แปลกใจ ที่กลุ่มคนจำนวนหนึ่งเขาบอกว่า เขาก็ประชาธิปไตย แต่พอมีคนไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาชื่นชม ยกย่อง เขาก็มองด้วยสายตาเคืองขุ่น แล้วเสียดสี ไปจนถึงใช้คำที่หยาบคายรุนแรง ส่วนคนอีกกลุ่ม ครั้นจะอธิบายให้ฟัง เพราะเหตุใดเขาจึงไม่เห็นด้วย กับกลุ่มแรก คนกลุ่มนั้นกลับไม่เคยรับฟัง ยิ่งจะตะแบงเสียงให้ดังขึ้น พร้อมกับมองดูด้วยสายตาดูถูก ที่ไม่เชื่อ ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพยายามยกมาเป็นข้อดี พยายามกล่าวอ้าง
ฝ่ายบุคคลกลุ่มที่สองแม้ว่า จะไม่ได้ต้องการขัดแย้ง แต่ด้วยแต่ละคนก็มีเหตุผลในความเชื่อ ในความคิดของตัวเอง จึงลองพยายามอธิบายอีกครั้ง ด้วยความอดทน หวังจะให้บุคคลกลุ่มแรก เข้าใจถึงความคิดต่าง แต่ไม่เป็นผล จึงยอมที่จะเงียบ เพราะอธิบายอย่างไร ก็คงเหนื่อยเปล่า แม้แค่ให้รับฟัง เขายังไม่ฟัง ถึงฟัง ก็ไม่ได้คิดทำความเข้าใจ
พอมีฝ่ายหนึ่ง ยอมที่จะเงียบ แล้วหาผู้ที่จะถก อภิปรายร่วมกันอย่างเข้าใจ แม้จะไม่ได้เห็นตรงกันทั้งหมด กลับกลายเป็นว่า ฝ่ายที่เงียบคือผู้แพ้ ฝ่ายที่ยอมถอยคือผู้ที่ต้องไปรวมกลุ่มก้อน
ที่อยากจะบอก คือ การพูด การอธิบาย หรือแม้แต่อภิปรายในสิ่งที่เกิดขึ้นจริงไม่ว่าจะมีข้อพิสูจน์แล้ว หรือที่ยังรอการพิสูจน์ กับคนที่ยึดติดอยู่แต่คำว่าแพ้-ชนะ เป็นการเสียเวลาเปล่า
ยังมีบุคคลอีกหลายกลุ่ม ที่ถึงแม้ไม่พูด ไม่แสดงออก แต่ก็มีความคิด เหตุผลเป็นของตัวเอง
.. ความเงียบ มันน่ากลัว ..