ทั้งๆ ที่ความเห็นของ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ต่อสภาวะล่อ
แหลมของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ว่า ไม่มั่นคง
ไม่ต่างอะไรเลยจากที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ พูด
ไม่ต่างอะไรเลยจากที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ตลอดจน
นายภูมิธรรม เวชยชัย แสดงความเป็นห่วงอย่างต่อเนื่อง
ทำไมปฏิกิริยาต่อ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช จึงรุนแรง
ไม่ว่าจะมาจาก นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ
ไม่ว่าจะมาจากนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย
หรือแม้แต่อารมณ์ขันอันปรากฏผ่าน นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ
นี่เป็นเรื่องที่นักเศรษฐศาสตร์ระดับ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช
ต้องนำไปวิเคราะห์สังเคราะห์
เป็นบทเรียน
ความเชื่อที่ว่าอนาคตของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อนาคตของ
พรรคเพื่อไทย ไม่มั่นคง แข็งแกร่ง มิได้เป็นความเชื่ออันเลื่อนลอย
พรรคประชาธิปัตย์ก็เชื่ออย่างนี้
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็เชื่ออย่างนี้
ภายในพรรคเพื่อไทย ภายในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ก็มีความเชื่ออย่างนี้ดำรงอยู่ในสถานะอันแน่นอน
ไม่เชื่ออย่างนี้จะถอยร่างพ.ร.บ.ปรองดองหรือ
ไม่เชื่ออย่างนี้จะยอมชะลอการลงมติวาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือ
ไม่เชื่ออย่างนี้จะยอมถอยโครงการสำรวจดินฟ้าอากาศร่วมกับนาซ่าหรือ
นี่คือความจริง
แล้วเหตุใดเมื่อความเชื่อมั่นอย่างนี้ปรากฏผ่านปากของ นายสุชาติ
ธาดาธำรงเวช จึงกลายเป็นเรื่องที่บางส่วนในพรรคเพื่อไทยหงุดหงิด
เพราะว่า นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช เป็นรัฐมนตรีอย่างนั้นหรือ
เพราะว่ามีคนเชื่อว่าบทสรุปของ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช มีมูลเชื้อมาจากความ
อ่อนไหวในเรื่องที่อาจจะถูกปลดออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างนั้นหรือ
หรือเพราะความสัมพันธ์ภายในพรรคเพื่อไทยเอง
นี่ล้วนเป็นปัจจัยที่ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ต้องคำนึงถึง เพราะว่าเมื่อเข้ามาอยู่
ในวงจรทางการเมืองทุกเรื่องล้วนมิอาจหนีพ้นไปจากปัจจัยแวดล้อมทางการเมือง
การเมืองเรื่องผลประโยชน์
การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ เป็นเรื่องของการต่อสู้เพื่อยื้อแย่งโอกาสตาม
แต่เงื่อนไข
การเมืองไม่ใช่เรื่องของการร้องรำทำเพลง การเมืองไม่ใช่เรื่องของการเชิญแขก
มากินเลี้ยงหรือนั่งแต่งความเรียงอันสละสลวย หากแต่เป็นเรื่องของการต่อสู้
เอาชนะคะคานกัน
หลั่งเลือดเอาชัย
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME1USXhOemc1T0E9PQ==§ionid=
ปูอยู่ยาว 8 ปี/สมิงสามผลัด/ข่าวสดออนไลน์
การส่งสัญญาณถอยของรัฐบาล
ทั้งเรื่องนาซ่าที่ครม.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่อนุมัติให้ใช้อู่ตะเภาแล้วส่งเรื่อง
ให้อภิปรายกันในสภาแทน
ทั้งเรื่องพ.ร.บ.ปรองดองที่มีแนวโน้มว่าอาจมีการถอนทั้ง 4 ร่าง เปิดทาง
ให้มีการทำสานเสวนา ทำความเข้าใจกับประชาชนเสียก่อน
ก็ชัดเจนว่ารัฐบาลวิเคราะห์แล้วว่าไม่จำเป็นต้องเสี่ยงแลกหมัด
ขบวนการจ้องล้มรัฐบาล
ทางที่ดีที่สุดปล่อยให้ประชาชนตัดสินใจเอาเองว่า
ใครคือคนก่อปัญหา!?
เพราะตอนนี้ฝ่ายตรงข้าม ก็เปิดเผยตัวตนออกมาชัดเจนแล้ว
ไม่ต้องเป็นอีแอบ เล่นเกมใต้ดินกันแบบสมัยก่อน
โดยเฉพาะบางพรรค ก็เปลือยตัวตนล่อนจ้อน
มีจุดประสงค์จะล้มรัฐบาลนี้ให้ได้ โดยไม่เลือกวิธีเสียด้วย
ทำให้สภาปั่นป่วน ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย หวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
เผื่อฟลุก จะได้ตั้งรัฐบาลใหม่ในค่ายทหารกันอีกรอบ!?
องค์กรอิสระต่างๆ ก็ต่อต้านรัฐบาลชัดเจนขึ้น
ยกตัวอย่างกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินที่มีมติว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
แต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นรมช.เกษตรฯ
ขัดต่อจริยธรรม เพราะเป็นจำเลยคดีก่อการร้าย
แต่กรณีรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่งตั้งนายกษิต ภิรมย์ เป็นรมต.ต่างประเทศ
ไม่ขัดต่อจริยธรรม ทั้งที่มีคดีก่อการร้ายเหมือนกัน
ยืนอยู่ข้างไหน มีอคติกับใคร
ประชาชนที่รับรู้ข่าวสารก็ตัดสินใจได้เอง
ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามเปิดหน้าสู้แบบนี้ แล้วมีเหตุผลอะไรที่รัฐบาลต้อง
ไปแลกให้เปลืองตัว
อะไรถอยได้ก็ถอย
ทำแค่เรื่องหลักๆ
เดินหน้าบริหารราชการ สกัดกั้นการทุจริต ดูแลเรื่องปากท้องของ
ประชาชนให้กินดีอยู่ดี ป้องกันไม่ให้น้ำท่วมซ้ำอีกในปีนี้
ที่สำคัญคนที่อยู่แดนไกลถ้าเลือกที่จะไม่รีบร้อนกลับบ้าน
ไม่ทำอะไรที่กดดันน้องสาว
รับรองได้เลยว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์อยู่ยาวถึง 8 ปีแน่นอน
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME1USXhPREE0T0E9PQ==§ionid=
คนในพรรคเอง บอกว่าอยู่ไม่ยาวแน่ ๆ มรสุมรุมล้อมขนาดนี้
แต่สื่อ...บอกว่าจะอยู่ยาว 8 ปี แต่มีข้อแม้นิดหน่อย
สื่อเดียวกัน ...มีทั้ง 2 คคห.แบบนี้ ยังจะเป็นสีแดงไหม ?
เพราะถ้าเป็น "เปลว สีเงิน" จาก "ไทยโพสต์" นะถล่มลูกเดียวเลย
กรกฎา...เดือนแห่งกระดิ่งเตือนภัย
http://www.thaipost.net/news/020712/59021
อ่านกี่ครั้ง ก็ "ทักษิณ" เลว เลว และ เลวที่สุด
ไม่รู้ว่าคนที่ทำงานให้ .... นี่จะเลวด้วยไหม ????