รายงานพิเศษ ยำหลักฐานใบทหาร'มาร์ค'
|
 |
ยำหลักฐานใบทหาร'มาร์ค' รายงานพิเศษ
หมายเหตุ - เป็นบทความของกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงการเข้ารับราชการทหารของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีพล.อ.อ.ไมตรี โอสถหงษ์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน
การตรวจสอบกรณีนายอภิสิทธิ์ หนีทหารหรือไม่ และเข้าเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) อย่างถูกต้องสง่างามหรือไม่ ซึ่งพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม แถลงผลสอบไปเมื่อวันก่อนนั้น
เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าฟื้นฝอยหาตะเข็บ เอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่เพื่อช่วยเหลือคดีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ถูกฟ้องหมิ่นประมาท หรือเพื่อเป็นประเด็นการเมืองกลบเรื่องพ.ร.บ.ปรองดองและการแก้รัฐธรรมนูญ
การนำเรื่องเก่ามาเล่านั้นก็จริงอยู่ แต่สาระสำคัญของเรื่องแตกต่างจากที่สาธารณชนเคยทราบจากคำอธิบายของผู้นำประเทศในยุคก่อนๆ โดยสิ้นเชิง
ไม่ว่าผลสอบจากหน่วยงานที่เคยตรวจสอบไว้แล้วเมื่อปีས (นายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ และพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นผบ.ทบ.)
และเรื่องที่นายอภิสิทธิ์เคยเล่าในการประชุมสภาเมื่อปี ก็แตกต่างในสาระของการสอบสวนและในรายงานจากหน่วยราชการอื่นที่มีอยู่แล้ว แต่ผู้นำสมัยนั้นไม่อยากเปิดเผย
คือรายงานของโรงเรียน จปร.เมื่อปีཛ และรายงานของกรมการกำลังสำรองทหารบก (กสร.ทบ.) ปีས เช่นเดียวกับรายงานของกรมจเรทหารบกที่ทราบกันมาก่อนแล้ว และคณะกรรมการชุดนี้ตรวจพบว่าเอกสารเหล่านี้มีอยู่จริง
การแถลงของรมว.กลาโหมเมื่อ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา จึงมีนัยยะสำคัญที่ได้แสดงรายงานงานของโรงเรียน จปร. และของ กสร.ทบ.ไว้ด้วย เป็นรายงานที่สาธารณชนไม่เคยรับทราบมาก่อน
ตอบโจทย์การอภิปรายในสภาของนายอภิสิทธิ์เมื่อเดือนมี.ค.52 และการชี้แจงของนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเร็วๆ นี้ได้เป็นอย่างดี
แหล่งข่าวกระทรวงกลาโหมชี้แจงว่า คณะกรรมการสอบของ กห. รายงานความผิดปกติหรือความพิรุธของเอกสารต่างๆ ที่ใช้บรรจุนายอภิสิทธิ์เป็นอาจารย์โรงเรียน จปร. จนได้รับการแต่งตั้งยศ ร.ต. และได้ขึ้นทะเบียนกองประจำการ
ซึ่งเป็นข้อมูลที่ชัดเจนทั้งทางเอกสารและกระบวนการที่แสดงเจตนาของการกระทำผิดขั้นตอนบรรจุ
นับตั้งแต่การไม่ไปตรวจเลือกทหารเมื่อ 7 เม.ย.30 โดยไม่มีการผ่อนผัน, การถูกท้วงติงจากกรมสารบรรณทหารบกถึง 2 ครั้งว่าไม่มีเอกสารสำคัญทางทหารในการบรรจุ
และการใช้ใบสำคัญแทนสด.9 ที่อ้างว่าชำรุดสูญหายเพื่อการขึ้นทะเบียนกองประจำการ รวมถึงมีหนังสือรับรองการผ่อนผันซึ่งไม่ถูกกฎหมาย และเป็นเอกสารนอกระบบราชการ
ขณะที่คำชี้แจงของนายอภิสิทธิ์และนายศิริโชคที่ว่า นายอภิสิทธิ์ มีเอกสาร สด.20 ได้รับการผ่อนผันตาม สด.41 ลงวันที่ 4 พ.ย.29 นั้น เป็นเรื่องแก้เกี้ยว ให้ผู้ที่ไม่เข้าใจระบบการเกณฑ์ทหารยังคงไม่เข้าใจต่อไป
เพราะตามคำสั่งทบ.ที่ 1173/2528 ลง 25 ธ.ค.28 ตอนที่ 4 (การยกเว้นผ่อนผันฯ) ระบุชัดเจนว่าเมื่อสำนักงาน ก.พ. ขอผ่อนผันต่อผู้ว่าฯแล้ว ผู้ว่าฯจะออกหนังสือผ่อนผัน สด.41 (มอบให้เจ้าตัวเก็บไว้)
แล้วสัสดีจังหวัดและสัสดีอำเภอจะต้องบันทึกใน สด.27 และสด.1 ว่าเป็นคนผ่อนผันด้วยเหตุใด เรื่องใด ฉบับที่เท่าใด พ.ศ.ใด แล้วจึงขีดฆ่าชื่อด้วยหมึกแดงในแบบ สด.16 และบันทึกจำหน่ายว่าเป็นคนผ่อนผัน
พร้อมกับการบันทึกชื่อในส.ด.20 (สำหรับทางอำเภอจะได้รับใบ สด.19 สั่งให้ทำบัญชียกเว้นหรือผ่อนผันเช่นเดียวกัน) ดังนั้นแบบบัญชีต่างๆ ต้องเชื่อมโยงกัน
เอกสาร สด.1 ฉบับจริงของนายอภิสิทธิ์ไม่ปรากฏบันทึกว่าเป็นคนผ่อนผัน และเอกสาร สด.16 ฉบับจริง มีชื่อนายอภิสิทธิ์ในบัญชีคนพ้นฐานะยกเว้นผ่อนผัน และบันทึกว่า 'ไม่ไปเข้ารับการตรวจเลือก' ในปี 2530-2536
ดังนั้นไม่มีเหตุหรือหลักฐานเชื่อมโยงใดๆ ที่เชื่อได้ว่า นายอภิสิทธิ์มีรายชื่อในแบบ สด.20 ตามที่กล่าวอ้าง และสำเนาเอกสารดังกล่าวไม่ได้รับการรับรองจากเจ้าพนักงานผู้ใด อีกทั้งมิใช่เอกสารที่มอบให้เจ้าตัวเก็บ ไว้ด้วย
แต่เอกสารอื่นทุกฉบับที่ทางราชการยังคงเก็บไว้ บ่งชี้ว่านายอภิสิทธิ์เป็นบุคคลขาดการเกณฑ์ทหาร
แหล่งข่าวจากอดีตนายทหารฝ่ายกำลังพล โรงเรียน จปร. บอกว่า กรณีนายอภิสิทธิ์และนายศิริโชคกล่าวหาว่าโรงเรียนทำเอกสารสำคัญทางทหารและใบผ่อนผันส.ด.41 หายไปนั้น เป็นเรื่องตลก นายอภิสิทธิ์ไม่ควรให้ร้ายเจ้าหน้าที่
เพราะกรมสารบรรณทหารบกทักท้วงเอกสารผ่อนผันถึง 2 ครั้ง แสดงแล้วว่าไม่มีเอกสารผ่อนผัน ถ้ามี ใบสด.41 จริงคงไม่ถูกทักท้วง
หรือถ้าเอกสารหายไปในช่วงนั้น นายอภิสิทธิ์ไปขอคัดสำเนานำมายื่นใหม่ได้ จะไม่ทำให้เรื่องยุ่งยากจนบัดนี้
รวมถึงเอกสารสด.9 ฉบับใบแทน 8 เม.ย.31 ถ้าไม่มีเหตุแห่งความผิดก็ไม่จำเป็นต้องไปขอใบแทน เพราะยังมีสำเนาใบเดิมอยู่ (และได้แสดงอยู่ในปัจจุบัน) จะใช้วิธีการรับรองสำเนาใบเดิม ซึ่งมีต้นขั้วให้ตรวจสอบ
หรือถ้าจะให้ออกใบแทน นายอภิสิทธิ์ต้องรับผิดชอบที่ไม่ตรวจสอบความถูกต้องก่อนเซ็นรับ แล้วนำสด.9 ใบแทนซึ่งไม่ถูกต้องไปใช้ประโยชน์ของตนเองในการขึ้นทะเบียนกองประจำการจนได้
แหล่งข่าวสรุปว่า กรณีนายอภิสิทธิ์ไม่ไปเข้ารับการตรวจเลือกเมื่อ 7 เม.ย. 30 และไม่ได้รับการผ่อนผัน มีความชัดเจน
ทำให้เอกสารและกระบวนการสมัครเข้าเป็นอาจารย์โรงเรียน จปร. การแต่งตั้งยศ ร.ต. และการบรรจุขึ้นทะเบียนกองประจำการ เสียไปด้วยทั้งหมด
แม้จะทำเอกสารอื่นๆ มาแก้ไขภายหลังแต่ไม่รอบคอบ ไม่อาจเชื่อมโยงเอกสารทางราชการที่ถูกต้องและตรวจสอบได้จริงในระบบเอกสารของสัสดี ซึ่งแก้ไขย้อนหลังได้ยาก
เวลานี้ถือเป็นโอกาสดีที่นายอภิสิทธิ์หรือนายศิริโชคจะนำเอกสารสด.20 หรือสด.41 ที่อ้างว่ามีอยู่นั้น นำส่งให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบความถูกต้อง เพราะปัจจุบันมีวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่ตรวจสอบได้
ประชาชนจะได้หมดความสงสัย เรื่องอาจจะจบได้อย่างสวยงาม
อย่างไรก็ดีมีข้อสังเกตว่า ไม่ว่าการบรรจุและแต่งตั้งยศ ร.ต. ให้นายอภิสิทธิ์เป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยจะถูกต้องหรือไม่ อย่างไร และไม่ว่าจะถูกเพิกถอนต่อไปหรือไม่
ความจริงยังปรากฏในรายงานของพล.ต.เกษม นภาสวัสดิ์ ผอ.สกศ.รร.จปร. ตามบันทึกข้อความ สกศ.รร.จปร. ที่ กห. 0460.2/2813 ลง 31 พ.ค.31 'ข้อสังเกต การลาออกของนายอภิสิทธิ์ เริ่มกระทำภายหลังที่ตนได้รับคำสั่งแต่งตั้งเพียง 35 วันเท่านั้นโดยประมาณ'
และมีข้อสังเกตต่อท้าย ตามเอกสารประกอบรายงานของพล.ต.ศักดิ์สิน ทิพยเกษร เจ้ากรมกำลังสำรองทหารบก ตามบันทึกข้อความ กสร.ทบ. (กองการสัสดี) ที่ กห. 0426/654 ลง 8 มี.ค.42 ว่า
'นับตั้งแต่ยื่นลาออกจากราชการ และหน่วยที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการทางด้านธุรการ ระหว่าง 31 พ.ค.31-12 เม.ย.32 นั้น นายอภิสิทธิ์ไม่ได้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ราชการใดๆ ที่โรงเรียน จปร.'
'กล่าวคือลากิจ 40 วัน (22 ส.ค.31-30 ก.ย.31), ลากิจ 67 วัน (4 ต.ค.31-9 ธ.ค.31), และลาไปสอนหนังสือที่ ม.ออกซ์ฟอร์ด 114 วัน (10 ธ.ค.31-2 เม.ย.32) รวมเป็นวันลาทั้งสิ้น 221 วัน'
'ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องทั้งหมดบ่งชี้ว่า นายอภิสิทธิ์มีเจตนาหลีกเลี่ยงขัดขืนการเข้าตรวจเลือกฯ อ้างเหตุผลว่าเป็น อจ.รร.จปร. แม้กระทั่งในห้วงเวลาที่มีชื่อเป็น อจ.รร.จปร. ก็ไม่ได้ทำประโยชน์ใดๆ ให้ รร.จปร.'
โดยมีเอกสารประกอบรายงาน 3 ฉบับ ได้แก่ 'การไปศึกษาต่างประเทศของนายอภิสิทธิ์' 'สรุปลักษณะการกระทำผิดของการหนีราชการทหารของนายอภิสิทธิ์'
และ 'นายอภิสิทธิ์อ้างข้อต่อสู้ในการหนีราชการทหารว่า รับราชการเป็น อจ.รร.จปร. รับฟังไม่ได้ เนื่องจากไม่มีคุณสมบัติบรรจุเป็นนายทหารสัญญาบัตร'
แม้นายอภิสิทธิ์และนายศิริโชคจะยังโต้แย้งเกี่ยวกับกรณีการหนีทหาร หรือกรณีการใช้เอกสารไม่ถูกต้องในการบรรจุเป็นนายทหาร หรือการขึ้นทะเบียนกองประจำการก็ตาม
แต่ทั้งสองคงไม่อาจโต้แย้งความจริง ข้อสังเกตและข้อสรุปของส่วนการศึกษาโรงเรียน จปร. หรือของ กสร.ทบ. รวมทั้งกรมจเรทหารบก ดังรายงานข้างต้นได้
นายอภิสิทธิ์คงต้องตอบสังคมอย่างตรงไปตรงมา เล่าความจริงอย่างที่ฝรั่งเรียกว่า Whole Truth ไม่ใช่ Half Truth ว่ามีเจตนาจะรับใช้ชาติด้วยการรับราชการทหารเป็นอาจารย์โรงเรียน จปร. เพียง 35 วัน หลังการได้รับแต่งตั้งยศ ร.ต. แล้วลางาน 221 วัน (ซึ่งรวมถึงการอ้างว่าไปสอนหนังสือที่ ม.ออกซ์ฟอร์ด 114 วัน) แทนที่จะปฏิบัติงานสอนหนังสืออยู่ที่ รร.จปร.
หรือว่ามีเจตนาอ้างสิทธิ์การบรรจุเข้าเป็นอาจารย์โรงเรียน จปร. เพื่อจะได้ไม่ต้องไปเกณฑ์ทหาร กันแน่
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd2Iyd3dNakEwTURnMU5RPT0=§ionid=TURNd05BPT0=&day=TWpBeE1pMHdPQzB3TkE9PQ==
จากคุณ |
:
Chris Evert
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ส.ค. 55 10:43:39
A:124.122.88.223 X:
|
|
|
|