดเงื่อนไขด้วย จากคุณ : csom 9263 เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 07:41:43 A:115.67.64.45 X:

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่เป็นไรครับ หากคิดว่าผมจะเข้ามาแถหรืออะไร ผมจะให้ความเห็น และข้อมูลประกอบ ที่คิดว่าน่าจะเป็นเหตุผลพอที่คุณจะรับฟังได้ หากแต่จะให้ด้วยหรือไม่ หรือสนใจจะเข้ามา ร่วมวงสนทนาหรือไม่ ก็แล้วแต่ดุลพินิจของคุณครับ ผมจะเริ่มจากการให้ความเห็น และ ข้อมูลแนบท้ายประกอบ ซึ่งเข้าใจว่าเราอาจจะต้องร่วมตีความด้วยกันในบางบริบทขอ มาตราทั้ง 2 ซึ่งจริงๆแล้วมีความเปลี่ยนแปลงมาบ้างเล็กน้อยในเรื่องสัดส่วนที่จัดวาง และที่ชัดๆบอกไว้ก่อนได้คือ เปลี่ยน 3 วรรค เป็น 4 วรรค ในเรื่องการเพิกถอนสิทธิ ของหัวหน้า และกรรมการไว้ด้วย ดังนี้ครับ ประเด็นที่ 1 หากต้องการจะเปลี่ยนประเด็นทำไมศาลจึงไม่รับพิจาณาในกรณีของนายสุรพงษ์ เพราะนายสุรพงษ์ มิได้มีเจตนายื่นให้ศาลวินิจฉัย"เพื่อการสั่งห้าม"ตามสิทธิในวรรค ที่ 2 ของมาตรา 63 รัฐธรรมนูญ 2540 ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาจึงยื่นให้ ผิดเจตนาตามสิทธิ์  แต่ศาลระบุชัดครับ ว่าเหตุใดจึงต้องให้อัยการตีความ แต่ดูในคำวินิจฉัยของศาลให้ชัดนะครับ ในข้อความที่คุณไม่ได้เน้นว่า "มิได้ให้สิทธิผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในการยุบพรรคการเมืองได้โดยตรง และ การยื่นขอให้ยุบพรรคการเมือง ตามพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง ก็เป็นอำนาจขางนายทะเบียนพรรคการเมืองโดยจะต้องดำเนินการผ่านอัยการสูงสุดเสีย ก่อน" ประเด็นนี้นะครับ เพราะเจตนาในคำร้องของนายสุรพงษ์ไม่ตรงตามสิทธิ์ในวรรค 2 นั่นเรื่องที่ 1 เพราะเจตนาต้องการให้ยุบพรรค ศาลจึงให้ดุลพินิจเพิ่มว่า หากจะต้องการยุบ พรรคการเมือง เอ็งจงไปดูพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง(2541)โน่น ตามหมวด 4 นะครับ ตามลิงค์ http://www.baanjomyut.com/library/law/98.html ผมขอให้จบทีละประเด็นนะครับ จะได้สรุปได้ชัดเป็นเรื่องๆ คุณจะตั้งข้อสังเกตุ หรือคำถาม เชิญครับ จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 07:44:53 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 14 ลืมรูปที่มาจากกระทู้ของคุณ  pingpoojung แนบให้ แต่เขาลากเส้นตั้งข้อสังเกตุไม่ครบถ้วน ตามเส้นใหม่สีเขียว และไม่ได้ลากเส้นในท้ายวรรคที่ 2 เรื่องอำนาจวินิจฉัยของศาล ตามสีเขียวของวรรคที่ 3 ว่าอำนาจการยุบพรรคการเมืองจะมีผลต่อ เนื่อง แต่สังเกตุดูนะครับ ว่ามันต่างวาระอย่างสิ้นเชิง เพราะระบุชัด ว่าต้องดำเนินการในวรรค 2 ไปแล้ว ถึงอาจจะดำเนินการในวรรค 3 ได้ครับ จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 07:50:48 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 15 มีเวลานิดก่อนไป คห.13 คะ กฎหมายคือมาตรา 63 ในวันนั้น และคือมาตรา 68 ในวันนี้ ตัวบทกฎหมายบัญญัติชัดเจนว่า ต้องยื่นผ่านอัยการสูงสุด แล้วมีอะไรต้องตีความอีกคะ ? นายสุรพงษ์ยื่นยุบพรรค ศาลบอกต้องผ่านอัยการ วันนี้ มีคนไปยื่นเรื่องศาลกลับรับ รับด้วยการแถว่า เป็นการยื่นคนละจุดมุ่งหมาย ทั้งที่กฎหมายมาตราเดียวกัน ศาลบอกเองนะคะว่า กฎหมายไม่ได้ให้สิทธิผู้ร้องยื่นเอง การใช้สิทธิต่อศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 68 ต้องยื่นผ่านอัยการสูงสุดค่ะ แต่เพราะแถไงคะ จึงพยายามตีความอย่างที่คุณ จขกท.ตีความอยู่ในตอนนี้ ที่คุณ จขกท.ตีความตอนนี้ ก็ตีความแบบ ปชป. ตีความแบบนักวิชากลวงพันธมิตร ตีความแบบสลิ่ม ประเด็นก็คือ "การใช้สิทธิต่อศาลรัฐธรรมนูญ"  ดูแค่นี้ก็พอค่ะ ไม่ต้องตีความให้ยากเลย ต้องไปทำงานแล้วค่ะ จากคุณ : pingpoojung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 07:53:01 A:110.77.203.69 X:

ความคิดเห็นที่ 16 ประเด็นที่1.ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจในการสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ตามข้อมูลที่พวกคุณนำมากล่าวอ้าง ตอบ ไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจในการสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ แต่  ณ ตอนนั้นศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยชัดเจนว่าผู้ร้อง คือ นาย สุรพงษ์ โตวิจักรชัยกุล ต้องยื่นผ่านอัยการสูงสุดเท่านั้น ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง ประเด็นที่2.ศาลใช้ดุลพินิจในกรณีของรัฐสภาได้ถูกต้องตามเจตนาของมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ ตอบ ศาลใช้ดุลพินิจในกรณีของรัฐสภาไม่ถูกต้อง มาตรา 68 ระบุว่า(วรรค 1)บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้ (วรรค 2)ในกรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทำการตามวรรคหนึ่ง ผู้ทราบการกระทำดังกล่าวย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว แต่ทั้งนี้ ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการดังกล่าว จากมาตรา 68 ที่ยกมาให้ดู พิจารณาเฉพาะวรรค 1 นะ วรรค 2 มีข้อโต้แย้งค่อนข้างมาก ว่าใครจะมีสิทธ์ยื่น แต่ถ้าดูจากวรรค 1 ผมอธิบายอย่างนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภา เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญหมวด 15 ไม่ใช่การใช้สิทธิเสรีภาพตามที่บัญญัติในหมวด 3 ซึ่งรัฐสภาใช้อำนาจ ของตนเอง (ย้ำนะครับว่าไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพ) ซึ่งในกรณีนี้ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจที่จะก้าวก่ายฝ่ายนิติบัญญัติได้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจในการวินิจฉัยได้เฉพาะ กฎหมายที่ศักดิ์ต่ำกว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญเท่านั้น แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 55 07:56:19 จากคุณ : dch เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 07:53:11 A:202.29.43.241 X:

ความคิดเห็นที่ 17 พอดีเห็น คห.14  ขอสายสักหน่อย ตีความมั่วแล้วค่ะ ตีความกฎหมายมั่วแล้ว ประเด็นคือ การใช้สิทธิยื่นต่อศาลนั้น ใครมีสิทธิ ?   ประเด็นอยู่ตรงนี้ ส่วนเรื่องสั่งระงับ ยุบพรรค หรืออื่น ๆ  เป็นเรื่องหลังค่ะ เป็นเรื่องการวินิจฉัย บอกแล้วไงคะ  อย่าไปเชื่อพวกหัวหมอที่ตีความกฎหมายแบบจูงใจ จะมาบอกว่ายื่นยุบพรรคต้องยื่นผ่านอัยการ ยื่นสั่งระงับยื่นต่อศาลได้โดยตรง มันเป็นการตีความแบบเอาสีข้างเข้าแถค่ะ จากคุณ : pingpoojung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 07:56:35 A:110.77.203.69 X:

ความคิดเห็นที่ 18 ผมจะเปิดประเด็นแง้มๆไว้ในเรื่องรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 68 มีการปรับเป็นส่วน เพื่อแสดงความชัดเจนในเรื่องสิทธิ์และเจตนาตามมาตรา ระบุเจตนาของมาตราชัดเจนขึ้น และเพิ่มเติมวรรค 4 เพื่อให้มีผลต่อเนื่องต่อจากวรรค 3 ทั้งนี้ผมจะเปิดประเด็นว่า ศาลได้ ให้เหตุผลในส่วนของเจตนาไหน ซึ่งข้อมูลก็มาจากลิงค์ตามกระทู้ของคุณ  pingpoojung เช่นกันครับ ถ้าจะไม่ลงในรายละเอียดกันมาก เราอาจแลกเปลี่ยนในเรื่องการตีความของเจตนาบางประการ ผมก็คิดว่าน่าจะเพียงพอ เว้นแต่มีความเห็นที่ขัดแย้งในเหตุผลที่ผมได้ให้ไว้ จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 07:59:18 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 19 ดิฉันว่า  ศาลอธิบายเรื่องนี้ให้ได้ก่อนดีกว่าค่ะ  ก่อนที่จะใช้วิธีหัวหมอตีความข้อกฎหมายแบบนั้นแบบนี้ ไปแล้วค่ะ จากคุณ : pingpoojung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 08:03:24 A:110.77.203.69 X:

ความคิดเห็นที่ 20 เอางี้นะครับ อ่านทีละวรรค ช้าๆ ในวรรคที่สอง ระบุไว้ว่า ศาลมีอำนาจทำอะไรครับ? ใช่คำว่าสั่งการให้เลิกหรือไม่ ใจเย็นๆครับ ต่อมานะครับ วรรคที่ 3 การยุบพรรค จะต้องมีผลมาจากอะไรมีผลมาจากการ"สั่งการจากศาล ให้หยุด"ไปแล้วใช่ไหม??? คำถาม ; นายสุรพงษ์ยื่นเรื่องให้มีผลของคำร้องเป็นอย่างไร ใบ้หน่อยมีให้เลือกระหว่าง "ให้สั่งห้าม" หรือให้"ยุบพรรค" จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 08:07:08 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 21 อีกหน่อย  สายแล้วก็ขอสายซะเลย คห.18  ดิฉันบอกไว้เลยค่ะว่า คุณกำลังตีความกฎหมายผิด บอกไว้ก่อนคุณจะแง้มประเด็นเลย ตีความผิดแน่ ๆ ค่ะ ย้ำอีกครั้ง  อย่าไปเชื่อตามพวกหัวหมอตีความแบบแถ แล้วเจอกันอีกตอนเย็นค่ะ จากคุณ : pingpoojung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 08:09:31 A:110.77.203.69 X:

ความคิดเห็นที่ 22 คห.20 มั่วใหญ่แล้วค่ะ การยุบพรรคก็ต้องมีเหตุผล มีความผิด ก็ต้องเป็นไปตามวรรค 1 2 3 ซึ่งศาลก็ต้องดูว่า ผิดตามวรรค 1 ไหม ไปสู่วรรค 2 ไหม  ยุบตามวรรค 3 ได้ไหม ไม่ใช่จะมาแบ่งกฎหมายออกเป็นวรรคแล้วบอกว่าต้องยื่นอย่างนั้นอย่างนี้ก่อน แบบนี้ไม่ต้องยื่นสามรอบเหรอคะ  รอบแรกยื่นว่าจะเปลี่ยนแปลงการปกครอง รองสองยื่นให้สั่งระงับ  แล้วรอบสามก็ต้องยื่นยุบพรรคอีกที ทีนี้ หากเอาตาม คห.20 มันก็วนมาประเด็นเดิม   "การใช้สิทธิต่อศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 68" ใครคือผู้มีสิทธิยื่นต่อศาล อัยการสูงสุดใช่ไหม  แต่ศาลดันไปรับจากผู้ร้องโดยตรง แล้วตามมาด้วยการตีความกฎหมายแบบแถ ชัดไหมคะ ไปจริงแล้วค่ะ สายมากแล้ว แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 55 08:15:16 จากคุณ : pingpoojung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 08:13:09 A:110.77.203.69 X:

ความคิดเห็นที่ 23 ผมจะต่ออีกนิดก่อนเข้ามาต่อช่วงเที่ยงๆนะครับ ซึ่ง!!!! ในขณะนั้น ศาลมิได้บอกว่าที่ไม่รับคำร้องของนายสุรพงษ์ "เพราะไม่มีอำนาจตามสิทธิ์ ในการใช้มาตรา 63 นี้ เพราะยื่นผิดช่องทาง" แต่กรุณาอ่านดูดีๆอีกครั้งนะครับ เน้นอีกครั้ง ใจเย็นๆค่อยๆอ่านทีละบริบทในข้อมูลของคุณเอง บริบทแรก ชัดนะครับ นายสุรพงษ์ไม่สามารถยื่นยุบพรรคโดยตรงได้ นั่นคือเขาต้องยื่นเพื่อขอสั่งห้าม "มิได้ให้สิทธิผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในการยุบพรรคการเมืองได้โดยตรง" ต่อมานะครับ " และการยื่นขอให้ยุบพรรคการเมือง ตามพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง ก็เป็นอำนาจขางนายทะเบียนพรรคการเมืองโดยจะต้องดำเนินการผ่านอัยการสูงสุดเสียก่อน" ความหมายคือ ถ้าคุณจะยื่นเพื่อยุบพรรค มันเป็นกฎหมายคนละข้อคนละมาตราโน่น ซึ่ง มาตรานั้นต้องยื่นให้อัยการสูงสุดก่อน ข้อความสื่อความหมายตรงไหมครับ? ศาลเขาหมายถึง มาตรา 67 ในพรบ.ประกอบฯ มาตรา 67 เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียน หรือเมื่อนายทะเบียนได้รับ แจ้งจากคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองว่า พรรคการเมืองใดกระทำการตาม มาตรา 66 ให้นายทะเบียนแจ้งต่ออัยการสูงสุดพร้อมด้วยหลักฐาน ถ้าอัยการสูงสุด เห็นสมควรก็ให้ยื่นคำร้องเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองดังกล่าว ถ้าอัยการสูงสุดไม่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้นายทะเบียนตั้งคณะทำงานขึ้น คณะหนึ่งโดยมีผู้แทนจากนายทะเบียนและผู้แทนจากอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการ รวบรวมพยานหลักฐานแล้วส่งให้อัยการสูงสุด เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ในกรณีที่คณะทำงานดังกล่าวไม่อาจหาข้อยุติเกี่ยวกับการดำเนินการยื่นคำร้องได้ ให้นายทะเบียนมีอำนาจยื่นคำร้องเอง ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองใดแล้ว ให้นาย ทะเบียนประกาศคำสั่งยุบพรรคการเมืองนั้นในราชกิจจานุเบกษา http://www.baanjomyut.com/library/law/98.html ผมช่วยลงรูปอีกครั้ง แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 55 08:22:51 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 55 08:17:42 จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 08:14:21 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 24 คห.23  บอกแล้วอย่าเชื่อพวกหัวหมอตีความ ก็กฎหมายมาตรา 68 บอกว่า ต้องยื่นผ่านอัยการสุงสุด แต่พอศาลรับโดยตรง ก็มาอ้างถ้อยคำของกฎหมาย ทิ้งเจตนารมณ์ไปหน้าตาเฉย แล้วก็หันไปอ้างเจตนารมณ์ตาม รธน.2540 มั่ง ตามนั่นตามนี่มั่ง เหมือนเดินเก็บผักตามรั้ว เง้อออ... บายค่ะ จากคุณ : pingpoojung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 08:17:44 A:110.77.203.69 X:

ความคิดเห็นที่ 25 ผมว่าคุณต่างหากที่หลงประเด็น เพราะผมยังไม่ได้เริ่มในกรณี 68 เลย และก็ยังไม่ได้นำข้อมูลส่วนใดของมาตรา 68 มาแสดงด้วยซ้ำ สิ่งที่ผมชี้ไว้ คือ"เหตุผลประกอบการยกคำร้องของนายสุรพงษ์เท่านั้น" ผมอธิบายจากลำดับตามนี้ก็ได้ "การยุบพรรคก็ต้องมีเหตุผล มีความผิด ก็ต้องเป็นไปตามวรรค 1 2 3 ซึ่งศาลก็ต้องดูว่า ผิดตามวรรค 1 ไหม ไปสู่วรรค 2 ไหม  ยุบตามวรรค 3 ได้ไหม" เอางี้นะครับ "วรรค 1 เป็นตัวเจตนา" "วรรค 2 เป็นวิธีการยื่นคำร้อง โดยวินิจฉัยคำร้องจากวรรค 1 และให้ลงโทษตามวรรค 2 เข้าใจตรงกันไหม" ขอให้ตอบคำถามนี้ก่อน??? ตอบ : คือคำร้องของนายสุรพงษ์ให้ศาลวินิจฉัยในวรรค 1 แต่ให้เจตนาผลลงโทษในวรรค 3 ไงครับ ศาลเลยบอกว่าเขาไม่มีอำนาจ เพราะเขาไม่ได้ยื่นให้ศาลวินิจฉัยในวรรค 1 และเจตนา ผลลงโทษการสั่งห้าม ตามวรรค 2 ศาลจึงแนะนำว่าหากนายสุรพงษ์มีเจตนาที่จะยุบพรรค เขาต้องไปดำเนินการในมาตรา 67 ของพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองในบริบทสุดท้าย โดยยกนายทะเบียนนักการเมืองขึ้นมาอ้างอิง จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 08:41:34 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 26 ........ กฎหมายรัฐธรรมนูญ กำหนดไว้แล้วว่า  ผู้มีสิทธิยื่นคำร้อง -- อัยการสูงสุด เท่านั้น ไม่ได้ระบุใครอื่นอีกเลย  แล้วจะมาคิดแถ เปลี่ยนกฎเกณฑ์ผู้มีสิทธิยืนคำร้องทำไม  จะเถียงรัฐธรรมนูญหรือ จะเขียนกฎหมายข้อนี่ใหม่หรือ มีสิทธิเขียนหรือ  มันจบลงที่กฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนแล้ว ว่า                 ผู้มีสิทธิยื่นคำร้อง คือ  อัยการสูงสุด    เท่านั้น .......... อย่าเอาความคิดเห็นคนที่อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ มาอยู่เหนือสิ่งที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ไม่มีสิทธิเพราะรัฐธรรมเป็นกฎหมายสูงสุดแล้ว .... แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 55 08:47:46 จากคุณ : csom 9263 เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 08:44:17 A:115.67.64.68 X:

ความคิดเห็นที่ 27 คำว่าเท่านั้นอยู่ตรงไหนครับ? จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 08:46:30 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 28 ไว้รอตอนเที่ยงนะคะ ถ้ามีเวลาจะมาคุยด้วย หัวข้อเดียวกับที่เราคุยค้างกันไว้ น่าจะคุยต่อได้ http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P12217125/P12217125.html#40 จากคุณ : ไม่อยากให้โลกไร้ซึ่งความหวาน เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 08:54:31 A:110.77.150.35 X:

ความคิดเห็นที่ 29 ถ้างั้นคุณ MiNiJung  ลองไปอ่านในความเห็นที่ 19 ของกระทู้นี้ครับว่าผู้มีสิทธิ์ยื่นคำร้องคือใคร ถ้าเป็นประชาชนสามารถยื่นได้โดยตรงเขาควรจะเขียนลงไปในส่วนผู้ยื่นคำร้องว่า "อัยการสูงสุดหรือประชาชนที่พบเห็นการกระทำอันเป็นการล้มล้างการปกครอง ฯ" ครับ จากคุณ : ตอบแทน ฯ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 09:18:33 A:210.246.94.114 X:

ความคิดเห็นที่ 30 ผมก็มีคำถาม จะถามคุณ จขกท.ครับ การทำงานในองค์กรมาตรฐานทั่วๆไป มันมีขั้นตอนของมันอยู่แล้ว จาก 1 ไป 2 ไป 3 ฯลฯ อยากทราบว่า... 1. ถ้าผู้ร้องสามารถยื่นศาลได้โดยตรง รธน.จะบอกให้ไปยื่นต่ออัยการเพื่ออะไรครับ ? 2. และถ้าใช้สามัญสำนึกพิจารณา ถ้าผมเองเป็นผู้ยื่น และตีความกฏหมายแบบที่คุณ จขกท.ว่า     ผมก็ยื่นเรื่องโดยตรงต่อศาล ไม่ดีกว่าหรือ ทั้งรวดเร็วและได้ดังใจ จะไปงมโข่งยื่นอัยการทำไม     ให้เสียเวลาอยู่ตั้งนาน ครับ ? จากคุณ : กาแฟดำขม เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 09:18:55 A:125.27.84.2 X:

ความคิดเห็นที่ 31 กฎหมายดูที่เจตนาครับ ผู้ยื่นคือผู้ร้อง ผู้รับคือผู้วินิจฉัย หลักในการตีความมาตรา63 วรรค 2 คุณยึดหลักไหน? ถ้าศาลท่านจะไม่รับคำร้องนายสุรพงษ์ในสมัยนั้น เพราะต้องมาอ้างว่าต้องผ่านอัยการเท่านั้นตามหลักเหตุผลของคุณ ศาลท่านก็ควรให้เหตุผลตามมาตรา63 เท่านั้นมิใช่หรือครับ ว่าคุณต้องไปร้องผ่านอัยการ ก่อน แต่ศาลก็บอกแล้วเป็น 2 เรื่อง ว่า 1)"มิได้ให้สิทธิผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในการยุบพรรคการเมืองได้โดยตรง" ถ้าเขาจะอ้างเหตุผลในมาตรา 63 เขาจะห้อยท้ายในเรื่องการยุบพรรคการเมืองทำไม? เขาควรจะต้องบอกว่า "ไม่มีอำนาจตามมาตรา 63 วรรค 2 โดยตรง มิใช่หรือครับ?ไม่ได้โดยตรง" เพราะมันลัดขั้นตอนการลงโทษ! ไม่ใช่ลัดขั้นตอนการรับเรื่อง และในส่วนนี้ 2)" และการยื่นขอให้ยุบพรรคการเมือง ตามพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรค การเมือง ก็เป็นอำนาจขางนายทะเบียนพรรคการเมืองโดยจะต้องดำเนินการผ่านอัยการ สูงสุดเสียก่อน" เพราะศาลท่านวินิจฉัยจากวรรค 1 มาตรา63 ให้ยุบพรรคการเมืองตามวรรค 3 เลยไม่ได้ ศาลไม่มีอำนาจขนาดนั้น ศาลจึงแจ้งให้ผู้ร้องเข้าใจ อำนาจนี้อยู่ที่นายทะเบียนพรรคการ เมืองตามพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ผมยกมาทั้งหมดเลย จะได้เข้าใจมากขึ้น ช้าๆอีกทีขยายความแบบยาวๆนะครับ คือคุณสรุพงษ์จะต้องไปผ่านช่องทาง ในมาตรา67 แต่เห็นไหมครับ เขาเขียนละเอียดยิบ ว่าหากอัยการไม่ยื่น เขาต้องทำอย่างไร ซึ่งก็จะกลับไปสู่ศาลอีกครั้ง แต่ครั้งนี้วินิจฉัยไม่ใช่มาตรา63 จากรัฐธรรมนูญแล้วนะครับ แต่เป็นมาตรา 66 (1) จากพรบ.ประกอบฯนี้ต่างหาก ซึ่งทำไมศาลถึงแนะนำช่องทางนั้น???? อ่านดีๆสำคัญมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ลองอ่านมาตรา 66 ดีๆครับ ตั้งใจ ไม่ต้องรับ "มาตรา 66 เมื่อพรรคการเมืองกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ อาจถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมือง" นั่นหมายความว่าศาลวินิจฉัยผ่าน มาตรา 66(1)(1) กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครอง ประเทศโดยวิธีการ ซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ผ่านช่องนี้ได้เลย โดยคำสั่งนั้น ไม่ต้องผ่านด้วย"คำสั่งให้ทำ"ก่อน เหมือนมาตรา63 วรรค 2 ตามรัฐธรรมนูญไง สามารถสั่งให้ยุบพรรคได้เลยตามเจตนาของมาตรา 66นี้!!!!!!!!!!!!!! เข้าใจหรือยังครับ ว่าทำไมศาลจึงแนะนำเช่นนั้น เพราะมันจะยุบพรรคได้โดยศาลคนเดิมนี่แหละ แต่ใช้คนละมาตรา!!!!! และช่องทางมันซับซ้อนกว่า เห็นไหม?????? หมวด 4 การเลิกหรือยุบพรรคการเมือง _________ มาตรา 65 พรรคการเมืองย่อมเลิกหรือยุบด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) มีเหตุต้องเลิกตามข้อบังคับพรรคการเมือง (2) มีจำนวนสมาชิกเหลือไม่ถึงสิบห้าคน (3) มีการยุบพรรคการเมืองไปรวมกับพรรคการเมืองอื่นตามหมวด 5 (4) มีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคการเมือง (5) ไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรา 25 มาตรา 26 มาตรา 29 มาตรา 35 หรือมาตรา 62 เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียนว่าพรรคการเมืองใดมีเหตุตามที่ระบุไว้ ใน (1) (2) (3) หรือ (5) ให้นายทะเบียนยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน สิบห้าวันนับแต่วันที่ความปรากฏต่อนายทะเบียน เมื่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้ว เห็นว่ามีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นกับพรรคการเมืองตามคำร้องของนายทะเบียน ให้ศาล รัฐธรรมนูญสั่งให้ยุบพรรคการเมืองนั้น ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองใดแล้วให้ นายทะเบียนประกาศคำสั่งยุบพรรคการเมืองนั้นในราชกิจจานุเบกษา มาตรา 66 เมื่อพรรคการเมืองกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ อาจถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมือง (1) กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครอง ประเทศโดยวิธีการ ซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ (2) กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ (3) กระทำการอันเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ หรือขัดต่อกฎหมาย หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือ (4) กระทำการฝ่าฝืนมาตรา 23 วรรคหนึ่ง มาตรา 52 หรือ มาตรา 53 มาตรา 67 เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียน หรือเมื่อนายทะเบียนได้รับ แจ้งจากคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองว่า พรรคการเมืองใดกระทำการตาม มาตรา 66 ให้นายทะเบียนแจ้งต่ออัยการสูงสุดพร้อมด้วยหลักฐาน ถ้าอัยการสูงสุด เห็นสมควรก็ให้ยื่นคำร้องเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองดังกล่าว ถ้าอัยการสูงสุดไม่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้นายทะเบียนตั้งคณะทำงานขึ้น คณะหนึ่งโดยมีผู้แทนจากนายทะเบียนและผู้แทนจากอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการ รวบรวมพยานหลักฐานแล้วส่งให้อัยการสูงสุด เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ในกรณีที่คณะทำงานดังกล่าวไม่อาจหาข้อยุติเกี่ยวกับการดำเนินการยื่นคำร้องได้ ให้นายทะเบียนมีอำนาจยื่นคำร้องเอง ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองใดแล้ว ให้นาย ทะเบียนประกาศคำสั่งยุบพรรคการเมืองนั้นในราชกิจจานุเบกษา หากนายทะเบียนเห็นสมควรจะให้ระงับการดำเนินการของพรรคการ เมืองซึ่งกระทำการตามมาตรา 66 ให้นายทะเบียนแจ้งต่ออัยการสูงสุดขอให้ศาล รัฐธรรมนูญสั่งระงับการกระทำดังกล่าวของพรรคการเมืองไว้เป็นการชั่วคราว มาตรา 68 ในกรณีที่พรรคการเมืองเลิกหรือยุบตามมาตรา 65 นอกจากกรณีตามมาตรา 65 (3) ให้หัวหน้าพรรคการเมืองส่งบัญชีและงบดุลรวมทั้ง เอกสารเกี่ยวกับการเงินของพรรคการเมืองต่อนายทะเบียนภายในสิบห้าวันนับแต่ วันที่พรรคการเมืองเลิกหรือยุบ และให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้ชำระบัญชี ให้เสร็จสิ้นภายในหกเดือนนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียน ถ้าสำนักงานตรวจ เงินแผ่นดินชำระบัญชีไม่เสร็จภายในเวลาดังกล่าว ให้ขอขยายเวลาได้อีกไม่เกิน หกเดือน ในการชำระบัญชี เมื่อได้หักหนี้สินและค่าใช้จ่ายแล้วยังมีทรัพย์สิน เหลืออยู่เท่าใด ให้โอนให้แก่องค์การสาธารณกุศลตามที่ระบุไว้ในข้อบังคับพรรค การเมือง ถ้าในข้อบังคับพรรคการเมืองไม่ได้ระบุไว้ให้ทรัพย์สินที่เหลือนั้นตกเป็น ของกองทุน ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ลักษณะ 22 หมวด 5 ว่าด้วยการชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัท จำกัดมาใช้บังคับกับการชำระบัญชีของพรรคการเมืองโดยอนุโลม มาตรา 69 ในกรณีที่พรรคการเมืองต้องยุบไปเพราะไม่ดำเนินการ ตามมาตรา 35 หรือมาตรา 62 หรือกระทำการตามมาตรา 66 ผู้ซึ่งเคยดำรง ตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ต้องยุบไปจะขอจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารของพรรคการเมือง หรือมีส่วนร่วมในการขอจัดตั้งพรรค การเมืองขึ้นใหม่ตามมาตรา 8 อีกไม่ได้ ทั้งนี้ ภายในกำหนดห้าปีนับแต่วันที่พรรค การเมืองนั้นต้องยุบไป จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 09:28:31 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 32 การตีความรัฐธรรมนูญ     สรุป การตีความบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มีผลเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องกระทำด้วยความระมัดระวังรอบคอบ อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ที่เป็นกรอบ ในการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะต้องตีความอย่างแคบที่สุด เพื่อมิให้เกิดปัญหาข้อโต้แย้งในทางวิชาการ และปัญหาการขยายเขต อำนาจขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญ จนส่งผลกระทบไปถึงการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรตามรัฐธรรมนูญอื่น ๆ ที่มา... การตีความรัฐธรรมนูญ นพดล เฮงเจริญ ลงเผยแพร่ครั้งแรกใน Public Law Net วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2545 http://www.pub-law.net/publaw/view.aspx?id=398 ------------------------------------------------ ตลก. ตีความ รธน. ตามหลักการหรือเปล่า...นะครับ จากคุณ : สุทธิสาร เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 09:36:25 A:58.8.172.143 X:

ความคิดเห็นที่ 33 ผมว่าต้องไปดูเจตนารมย์ของคณะร่างรัฐธรรมนูญมาตรานี้ประกอบด้วยน่ะครับ ว่าเค้ามีเจตนาให้เป็นอย่างรัย ซึ่งเมื่ออ่านดูแล้วเค้าตองการให้ยื่นต่ออัยการสูงสุดน่ะครับ เพื่อพิจารณาในชั้นต้น หากมีมูลค่อยส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่ตอนยกร่างดันเขียนไม่เคลียร์เลยเกิดการตีความได้อย่างหลากหลายแบบนี้ อยากจับก้นยกร่างมาตีก้นสัก1ที เขียนยังงัยให้คนตีความได้ไปคนละทิศละทาง จากคุณ : สิงห์สอื้น เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 09:37:55 A:103.28.100.9 X:

ความคิดเห็นที่ 34 อ่านยังไงมันก็ ต้องยื่น อสส. ทางเดียว... ถ้าอย่างนั้น จะเขียน อสส. ไว้ทำไม ... ถ้าตีความอย่างนั้น ผูกพันทุกองค์กร ... ขั้นตอนการปฏิบัติงาน ส่งผ่านงาน ยุ่งแน่ๆ...นะครับ จากคุณ : สุทธิสาร เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 09:49:18 A:58.8.172.143 X:

ความคิดเห็นที่ 35 จขกท..ขึ้นต้นหัวกระทู้ว่า.. "มาตรา 68 เสื้อแดงตีความ และตั้งข้อสังเกตุดุลพินิจศาลได้มั่วจริงๆ" เมื่อไหร่จะเข้าเรื่องสักทีครับ..ทำไมต้องไปวนกับ รธน ปี 40 ล่ะครับ.. คนไม่เข้าใจเปิด ม68 ปัจจุบัน..ดันโยงไป ม 65..รธนฉบับที่แล้ว..? เก็บเสื่อดีกว่า.. จากคุณ : แมวน้ำสีคราม เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 09:55:56 A:180.180.93.23 X:

ความคิดเห็นที่ 36 o/ ((ยกมือขออนุญาตแจม แอบๆเบี่ยงประเด็น)) ผมคิดว่า เป็นเพราะการใช้ภาษาคลุมเคลือไม่ชัดเจนในตัวกฏหมายหรือเปล่า เลยทำให้ต้องเกิดการ "ตีความ" แต่ละคนแต่ละฝ่าย ก็ย่อมตีความให้ตัวเองได้ประโยชน์สูงสุดอยู่แล้ว ดั่งทนายที่ต้องแก้ต่างให้ลูกความของตัวเอง ตัวศาลเอง เลยต้องมี "บรรทัดฐาน" เพื่อความเข้าใจตรงกันของทุกฝ่าย แล้วบรรทัดฐานมาจากไหน ก็มาจาก "ดุลพินิจ" เก่าๆของศาลนั้นๆนั่นเอง ดั่งที่คุณ pingpoojung ลงความคิดเห็นที่ คห.5 แต่ศาลทำตัวเหมือนทนาย ที่พลิกพริ้วเล่นคำแบบนี้ ผมคิดว่าไม่สมควร ที่สมควรจริงๆ คือต้องพิจารณาความเหมาะสมของตัวบุคคล หรือ "คน" ที่จะมาเป็นศาล เพราะถ้า "คน" มีโอกาสโน้มเอียงหรืออคติง่ายๆ และสร้างความเสียหาย ลดความน่าเชื่อถือ ต่อสถาบัน"ศาล" ได้ ปล. ผมคิดว่า กระทู้นี้ ไม่มีใครตัดสินอะไรได้หรอกครับ เพราะ รัฐธรรมนูญ ไม่ได้ให้อำนาจใครมาตัดสินกระทู้นี้ เอิ๊กกกกกกก.... :P จากคุณ : โอ-ต่อ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 09:55:59 A:61.90.95.120 X:

ความคิดเห็นที่ 37 สรุป คนมันอ่านไม่หมด อ่านไม่เข้าใจ จ้องจับผิดอย่างเดียว เรื่องนี้ มองนิดเดียวก็รู้ครับ ว่ากรณี ยุบพรรค กับ การตีความออกร่าง รธน. ของรัฐสภา มันคนล่ะเรื่องเดียวกัน เห็นเล่นไม่เลิก จากคุณ : Angleevil เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 09:56:00 A:101.51.12.211 X:

ความคิดเห็นที่ 38 ใน 68 กระบวนการรับเรื่องก็ต้องให้ผ่านอัยการสูงสุดพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนยื่นคำร้องเพื่อศาลจะได้วินิจฉัย ซึ่งจะสั่งให้เลิก หรือ ยุบพรรค ก็เป็นขั้นตอนการพิจารณาหลังจากนั้น ส่วนที่ศาลตีความคำว่า และ หมายถึง บุคคลที่พบเห็นสามารถยื่นโดนตรงให้ศาลได้อีกช่องทาง เป็นการตีความเพิ่มจากที่รัฐธรรมนูญกำหนด เพราะศาลมีหน้าที่วินิจฉัย ไม่ได้มีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเอง เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้ อัยการสูงสุด เป็นผู้มีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ดังนั้นการที่ศาลรับเรื่องเอง เป็นการข้ามขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริงไป เป็นการตีความขยายอำนาจหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งไม่ถูกต้อง จากคุณ : Tchaikovsky เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 09:58:06 A:49.49.179.237 X:

ความคิดเห็นที่ 39 pingpoojung ฟังเขาก่อนสิครับ ฟังให้จบก่อน เขายังไม่จบเลย คุณกำลังทำลายกระบวนการของการ ใช้เหตุผล debate กัน ผมว่าที่เขาให้ความเห็นมาก็มีเหตุผล นะ รอฟังให้จบก่อน แล้วคุณ ฝั่งเสื้อแดงโต้แย้งขอให้โต้แย้งในจุดที่เขาพูดมานะครับ ปล. ผมรบกวนขอที่มาของตารางในค.ห.ที่ 19 ด้วยครับ อ้างอิงมาจากที่ไหน ใครเป็นคนทำ ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 55 10:03:45 จากคุณ : ลวงตา เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:00:35 A:113.168.161.235 X:

ความคิดเห็นที่ 40 ความคิดเห็นที่ 30 ความคิดเห็นที่ 33 ความคิดเห็นที่ 32 ความคิดเห็นที่ 29 เอาน่า "ตีความอย่างเคร่ง และต้องไม่ผิดตามเจตนาใช่ไหมครับ" สิ่งที่รัฐธรรมนูญ ฉบับ 2550 ในมาตรา 68 กับ 2540 มาตรา 63 มีสิ่งที่ต่างกันด้วย ตรงนี้ครับ 2550 ได้แยกส่วนเพื่อแสดงในเจตนาชัดเจน "พิทักษ์"เจตนา และมี"สิทธิ" ในวรรค 2 เจตนาชัดไหมครับ ว่าในฉบับนี้ เขาเจตนาความสำคัญที่ไหน และซึ่งหากความสำคัญ ในเจตนาเป็นแบบนี้ คำว่าและ ก็จะใช้ยื่น"อัยการ" และยื่นทั้ง"อัยการ" ทั้ง"ศาล" ควบคู่กันได้ แต่อย่าเพิ่งบอกว่าผมคิดไปเองสิ เพราะถ้าบอกว่าต้องอัยการอย่างเดียว และให้อัยการส่งต่อ เขาก็จะระบุชัดตามตัวอย่างช่องทางการยื่นตามมาตรานี้ครับ อ่อ รอก่อนนะ เพราะศาลคือผู้วินิจฉัย จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:03:06 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 41 ........ เจตนาของข้อกฎหมายที่ตราไว้ ไม่ใช่เจตนาของคนตีความข้อกฎหมาย ถ้ายึดถือเจตนาของคนตีความ  ร้อยคนก็ออกมาร้อยอย่าง แล้วจะเชื่อใคร ....         เจคนาของผู้ร่างจนมาเป็นข้อกฎหมาย ก็ระบุไว้ชัดเจนแล้ว ว่า ให้อัยการสูงสุดเป็นผู้มีสิทธิยื่นคำร้อง ที่มาที่เป็นก็ตรงกัน  สุดท้ายมาถูกเปลี่ยน โดยเจตนาของคนตีเฉยเลย ... คุณตีก็อย่าง  ผมตีก็อีกอย่าง นายแมวตีก็อีกอย่าง แล้วกูตีก็อีกอย่าง กลายเป็นกฎของพวกฏ ... ใช้บังคับได้ไหม  ย่อมไม่ได้ ..        ไม่ใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่ใช้ ม. 68 "รธน.เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฏ หรือข้อบังคับ ขัดหรือแย้งต่อ รธน.นี้ บทบัญญัตินั้นเป็นอันบังคับมิได้" จากคุณ : csom 9263 เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:03:49 A:1.47.7.51 X:

ความคิดเห็นที่ 42 อีกจุดที่ต่างคือมีเพิ่มวรรค 4 เข้ามา จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:04:48 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 43 เสร็จละครับ ลองมาดูกันนะ ถ้าเขาให้อำนาจอัยการยื่นจริงๆเขาจะระบุไว้อย่างไร เห็นไหมครับ ในเรื่องความมั่นคงเหมือนกัน รายละเอียดเหมือนกันเดี๊ยะ แต่คนละมาตรา ช่องทางนี้ที่ศาลแนะนำให้นายสุรพงษ์มายื่นครับ ซึ่งศาลในตอนนั้นได้ให้เหตุผลว่า ให้ผ่านอัยการก่อนนี่ไงพี่น้อง แต่เห็นไหมครับ สุดท้ายแล้ว ผู้ยื่นในกรณีนี้ ก็สามารถยื่นได้ตรงอยู่ดี ระบุชัดนะครับ ว่าต้องผ่านความเห็นของอัยการ ไม่ต้องตีความเป็นอื่นนะ!!!! จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:14:00 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 44 ใน 68 อีกที รัฐธรรมนูญ กำหนดกระบวนการว่าต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งหน้าที่นี้ กำหนดให้อัยการสูงสุดเป็นผู้มีหน้าที่ ส่วนศาล มีหน้าที่วินิจฉัย เพราะอ่านยังไงก็ไม่มีข้อกำหนดใดๆ ว่าศาลมีอำนาจในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเลย รัฐธรรมนูญ กำหนดไว้ให้เพียงอำนาจวินิจฉัยหลังจากมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่วันนี้ ศาลกลับตีความเอาหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงไปรวมที่ตัวเองทั้งๆ ที่ไม่หน้าที่ ซึ่งเป็นการข้ามขั้นตอนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เลยเกิดปัญหาอยู่จนวันนี้ จากคุณ : Tchaikovsky เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:15:59 A:49.49.179.237 X:

ความคิดเห็นที่ 45 ผมอ่านยังไงๆ ก็ตีความได้ว่า ต้องยื่นให้อัยการสูงสุดพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน คำว่า และ ตามมาหลังจากการพิจารณาของอัยการได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วว่า มีมูล และยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย <-- เกิดขึ้นในลำดับต่อจากพิจารณาว่า มีมูล ครับ จากคุณ : กาแฟดำขม เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:16:32 A:125.27.84.2 X:

ความคิดเห็นที่ 46 ...... จะเอาความคิดเห็นของตัวเอง และการตีความของตลก. ไปฝ่าฝืนกฎหมาย รธน. ก็เชิญครับ เก็บสื่อตามคุณแมวน้ำสีครามครับ   ..... จากคุณ : csom 9263 เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:19:25 A:115.67.64.122 X:

ความคิดเห็นที่ 47 ความคิดเห็นที่ 44 นั่นสิครับ ผมเองก็ไม่เคยบอกว่าศาลมีหน้าที่ตรวจสอบเลยนี่ มีแต่บอกว่ารับไปวินิจฉัย แต่"วินิจฉัย" แปลว่าอะไร "ข้อเท็จจริง"แปลว่าอะไร ลองไปหาคำแปล แล้วลอง วินิจฉัย!!!!ดูครับ จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:21:42 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 48 รับไปวินิจฉัยโดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนเหรอครับ ก็ผมบอกแล้วไง ไอ้คำว่า และ ที่ศาลไปตีความเอง เป็นการเพิ่มขอบเขตอำนาจ ทั้งๆ ที่ตามเนื้อหา รัฐธรรมนูญก็บอกแล้วว่าให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริง อ่านดูครับ มันเป็นขั้นตอนแรกหรือไม่ มาก่อนการวินิจฉัยของศาลหรือไม่ แล้วศาลจะมาทำตรงนี้เองได้หรือไม่ รัฐธรรมนูญกำหนดไว้หรือไม่ เห็นคุณยกการวินิจฉัย ม.63 มาทีละวรรคตามลำดับในกรณีคุณสุรพงษ์ ใน ม.68 ก็มีลำดับขั้นตอน ตกลงวินิจฉัยก่อน หรือตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนล่ะครับ จากคุณ : Tchaikovsky เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:29:12 A:49.49.179.237 X:

ความคิดเห็นที่ 49 ความคิดเห็นที่ 46 มันก็ต้องใส่ความเห็นกันบ้างล่ะครับ แต่อย่าลืมนะครับ ผมให้ความเห็นโดยอาศัยข้อมูลหลักฐานประกอบเหตุผลชัดเจน เป็นรูปธรรมมีที่มา และสื่อความหมายทำนองที่น่าเชื่อได้ ผมจะรวมให้คุณดูอีกทีนะครับ ว่าข้อสังเกตุของผมมีอะไรประกอบบ้าง 1.การจัดส่วนแสดงเจตนาตาม คห.40 แสดงเจตนาข้อกฎหมายว่าด้วยการสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ 2.การพิจารณาการยื่นคำร้องโดยเปรียบเทียบ ตั้งใจอ่านนะครับ!!!!! คห.ที่42 มาตราวรรคแรก กับคห.ที่43 มาตราแรก 2 วงเล็บ ตั้งใจนะอย่างง!!!! เอามาเปรียบยเทียบกัน!!!! และ 2 ความเห็นเดิม คห.40 ที่ขีดเส้นใต้สีแดง กับ43 ในมาตรา67 เปรียบเทียบอีกที!!!! ชัดเจนไหม???? จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:30:21 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 50 ความคิดเห็นที่ 48 คุณต้องไปหาคำตอบคำว่า "สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ" แล้วล่ะ ว่ามันหมายความถึงเรื่องสำคัญไม๊!? สำคัญขนาดรอทางเดียวได้ไหม?! แล้วก็ไปหาคำตอบคำว่า "วินิจฉัย"มาหรือยัง? ส่วนเรื่องสุรพงษ์ เคลียร์มากไปนานละครับ ลองไปอ่านดูใหม่แต่ต้น ดีๆ ตั้งใจ ช้าๆ จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:34:19 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 51 คุณ pingpoojung ผมรักคุณ ! แทนแจก กิ๊ฟ แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 55 10:35:12 จากคุณ : AMR DIAB เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:34:24 A:58.8.156.40 X:

ความคิดเห็นที่ 52 ถ้าใครจะเข้ามาเพียงแค่บอกว่าตีความเข้าข้างตนเอง ผมสงวนสิทธิ์ไม่ตอบนะครับ และก็ถ้าใครที่มีแค่วิธีพิจารณาบทเดิม ในคำว่า "และ" เท่านั้น โดยไม่นำองค์ประกอบ ใดมาเปรียบเทียบ หรือประกอบเหตุผล เรื่องนี้ผมก็คิดว่าจบละ จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:37:30 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 53 คห.50 เร่งด่วนขนาดไหนล่ะครับ ไอ้ตรงนี้ตีความเรื่องความเร่งด่วนจากอะไรครับ เพราะกระบวนการทางรัฐสภายังไม่ได้ผ่านขั้นตอนที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองอย่างที่ถูกกล่าวหา ยังอยู่ขั้นตอนรับร่าง ยังต้องไปสู่กระบวนการต่างๆ อีกเยอะแยะ ขออภัยที่จำได้ไม่หมด แต่ที่แน่ๆ ยังไม่ได้ตั้ง สสร. เลยด้วยซ้ำไป ยังไม่ทันร่าง ยังไม่ทันลงประชามติ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า จะแก้ไขยังไง กระบวนการตรวจสอบทางสภายังอีกเยอะแยะครับ ทำไมศาลต้องรีบเร่งขนาดนั้นเหรอครับ เร่งด่วนขนาดนั้นเหรอครับ เร่งด่วนจนตีความเพิ่มขอบเขตแบบนั้นเหรอครับ แล้วไอ้คำว่า วินิจฉัยนั่นน่ะ ผมไม่ได้ติดใจนี่ครับ แต่ผมแค่อยากรู้ว่า ข้อเท็จจริงเนี่ย ตกลงใครเป็นคนตรวจสอบ จากคุณ : Tchaikovsky เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:43:37 A:49.49.179.237 X:

ความคิดเห็นที่ 54 กราบเรียน ท่าน MiNiJung สิ่งที่ทางเสื้อแดง มั่นใจคือ รัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่า ยื่นเรื่องต้องผ่านอัยการสูงสุด (ดูคห.19 จะชัดเจนมาก) เพราะ การยื่นฟ้องในคดีอาญาแผ่นดิน ก็ผ่านอัยการ ก่อน การร้องยุบพรรค ต้องผ่านอัยการเช่นกัน ระบบการพิจารณาคดีใดๆก็ตามที่ซับซ้อน และมีผลกระทบต่อส่วนรวม ก็น่าจะให้อัยการพิจารณารวบรวมข้อมูลเบื้องต้นก่อน แต่ทำไม การยื่นเรื่องเพื่อต้องการยับยั้งการพิจาณาแก้รธน. ศาลสามารถวินิจได้เลย โดยไม่มีการรวบรวมข้อเท็จจริงก่อน ตรงนี้แหละครับ ที่หลายคนสงสัย อยากขอข้อชัดเจนจากคุณด้วยครับ ผมยังไม่เข้าใจในค.ห. 47 ครับ ถ้าจะช่วยอธิบายเพิ่มเติมจะดีมาก จากคุณ : ลวงตา เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:45:35 A:113.168.161.235 X:

ความคิดเห็นที่ 55 ในเมื่อระบุ เอาไว้เองว่าผู้ยื่นคำร้องคือ อัยการสูงสุด ตามที่ระบุในช่องผู้ยื่นคำร้อง จะไปโวยวายอะไรอีก ระเบียบปฏิบัติมันมีอยู่ อย่ามาแถ จากคุณ : monkey_D เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:46:00 A:58.137.12.13 X:

ความคิดเห็นที่ 56 คห.52 ที่มันต้องตีความเรื่อง "และ" เพราะศาลเองนะครับ ถึงขนาดให้ไปดูฉบับภาษาอังกฤษ ไม่ใช่เพราะคำว่า "และ" เหรอครับ กฎหมายนะครับ คำเพียงนิดเดียว บิดผลลัพท์ไปเป็นคนละเรื่องเลยนะครับ ไม่ใช่คำว่า "และ" คำเดียวนี่เหรอครับ ที่ทำให้ยุ่งและเสื่อมมาทุกวันนี้ เพราะไอ้ "และ" ที่ว่านี่ล่ะ ทำให้รับไปวินิจฉัยเองเลย โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากอัยการสูงสุด ใช่ไหมครับ???? จากคุณ : Tchaikovsky เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:50:16 A:49.49.179.237 X:

ความคิดเห็นที่ 57 ต้องดูที่เจตนาครับ ในวันร่าง รฐน จรัลก็รับรองเองในวันร่างว่า ให้เฉพาะ อัยการรับเรื่องได้เท่านั้น เรื่องมันมีปัญหาตรงที่ พวกตัวเองหมดอำนาจ คุมอัยการไม่ได้ ถึงไปคนละทาง พอรู้ตัวว่าติด ที่อัยการ ก็ด้านละทีนี้ งัดเอาของสูงมาชน กับประชาชนซะเลย ใครจะทำไม แบบนี้ ถ้าพลาดก็กรุณากลับบ้านเก่าไป อยาพยายาม ดึงสิ่งเคารพของประชาชน มาเป็นพวก บางคนเขารัก เคารพ แต่ไม่เห็นด้วยกับพวก ตลกก็มี ดังนั้น ทำงานพลาดต้องลาออกอย่างเดียว อย่าดันทุรัง ดูคลิปแล้วหวังว่าตาจะสว่างขึ้น http://www.youtube.com/watch?v=WdaaSnndlL4&list=UUnniqWGq9lOqYd5sGWxVi7w&index=5&feature=plcp ดูแล้วคิดอย่างไรกับสิ่งที่ ตลก กำลังทำลงไป มันเป็นการใช้อำนาจ ทำลายระบอบประชาธิปไตยเสียเอง ! ดูนาที่ 1:19 เป็นต้นไป จากคุณ : AMR DIAB เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:53:17 A:58.8.156.40 X:

ความคิดเห็นที่ 58 *52 ถ้า จขกท.ตอบแบบ คคห. 52 นี้ ผมก็ว่าจบเหมือนกันครับ เพราะ จขกท.จะบังคับให้คนอื่นคิดเหมือน จขกท. ทางเดียว แต่ความคิดบังคับกันไม่ได้ ในเมื่อเหตุและผลของ จขกท. ที่อธิบายมานั้น ไม่สามารถโน้มน้าวให้คนอื่นคิดตาม จขกท.ได้ ผมก็คิดว่า ป่วยการที่จะตั้งกระทู้มาเถียงกัน อย่างนี้ ครับ เห็นเขียนไว้ ใน คคห.7 ว่า...จนกว่ามีข้อสรุป แต่ถกกันได้ไม่กี่ความเห็น พอเขาคิดไม่ตรง จขกท. ก็บอกว่า จบละ ผมทายไว้แล้ว ในคคห.2 ว่า ต่างฝ่ายจะต่างยืนในมุมและเหตุผลของตัวเอง เป็นอันว่า ผมก็จบกับ จขกท. และกระทู้นี้เช่นกันครับ...สวีดัด สวัสดี จากคุณ : กาแฟดำขม เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:54:19 A:125.27.84.2 X:

ความคิดเห็นที่ 59 นี่สิเรื่องใหม่!!!ผมสนใจคห.คุณ คห.53 ขอบพระคุณมากครับ คห.น่าจะแลกเปลี่ยนแตกประเด็นด้วย ประเด็นนี้ผมสนใจเหมือนกันครับ ผมขอติดไว้แล้วจะขอตั้งกระทู้แตกประเด็นใหม่นะครับ นับถือ จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:54:34 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 60 แล้ว ตลก จะดิ้นไปไหนอีก จรัล ก็หนึ่งใน ตลก ก็เป็น สสร ร่างเอง มากับมือ วันนี้ จงใจผิดเพี้ยน เพื่ออะไร ? จากคุณ : AMR DIAB เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:54:40 A:58.8.156.40 X:

ความคิดเห็นที่ 61 กระทู้นี้ดีนะครับ แม้จะแตกต่างทางความคิดแต่ก็เป็นการใช้เหตุผลเข้าถกกัน ซึ่งนอกจากคุณ Thyrocyte มาก็เพิ่งเห็นมีคุณ MiNiJung นี่แหละครับ แม้ผมจะขัดใจในการตีความและลีลาโยกคลึงของคุณ MiNi อยู่บ้าง แต่โดยรวมต้องบอกว่าชอบใจจริงครับ ต้องอย่างนี้สิ อ่านแล้วมันได้ความรู้ตาม รู้ว่าทำไมคุณถึงได้ค้าน ผมเองจะร่วมวงด้วย ก็ยอมรับตรงๆว่าความรู้ไม่ถึง แต่เท่าที่ได้เสพมา มีความเชื่อคล้อยตามสามัญสำนึกเบื้องต้นเมื่อได้อ่านข้อความมาตรา 68แล้ว ว่าควรหมายถึงให้ผ่านอัยการเท่านั้น ผมขอหยิบบทความจากประชาไทมาฝากเป็นข้อมูลเพิ่มเติมก็แล้วกันครับ เป็นข้อมูลประกอบ แต่คงคนละมุมกับคุณนะครับ ----------------------------------------------------- http://www.prachatai.com/journal/2012/06/40955 เพื่อความชัดเจนอีกครั้งสำหรับผู้ที่ไม่ได้ติดตาม ศาลรัฐธรรมนูญอ้างมาตรา 68 ในการรับคำร้อง นักวิชาการมองว่าศาลไม่มีอำนาจรับคำร้องเพราะอะไร ขออธิบายโดยสังเขปดังนี้ (ผู้อ่านสามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้จากงานเขียนและบทสัมภาษณ์ของนักวิชาการหลายต่อหลายท่านที่ได้ให้ความเห็นในกรณีนี้ไว้แล้ว) 1. ฟ้องใครได้บ้าง? มาตรา 68 ระบุว่า “บุคคลหรือพรรคการเมือง จะใช้สิทธิเสรีภาพ (exercise the rights and liberties) เพื่อล้มล้างการปกครอง..” (วรรค 1) สภาไม่ใช่บุคคลแต่เป็นกระบวนการที่มาจากกลไกในการปกครองระบอบประชาธิปไตย และทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงเป็นหน้าที่ซึ่งสภามีอำนาจทำได้ตามมาตรา 291 กรณีนี้เป็นเรื่องการใช้อำนาจหน้าที่ (duty ดูมาตรา 74) ไม่ใช่การใช้สิทธิเสรีภาพ (rights and liberties) กล่าวคือ มีกฎหมายให้อำนาจไว้และได้ทำตามกฎหมายที่ให้อำนาจไว้นั้น และกระบวนการดังกล่าวไม่ใช่การใช้สิทธิเสรีภาพของบุคคลหรือพรรคการเมืองแต่เป็นการกระทำในรัฐสภาอันเป็นไปตามกรอบรัฐธรรมนูญ อีกทั้งหมวดดังกล่าวอยู่ในหมวดของ “สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย” (มาตรา 26-69) จึงไม่ควรเอามาปนกับเรื่องของหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด 2. ใครยื่นได้บ้าง? มาตรา 68 ระบุว่า "ผู้ทราบการกระทำดังกล่าวย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการ..." ดังนั้น บุคคลธรรมดาย่อมไม่สามารถยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้เอง หากจะตีความตามภาษาอังกฤษที่ท่านประธานอ้างคงจะต้องยื่นทั้งสองที่ตามที่ได้กล่าวแล้ว 3. ยื่นต่อใคร? มาตรา 68 ระบุ “ให้ผู้ทราบการกระทำดังกล่าวย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการ..” กล่าวคือผู้ทราบการกระทำยื่นต่ออัยการสูงสุดเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายตามคำร้องจริง จากนั้นให้อัยการยื่นต่อไปยังศาลเพื่อวินิจฉัยสั่งการต่อไป การที่ศาลรับไว้พิจารณาจึงไม่ชอบเพราะไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ 4. ศาลมีอำนาจมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่? เมื่อศาลไม่มีอำนาจรับคำร้องไว้พิจารณาแล้วศาลจะมีอำนาจมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้นหากพิจารณาโดยตรรกะเนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจตามข้อกำหนดศาลฯ ข้อ 6 เพื่อใช้มาตรการชั่วคราวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ เป็นการเอากฎหมายที่มีลำดับศักดิ์ต่ำกว่ามาบังคับการกระทำตามกฎหมายที่มีลำดับศักดิ์สูงกว่า เป็นการใช้กฎหมายข้ามสายพันธ์เป็นหลักการที่หาคำอธิบายเชิงตรรกะได้ยากมาก สรุปคือ ศาลไม่มีอำนาจ การมีคำสั่งรับไว้พิจารณาจึงไม่ชอบด้วยประการทั้งปวง อีกทั้งการมีคำสั่งเพื่อมีผลให้รัฐสภาชะลอการพิจารณาลงมติรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยอีกถือเป็นการออกคำสั่งที่ตนไม่มีอำนาจอย่างชัดเจน เพื่อตอบคำถามว่าอัยการไม่ควรเป็นองค์กรเดียวที่ดำเนินการเพื่อพิทักษ์รัฐธรรมนูญเท่านั้น ประชาชนที่เห็นการกระทำดังกล่าวสามารถกระทำการใดเพื่อตอบโต้หากมีการกระทำเพื่อล้มล้าง รัฐธรรมนูญ ได้หรือไม่ คำตอบคือ “ได้” กล่าวคือปรากฏตามมาตรา 69 รัฐธรรมนูญ ซึ่งให้สิทธิประชาชนในการต่อต้านการกระทำเช่นว่าด้วยสันติวิธี ซึ่งเป็นหลักการที่สอดคล้องกับการใช้สิทธิและเสรีภาพชองประชาชนตามที่ปรากฎในชื่อหมวดของรัฐธรรมนูญส่วนนี้ อีกทั้งเป็นการเน้นย้ำว่ากระบวนการทางกฎหมายย่อมต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงกลั่นกรองก่อนนำขึ้นสู่กระบวนการทางศาลต่อไป พิจารณาโดยตรรกะ (อย่างคนที่ไม่มีความรู้กฎหมาย) หากประชาชนสามารถยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญอย่างพร่ำเพรื่อเช่นนี้โดยไม่มีกระบวนการกลั่นกรองก่อน บ้านเมืองจะไม่วุ่นวายหรือ เพราะศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นเครื่องมือทางการเมืองชั้นดีในการกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามที่ทำไม่ถูกใจอีกฝ่ายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แล้วเสถียรภาพของรัฐในการบริหารจัดการจะอยู่ที่ไหน ต่อบทบาทของตุลาการศาลรัฐธรรมยังคงเป็นที่เคลือบแคลง ล่าสุดได้มีเสียงสะท้อนจากพรรคประชาธิปัตย์โดยคุณเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราชแสดงความกังวลต่อการประชุมสภาที่จะมีขึ้นว่า “ตนมีความกังกลหากรัฐสภาจะพิจารณาคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้ชลอการพิจารณาลงมติแก้ไขในวาระ 3 ว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายว่า อาจจะก่อให้เกิดความวุ่นวายในสภาได้เนื่องจากการอภิปรายส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายแต่เป็นความคิดเห็นทางการเมือง เกรงว่าคนที่ไม่รู้กฎหมายนำมาอภิปรายจะเป็นปัญหา ซึ่งตนทราบข่าวว่ามีการจองกฐินถล่มศาล ตนเห็นว่าไม่เหมาะเพราะจะไม่เป็นธรรมกับศาลที่ไม่สามารถชี้แจงได้”  เพราะหากวิเคราะห์จากช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุลออกมาให้สัมภาษณ์ว่าตราบใดที่ยังไม่เห็นเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญก็ถือว่าเป็นการยกประโยชน์ให้จำเลย นัยคือพันธมิตรไม่ต่อต้านการลงมติของสภาในการรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 (แต่ก็ไม่อาจชล่าใจเพราะพธม.เองหรือผู้ยื่นเองก็ยังมีจุดเกาะเกี่ยวกับประโยชน์ตรงนี้อยู่) อาการลอยเคว้งของศาลรัฐธรรมนูญจึงน่าเป็นห่วงเพราะขาดมวลชนหนุนหลัง การที่พรรคประชาธิปัตย์ออกตัวเช่นนี้จึงเป็นการสื่อความหมายบางประการต่อองค์กรตุลาการนี้ จากประวัติความเป็นมาของตุลาการตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญปี 50 คือผลสืบเนื่องจากการทำรัฐประหาร โดยการทำรัฐประหารมีธงในการทำลายอำนาจการเมืองของทักษิณ ดังนั้น ตุลาการที่ถูกแต่งตั้งจึงเป็นที่เคลือบแคลงว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่อยู่ฝั่งตรงข้ามคุณทักษิณและสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์แทบทั้งสิ้นสืบเนื่องจากผลการทำงานที่ผ่านมา ทั้งผลงานยุบพรรคไทยรักไทย ยุบพรรคพลังประชาชน และพรรคอื่นๆ ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์ ทำไมประชาธิปัตย์ถึงรอด ในช่วงปี  2553 และปี 2554 จากสองคดีที่มีผู้ร้องยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์ ประชาธิปัตย์ชนะคดีด้วยเทคนิคทางกฎหมาย(แบบคลุมเครือ)แทบทั้งสิ้น มิได้พิเคราะห์ว่ามีความผิดตามข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้างหรือไม่ ในช่วงเวลาดังกล่าวศาลรัฐธรรมนูญถูกประจานว่ามีตุลาการบางคนประชุมเตรียมการเพื่อช่วยพรรคประชาธิปัตย์ หลักฐานชัดเป็นวีดิทัศน์เกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญประชุมช่วยเหลือคดีพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายอย่างร้ายแรงและขัดต่อหลักความเป็นอิสระของผู้พิพากษา แต่ศาลไม่เพียงไม่ตั้งคณะกรรมสอบวินัยและลงโทษตุลาการที่ปรากฏในภาพวิดิทัศน์ดังกล่าว แต่กลับจะฟ้องเอาผิดผู้เผยแพร่วิดีโอดังกล่าวตาม พรบ.คอมพ์ฯ ว่าการเผยแพร่วีดิทัศน์ดังกล่าวเป็นความผิดอาญาต่อแผ่นดิน และล่าสุดกรณีศาลสั่งให้นายจตุพร พรหมพันธ์พ้นสมาชิกภาพ ส.ส. เนื่องจากถูกจำคุกไม่สามารถไปเลือกตั้งได้ที่ยังคงเป็นข้อกังขาของนักกฎหมาย ---------------------------- จะติดตามต่อไปครับ เผื่อข้อเขียนของคุณจะสามารถเปิดมุมมองใหม่ๆให้ผมขึ้นมาบ้าง จากคุณ : แอบมาซุ่ม เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:56:42 A:223.204.105.175 X:

ความคิดเห็นที่ 62 ความคิดเห็นที่ 58 ไม่ทราบว่าอ่าน คห.ที่49 หรือยังครับ มันเปรียบเทียบวิธียื่นคำร้องในกรณีความมั่นคงเช่นเดียวกันชัดเจน ที่พวกคุณอ้างแค่คำว่า "และ" และอื่นๆก่อนหน้า นั่นก็ข้อมูลที่ยกมาจากข้อกฎหมายทั้งนั้น ทั้งตัวบทเจตนา ทั้งวิธีการ เขียนโต้แย้งโดยยกจากเหตุผลที่ผมให้สักประโยคสิ ไม่ใช่พูดเป็นอย่างเดียว ว่าคนที่เห็นต่างแถ โดยไม่มีข้อมูลอะไรมาแสดง! จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 11:00:42 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 63 คห.59 นับถือเช่นกันครับ อย่างน้อยๆ แม้จะอยู่คนละฟากความคิด แต่ถ้าถกเถียงด้วยเหตุและผล ก็เป็นสิ่งน่าฟัง น่ายินดี ดีกว่ากระแทกแดกดันกันไปมา โดยไม่มีเหตุผลใดๆ รองรับเลย แน่นอนครับ การถกเถียงย่อมมีอารมณ์ ความรู้สึก มาเกี่ยวข้อง แต่หากเราคุมประเด็นและเหตุผลไว้ได้ การถกเถียงนั้นๆ ก็ไม่เสียหาย ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองก็แล้วกันนะครับ ยินดีที่ได้พูดคุยด้วยครับ จากคุณ : Tchaikovsky เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 11:03:45 A:49.49.179.237 X:

ความคิดเห็นที่ 64 แล้วกรณีที่ผู้ร้อง อ้างมาตรา 68 นี่มาเล่นเกมส์การเมือง โดยขอให้ระงับ ยับยั้ง หรือชลอ ก็แล้วแต่ โดยใจความสำคัญ ตามวรรคแรก ถ้าเปรียบกับ เนื้อหาที่รัฐสภายกมาแก้มาตราที่เขาแก้ นี่ 291 แยกเป็น กีวงเล็บนะจำไม่ได้ แต่จำได้ว่า 291(11) อันนี้ก็ระบุชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือครับ                 291(11) วรรคท้ายๆ กำหนดให้ร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทางเป็นประมุข หรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขบัญญัติในหมวด ว่าด้วยพระมหากษัตริย์จะกระทำมิได้ ...อือก็ระบุชัดๆแล้วไม่ใช่เหรอครับ...            อือกรณีถ้าร่างออกมาแล้วแล้วขัดกับข้อนี้ สภาดื้อจะรับร่าง ผู้ร้องไปร้องต่อศาลแล้วศาลรับเรื่องจะไ่ม่มีข้อกังขานะผมว่า...ตอนนี้ผมว่าน่าจะหวังผลเรื่องอื่นมากกว่า แต่ด้วยเหตุผลใดไม่รู้  รู้แต่ว่าประวัติไม่เคยเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้เลย..              ส่วนเรื่องทำไมต้องแก้ ทำไมต้องรีบ...ก็มันบิดเบี้ยว การคานอำนาจไม่มี แก้ซะแล้วถ่วงดุลอำนาจสามฝ่ายให้อยู่ใน ระบบวิถีประชาธิปไตย...นั้นแหละที่ควรทำ จากคุณ : สุดท้ายก็เจ็บ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 11:07:37 A:110.168.96.171 X:

ความคิดเห็นที่ 65 คคห.62 ตรวจสอบใหม่นะครับ ผมยังไม่เคยพูดคำว่า แถ สักความเห็นเดียวเลย และคิดว่าได้เห็นมุมมองของคุณแล้ว ไม่ต่างจากที่เค้าถกกันมาแล้ว จบครับ จากคุณ : กาแฟดำขม เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 11:10:59 A:125.27.84.2 X:

ความคิดเห็นที่ 66 อ้าว เดี๋ยวก่อน MiNiJung ยังไม่ตอบคำถามผมเลย ช่วยอธิบายหน่อยสิครับ ผมอยู่ 54 คุณเล่นข้ามไปเลย ไม่ย้อม ไม่ยอม จากคุณ : ลวงตา เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 11:13:37 A:113.168.161.235 X:

ความคิดเห็นที่ 67 ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณครับคุณ แอบมาซุ่ม ผมกำลังอยากแลกเปลี่ยนแตกประเด็นไปในเรื่อง "ศาลมีอำนาจมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่?" ด้วยเช่นเดียวกันครับ แต่หากสรุปในเรื่องการตีความแล้วอ่าจจะทำให้การแตกประเด็นเป็นไปได้ลำบาก ผมเข้าใจว่าขณะนี้ที่ปิดไม่ลงยังคือเข้าใจการตีความต่างกัน แต่ผมได้ให้ความเห็นไปหมดและกำลัง รอข้อโต้แย้ง จาก 3-4 เหตุผลที่ทำให้ผมเชื่อได้ว่า มาตรา 68 วรรค 2 ตีความได้ 2 ช่องทาง ซึ่งว่าจะขอสรุป และให้ความเห็นประกอบเสริมไว้อีกครั้ง ก่อนหาโอกาสขอคำชี้แนะจาก คุณแอบมาซุ่ม อาจจะแยกเป็๋น 2 กรณีได้ไหมครับ โดยยึดจากความเป็นไปได้ และจาก ข้อเท็จจริง เพราะผมมีข้อมูลประกอบในประเด็นนี้น้อยไป เบื้องต้นที่อยากได้เลยคือ คำร้องเลยครับใครมีขอความกรุณานะครับ ขอบคุณครับ 1. จาก คห.ที่ 31 โดยอ้างจากคำวินิจฉัยต่อกรณีคุณสุรพงษ์ ซึ่งมีผลผูกพันธ์ไปยังข้อ3-4 2. จาก คห.ที่ 40 โดยอ้างในการแจ้งเจตนาโดยการแยกข้อกฎหมายไปอยู่ในส่วน"สิทธิ     พิทักษ์รัฐธรรมนูญ" 3. จาก คห.ที่ 43 โดยอ้างจากเจตนาข้อกฏหมายเปรียบเทียบความสำคัญ 4. จากคห. ที่ 43 โดยอ้างจากการเปรียบเทียบวิธีพิจารณาและจากข้อ 3 ประกอบ จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 11:35:35 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 68 กระทู้วายรึยังเอ่ย ขออนุญาตยังไม่อ่านข้างบนนะคะเวลามีน้อย จากที่คุยกับ จขกท ค้างไว้ ตามหัวข้อเรื่องการตีความตาม ม68 ยกมาจากกระทู้เดิมนะคะ http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P12217125/P12217125.html#40 ข้อความในรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 68 ที่ว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพของประชาชน   บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้    ในกรณีบุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทำการตามวรรคหนึ่ง ผู้ทราบการกระทำดังกล่าวย่อมมีสิทธิ เสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่อคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ เลิกการกระทำดังกล่าว แต่ทั้งนี้ ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการดังกล่าว จากคุณ : ไม่อยากให้โลกไร้ซึ่งความหวาน เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 11:39:30 A:110.77.150.35 X:

ความคิดเห็นที่ 69 ประเทศไทยเป็นกฏหมายลายลักษณ์อักษรต้องตีความตามอักษรอย่างเคร่งครัด ในขณะเดียวกันก็จะละเลยเจตนารมย์ของกฏหมายไม่ได้ เจตนารมย์ก็ต้องดูที่มา ว่าผู้ร่างมีเจตนาเช่นไร รัฐธรรมนูญ 50 มาตรา 68 อยู่ในหมวดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนชาวไทย ลอกมาจาก มาตรา63 ของรัฐธรรมนูญปี 40 ซึ่งอยู่ในหมวดเดียวกัน สาเหตุที่มีมาตรานี้เพราะรัฐธรรมนูญ 40 ได้ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ในหมวดสิทธิเสรีภาพดังกล่าว จึงมีหลายมาตราที่กำหนดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนไว้มากมาย มาตรา 63 หรือ 68 ในรัฐธรรมนูญปัจจุปันจึงเขียนป้องกันสิทธิดังกล่าว เพื่อไม่ให้ใช้เสรีภาพที่รัฐธรรมนูญให้มาล้มล้างการปกครอง ดังนั้นเจตนารมณ์ของมาตรานี้จึงใช้ป้องกัน บุคคล กลุ่มบุคคล พรรคการเมือง เอกชน จะตีความว่าเป็นรัฐสภาไม่ได้ โดยเฉพาะเป็นรัฐสภาที่กำลังแก้กฏหมายตามสิทธิและหน้าที่ค่ะ จากคุณ : ไม่อยากให้โลกไร้ซึ่งความหวาน เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 11:40:20 A:110.77.150.35 X:

ความคิดเห็นที่ 70 การตีความกฏหมายที่ถูกอย่าใจร้อนค่ะ ว่าไปที่ละองค์ประกอบประมาณนี้ อาจจะไม่เป๊ะ เดี๋ยวจะมีน้องนางที่ไหนมาตั้งกระทู้จับผิดอีก 1บุคคล----  ต้องตอบให้ได้ว่าเจตนารมณ์หมายถึงใคร 2ใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ----เช่นไร ยกตัวอย่างเช่นสิทธิในการชุมนุม 3เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ------------------ล้มล้างเช่นไร มีการยึดทำเนียบ ยึดรัฐสภา หรืออะไร พฤติการณ์ต้องชัดแจ้งเป็นรูปธรรม 4โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ-----ไม่มีในรัฐธรรมนูญ 5ในกรณีบุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทำการตามวรรคหนึ่ง---บุคคลเดียวกับข้อ1 6ผู้ทราบการกระทำ---ใครก็ได้ที่เห็น อันนี้ต่างหากที่เป็นสิทธิในการปกป้องรัฐธรรมของปวงชนที่นายจรัลพูดถึง 7ย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่อคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ เลิกการกระทำดังกล่าว ----ชัดเจนรัฐธรรมนูญระบุว่าให้ทำอย่างไร ถ้าถกกันได้ถึงข้อนี้จะพูดรายละเอียดอีกที 8ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการดังกล่าว จากคุณ : ไม่อยากให้โลกไร้ซึ่งความหวาน เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 11:41:28 A:110.77.150.35 X:

ความคิดเห็นที่ 71 อันนี้เป็นคำตอบของ จขกท ยกมาให้ ความคิดเห็นที่ 47     คุณไม่อยากให้โลกไร้ซึ่งความหวาน สวัสดีและขอโทษอีกครั้งครับที่เข้ามาตอบช้าจึงไม่ค่อยต่อเนื่อง ผมยินดีที่ได้แลกเปลี่ยน ความเห็นกันอย่างสร้างสรรค์แบบนี้จริงๆครับ และผมมีแนวคิดต่อยอดเพื่ออาจจะพัฒนา เรื่องการแลกเปลี่ยนความเห็นมาใช้ประโยชน์การพัฒนาการปรองดองจากประชาชนอย่าง เราๆด้วยนะครับ จะชี้แจงรายละเอียดและเชิญชวนคุณไม่อยากให้โลกไร้ซึ่งความหวานมา ร่วมคิดร่วมทำกันอีกครั้งครับ ก่อนอื่นผมขอกลับไปที่หัวข้อสนทนาตามที่ผมขออนุญาตร่วมตีความรัฐธรรมนูญม.68ไว้ ก่อนหน้านี้ ผมขอเพิ่มหัวข้อเพื่อสนทนาต่อเนื่องหลังจากการแลกเปลี่ยนความเห็นในการ ตีความแล้วเลยนะครับ จากหัวข้อที่น่าจะเป็นประเด็นที่คุณ ไม่อยากให้โลกไร้ซึ่งความหวาน ให้ไว้ใน คห.ที่39 เรื่อง"ความผิดของรัฐสภาตามมาตรา68" ผมขอปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มก็ได้ นะครับแล้วแต่คุณ ไม่อยากให้โลกไร้ซึ่งความหวาน จะพิจารณาเรื่อง "ศาลมีอำนาจสั่ง รัฐสภาตามมาตรา68หรือไม่" แล้วแต่นะครับ ว่าจะเปลี่ยนมาเลย หรือจะเพิ่มเป็น 2 เรื่อง ทั้งนี้ผมขอชวนใช้หลักคิดแยกเป็น 2 วิธี คือ1)วิเคราะห์ความเป็นไปได้ตามหัวข้อสนทนา 2)วิเคราะห์โดยข้อมูลตามข้อเท็จจริงนะครับ เพื่ออาจก่อให้เกิดประโยชน์จากการแลก เปลี่ยนอย่างรอบด้านทั้งเรา และผู้อื่นที่สนใจร่วมวงสนทนาครับ เรื่องการตีความ ตามความเห็นที่43-44 สงสัยว่าคุณไม่อยากให้โลกไร้ซึ่งความหวานจะเป็นนักกฎหมาย หรือทำงานเกี่ยวข้องซึ่งต้องขอบคุณเลยครับ ตอนแรกผมก็ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นจากตรง ไหนดี ได้ช่วยวางกรอบให้อย่างนี้จะได้มีขั้นตอนการวิเคราะห์ที่ถูกต้องครับ ในคห.ที่43 น่าจะเป็นการตีความเจตนาของกฎหมายนะครับ ผมไม่ทราบในเรื่องที่มาตามมาตรา63 ของรัฐธรรมนูญ40นะครับ ในเรื่องเจตนานั้นที่ผมเห็น ด้วยเป็นส่วนๆ คือ 1)ผมเห็นด้วยตรงกันว่ามาจากหมวดสิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย 2)เพื่อป้องกันการล้มล้างการปกครอง และเสริมว่าเพื่อป้องกันการให้ได้อำนาจการปก ครองที่มาโดยผิดวิธีการตามกฎหมายอีกประการด้วย แต่มีสิ่งที่ผมขอตั้งขอสังเกตุไว้และขอสงวนความเห็นบางส่วนไว้ก่อน มีดังนี้ครับ 3)มาตรา 63 หรือ 68 ในรัฐธรรมนูญปัจจุปันจึงเขียนป้องกันสิทธิดังกล่าว เพื่อไม่ให้ใช้ เสรีภาพที่รัฐธรรมนูญให้มาล้มล้างการปกครอง ดังนั้นเจตนารมณ์ของมาตรานี้จึงใช้ ป้องกัน บุคคล กลุ่มบุคคล พรรคการเมือง เอกชน ตอบ : เนื่องจากมาตรา68 ของรัฐธรรมนูญปี50 แม้จะอยู่ในหมวดสิทธิและเสรีภาพของชน ชาวไทยก็จริง แต่ได้แยกส่วนชัดเจนอยู่ในส่วนที่13 คือ"สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ"จึง ขอตั้งข้อสังเกตุไว้นะครับ "เป็นไปได้ไหมว่าเจตนาที่นำมาไว้ในหมวด3เพื่อมอบสิทธิต่อ ผู้ร้อง สื่อเจตนาถึงผู้ร้องเป็นหลัก ไม่ใช่ผู้ถูกร้อง" 4)จะตีความว่าเป็นรัฐสภาไม่ได้ โดยเฉพาะเป็นรัฐสภาที่กำลังแก้กฏหมายตามสิทธิและ หน้าที่ค่ะ ตอบ: ผมขอสงวนความเห็นต่อความคิดเห็นในเจตนานี้ไว้ก่อนครับ ___________________________________________ ตามความเห็นที่ 44 องค์ประกอบเยอะ จะพยายามไล่เรียงนะครับ 1)บุคคล----  ต้องตอบให้ได้ว่าเจตนารมณ์หมายถึงใคร ตอบ : ถ้าสื่อถึงวรรคแรก เรื่องนี้ชัดเจนครับ ไม่มีข้อโต้แย้ง 2)ใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ----เช่นไร ยกตัวอย่างเช่นสิทธิในการชุมนุม ตอบ : ผมว่าหากเราไม่รู้สิทธิและเสรีภาพตัวเองคงไม่ควรมาถกเถียงเรื่องการเมืองกัน เรื่องนี้ไม่โต้แย้งครับ 3)เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ ------------------ล้มล้างเช่นไร มีการยึดทำเนียบ ยึดรัฐสภา หรืออะไร พฤติการณ์ต้องชัดแจ้งเป็นรูปธรรม ตอบ : เรื่องนี้เห็นต่างอยู่บ้าง คือบริบทมันต่อเนื่องมาจากในข้อ 2 ดังนั้นในตัวอย่างที่ยก มา อาจสอดคล้อง แต่ไม่ตรงประเด็นครับ ผมคิดว่าบริบทนี้น่าจะสื่อถึงการจูงใจ การสร้าง ความเชื่อ สร้างลัทธิต่างๆมากกว่า ยังอยู่ในขั้นตอนที่ยังไม่ได้ปฏิบัติการอันใดที่เกินขอบเขต แต่ที่ยกตัวอย่างมามันเกินขอบเขตของในบริบทนี้ครับ ซึ่งมีข้อ8)เรื่องคดีอาญา แยกส่วนไว้รองรับ จริงๆข้อนี้ไม่ได้อยู่ในประเด็นตามหัวข้อเท่าไหร่นะครับ แต่มีข้อ สังเกตุไว้คือ "เจตนาในบริบทนี้เพื่อใช้ในการป้องปรามได้" 4)โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ-----ไม่มีในรัฐธรรมนูญ ตอบ : ไม่ได้มาตามวิธีการของรัฐธรรมนูญ เป็นแบบนี้ละกันนะครับ 4 องค์ประกอบนี้น่าจะเป็นส่วนในวรรค 1 ทั้งหมดนะครับ ซึ่งส่วนใหญ่ผมไม่ติดใจอะไร ในเจตนาครับ แต่ตั้งแต่วรรค 2 ลงไป อาจมีบางเรื่องที่ควรทำความเข้าใจในแต่ละองค์ ประกอบกันใหม่ โดยอ้างในเจตนาที่ผมได้แสดงความเห็นโดยตั้งข้อสังเกตุไว้ สิ่งแรกที่ผมคิดว่าสำคัญคือเราไม่ได้นำมาตรานี้มาตีความทั้งหมด ยังขาดอีก 2 วรรค ซึ่งผมคิดว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการตีความเป็นอย่างมาก เพราะมันเกี่ยวเนื่องกับ วรรค 2 จะดีไหมครับหากผมจะขอส่งกลับไปให้คุณ ไม่อยากให้โลกไร้ซึ่งความหวานได้ นำร่องในการตีความ และแยกองค์ประกอบเพิ่มเติมก่อนที่เราจะเสวนากันต่อ ขอบคุณและสวัสดี นอนหลับฝันดีครับ ______________________________________________________________ 5)ในกรณีบุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทำการตามวรรคหนึ่ง---บุคคลเดียวกับข้อ1 6)ผู้ทราบการกระทำ---ใครก็ได้ที่เห็น อันนี้ต่างหากที่เป็นสิทธิในการปกป้องรัฐธรรมของปวงชนที่นายจรัลพูดถึง -- 7)ย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่อคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ เลิกการกระทำดังกล่าว ----ชัดเจนรัฐธรรมนูญระบุว่าให้ทำอย่างไร 8)ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการดังกล่าว แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 55 23:47:26 จากคุณ : MiNiJung     เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 23:42:13 A:101.108.144.136 X: จากคุณ : ไม่อยากให้โลกไร้ซึ่งความหวาน เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 11:43:11 A:110.77.150.35 X:

ความคิดเห็นที่ 72 ความคิดเห็นที่ 66 อยู่ในข้อ 3-4 คห.67 ครับผมได้นำวิธียื่นคำร้องมาเปรียบเทียบกัน ในเจตนาที่ต้องวินิจฉัยเหมือนกัน แทบทุกประการ แต่ระบุชัดในเรื่องการใช้ดุลพินิจของอัยการกรณีที่ต้องเป็นผู้ส่งต่อให้ศาล ซึ่งผมนำมาประกอบเหตุผลในการตีความมาตรา 68 วรรค 2 ขอบคุณครับ จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 11:44:48 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 73 ก่อนที่จะตีความว่า ศาลมีอำนาจในการรับคำร้องตาม ม68 หรือไม่ดิฉันคิดว่าเราควรมาตีความ ม68 ตามองค์ประกอบของ กฎหมายที่ละข้อนะคะ เริ่มจากองค์ประกอบที่1 บุคคล-----------ต้องตีให้ได้ว่าเจตนาหมายถึงใคร ดูเหมือนจขกท ไม่ได้ขัดแย้งดิฉันนะคะว่าหมายถึงบุคคล กลุ่มบุคคล พรรคการเมือง เอกชน -------------------------------------------- ตามความเห็นที่ 44 องค์ประกอบเยอะ จะพยายามไล่เรียงนะครับ 1)บุคคล----  ต้องตอบให้ได้ว่าเจตนารมณ์หมายถึงใคร ตอบ : ถ้าสื่อถึงวรรคแรก เรื่องนี้ชัดเจนครับ ไม่มีข้อโต้แย้ง ------------------------------------------ เมื่อองค์ประกอบที่1 ไม่เข้า นั้นแสดงว่า ตลก จะยก ม.68 มาบังคับใช้กับรัฐสภาไม่ได้ เพราะม 68 เจตนารมณ์ใช้บังคับบุคคล กลุ่มบุคคล พรรคการเมือง เอกชน จากคุณ : ไม่อยากให้โลกไร้ซึ่งความหวาน เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 11:51:24 A:110.77.150.35 X:

ความคิดเห็นที่ 74 ใครช่วยชี้แจงเอกสารตาม คคห#19 ให้ด้วย 1. เป็นเอกสารของศาล รธน.ในเว็ปไซด์ ที่ศาลทำขึ้นเอง ไม่ได้ถูกแก้ไข ใช่หรือไม่ 2. เป็นเอกสารที่ถอดความ ถอดเจตนารมณ์ และวิธีปฏิบัติ จากรูปแบบที่เป็น    พารากราฟ เพื่อให้สาธารณชนเข้าใจได้โดยง่าย หลังจากที่เป็น ม.68 แล้ว    ใช่หรือไม่ ผมแปลกใจและคาใจมานานแล้ว ไม่เคยมีใครเลยแม้แต่คนเดียว ออกมาอธิบายที่มาของเอกสารนี้เลยแม้กระทั่งนายวสันต์ ตอบหน่อยซิครับ ออกเอกสารนี้ผิดพลาด หรือใช้ไม่ได้กับกรณีของรัฐบาลเพื่อไทย ถ้าตอบไม่ได้ เสียเวลาถกเถียงเปล่าๆ .........ความน่าเชื่อถือของศาลเป็น ?????? แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 55 11:56:52 จากคุณ : Chaveerat เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 11:55:25 A:171.98.168.61 X:

ความคิดเห็นที่ 75 ความคิดเห็นที่ 73 วรรค1 ผมไม่ได้โต้แย้งเรื่ององค์ประกอบของบุคคลครับ แต่ผมเห็นต่างโดยเริ่มตั้งแต่วรรค 2 ถึงวรรค 4 ครับ โดยมีข้อสังเกตุนี้ทิ้งไว้ ___________________________________ 3)มาตรา 63 หรือ 68 ในรัฐธรรมนูญปัจจุปันจึงเขียนป้องกันสิทธิดังกล่าว เพื่อไม่ให้ใช้ เสรีภาพที่รัฐธรรมนูญให้มาล้มล้างการปกครอง ดังนั้นเจตนารมณ์ของมาตรานี้จึงใช้ ป้องกัน บุคคล กลุ่มบุคคล พรรคการเมือง เอกชน ตอบ : เนื่องจากมาตรา68 ของรัฐธรรมนูญปี50 แม้จะอยู่ในหมวดสิทธิและเสรีภาพของชน ชาวไทยก็จริง แต่ได้แยกส่วนชัดเจนอยู่ในส่วนที่13 คือ"สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ"จึง ขอตั้งข้อสังเกตุไว้นะครับ "เป็นไปได้ไหมว่าเจตนาที่นำมาไว้ในหมวด3เพื่อมอบสิทธิต่อ ผู้ร้อง สื่อเจตนาถึงผู้ร้องเป็นหลัก ไม่ใช่ผู้ถูกร้อง" _________________________ อ้างอิง จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 12:23:58 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 76 คุณมินิจังหายเวลาที่ดิฉันว่างทุกที ที่นี้มาพิจารณาว่าเรื่องการรับคำร้องควรผ่านอัยการก่อนหรือทำได้2ทาง 1 กรณีทำได้2ทางหมายความว่าผู้ร้องสามารถยื่นไปศาลโดยตรงเลยก็ได้ การที่คุณจรัลหักมุมว่า ตลก สามารถ รับคำร้อง จากผู้พบเห็นโดยตรง หมายความว่ารับได้เลยโดยไม่พิจารณาความผิดตามองค์ประกอบใดๆในวรรคแรกเลย แล้วใช้วิธีนัดคู่กรณีมาไต่สวนมูลฟ้องภายหลังเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลหรือไม่ และที่ไม่สมเหตุสมเลยคือการยังไม่ได้พิจารณาองค์ประกอบตามวรรคแรกแต่กลับมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้ผู้ถูกร้องอันได้แก่สภาหยุดปฎิบัติงาน 2 กรณีที่กำหนดให้ผ่านอัยการก่อน ผู้ร้องยื่นอัยการ เพื่อตรวจสอบการกระทำผิดตาม ม68  อัยการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเข้าองค์ประกอบตามวรรคแรกหรือไม่ ถ้าเข้า ก็ส่งให้ศาลมีคำสั่งระงับให้หยุดกระทำการ อันไหนเข้าท่าและมีเหตุผลกว่ากัน ถ้าทำตามกรณีที่ 1 เกิดมีใครมาใส่ร้ายคุณมินิจังว่ามีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง ไปร้องที่ศาล ศาลต้องรับเลยเพราะในม68 ไม่ได้กำหนดนะว่าให้ศาลตรวจสอบความผิดตามองค์ประกอบวรรคแรกก่อนรับ แถมคุ้มครองชั่วคราว ไม่ให้คุณออกนอกประเทศไปทำธุระกิจอีก คุณจะทำอย่างไร มันสมเหตุผลไหมที่คุณจรัลจะตีความแบบนี้ จากคุณ : ไม่อยากให้โลกไร้ซึ่งความหวาน เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 12:49:08 A:110.77.150.35 X:

ความคิดเห็นที่ 77 #75 การตีความกฏหมายทำตามอำเภอใจไม่ได้นะคะ ถ้าองค์ประกอบข้อ 1 ไม่เข้า ในเมื่อรัฐสภาไม่ใช้บุคคลตามวรรคหนึ่ง คุณจะใช้มาตรานี้มาบังคับเขาไม่ได้ ถ้ามั่วซั่ว หยิบนู้นนี่มาโดยไม่เข้าใจองค์ประกอบพื้นฐานของกฏหมาย คุณอ่านกฏหมายกี่รอบก็ไม่เข้าใจหรอกค่ะ จากคุณ : ไม่อยากให้โลกไร้ซึ่งความหวาน เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 12:54:29 A:110.77.150.35 X:

ความคิดเห็นที่ 78 ความคิดเห็นที่ 77 ไม่เอาน่าครับ ผมก็ออกตัวอยู่แล้วว่าผมไม่ได้เก่งอะไร แค่ตั้งข้อสงสัย เพราะเห็นไหมครับ อย่าดูถูกสติปัญญาว่ามันมั่วซั่วสิครับว่าตั้งแต่ในวรรค 3 และวรรค 4 มันมีบทลงโทษถึงเรื่อง กรรมการบริหารพรรคด้วย รวมถึงการยุบพรรคด้วยนะครับ หากจะแสดงถึงแค่บุคคล เหตุใดวรรค 2 จึงมีระบุถึงพรรคการเมืองเข้ามาด้วย ทั้งยังมีผลผูกพันธ์ไปถึงวรรค 3 และวรรค 4 ด้วย แล้วที่นั่งกันอยู่ในสภาน่ะ สังกัดพรรคการเมืองหรือเปล่า ที่เขาไม่ได้ระบุพวกนักการเมืองในวรรค 1 ไว้ ทำไมไม่สงสัยล่ะครับ จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 13:10:48 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 79 ต่อจาก78 หมวด 3 เขาแยกชัดเจนว่ามี 13 ส่วน แยกแยะประเด็นชัดเจน ลองดูในเนื้อหามาตราอื่นในส่วนที่ 13 ประกอบดูด้วยดีไหมครับ? จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 13:15:44 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 80 #78 คุณมั่วนิ่มจริงๆนะคะรู้ตัวหรือเปล่า พรรคการเมืองคือเอกชน คือบุคคลตาม วรรค1 ด้วยค่ะ อย่างง รัฐสภา กับพรรคการเมือง คนละอย่างกันนะคะ จากคุณ : ไม่อยากให้โลกไร้ซึ่งความหวาน เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 13:16:14 A:110.77.150.35 X:

ความคิดเห็นที่ 81 การออกกฏหมาย การแก้ไขกฏหมาย ทำโดยรัฐสภา เป็นอำนาจของปวงชนชาวไทยผ่านผู้แทนคือรัฐสภานะคะ ไม่ได้ทำในนามพรรคการเมืองโปรดเข้าใจ จากคุณ : ไม่อยากให้โลกไร้ซึ่งความหวาน เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 13:19:21 A:110.77.150.35 X:

ความคิดเห็นที่ 82 เพื่อความเข้าใจกรณีที่คุณยกมาใน#77 สมมุตินะคะ เช่นพรรคปชป เกิดร่วมมือกับพันธมิตร ปราศรัยยึดสภา และจะเปลี่ยนการปกครองประเทศเป็น70/30 แล้วดิฉันร้องผ่านอัยการว่าผิดตาม ม68 อัยการเห็นว่ามีมูลมีพฤติการณ์ใช้สิทธิชุมนุมที่รัฐธรรมนูญมอบให้ กระทำการล้มล้างการปกครองโดยมีพฤติการณ์ ยึดสภา  ปราศรัยล้มล้างการปกครองประเทศเป็น70/30 จริง อันไม่ใช่วิธีที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ อัยการส่งศาล   ศาลสั่งพรรค ปชป หยุดดำเนินการ แล้วจะตามด้วยการยุบพรรคก็ว่าไป แบบนี้ จะเข้ากับวรรคที่คุณยกมาตาม#77 พอนึกออกไหมคะ แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 55 13:31:08 จากคุณ : ไม่อยากให้โลกไร้ซึ่งความหวาน เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 13:25:00 A:110.77.150.35 X:

ความคิดเห็นที่ 83 พรรคการเมือง = บุคคล = นักการเมือง สมมุติกลุ่มนักการเมือง ที่เอาล่ะ ถือฐานะอยู่ในองค์ประกอบของรัฐสภา สมมุติองค์ประกอบนั้นถูกตั้งข้อสงสัยว่าจะกระทำการที่ขัดในวรรค 1 "ด้วยวิธีการในฐานะขององค์ประกอบรัฐสภา ศาลจะสั่งใคร? ให้อะไรหยุด? เฉพาะบุคคลหรือเปล่า? หรือสิ่งที่นำมาใช้เป็นเครื่องมือสั่งให้หยุดได้ไหม? สมมุติถ้ายกตัวบุคคลเป็นคุณA? สมมุติว่าหาเหตุเชื่อมโยงได้ว่าเป็นผู้ควบคุมพรรคการเมืองและมีแผนกระทำการให้ผิดในวรรคที่1 ? โดยมีแผนกระทำการโดยมีการปฏิบัติในรัฐสภา? ผมจะสั่งให้ใครหยุด? คุณAหรือเปล่า? หรือสั่งแค่คนในสภา? หรือสั่งให้สภาหยุด? ถ้าสั่งแค่คุณAหยุด แต่คุณเอไม่สั่งให้หยุด จะสั่งใคร? ผมเข้าใจว่าการสั่งหยุดนั่นไม่ได้บอกว่าสิ่งนั้นผิดนิ สั่งหยุดก็เพื่อไม่ให้สิ่งนั้นดำเนินการต่อ เขาเขียนในเรื่องให้อำนาจสั่งหยุดไว้ทำไม? สั่งหยุดเป็นบทลงโทษไม่ ถ้าผมถูกสั่งหยุด ผมจะต้องไปพิมพ์ลายนิ้วมือหรือไม่? และมีเรื่อง"อาจจะ"ในวรรค 3 ถือเป็นการป้องปรามหรือไม่? จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 13:45:07 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 84 คุณมั่วจริงๆอะคะ อำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นของปวงชนชาวไทยผ่านรัฐสภา ศาลเข้ามาก้าวก่ายไม่ได้ ตราบใดที่ไม่ใช่การออกกฏหมายเพื่อล้มล้างการปกรองระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข การตั้ง สสร เข้าข่ายนั้นหรือยัง ประเทศไทยเราเคยมี สสร มากี่ครั้ง ถ้าแก้กฏหมาย ตั้งสสร ถือเป็นการแก้กฏหมาย ที่ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งมีข้อกำหนดนี้ห้ามไว้ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับของไทย ถามหน่อย เราจะมีรัฐธรรมนูญที่มาจาก สสร ครั้งก่อนๆได้หรือ ต่อให้ถือเป็นการออกกฏหมายที่ผิดฐานล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จริง ก็ไม่เข้าตาม ม68  ต้องอ้างมาตราอื่นไม่ใช่มาตรานี้ซึ่งเจตตนาใช้กับบุคคล เอกชน พรรคการเมืองค่ะ -- แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 55 14:04:06 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 55 14:02:30 จากคุณ : ไม่อยากให้โลกไร้ซึ่งความหวาน เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 14:01:17 A:110.77.150.35 X:

ความคิดเห็นที่ 85 ผมพูดอยู่ในหลักการพิจารณาหรือเปล่าครับ? ยังไม่มีประโยคไหนจากผมเลยที่คุยเรื่องอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นของใคร - -" ผมตั้งข้อสมมุติฐานว่าถ้าหาเหตุเชื่อมโยงได้ว่า กระทำการอะไรบางอย่างที่จะขัดต่อข้อ 1 เคยใช้หลักสมมุติฐานหรือเปล่าครับ? เอ้า สมมุติว่ารับเรื่องจะ มีสส.กลุ่มหนึ่ง ซึ่งยังไม่สามารถระบุตัวว่าเป็นใครบ้าง มีแผนจะวางระเบิดที่รัฐสภาในวันวันหนึ่งที่ประชุมกัน มีเหตุเชื่อมโยงชัดเจน หากจะ ประชุมวันพรุ่งนี้ รัฐสภาไม่ทราบเรื่องคุณจะสั่งให้ใครหยุด??? แล้วก็อีกข้อ คุณคิดว่าในวรรค 2 ถือว่าเป็นอำนาจที่ใช้ในการป้องปรามหรือไม่?? ขอ 2 ข้อนี่แหละครับ ผมเอาในประเด็นก่อน ว่ามาตรานี้อำนาจมันสามารถสั่งให้รัฐสภาหยุดได้ไหม? คือผมไม่มีปัญหาที่จะคุยเรื่องข้อเท็จจริงนะ แต่ประเด็นเราอยู่ในหลักการณ์คือการตีความทางกฎหมาย เรื่องหลักการณ์ยังไม่จบ คุณจะยึดหลักอะไรไปตีความข้อเท็จจริง???? จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 14:24:52 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 86 ยกจาก คห.71 แล้วก็ทีคุณแยกองค์ประกอบอย่างผิดเพี้ยน ตั้งแต่ในวรรคแรก ในข้อ2กับ3 มันเป็นบริบทที่ต้องเกี่ยวเนื่องกัน คุณดันมาแยกออกและสื่อความหมาย ด้วยการยกตัวอย่างผิดๆ ในข้อ 3 การยึดทำเนียบ ไม่ถือว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐ ธรรมนูญ ผมก็พยายามเตือนด้วยความเห็นที่สุภาพว่าเห็นต่าง ไม่มีสักประโยคว่าความเห็นคุณมั่ว!!! 1)บุคคล----  ต้องตอบให้ได้ว่าเจตนารมณ์หมายถึงใคร 2)ใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ----เช่นไร ยกตัวอย่างเช่นสิทธิในการชุมนุม 3)เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ ------------------ล้มล้างเช่นไร มีการยึดทำเนียบ ยึดรัฐสภา หรืออะไร พฤติการณ์ต้องชัดแจ้งเป็นรูปธรรม แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 55 14:32:39 จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 14:32:09 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 87 ความคิดเห็นที่ 83     พรรคการเมือง = บุคคล = นักการเมือง สมมุติกลุ่มนักการเมือง ที่เอาล่ะ ถือฐานะอยู่ในองค์ประกอบของรัฐสภา สมมุติองค์ประกอบนั้นถูกตั้งข้อสงสัยว่าจะกระทำการที่ขัดในวรรค 1 "ด้วยวิธีการในฐานะขององค์ประกอบรัฐสภา ศาลจะสั่งใคร? ให้อะไรหยุด? เฉพาะบุคคลหรือเปล่า? หรือสิ่งที่นำมาใช้เป็นเครื่องมือสั่งให้หยุดได้ไหม -------------- คุณเห็นนักการเมืองเป็นอะไรคะ  ถ้าอยู่ในรัฐสภาเขาคือตัวแทนปวงชนชาวไทย กระทำการภายใต้หน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญเพื่อแก้กฏหมาย ศักดิ์ของรัฐสภา ศักดิ์ของประชาชน ใหญ่กว่าศาลรัฐธรรมนูญนะคะ ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่ตัดสินเฉพาะกฏหมายที่ศักดิ์ต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ เช่น พรบ ที่รัฐสภาออกขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ คุณเข้าใจว่าประเทศเราปกครองด้วยระบอบอะไรค่ะ ระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ศาลธิปไตย ย้ำการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของปวงชนชาวไทย ไม่ใช่เรื่องของศาล ประชาชนต้องเป็นใหญ่ค่ะ  ไม่ใช่ศาลเป็นใหญ่ -- แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 55 16:04:24 จากคุณ : ไม่อยากให้โลกไร้ซึ่งความหวาน เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 14:33:27 A:110.77.150.35 X:

ความคิดเห็นที่ 88 ประโยคเดิม ครั้งที่ 2 ครับ ผมยังไม่ได้ให้ความเห็นอันใดเลย เกี่ยวกับเรื่องที่สื่อว่าไม่ว่าอำนาจหรือหน้าที่ ในการแก้ไขกฎหมาย จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 14:37:59 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 89 #85 ผมตั้งข้อสมมุติฐานว่าถ้าหาเหตุเชื่อมโยงได้ว่า กระทำการอะไรบางอย่างที่จะขัดต่อข้อ 1 เคยใช้หลักสมมุติฐานหรือเปล่าครับ? เอ้า สมมุติว่ารับเรื่องจะ มีสส.กลุ่มหนึ่ง ซึ่งยังไม่สามารถระบุตัวว่าเป็นใครบ้าง มีแผนจะวางระเบิดที่รัฐสภาในวันวันหนึ่งที่ประชุมกัน มีเหตุเชื่อมโยงชัดเจน หากจะ ประชุมวันพรุ่งนี้ รัฐสภาไม่ทราบเรื่องคุณจะสั่งให้ใครหยุด??? ------------------ แบบนั้นก็แจ้งตำรวจซิคะ   คดีอาญาอะไรก็ว่าไป ไม่เข้าม68 แม้แต่น้อยเลย กลับไปอ่านม68ใหม่ บุคคล จะใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญมอบให้  แค่นี้ก็ไม่เข้าแล้ว การวางระเบิดเป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญหรือค่ะ จากคุณ : ไม่อยากให้โลกไร้ซึ่งความหวาน เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 14:38:43 A:110.77.150.35 X:

ความคิดเห็นที่ 90 ตอบผม 2 ข้อนี้พอครับ เอ้า สมมุติว่ารับเรื่องจะ มีสส.กลุ่มหนึ่ง ซึ่งยังไม่สามารถระบุตัวว่าเป็นใครบ้าง มีแผนจะวางระเบิดที่รัฐสภาในวันวันหนึ่งที่ประชุมกัน มีเหตุเชื่อมโยงชัดเจน หากจะ ประชุมวันพรุ่งนี้ รัฐสภาไม่ทราบเรื่องคุณจะสั่งให้ใครหยุด??? แล้วก็อีกข้อ คุณคิดว่าในวรรค 2 ถือว่าเป็นอำนาจที่ใช้ในการป้องปรามหรือไม่?? จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 14:40:32 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 91 ตีความได้มั่ว 555   งั้น ตลก ชุดนี้ล่ะครับ โคตรมั่วเลยใช่ไหม จขกท จากคุณ : penn's เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 14:44:22 A:58.11.7.63 X:

ความคิดเห็นที่ 92 กรรม อืม... ในประโยคสุดท้ายของวรรคที่ 2 นะครับ ช้าๆนะ "แต่ทั้งนี้ ไม่กระทบการเทือนในการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการดังกล่าว" คำถาม ขอ2 ครับ 1)เขามีประโยคนี้ห้อยท้ายทำไม 2)คุณได้รับการร้องเรียนมาจากวรรค 2 นะครับ แล้วการระเบิดรัฐสภานี่ไม่เข้า คือถือว่าล้มล้าง แต่ไปปิดนี่ล้มล้างว่าเข้าหรือครับ? ขอความกรุณาด้วยหัวใจ ว่าอย่าตอบข้อ 2 ก่อนข้อ 1 นะครับ - -" แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 55 14:52:36 จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 14:47:13 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 93 ผมขอคิดด้วยคนนะครับ กรณีฟ้องคดีอาญาอัยการตัดสินว่ายกคำฟ้อง ไม่ต้องส่งฟ้องศาล แต่กฏหมายก็ให้สิทธิเราฟ้องศาลโดยตรงได้ ตรรกะนี้ก็เช่นเดียวกันผู้มิทธิก็สามารถยื่นฟ้องศาลรัฐธรรมนูญได้ด้วยเช่นกัน และกณณีนี้ผู้ฟ้องก็ยื่นฟ้องโดยผ่าน ออส.แล้ว แต่ อสส.ไม่ดำเนินการให้เสร็จสิ้น ผู้ฟ้องก็สมารถยื่นให้ศาลวินิจฉัยได้ ไม่ทราบผมคิดผิดหรือเปล่าครับ จากคุณ : บ่อเมี้ยสี เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 14:47:16 A:203.114.123.202 X:

ความคิดเห็นที่ 94 ความคิดเห็นที่ 91 ไปอ่านคห.31 ผมโน่นครับ อย่าเพิ่งรีบ แต่มันยาวหน่อยนะ ระวังหลับ จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 14:49:15 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 95 ผมขอคิดด้วยคนนะครับ กรณีฟ้องคดีอาญาอัยการตัดสินว่ายกคำฟ้อง ไม่ต้องส่งฟ้องศาล แต่กฏหมายก็ให้สิทธิเราฟ้องศาลโดยตรงได้ ตรรกะนี้ก็เช่นเดียวกันผู้มิทธิก็สามารถยื่นฟ้องศาลรัฐธรรมนูญได้ด้วยเช่นกัน และกณณีนี้ผู้ฟ้องก็ยื่นฟ้องโดยผ่าน ออส.แล้ว แต่ อสส.ไม่ดำเนินการให้เสร็จสิ้น ผู้ฟ้องก็สมารถยื่นให้ศาลวินิจฉัยได้ ไม่ทราบผมคิดผิดหรือเปล่าครับ จากคุณ : บ่อเมี้ยสี เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 14:49:16 A:203.114.123.202 X:

ความคิดเห็นที่ 96 ความคิดเห็นที่ 86     ยกจาก คห.71 แล้วก็ทีคุณแยกองค์ประกอบอย่างผิดเพี้ยน ตั้งแต่ในวรรคแรก ในข้อ2กับ3 มันเป็นบริบทที่ต้องเกี่ยวเนื่องกัน คุณดันมาแยกออกและสื่อความหมาย ด้วยการยกตัวอย่างผิดๆ ในข้อ 3 การยึดทำเนียบ ไม่ถือว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐ ธรรมนูญ ผมก็พยายามเตือนด้วยความเห็นที่สุภาพว่าเห็นต่าง ไม่มีสักประโยคว่าความเห็นคุณมั่ว!!! 1)บุคคล----  ต้องตอบให้ได้ว่าเจตนารมณ์หมายถึงใคร 2)ใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ----เช่นไร ยกตัวอย่างเช่นสิทธิในการชุมนุม 3)เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ ------------------ล้มล้างเช่นไร มีการยึดทำเนียบ ยึดรัฐสภา หรืออะไร พฤติการณ์ต้องชัดแจ้งเป็นรูปธรรม แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 55 14:32:39 จากคุณ : MiNiJung     ---------- คุณนั่นแหละมั่ว ที่ต้องแยกเพราะ มาตรานี้อยู่ในหมวดสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย ม68 เป็นการป้องไม่ให้ใช้เสรีภาพที่รัฐธรรมนูญให้(ตามองค์ประกอบข้อ2)เช่น เสรีภาพในการคิด พูด อ่าน เขียน เสรีภาพในการชุมนุม และอื่นๆ รัฐธรรมนูญไม่ให้ใช้เสรีภาพเหล่านี้ ล้มล้างการปกครอง เพราะถ้าเกิดมีการล้มล้างการปกครอง แล้วจะอ้างว่าเป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญไม่ได้ องค์ประกอบสาม คือเอามาล้มล้างการปกครอง ซึ่งก็ต้องมีพฤติการณ์ให้เห็นว่าล้มล้าง พฤติการณ์คือการกระทำนะคะ เช่นยึดสภา ประกาศว่าเอา70/30 เป็นต้น องค์ประกอบ 2 และ 3 เหมือนกันตรงไหนคะ กฏหมายทุกคำพูดมีความหมาย เขาไม่ใช่สักแต่เขียนๆนะคะ แต่ละประโยคต้องชัดค่ะ ผู้ร่างมีความมุ่งหมายมีเจตนารมย์เช่นไร จากคุณ : ไม่อยากให้โลกไร้ซึ่งความหวาน เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 14:54:28 A:110.77.150.35 X:

ความคิดเห็นที่ 97 ความคิดเห็นที่ 95 ผมคิดว่าเอาคห.40 กับ43 มาเปรียบเทียบกัน น่าจะได้คำตอบที่ใกล้เคียงครับ จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 14:54:53 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 98 #95 อันนั้นเป็นวิธีฟ้องที่กำหนดขั้นตอนไว้ในกฏหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญาชัดเจนนะคะ คนละกรณีกับกรณีนี้ กรณีแพ่งเป็นความผิดส่วนตัวฟ้องศาลเองได้ กรณีอาญาเป็นความผิดส่วนรวม ต้องฟ้องผ่านอัยการหรือฟ้องร่วมก็ได้ หากอัยการยก ผู้เสียหายจะฟ้องเองก็ได้ ตัวอย่างคดีหมอผัสพร -- แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 55 15:45:08 จากคุณ : ไม่อยากให้โลกไร้ซึ่งความหวาน เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 15:00:32 A:110.77.150.35 X:

ความคิดเห็นที่ 99 ใช่ครับ ผมชักสงสัยว่าการสักแต่เขียนๆคืออะไร "ผมบอกว่าบริบทมันต้องใช้ต่อเนื่องกัน!!!!" ไม่ได้เหมือนกัน คุณช่วยลอกประโยคผม มาหน่อย ว่าความเห็นไหนที่ผมบอกว่ามัน"เหมือนกัน" คำว่า"เพื่อ"มันเป็นคำสันทาน ไว้ใช้เชื่อมระหว่างประโยคกับประโยค และเป็นสันทานที่ คล้อยตามกัน ซึ่งต้องต่อกัน ยังไม่ต่อเรื่องอื่นละ เอาเรื่องนี้ล่ะ ไปทำความเข้าใจก่อน 3)เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ ------------------ล้มล้างเช่นไร มีการยึดทำเนียบ ยึดรัฐสภา หรืออะไร พฤติการณ์ต้องชัดแจ้งเป็นรูปธรรม จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 15:07:46 A:101.108.144.136 X:

ความคิดเห็นที่ 100 ความคิดเห็นที่ 98 คุณช่วยตอบเรื่องนี้ให้ผมก่อนได้่ไหม? #92 กรรม อืม... ในประโยคสุดท้ายของวรรคที่ 2 นะครับ ช้าๆนะ "แต่ทั้งนี้ ไม่กระทบการเทือนในการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการดังกล่าว" คำถาม ขอ2 ครับ 1)เขามีประโยคนี้ห้อยท้ายทำไม 2)คุณได้รับการร้องเรียนมาจากวรรค 2 นะครับ แล้วการระเบิดรัฐสภานี่ไม่เข้า คือถือว่าล้มล้าง แต่ไปปิดนี่ล้มล้างว่าเข้าหรือครับ? ขอความกรุณาด้วยหัวใจ ว่าอย่าตอบข้อ 2 ก่อนข้อ 1 นะครับ - -" จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 15:09:32 A:101.108.144.136 X: