 |
จบมหกรรมแกล้งโง่ นำเข้าน้ำมันปาล์ม
นับตั้งแต่เดือนเมษายนมีเสียงทักแรงๆ...รัฐบาล
นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีมตินำเข้าน้ำมันปาล์ม 40,000 ตัน เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลน...ตรึงราคาขายปลีก ไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง
หนึ่ง...เสียงจากเจ้าของสวนปาล์มน้ำมัน ยืนยันว่า น้ำมันปาล์มบ้านเราไม่ได้ขาดแคลนแต่อย่างใด
สอง...มงคล สิมะโรจน์ ประธานกรรมการ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะหนึ่งในผู้ประกอบการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ยืนยันหนักแน่นว่า...ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีน้ำมันปาล์มเหลือจากการบริโภค จนต้องนำมาผสมกับน้ำมันดีเซล เรียกว่า...ไบโอดีเซล
ปัจจุบันนำน้ำมันปาล์มไปเผารวมกับน้ำมันดีเซลประมาณวันละ 2 ล้านลิตร น้ำมันดีเซลเราใช้กันวันละ 50 ล้านลิตร เอา น้ำมันปาล์มมาผสมแค่ 2 ล้านลิตร แค่นิดหน่อย แต่ว่าใหญ่สำหรับการกิน
กระทั่งล่าสุด...คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2555 ในการประชุม ครม. สัญจรที่จังหวัดสุรินทร์เห็นชอบให้นำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศ จำนวน 30,000 ตัน (30 ล้านกิโลกรัม) ภายในสิ้นเดือนสิงหาคม 2555 ตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (ปนป.)
เพื่อแก้ไขปัญหาสต๊อกน้ำมันปาล์มในประเทศขาดแคลน
ผู้มีประสบการณ์คลุกคลีในแวดวงปาล์มน้ำมัน สะท้อนว่า มติ ครม. เป็นไปตามการคาดการณ์และแรงผลักดันจากผู้เกี่ยวข้องบางคนจนสัมฤทธิผลในที่สุด
มองอีกมุม การนำเข้าน้ำมันปาล์มครั้งนี้หากยังจำกันได้เคยมีมติเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2555 ให้นำเข้า 40,000 ตัน และกระทรวงพาณิชย์ได้เสนอ ครม. ให้นำเข้าแล้ว 10,000 ตัน ทว่า...
ยังเหลือเค้กก้อนโตอีก 30,000 ตัน ก็เลยต้องออกแรงกันจนสำเร็จในครั้งนี้
อีกทั้งการเห็นชอบของ ครม. ครั้งนี้ ได้มีการอนุมัติงบประมาณกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็นจำนวน 24 ล้านบาท...เพื่อชดเชยผลการขาดทุนจากการนำเข้าน้ำมันปาล์ม จำนวน 30,000 ตัน ขององค์การคลังสินค้า (อคส.) อีกด้วย
โดยข้ออ้างที่ว่าสต๊อกน้ำมันปาล์มเหลือสำหรับบริโภคเพียง 124,000 ตัน...ต่ำกว่าระดับวิกฤติ จึงอยู่ที่ 35,000 ตัน ...รายละเอียดต่างๆ เป็นไปตามที่ อคส.เสนอทั้งสิ้น
มงคล สิมะโรจน์ ในฐานะหนึ่งในผู้ประกอบการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ อีกคนที่คลุกคลีกับปัญหาน้ำมันปาล์มและติดตามการแก้ปัญหาของรัฐบาลในเรื่องนี้มาโดยตลอด ยืนยันว่า มติ ครม. ครั้งนี้ก็เหมือนเดิม...เหมือนเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2555
หมายความว่า...การแก้ปัญหาครั้งนี้ ไม่ใช่การแก้ปัญหาการเกษตรกรรม การบริโภค หรือพลังงาน แต่เป็นการแก้ปัญหาให้ใครบางคนที่จะได้รับผลประโยชน์เท่านั้น
ประเทศไทยยังใช้น้ำมันปาล์มเพื่อบริโภควันละ 1.6 ล้านลิตร แต่นำไปผสมเผารวมกับน้ำมันดีเซลวันละ 2.5 ล้านลิตร
สำหรับน้ำมันดีเซล ปัจจุบันที่ใช้กันทั่วไป วันละประมาณ 50 ล้านลิตร หากจะต้องใช้เพื่อเป็นส่วนผสมในน้ำมันดีเซลเดิมเราใช้สูตร B 5 ก็คือใช้น้ำมันปาล์ม 5 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 2.5 ล้านลิตรต่อวัน
ถ้าเราใช้น้ำมันดีเซลล้วนๆ หรือลดการใช้น้ำมันปาล์มผสมดีเซลลดลงมาจาก 5%...ให้เหลือ 1% เพียง 1 เดือน เราก็จะมีน้ำมันปาล์มสำรองเพื่อใช้ทันที 60,00080,000 ตัน
อย่าลืมว่าการใช้นโยบายด้านพลังงานที่เราใช้น้ำมันปาล์มมาผสมน้ำมันดีเซล ถูกกำหนดขึ้น เนื่องจากช่วงเวลาหนึ่ง เรามีผลผลิตน้ำมันปาล์มเหลือเกินใช้ การนำมาผสมเหลือใช้เป็นพลังงาน เป็นนโยบายที่ช่วยเหลือเกษตรกร มงคล ว่า
ปัจจุบันน้ำมันดีเซล มีต้นทุนที่ลิตรละ 23 บาท ขณะที่น้ำมันปาล์มลิตรละ 32 บาท จะเห็นได้ว่านำไปบรรจุขวดเพื่อบริโภคในราคาไม่เกินขวดละ 38 บาท ดีกว่านำไปเผาเป็นไหนๆ เกษตรกรก็จะได้ประโยชน์อย่างเดิม
การนำเข้าน้ำมันปาล์มต้นทุนกิโลกรัมละประมาณ 30 บาท แล้วอ้างว่า...นำมาผลิตเป็นน้ำมันปาล์มบรรจุขวดไว้บริโภค จะขายได้โดยตรึงราคาที่ 42 บาทต่อขวด
ประเด็นนี้...เป็นเหตุผลที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างประโยชน์ในการนำเข้าเท่านั้น แต่วิธีการแก้ปัญหาที่แท้จริงก็คือ การหยุดใช้น้ำมันปาล์มผสมกับน้ำมันดีเซลชั่วคราว...ถ้าน้ำมันปาล์มสำหรับบริโภคขาดแคลน
ประเทศไทยเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันปาล์มเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากมาเลเซียและอินโดนีเซีย ตั้งแต่ต้นปี 2555 คือปีนี้...เราส่งน้ำมันปาล์มขายออกไปเป็นจำนวนมากเป็นแสนๆ ตัน แล้วอยู่ๆ มานำเข้า 40,000 ตัน โดยอ้างว่าสำรองไม่พอ
มันก็แปลกๆ น่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่แล้ว
มงคล ย้ำว่า การแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มสำหรับบริโภคขาดแคลนผู้มีประสบการณ์เห็นปัญหารู้วิธีแก้ปัญหา...ที่เป็นปัญหาชั่วคราวก็ชี้ทางออกให้แล้วว่า
หยุดนำไปผสมเผากับดีเซลเพียงเดือนเดียว...สำรองน้ำมันปาล์มในประเทศจะเพียงพอทันทีและเหลือด้วย แถมคนที่ใช้น้ำมันดีเซลก็จะได้ใช้ถูกลง...
เนื่องจาก น้ำมันดีเซล ถูกกว่า น้ำมันปาล์ม ลิตรละประมาณ 7 บาท ประสิทธิภาพกับเครื่องยนต์ก็ดีกว่า ไม่เข้าใจรัฐบาลจริงๆ
หากตัวเลขที่กล่าวมาไม่ถูกต้อง หรือแนวทางที่ว่านี้ไม่ดีประการใด ควรต้องออกมาชี้แจงให้สังคมเข้าใจ ไม่อย่างนั้นจะเจอข้อหาพายเรือให้โจรนั่ง
ถ้าทำตัวเป็นอีแอบ...แอบกิน แอบรู้...แอบพูดความจริงด้านเดียว อย่างที่ผู้มีประสบการณ์คลุกคลีในแวดวงปาล์มน้ำมัน ได้ฟันธงไว้ตั้งแต่เดือนเมษายน... ใครที่รู้แล้วไม่พูด...พูดแต่เรื่องจริงแค่ส่วนเดียว จะเป็นความผิดฐานแกล้งโง่หรือไม่ ถึงตรงนี้ประชาชนคนไทยต้องคิด ตัดสินกันเอาเอง
ช่วงเวลานั้นน้ำมันปาล์มนำเข้ามาแล้วลอตแรก 10 ล้านลิตร ประเมินกันไว้ว่า ณ วันเซ็นสัญญาซื้อขาย ราคาน้ำมันปาล์มที่ธุรกิจน้ำมันซื้อน้ำมันปาล์มมาผสมน้ำมันดีเซล อยู่ที่ลิตรละ 33 บาท ขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มที่รัฐนำเข้าอยู่ที่ลิตรละ 49 บาท
น่าตกใจ ตรงส่วนต่างมากมายถึงลิตรละ 16 บาท...ใครแอบงาบส่วนต่างตรงนี้ไว้กี่มากน้อย?
น้ำมันปาล์มลอตแรกเข้ามา 10 ล้านลิตร...ส่วนต่างเห็นๆ 160 ล้านบาท ถ้านำเข้าเต็มอัตรา 40 ล้านลิตร ก็ฟันเหนาะๆ 640 ล้านบาท
กินส่วนต่างมหกรรมแกล้งโง่กว่าครึ่งพันล้านบาท ไม่ใช่แกล้งโง่แบบธรรมดาๆ ไร้ฝีมือ... นอกจากโง่แบบได้เงินแล้ว ยังแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มแพง-ขาดแคลน สร้างประชานิยมได้ผลชัดเจนถนัดตา
ปิดฉากความคืบหน้าเงินอีแอบก้อนโต เล่าลือกันว่า...น่าจะเป็นเงินค่าเก้าอี้ใหญ่โต ไม่กระทรวงใดก็กระทรวงหนึ่ง รีบตุนเอาไว้ ก่อนที่ท่านจะหลุดจากตำแหน่ง.
http://www.thairath.co.th/column/pol/page1scoop/280906
น่าจะเป็นเงินค่าเก้าอี้ใหญ่โต ไม่กระทรวงใดก็กระทรวงหนึ่ง รีบตุนเอาไว้ ก่อนที่ท่านจะหลุดจากตำแหน่ง
ชอบคำนี้จัง
จากคุณ |
:
ราชาอาหารเช้า
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ส.ค. 55 14:36:28
A:110.77.162.49 X:
|
|
|
|
 |