คอลัมน์ ที่เห็นและเป็นไป (มติชนรายวัน 22 ก.ค.2555)
ถ้ามอง "ปรองดอง" ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเรียกร้องต้องการ
เป็นเรื่องระหว่าง "อำนาจเดิม" ที่ยังมีบทบาทและอิทธิพลสูงยิ่งกับความ
รู้สึกนึกคิดของคนในสังคม กับ "อำนาจจากประชาธิปไตย" ซึ่งค่อยๆ เข้า
มามีบทบาทแทน ด้วยกระแสที่แรงขึ้นเรื่อยๆ
"อำนาจเดิม" ประกอบด้วยผู้มีบารมีนอกระบบ แต่มีอิทธิพลต่อกลไกราชการ
โดยเฉพาะทหาร และองค์กรอิสระ มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายการเมืองที่
เสนอตัวให้เลือกใช้
"อำนาจจากประชาธิปไตย" ซึ่งก็คือพรรคการเมืองที่ประชาชนเลือกเข้ามา
ด้วยเสียงข้างมาก ขณะนี้ก็คือพรรคเพื่อไทย
และหากมองว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดี "ล้มล้างการปกครอง"
ที่เพิ่งผ่านมา เป็นการแสดงท่าทีของ "ฝ่ายอำนาจเดิม"
ก็น่าจะเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับคนส่วนใหญ่ เพราะว่าท่าทีดังกล่าวชัดเจนว่า
"อำนาจเดิม" ยอมให้พรรคเพื่อไทยบริหารประเทศต่อไป ด้วยการยกคำร้อง
แต่มีเงื่อนไขว่าเป็นคำเตือนว่าจะต้องอยู่ในกรอบกติกาของรัฐธรรมนูญฉบับ
2550 ซึ่ง "อำนาจเดิม" ยังควบคุมพฤติกรรมการบริหารประเทศได้ด้วย
อำนาจของ "องค์กรอิสระ" ทั้งหลาย
ไม่ใช่การเลือกใช้ "พรรคประชาธิปัตย์" เหมือนที่ผ่านมา
การเลือกให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์บริหารประเทศในเงื่อนไขต้องเป็นไป
ตามกติกาที่อำนาจเดิมกำหนด ถือเป็นการ "ปรองดอง" ระดับหนึ่ง
จากความชัดเจนนี้ ทำให้ "รัฐบาลพรรคเพื่อไทย" ต้องกำหนดยุทธศาสตร์
อย่างรอบคอบยิ่ง
ทางแรก รับภาพ "ตัวเลือก" ของ "อำนาจเดิม" เพื่อรักษา
"ความเป็นผู้กุมอำนาจรัฐ" ไว้ แม้จะต้องอยู่ในกติกาที่ตัวเอง
กำหนดไม่ได้
ทางที่สองคือ "แตกหัก" ไม่ยอมรับการขึ้นอยู่กับ "กติกา"
ที่เอื้อต่ออิทธิพลของ "อำนาจเก่า" ที่จะเข้ามามีบทบาท
ควบคุมรัฐบาลอย่างเข้มข้น
การจะเลือกเดินทางใด จำเป็นจะต้องวิเคราะห์ถึงพลัง
ทางสังคมอย่างละเอียด
แม้จะได้รับการเลือกตั้งมาอย่างท่วมท้น แต่จริงหรือไม่ว่าหากเดินไปใน
ทางแตกหัก หาญสู้กับอิทธิพลของอำนาจเดิมแบบแพ้ชนะกันไปข้าง
แล้วพรรคเพื่อไทยจะชนะได้
ถ้ายังไม่เห็นทางชนะ การยอมรับการเป็น "ตัวเลือก" แล้วค่อยๆ หาทาง
เคลียร์ทีละเรื่อง จะเป็นทางออกที่ดีกว่าหรือไม่
"อยู่ในอำนาจไว้ก่อน" อย่างอื่นค่อยๆ เคลียร์
ถ้ามองว่าที่สุดแล้วกระแสโลกที่เอื้อต่อพัฒนาการของ "เสรีนิยม"
จะทำให้ "อนุรักษนิยม" ค่อยๆ หดพื้นที่ลง
พัฒนาการของเทคโนโลยีการสื่อสาร จะทำให้กระแสของโลก
เข้ามาครอบงำกระแสภายใน ซึ่งจะเป็นตัวเองให้ "อนุรักษนิยม"
ต้องถอยร่น
หากมองแบบนี้ "เพื่อไทย" แค่รักษาสถานะเป็น "ตัวเลือก" ของ
"อำนาจเดิม" ไว้
อย่างอื่นปล่อยให้กระแสโลกจัดการไปเอง โดยมี "ขบวนการเสื้อแดง" และ
"นักวิชาการฝ่ายเสรีนิยม" เป็นตัวเร่งกระแสการรับรู้ของประชาชนในประเทศ
ในที่สุดการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเอง
หาก "เพื่อไทย" แบ่งการต่อสู้เป็นระยะเฉพาะหน้า กับระยะยาว
เฉพาะหน้า "ยอมเป็นตัวเลือก"
ระยะยาวยึดกุมภาพของ "พรรคฝ่ายเสรีนิยม" ไว้ให้แน่น
การเปลี่ยนผ่านจะเป็นไปโดยไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ
เพียงแต่ว่าประเทศชาติจะพัฒนาได้ช้าไปสักหน่อย
ที่น่าสนใจตรงที่ หาก "เพื่อไทย" ยอมที่จะเป็น "ตัวเลือก"
จะเกิดอะไรขึ้นกับ "ประชาธิปัตย์" ที่เสนอตัวให้เลือกอย่างเต็มที่
แต่กลับไม่มีใครเลือก ทั้ง "ประชาชนเสียงข้างมาก"
และ "ฝ่ายอำนาจเดิม"
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1342972691&grpid=&catid=02&subcatid=0207
อ่านจนจบแล้ว ก็สำนึกว่าการปรองดองที่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ขบคิด
ค้นหากรรมวิธี ทั้งหาต้นเหตุ ความเป็นมา หาทางแก้ไข ทำไงดีเล่า ?
สรุปแล้ว "มาน" ไม่ได้อยู่ที่ปชช.สักกะหน่อย "ดั๊น" ไปอยู่ที่ใครก็ไม่รู้
ถ้าเขายกมือบอกว่า "ปรองดอง" มันถึงจะทำได้ ...ใช่ป่ะ ....
สวัสดียามเช้าค่ะ ...มิตรสหายทุกท่าน ข่าว "อวย" "เชียร์" รัฐบาลมาแล้วค่ะ เพื่อนๆ อยากยำ สับ เยียบย่ำอะไร ตามสบาย เพราะดิฉันไม่ได้เขียนมันเป็นของสื่อตะหาก