บอกตามตรง พวกผมรู้สึกขัดใจทุกครั้ง เมื่อได้ยินคำว่า
|
 |
“การเมืองเป็นการแย่งชิงอำนาจของสองฝ่าย ประชาชนอย่าเข้าไปยุ่ง บ้านเมืองก็จะไม่วุ่นวาย”
จะไม่ให้พวกผมขัดใจได้อย่างไรกันครับ เพราะที่ผ่านมา หลวงท่านพยายามบอกพวกผมว่า เราปกครองตามระบอบประชาธิปไตย ทุกคะแนนเสียงล้วนแต่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้ ถ้าเราต้องการกำหนดทิศทางของประเทศ จึงควรออกไปใช้สิทธิกันให้มากที่สุด อย่านอนหลับทับสิทธิ และเพราะกลัวว่าประชาชนจะให้ความสนใจในสิทธิของตัวเองน้อยเกินไป ถึงกับกำหนดหลักเกณฑ์เป็นกฎหมาย ใครไม่ไปใช้สิทธิก็จะเสียสิทธิหลายต่อหลายเรื่อง แม้กระทั่งสิทธิของการลงเลือกตั้ง
ผมคนหนึ่งล่ะ ที่ต้องการกำหนดทิศทางของประเทศด้วยตัวเอง จึงไปใช้สิทธิทุกครั้งไป เลือกพรรคที่เรารัก คัดคนที่เราชอบ มาเป็นตัวแทนของเราในการทำหน้าที่ทางการเมือง และด้วยกติกาเสียงข้างมากเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งเป็นรัฐบาล เสียงข้างน้อยเป็นฝ่ายค้าน ก็เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ครับ ทุกฝ่ายก็เคารพกติกาอย่างนี้มากันทุกยุคทุกสมัย เหตุการณ์ก็ไม่เห็นมีอะไรที่จะสร้างความขัดแย้ง บ้านเมืองก็ไม่เห็นวุ่นวาย
แต่แล้วเมื่อพวกผมมีโอกาสได้รัฐบาลที่พวกผมเลือกมาเสียที กลับมาถูกฝ่ายที่แพ้การเลือกตั้ง ใช้ทุกวิถีทางไม่ว่าจะเป็นในสภา นอกสภา หรือแม้กระทั่งสร้างโอกาสให้กับกองทัพได้ทำการรัฐประหาร แย่งชิงอำนาจที่พวกผมมอบให้กลับไปยื่นให้กับอีกฝ่าย แล้วพวกผมออกมาทวงสิทธิของพวกผม อย่างนี้จะเรียกว่า เป็นการแย่งชิงอำนาจกันได้อย่างไรกันครับ
รัฐบาลที่ได้อำนาจจากพวกผม ต้องมาถูกปล้นชิงไป ไม่ว่าจะเป็นการต่อต้านจากกลุ่มคนที่ไม่เคารพกติกา ไม่ว่าจะเป็นการทำรัฐประหาร ไม่ว่าจะเป็นการใช้ตุลาการภิวัฒน์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้องค์กรอิสระ สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่มีความชอบธรรมที่จะมาแย่งอำนาจที่มาตามครรลองประชาธิปไตยหรอกครับ
แต่เมื่อพวกผมลุกขึ้นมาทวงสิทธิของพวกผมคืน กลับกลายเป็นว่า พวกผมถูกปลุกปั่นโดยเหล่าแกนนำ กลับกลายเป็นว่า พวกผมกำลังตกเป็นเครื่องมือของการแย่งชิงอำนาจ กลับกลายเป็นว่า พวกผมกำลังทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย กลับกลายเป็นว่า พวกผมกำลังก่อความเดือดร้อนให้กับผู้ไม่เกี่ยวข้อง
และเพียงแค่พวกผมขอให้มีการยุบสภาใหม่ เพื่อให้ประชาชนตัดสินกันอีกครั้งตามกติกาที่พวกเรายอมรับ นอกจากไม่ได้ตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้แล้ว ยังถูกอาวุธไล่ยิงยังกับไม่ใช่คนไทยด้วยกัน แถมพ่วงท้ายด้วยข้อหาร้ายแรง เช่นการก่อการร้าย เป็นต้น อย่างนี้จะไม่ให้พวกผมคับแค้นใจได้อย่างไร จริงไหมครับ
แต่พวกผมที่ถูกมองข้ามความสำคัญ ถูกมองว่าเป็นเพียงรากหญ้าผู้ต่ำต้อย ถูกมองว่าเป็นเพียงพวกคนโง่ที่ไร้การศึกษา ถูกมองว่าเป็นเพียงคนจนที่ขาดคุณภาพ ซ้ำร้ายยังถูกมองว่าเป็นพลเมืองประเภทสองที่เงินสามารถซื้อชีวิตได้
ดังนั้นพวกผมจึงได้แต่อดทนรอด้วยความขมขื่น อดทนรอด้วยความเจ็บช้ำ อดทนรอด้วยความหวัง
เพื่อสักวันหนึ่งจะได้แสดงพลังให้ทุกคนได้ประจักษ์เสียทีว่า
ถึงพวกผมจะไม่มีความสำคัญแค่ไหน แต่พวกผมก็เป็นคนไทยที่เสียภาษีเช่นเดียวกัน ถึงพวกผมจะเป็นเพียงรากหญ้าผู้ต่ำต้อย แต่พวกผมก็เป็นรากที่คอยส่งอาหารให้กับลำต้น ถึงพวกผมจะเป็นพวกคนโง่ที่ไร้การศึกษา แต่พวกผมก็รักประชาธิปไตย ถึงพวกผมจะเป็นเพียงคนขาดคุณภาพ แต่พวกผมก็ไม่เคยเห็นด้วยกับเผด็จการ และสิ่งที่พวกผมจะขาย ก็เป็นเพียงจิตวิญญาณที่พร้อมยอมพลีเพื่อประชาธิปไตยเท่านั้นเอง
แล้ววันนั้นก็มาถึง พวกผมก็ออกมาแสดงพลังกันอย่างคับคั่ง เพื่อเลือกรัฐบาลของพวกผมใหม่ ซึ่งผลก็เป็นที่ประจักษ์ต่อคนไทยทั้งประเทศแล้วว่า ที่แท้แล้วคนส่วนใหญ่ของประเทศต้องการรัฐบาลประเภทไหนกันแน่
แต่แล้ววังวนเดิมๆก็กลับมา หน้าเดิมๆก็กลับมา รวมหัวกันเพื่อจะทำลายรัฐบาลของพวกผมดังเช่นที่ทำสำเร็จแล้วเมื่อ 6 ปีก่อน แล้วพวกผมก็ออกมาปกป้อง ออกมารักษาและออกมาแสดงพลังให้เห็นว่า จะมาแย่งชิงอำนาจแบบที่แล้วมา พวกผมคงยอมไม่ได้อีกแล้ว อย่างนี้หรือครับที่บางพวกออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า นี่เป็นเพียงการแย่งชิงอำนาจของนักการเมืองสองฝ่าย ผมฟังแล้วจึงรู้สึกขัดใจดังที่กล่าวมาข้างต้น
ดังนั้นวันนี้ไม่ว่า ตลก.จะวินิจฉัยออกมาว่าอย่างไร ผมคงรับไม่ได้อย่างแน่นอน ถ้าบอกว่า “และ” กับ “หรือ”มีความหมายเดียวกัน หรือถ้าเพิ่มคำว่า “อาจจะ” ล้มการปกครองได้ล่ะก้อ ผมคิดว่า ที่คุณสมเจตน์บอกว่า จะนำไปสู่การปฏิวัติ ยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากกว่า ดังนั้นถ้าจะใช้คำว่า “อาจจะ” จึงควรจะนำไปใช้กับเหล่าผู้นำกองทัพทั้งหลาย เพราะการปฏิวัติหมายถึงการฉีกรัฐธรรมนูญ ซึ่งร้ายแรงกว่าการแก้รัฐธรรมนูญมากมายนัก จริงไหมครับคุณสมเจตน์
จากคุณ |
:
ทวดเอง
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ก.ค. 55 10:43:21
A:58.11.17.67 X:
|
|
|
|