ชนชาติไทยในทุกยุคทุกสมัย ต่างจารึกชื่อบุคคลมากมายไว้ในประวัติศาสตร์ในด้านดีและร้าย แต่บุคคลมากมายเหล่านั้นที่อยู่ในบทบันทึกประวัติศาสตร์ด้านดี เป็นเพราะเกียรติยศศักดิ์ศรีและคุณความดีที่ทำไว้แก่ชาติบ้านเมือง ซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรีมิได้จำกัดเพศหรือยศฐาบรรดาศักดิ์ ชาวบ้านบางระจัน ซึ่งเป็นเพียงไพร่สามัญชนธรรมดา แต่ประจักษ์ในความกล้าและเกียรติยศศักดิ์ศรีในความรักชาติรักแผ่นดิน ยอมสละชีพเพื่อปกป้องแผ่นดินมาตุภูมิ แม้รู้ว่ากำลังน้อยกว่าแต่ยังยืนหยัดสู้จนถึงวาระสุดท้าย
ศึก บางระจัน จำให้มั่นพี่น้องชาติไทย
เกียรติประวัติสร้างไว้
แด่ ชนชาติไทยรุ่นหลัง
แม้ ชีวิต ยอมอุทิศเพื่อชาติอับปาง
เลือดไทย ต้องมาไหลหลั่ง
ทา ทั่วพื้นแผ่นดินทอง
ไทย คงเป็นไทย มิใช่ชาติเป็นเชลย
ไทย มิเคย ถอยร่นชนชาติศัตรู
บางระจัน แม้สิ้นอาวุธจะสู้
สองดาบฟาดฟันศัตรู สู้จน ชีพตนมลาย
ตัว ตาย ดีกว่าชาติตาย
เพียงเลือดหยาดสุดท้าย ขอให้ไทยคงอยู่
แดน ทอง ของไทยมิใช่ศัตรู
แม้ใครรุกรานต้องสู้ เพื่อกู้ แหลมถิ่นไทยงาม
เนื้อเพลงนี้ คือเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อสดุดีเกียรติยศ ของชาวบ้านบางระจัน โดยคนรุ่นหลัง เป็นรอยจารึกเรื่องราว ของไพร่สามัญชนที่มีเกียรติสมกับเป็นคนไทย
บทนำของกระทู้เก่าในอดีตที่ผมเคยเขียนที่นี้ เป็นกระทู้ที่ก่อให้เกิดมิตรภาพที่สามารถข้ามได้แม้ความแตกต่างทางอุดมการณ์ทางการเมือง อาจเพราะเป็นกระทู้ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ สิงห์บุรี จังหวัดบ้านเกิดของผม มันจึงเป็นเหตุทำให้ได้รู้จักเพื่อนสองคนที่เคยในจังหวัดสิงห์บุรี แล้วเข้ามาเป็นสมาชิกในราชดำเนินแห่งนี้ เพื่อนของผมสองคนนี้ ล็อกอินรุ่นกลางเก่ากลางใหม่ คงพอจะรู้จักอยู่บ้าง คนหนึ่งคือคุณชายภีม มิตรแท้ที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองไม่แตกต่างจากผม ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ คุณซอนต็อก แม่นางไทยเต็มขั้นแต่ดันชื่อสัญชาติเกาหลี
สองคนนี้คือมิตรที่แท้จริงที่ผมพบเจอที่นี้ นิสัยดีน่ารักด้วยกันทั้งคู่ ทั้งสองคนเคยเป็นห่วงผมถึงขั้นจะพยายามสืบหาว่าตัวจริงผมเป็นใคร เพื่อจะได้ตามหา เพราะเป็นห่วงและรู้ดีว่าผมเอง มีปัญหาเรื่องสุขภาพจนหายหน้าหายตาไปจากราชดำเนินช่วงหนึ่ง(ครั้งก่อนผมมีปัญหาเรื่องสุขภาพ แต่ไม่ได้บอกกับเพื่อนๆคนอื่น) ผมมาทราบความจริงในภายหลัง จึงเห็นว่าสองคนนี้ คือ กัลยามิตร ที่ควรค่าแก่การคบหา
แม้ความเห็นทางการเมืองของผมและคุณชายภีมกับคุณซอนต็อก จะแตกต่างกันชนิดอยู่คนล่ะข้าง แต่การแสดงความเห็น ล้วนแต่เป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน แน่นอน มีจิกกัดกันบ้างตามประสา แต่ความเห็นที่เรามีต่างกันนั้น ไม่ได้เคยทำร้ายทำลาย ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องรู้สึกเหมือนถูกดูถูกเหยียดหยาม กิ๊ฟก็เคยมอบให้กันโดยไม่คำนึงว่า คนรอบข้างจะมองตัวเราอย่างไร เพราะตัวพวกเราเองรู้อยู่แก่ใจดีอยู่แล้ว ว่านั้นเป็นกำลังใจสำหรับเพื่อน
แต่กลับมาครั้งนี้ ผมยังไม่เคยเห็นเพื่อนทั้งคนของผมเลย เห็นแต่ชื่อคุณซอนต็อก ที่ไปเป็นสมาชิกกลุ่ม none แดง เเต่ก็ยังไม่เคยเห็นกระทู้หรือความเห็นของ she แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร คิดเพียงว่าเพื่อนผมทั้งสองคนคงไม่ว่างที่จะเข้ามาแลกเปลี่ยนความเห็นกับท่านอื่นในราชดำเนินแห่งนี้
จนกระทั่งไปค้นดูกระทู้เก่าๆของตัวเอง จึงได้ไปเจอกระทู้ชี้แจงของคุณชายภีมกับพวกที่มีความคิดเห็นอยู่ในแนวเดียวกันว่า เขาไม่ได้เป็นอีแอบ ที่เขาคบหากับคุณซอนต็อกและเพื่อนต่างสีอีกคนของเขา ผมบอกตรงๆในฐานะเพื่อนที่รับรู้ถึงความสัมพันธ์รูปแบบนี้ "เสียใจครับ"
เสียใจที่ความเชื่อทางการเมืองเป็นเหตุให้คนรอบข้างต้องผิดใจกัน เสียใจที่ตัวผมเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย จะได้ช่วยอธิบาย ซึ่งตามจริงไม่น่าจะต้องอธิบาย เพราะการที่คนเห็นต่างกันจะเป็นเพื่อนกัน มันไม่ใช่เรื่องน่าอับอายหรือต้องหลบซ่อน เพราะทุกคนแสดงความเห็นอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ไม่ได้แสดงความเห็นในลักษณะก้าวร้าว รุนแรง หรือมุ่งร้ายหมายทำลายชีวิตใคร
ผมเคยบอกไว้ในที่นี้ว่า
ในยามที่บ้านเมืองเกิดความแตกแยกทางแนวความคิด การเมืองกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อความเสื่อมเกียรติของผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ใครก็ตามที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองจะกลายเป็นผู้ที่ไร้เกียรติไป จะเป็นบุคคลที่ประกอบสัมมาอาชีพที่ได้รับการยกย่องจากสังคมว่ามีเกียรติขนาดไหน ผู้พิพากษา ทหาร ตำรวจ นักวิชาการ สื่อมวลชน เกียรติยศคุณความดีที่สั่งสมมาในอดีตจะเสื่อมสลายโดยการกระทำและพฤติกรรมที่แสดงออกทางการเมือง
ทหารอ้างกระทำการด้วยเกียรติยศ เพื่อปกป้องสถาบัน แต่หารู้ไม่ว่าการกระทำของตัวเองนั้นแหละ คือการทำลายสถาบันอย่างแท้จริง
ผู้พิพากษาอ้างการปกป้องความเป็นธรรมและคุณงามความดี แต่กลับกลายเป็นการที่พึ่งพิงของคนฝ่ายหนึ่งที่หวังใช้กระบวนการยุติธรรม ทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม ซึ่งนั้นกลายเป็นความเสื่อมที่มีต่อสถาบันที่ต้องการเชื่อถือในความเที่ยงธรรมอย่างศาล
นักวิชาการอ้างตัวว่าเป็นผู้รู้ แต่แทนที่จะชี้นำสังคมให้พบกับทางออกของปัญหา กลับกระโดดเข้าสู่วังวนปัญหา จนกลายเป็นว่าตัวเองถอนตัวไม่ขึ้นจากปลักปัญหาการเมือง
สื่อมวลชน ที่อ้างว่ามีจรรยาบรรในวิชาชีพ กลับเลือกนำเสนอเหตุการณ์ในด้านที่ให้ผลประโยชน์กับตัวเองมากที่สุดเพียงด้านเดียว
หรือเพราะ เกียรติยศและศักดิ์ศรีมันไม่อิ่มท้อง คนไทยในปัจจุบันจึงไม่ได้ให้ความสำคัญเหมือนอย่างในอดีต
ประชาชนทั่วไป ยกตัวอย่างไม่ใกล้ไม่ไกลอย่างคนที่มาแสดงความคิดเห็นในราชดำเนินแห่งนี้ ก็ล้วนรู้ดีแก่ใจทั้งนั้น ว่าการเมืองการเลือกตั้งมีแพ้มีชนะ แต่อารมณ์ความรู้สึกกองเชียร์ขาดจิตสำนึกบางคน กลับกระทำตัวมีพฤติกรรมใส่ร้ายป้ายสี เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจและไร้ซึ่งเกียรติยศศักดิศรีของนักการเมืองที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้ว แต่ยังกระทำลงไปเพียงเพื่อหวังจะแสดงทัศนะตัวเอง ให้ผลประโยชน์ไปตกอยู่กับฝ่ายที่ตนเองสนับสนุนและส่งใจเชียร์
เกียรติยศและศักดิ์ศรีหายไปไหนกันหมดเล่า..?
หรือเราไม่อายบรรพบุรุษไทยของเรา..? ที่พวกท่านปกป้องศักดิ์ศรีและเกียรติยศยิ่งกว่าชีวิต
ถึงเวลาหรือยังที่เราจะกู้เกียรติและศักดิ์ศรีของเราคืนมา..?
เริ่มง่ายๆด้วยการหยุดกระทำพฤติกรรมที่น่ารังเกลียด เพื่อเพิ่มเกียรติและความภูมิใจในแต่ละชื่อล็อคอินของพันทิพย์ ประจำราชดำเนิน การนำเสนอข้อเท็จจริง และวิจารณ์หรือตำหนิติเตียนการกระทำของบุคคลใดในแวดวงการเมืองหรืออื่นๆสามารถกระทำได้ แต่ควรอยู่ในขอบเขตบนพื้นฐานความเป็นจริง ไม่ใช่เสกสรรปั้นเรื่องหรือบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อนำมากล่าวร้ายป้ายสีใคร
ผมขอเชิญทุกท่านในราชดำเนินแห่งนี้ มาร่วมกระทำในสิ่งที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีให้สมกับการที่เกิดมาเป็นลูกหลานไทย อย่าปล่อยให้อารมณ์การเมืองเข้าครอบงำและทำลายเกียรติที่ทุกท่านมีกันเลย ผมไม่ได้มาอวดอ้างว่าตัวมีเกียรติแต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมาผมก็มีอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่ต่างไปจากทุกท่าน แต่ตอนนี้ผมคิดได้แล้ว และก็กำลังเริ่มกู้และสั่งสมเกียรติภูมิของผมขึ้นมาใหม่ สารภาพตามตรง วันนึงผมอยากถูกราชดำเนินแห่งนี้จดจำว่า ครั้งหนึ่งเคยมีล็อคอินคุณภาพที่ชื่อว่า "พระรองตลอดกาล"
นั้นคือ เกียรติที่ผมเคยบอกไว้ แต่ตอนนี้ เมื่อได้เห็นการแสดงความเห็นจากทั้งทุกฝ่าย ผมรู้แล้วเพื่อนในสมัยก่อนต่างหาก ที่เป็นล็อคอินคุณภาพ มีเกียรติ มีศักดิ์ ผมรู้สึกโชคดีที่ได้เป็นเพื่อนกับพวกเขา
ป.ล.ใครทราบข่าวคราวของทั้งสองคน ช่วยส่งข่าวบอกผมด้วยครับ
ขอบคุณทุกคนครับ
แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 55 15:51:16