Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
คุณหญิง กัลยา Copy Cat กับ นายกฯ ทักษิณ ทำมั๊ย ทำไม คตส. มองไม่เห็น ทำมั๊ย ทำไม ถึงวันนี้ ปปช. ยังไม่จัดการ ติดต่อทีมงาน

ถ้ายึดแนวทางจาก คำพิพากษา ศาลฏีกาของผู้ดำรงค์ตำแหน่งทางการเมือง แบบเดียวกับ กรณี นายกฯ ทักษิณ คุณหญิงกัลยา ต้องโดนยึดทรัพย์แน่นอนเพราะ โครงสร้างมันเหมือนกัน

แต่ ถ้าศาลใช้ กฏหมายแพ่ง และ พาณิชย์ เป็นหลัก คุณหญิงกัลยารอดแน่

เรื่องนี้ แดงมาตั้งแต่ มีนาคม ๒๕๕๓ แล้ว ปปช. ทำอะไรอยู่ หรือ มาตรฐาน สลิ่ม แมงสาป มันคนละ มาตรฐาน แดง

อ้อ พี่เตป อีกคนนะ เมื่อไหร่จะโดนสักที





ไขปมคุณหญิงกัลยา โสภณพนิชโอนหุ้นให้ลูก-คนใกล้ชิด 400 ล้าน เหมือนหรือต่างจาก′ทักษิณ ชินวัตร′ ??
updated: 03 มี.ค. 2553 เวลา 16:40:56 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ภายหลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในข้อหารวยผิดปกติ จำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553


นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกวุฒิสภา ได้ออกมาเรียกร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยอ้างว่า ได้ตรวจสอบบัญชีฯของคุณหญิงกัลยาตอนรับตำแหน่ง ส.ส กับ ตำแหน่ง รัฐมนตรี มีจำนวนทรัพย์สินลดลง โดยเฉพาะ"เงินลงทุน" ลดลงกว่า 300 ล้านบาท


แต่กลับมีการแจ้งเพิ่มเติมในส่วนเงินให้กู้ยืมแก่บุตรสาวทั้ง 3 คนของคู่สมรส โดยให้ยืมคนละ 95.8 ล้านบาท รวม 278.4 ล้านบาท ไม่มีรายละเอียดแน่ชัดว่าเป็นการกู้ยืมกันอย่างไร


นายเรืองไกร บอกอีกว่า ต้องตรวจสอบต่อไปว่าหุ้นที่คุณหญิงกัลยาและคู่สมรสถืออยู่นั้นเป็นหุ้นสัมปทาน หรือเป็นหุ้นที่อยู่ในเกณฑ์ตามที่รัฐธรรมนูญห้ามรัฐมนตรีถือหุ้นในบริษัทเกินว่าร้อยละ 5
และขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของรัฐมนตรี และ ส.ส.ทุกคนใหม่อีกครั้ง เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางเดียวกันกับที่ศาลฎีกาฯได้ตัดสินคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ


ความจริง "กรณีของคุณหญิงกัลยา"ที่นายเรืองไกรนำมาเปิดเผย มิใช่ "เรื่องใหม่" หากแต่ "ประชาชาติธุรกิจ" นำเสนอตั้งแต่ฉบับที่ 23-25 มีนาคม 2552
กรณีดังกล่าวมีข้อเท็จจริงดังนี้
คุณหญิงกัลยายื่นบัญชีฯต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตอนเป็นส.ส. วันที่ 22 มกราคม 2551 ระบุว่ามีเงินลงทุน 15 รายการ มูลค่า 24,756,471 บาท จากทรัพย์สิน 67,558,929 บาท
ในจำนวนนี้เป็นเงินลงทุน บริษัท วัฒนโชติ จำกัด 285 หุ้น มูลค่า 285,000 บาท , บริษัท วัฒนโสภณพนิช จำกัด 50 หุ้น มูลค่า 500,000 บาท


ขณะที่นายโชติมีเงินลงทุน 22 รายการ มูลค่า 458,414,980 บาท จากทรัพย์สิน 554,484,248 บาท
ในจำนวนนี้ บริษัท วัฒนโชติ จำกัด 328,142 หุ้น มูลค่า 328.1 ล้านบาท ,บริษัท โชติชลิต จำกัด 26,000 หุ้น มูลค่า 2.6 ล้านบาท, บริษัท ซี.เอส.แคปปิตอล จำกัด 30,000 หุ้น มูลค่า 3 ล้านบาท , บริษัท พลังโสภณสอง จำกัด 1,000,000 หุ้น มูลค่า 100 ล้านบาท ,บริษัท วัฒนโสภณพนิช จำกัด 166 หุ้น มูลค่า 1,600,000 บาท ,บริษัท วัฒนเชิดชู จำกัด 360 หุ้น มูลค่า 360,000 บาท, บริษัท เค.ดับบลิว.ซี. คลังสินค้า จำกัด 5,759 หุ้น มูลค่า 575,900 บาท , บริษัท บางกอกท็อปนิวส์ จำกัด 8,000 หุ้น มูลค่า 800,000 บาท ,บริษัท บี.เอ็ม.เอส จำกัด 1,040 หุ้น มูลค่า 104,000 บาท บริษัท ศุภราช รีสอร์ท จำกัด 49,000 หุ้น มูลค่า 4,900,000 ล้านบาท


ตอนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ วันที่ 22 ธันวาคม 2551 คุณหญิงกัลยาแจ้งว่ามีเงินลงทุน 19,484,684 บาท จากทรัพย์สินรวม 59,169,834 บาท นายโชติมีเงินลงทุน 61,591,122 บาท จากทรัพย์สินรวม 429,692,003 บาท


เมื่อเปรียบเทียบการยื่นบัญชีฯ 2 ครั้งเห็นได้ว่าเงินลงทุนลดลง 402,095,645 บาท (ตางราง 1)

เงินลงทุนของคุณหญิงกัลยา และนายโชติ โสภณพนิช คู่สมรส (ตาราง 1 )
22 ม.ค. 2551 (บาท) 22 ธ.ค.2551 (บาท)
คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช 24,756,471
นายโชติ โสภณพนิช 458,414,980
รวม 483,171,451 คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช 19,484,684
นายโชติ โสภณพนิช 61,591,122
รวม 81,075,806

จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีไม่กี่วัน คุณหญิงกัลยาและสามีได้โอนไปให้บุตรสาว 3 คน และคนใกล้ชิด อย่างน้อย 5 บริษัท (เฉพาะมูลค่าหุ้นที่โอนให้บุตรสาว 3 คน รวมมูลค่า 386 ล้านบาท) ได้แก่
1.บริษัท วัฒนโชติ จำกัด 2.บริษัท วัฒนเชิดชู จำกัด 3.บริษัท ศุภราชรีสอร์ท จำกัด 4.บริษัท พลังโสภณสอง จำกัด และ 5.บริษัท เค.ดับบลิว ซี.คลังสินค้า จำกัด
ในส่วนของ บริษัท วัฒนโชติ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 820 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 820,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1,000 บาท
วันที่ 28 มีนาคม 2551 คุณหญิงกัลยา ถือ 285 หุ้น นายโชติ ถือ 328,142 หุ้น
วันที่ 15 ธันวาคม 2551 คุณหญิงกัลยา ได้โอนหุ้นจำนวน 285 หุ้นไปให้นางสาวสุภณา โสภณพนิช ขณะที่นายโชติลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือ 40,742 หุ้น อีก 287,400 หุ้นโอนไปให้บุตรสาว 3 คน คือ นางสาวสุภณา โสภณพนิช (อายุ 32 ปี) นางโชติยา อาฮูยา (อายุ 36ปี) และ นางกิติยา โสภณพนิช ( อายุ 29 ปี) คนละ 95,800 หุ้น (ตูตาราง 2 ประกอบ)

รายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท วัฒนโชติ จำกัด (ตาราง 2)
ณ 28 มีนาคม 2551 ณ 15 ธันวาคม 2552
1.นายชาญ โสภณพนิช 360 หุ้น
2.นายโชติ โสภณพนิช 328,142 หุ้น
3.นางสาวสุภณา โสภณพนิช 17,922 หุ้น
4.นายเชิดชู โสภณพนิช 895 หุ้น
5.นายชาตรี โสภณพนิช 90 หุ้น
6.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช 285 หุ้น
7.นางโชติยา อาฮูยา 102,273 หุ้น
8.นางสาวกิติยา โสภณพนิช 65,360 หุ้น
9.บริษัท โยววิล โฮลดิ้ง จำกัด 304,673 หุ้น
รวม 820,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1,000 บาท 1.นายชาญ โสภณพนิช 360 หุ้น
2.นายโชติ โสภณพนิช 40,742 หุ้น
3.นางสาวสุภณา โสภณพนิช 114,007หุ้น
4.นายเชิดชู โสภณพนิช 895 หุ้น
5.นายชาตรี โสภณพนิช 90 หุ้น
6.นางโชติยา อาฮูยา 198,073 หุ้น
7.นางกิติยา โสภณพนิช 161,160 หุ้น
8.บริษัท โยววิล โฮลดิ้ง จำกัด 304,673 หุ้น



อย่างไรก็ตาม ในบัญชีฯของคุณหญิงกัลยา ตอนรับตำแหน่ง รมว.กระทรวงวิทย์ฯ วันที่ 22 ธันวาคม 2551 แจ้งว่า นายโชติ สามี มีเงินให้กู้ยืมแก่บุตรสาว 3 คน คนละ 95.8 ล้านบาท รวม 287.4 ล้านบาท โดยทำหนังสือสัญญากู้เงิน 3 ฉบับ ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2551 (วันเดียวกับการโอนหุ้นบริษัท วัฒนโชติ จำกัดให้บุตรสาว 3 คน) แสดงต่อ ป.ป.ช.ด้วย
เมื่อพิจารณาเนื้อหาในหนังสือสัญญากู้เงิน 3 ฉบับดังกล่าว พบว่ามีข้อความคล้ายกัน ต่างกันตรงชื่อผู้กู้เท่านั้น และมิได้บอกรายละเอียด "ที่มา" ของการกู้ยืมเงิน เพียงระบุคร่าวๆว่า " ผู้กู้" จะชำระดอกเบี้ยในอัตรา 3 % ต่อปี
และ เมื่อนำจำนวนเงินกู้ยืมดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับมูลค่าหุ้นที่นายโชติโอนหุ้นบริษัท วัฒนโชติ จำกัดให้บุตรสาว 3 คน เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2551 คนละ 95,800 หุ้น มูลค่าคนละ 95.8 ล้านบาท รวม 287.4 ล้านบาท พบว่าเป็นตัวเลขสอดคล้องกัน
เท่ากับ เงินกู้ยืมจำนวน 287.4 ล้านบาท มาจากการรับโอนหุ้นจากบิดานั่นเอง
เมื่อพิจารณาจากสัดส่วนการถือครองหุ้น บริษัท วัฒนโชติ จำกัด ของนายโชติ ณ วันที่ 28 มีนาคม 2551 มี จำนวน 328,142 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 40% ของทุนจดทะเบียน
เพราะฉะนั้น เป็นไปได้ว่ามูลเหตุแห่งการโอนหุ้นของนายโชติ อาจเพื่อต้องการหลีกเลี่ยง พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี ที่ห้ามรัฐมนตรีและคู่สมรสถือครองหุ้นเกิน 5% เพราะกลัวมีปัญหาซ้ำรอยเหมือนกรณีนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ที่ถือครองหุ้นเกิน 5% จนถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ขาดคุณสมบัติจากความเป็นรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม ประเด็นบัญชีฯของคุณหญิงกัลยา น่าจะอยู่ที่ "เจ้าของหุ้นที่แท้จริง" เป็นของใคร ? และ มีการกู้ยืมเงินกันจริงหรือไม่ ?
เพราะถ้าพิสูจน์ว่า เจ้าของหุ้นที่แท้จริงเป็นของสามีคุณหญิงกัลยา เพียงแต่ทำนิติกรรมอำพรางในรูป "สัญญากู้ยืมเงิน 3 ฉบับจำนวน 287.4 ล้านบาท"
คุณหญิงกัลยาจะถูกดำเนินคดีข้อหาซุกหุ้น เช่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
แต่อาจต่างกัน ตรงที่ บริษัท วัฒนโชติ จำกัด มิได้ทำธุรกิจเป็นคู่สัญญา รับสัมปทานกับรัฐ

จากคุณ : โบกกรัก
เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 55 17:15:06 A:115.67.161.34 X:




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com