ความคิดเห็นที่ 1 นักวิชาการจี้เลิกจำนำข้าวชี้สูญงบ-ชาวนาไม่ได้ประโยชน์ “อัมมาร์”จวกเละนโยบายจำนำข้าวชี้เป็นการคอรัปชั่นโปร่งใสและยั่งยืน มีใบเสร็จ จี้ยกเลิก เหตุทำให้รัฐสูญเปล่าปีละ 7-8 หมื่นล้านบาท หลังผลาญเงินไปแล้ว 2.7 แสนล้านบาท และที่สำคัญคนที่ได้ประโยชน์เป็นพ่อค้า-โรงสี การใช้นโยบายจำนำข้าวเพื่อต้องการช่วยชาวนายากจนนั้นถือเป็นการหลอกลวง เนื่องจากพบว่าเม็ดเงินอุดหนุนส่วนใหญ่ตกอยู่กับโรงสีหรือพ่อค้าคนกลาง รวมถึงชาวนาที่ร่ำรวย ส่วนชาวนาที่ยากจนจะมีผลผลิตข้าวเหลือพอขายน้อย และขายข้าวเปลือกได้ในราคาที่ต่ำกว่าการรับจำนำ 1.5 หมื่นบาท/ตันด้วย โดยมีการวิจัยพบว่าเงินที่รัฐอุดหนุนไป 100 บาทจะตกเป็นของโรงสีหรือพ่อค้าคนกลาง 63 บาท ที่เหลือ37 บาทตกอยู่กับชาวนา ซึ่งชาวนาที่ยากจนจะได้รับน้อยมาก เนื่องจากผลผลิตข้าวที่เกินการบริโภคมีขายน้อยกว่า และราคาขายก็ต่ำกว่าราคารับจำนำที่ 1.5 หมื่นบาท/ตัน จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 17:23:32 A:58.11.160.172 X:

ความคิดเห็นที่ 2    นายกิตติรัตน์ กล่าวต่อว่า ตนยืนยันได้ว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลนั้น ไม่ผิดกฎขององค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) แน่นอน เนื่องจากโครงการดังกล่าวถือเป็นการยกระดับราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้น ซึ่งถือเป็นการบริหารจัดการด้านราคาที่เหมาะสม และรัฐบาลก็ไม่ได้ขายข้าวในราคาถูก ซึ่งจะแตกต่างจากโครงการประกันราคาข้าวของรัฐบาลชุดก่อนที่มองว่าขัดกฎดับบลิวทีโอมากกว่า ด้านนายชาญชัย รักษ์ธนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯเห็นด้วยที่รัฐบาลจะส่งเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงสีและโกดังกลางที่ฝากเก็บข้าวในสต๊อกของรัฐบาลในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปี 54/55 และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 55 เพื่อป้องกันปัญหาการทุจริต แต่หากบุคลากรของดีเอสไอและตำรวจมีไม่เพียงพอ หรือไม่มีความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบทุจริตข้าว ทั้งการนำข้าวประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ์ การนำข้าวเก่ามาเวียนเทียนเข้าโครงการจำนำ หรือแม้แต่สต๊อกลม สมาคมฯก็พร้อมที่จะอบรมให้เป็นพิเศษ เพราะเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ และยืนยันถึงความโปร่งใสของโรงสีที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำกับรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า มีปริมาณข้าวเปลือกของเกษตรกรที่เข้าโครงการรับจำนำนาปรังปี 55 มากถึงเกือบ 10 ล้านตัน ซึ่งผิดปกตินั้น ยืนยันว่า อยู่ในระดับปกติ เพราะไทยเพาะปลูกข้าวนาปรังได้ปีละ 2-3 ครั้ง จึงทำให้มีผลผลิตเพิ่มขึ้นมาก แต่ที่ผิดปกติคือปริมาณที่เข้าโครงการรับจำนำนาปีปี 54/55 ซึ่งมีเพียง 7 ล้านตันข้าวเปลือกนั้นน้อยเกินความเป็นจริง ถ้าเทียบกับผลผลิตข้าวปี 54/55 ทั้งนาปีและปรังจะมีมากถึง 32-33 ล้านตันข้าวเปลือก สำหรับข้าวเปลือกที่เข้าสู่โครงการรับจำนำแล้ว ทั้งข้าวเปลือกนาปี และนาปรัง รวมประมาณ 20 ล้านตัน รวมทั้งนาปีและนาปรัง โดยนาปีมีข้าวเปลือกเข้ามาแล้ว 7 ล้านตัน และนาปรังเชื่อว่าจะมีข้าวเปลือกเข้ามาอีกไม่เกิน 13 ล้านตัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติ และไม่ใช่การทุจริตนำข้าวประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม เห็นว่า โครงการรับจำนำครั้งนี้ มีทุจริตไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ ต่างจากระบบประกันรายได้ที่เริ่มโครงการในช่วงปี 53 ของรัฐบาลชุดก่อนกลับมีการจ่ายเงินชดเชยให้เกษตรกรในช่วงประกันรายได้ทั้งปีมากถึง 38 ล้านตัน มากกว่าผลผลิตข้าวที่มี 31-32 ล้านตัน ซึ่งไม่ทราบว่า ส่วนเกินนี้มาจากไหน และพรรคฝ่ายค้านน่าจะเป็นผู้ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ ส่วนปริมาณการส่งออกข้าวไทยนั้น จากการตรวจสอบเว็บไซต์ของสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 1-27 ก.ค. 55 ส่งออกแล้ว 421,000 ตัน ลดลง 52.82% เทียบกับปีก่อนที่ส่งออกได้ 829,000 ตัน ส่วนตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-27 ก.ค.55 ส่งออกข้าวได้เพียง 3.89 ล้านตัน ลดลง 46.19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ส่งออกได้ 7.23 ล้านตัน โดยราคาส่งออกข้าวขาว 5% ไทยตันละ 564 เหรียญสหรัฐฯ เวียดนามตันละ 410 เหรียญฯ อินเดียตันละ 420 เหรียญฯ ปากีสถานตันละ 460 เหรียญฯ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 17:30:59 A:58.11.160.172 X:

ความคิดเห็นที่ 3 ปลัดฯโต้ทีดีอาร์ไอ ยันไม่มีข้าวเพื่อนบ้านสวมสิทธิ์รับจำนำ   พาณิชย์ยันจำนำนาปรังสูงถึงเกือบ 10 ล้านตันไม่แปลก เหตุไทยปลูกข้าวนาปรังปีละ 2-3 รอบ ไม่ใช่ข้าวเพื่อนบ้านสวมสิทธิ์แน่... เมื่อวันที่ 2 ส.ค. นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าปริมาณข้าวเปลือกที่เข้าโครงการ รับจำนำนาปรังปี 55 ที่ขณะนี้มีจำนวน 9.85 ล้านตัน ซึ่งมากผิดปกติว่า ไม่ถือว่าสูงผิดปกติ เพราะปัจจุบันการปลูกข้าวนาปรังที่ใช้น้ำจากเขตชลประทานสามารถเพาะปลูกได้ ตลอดทั้งปี หรือประมาณ 2-3 รอบ ดังนั้น จึงคาดการณ์ว่าปริมาณผลผลิตข้าวนาปรังในปีนี้อาจสูงถึง 15 ล้านตันข้าวเปลือก จึงไม่ใช่เรื่องการนำข้าวประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ์ เพราะรัฐบาลมีการตรวจสอบเข้มอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้เกษตรกรไทยเสียประโยชน์ "การที่สถาบันเพื่อการวิจัยและพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ระบุว่ามีข้าวส่วนเกินในตลาดมากถึง 3 ล้านตัน และเกรงว่าจะเป็นข้าวสวมสิทธิ์จากประเทศเพื่อนบ้านนั้น เป็นข้อมูลไม่ถูกต้อง ทีดีอาร์ไอมีหน้าที่ให้ข้อเสนอแนะรัฐบาล ไม่ใช่การออกมาให้ข้อมูลโจมตีเช่นนี้ การออกมาวิพากษ์วิจารณ์ของนักวิชาการจากทีดีอาร์ไอ จึงเป็นมุมมองคนรุ่นเก่าแบบใช้โทรศัพท์ตู้หยอดเหรียญ แต่ปัจจุบันใช้มือถือ 3 จี กันหมดแล้ว" นายยรรยง กล่าว. จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 17:35:22 A:58.11.160.172 X:

ความคิดเห็นที่ 4 แล้ว เปิดประมูลข้าวช่วงนี้ออกมาทำไมครับ ทั้งๆที่รู้ว่าจะขาดทุนสองร้อยเหรียญต่อตัน เพราะจุดอ่อนของนโยบายรับจำนำทุกเมล็ดคือ เราไม่มีเงิมารับจำนำได้มากพอกับไม่มีที่เก็บข้าวได้หมด ใช่ไหมครับ จากคุณ : เอ (gunthaporn) เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 17:35:25 A:115.67.192.31 X:

ความคิดเห็นที่ 5   นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึง แผนการระบายสต็อกข้าวของรัฐบาล ตามมติของคณะอนุกรรมการด้านการตลาด ที่ให้เปิดระบายข้าวสารที่ได้จากโครงการรับจำนำนาปี ฤดูกาล 2554/55 และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง 2555 ว่าจะมี 3 รูปแบบ ประกอบด้วย การระบายผ่านรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) การเปิดประมูลให้ผู้สนใจทั่วไป และการระบายผ่านตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟท) ซึ่งทางกรมการค้าต่างประเทศอยู่ระหว่างการจัดทำแผนระบายข้าวเพื่อความเหมาะสมในแต่ละช่วงอยู่ ทั้งนี้ การระบายข้าวผ่านการประมูลให้ผู้สนใจทั่วไปนั้น จะเป็นการเน้นทยอยระบายคราวละไม่มาก เพื่อไม่ให้กระทบกับราคาตลาดในประเทศและส่งออก รวมทั้งจะต้องเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น ช่วงเดือน ก.ย. อาจมีการระบายข้าวในสต็อกจำนวนน้อย เพื่อไม่ให้กระทบกับราคาข้าวเปลือกนาปี 2555/56 ที่จะออกตลาดตั้งแต่ ต.ค.2555 เป็นต้นไป ส่วนราคานั้นจะมีราคาเกณฑ์กลาง ซึ่งเป็นสูตรการคำนวณที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) คือจะมีการนำราคาตลาดมาคำนวณเป็นเกณฑ์ระดับต่ำกับระดับสูง หากมีการเสนอราคาต่ำกว่าเกณฑ์ก็จะไม่อนุมัติขาย อย่างไรก็ตาม การเปิดระบายข้าวผ่านการประมูลให้กับผู้สนใจทั่วไปนั้น ผู้ประกอบการรายเล็กสามารถรวมตัวกันมาประมูลข้าวได้ เพราะรัฐบาลเปิดกว้างให้ทุกรายเข้ามาร่วมประมูล เพียงแต่ราคาต้องผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ซึ่งไม่อยากเกิดปัญหารายเล็กเสียเปรียบรายใหญ่ เพราะความจริงแล้วการค้าข้าวโลกได้เปลี่ยนแปลงไป รายเล็กสามารถรวมตัวกันเพื่อมาแข่งขันได้ และจะเป็นรูปแบบที่กระทรวงฯ จะผลักดันให้เกิดการพัฒนาของผู้ส่งออกข้าวไทยในอนาคต เพราะปัจจุบันผู้ซื้อได้กลายเป็นรายใหญ่หมดแล้ว เนื่องจากมีการซื้อขายผ่านหน่วยงานนำเข้าระดับรัฐบาล ดังนั้น หากรายเล็กไปเจรจาขายข้าวอาจมีอำนาจต่อรองน้อยกว่าผู้ซื้อ และทำให้ขายข้าวราคาต่ำจนมากดราคาซื้อข้าวในประเทศ สำหรับการระบายผ่านเอเฟทนั้น จะต้องเลือกช่วงระยะเวลาที่แนวโน้มราคาข้าวอยู่ในช่วงขาขึ้น เพราะการซื้อขายผ่านเอเฟทจะเป็นตัวชี้นำราคาตลาด ดังนั้น หากตลาดข้าวอยู่ในช่วงขาลง เอเฟทก็ไม่ควรนำมาใช้ แต่สถานการณ์ปัจจุบันถือว่าอยู่ระยะเวลาเหมาะสมที่จะมีการนำข้าวไประบายผ่านเอเฟทจำนวนหนึ่ง ส่วน การระบายข้าวผ่านจีทูจี นั้น ต้องยอมรับว่าราคาข้าวที่ขายจะต่ำกว่าราคาตลาดเล็กน้อย หรือเป็นราคามิตรภาพ แต่ก็ไม่มีความเสี่ยงในเรื่องของการชำระเงิน ซึ่งหากตกลงจีทูจีได้ คือรัฐบาลได้เงินกลับมาอย่างแน่นอน ส่วนราคาส่งออกข้าวปัจจุบันที่ปรับขึ้นมาอยู่ 600 เหรียญสหรัฐ/ตัน เป็นระดับราคาที่พอใจหรือไม่นั้น จริงๆ แล้ว กระทรวงฯ มีเป้าที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าวไทยมากทุกปี ซึ่งอยู่ในแผนของกรมการค้าต่างประเทศที่จะผลักดันให้ราคาข้าวไทยเพิ่มขึ้นปีละ 20 ซึ่งเป็นเป้าทำงานของกรมฯ นายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า แผนการระบายข้าวในรอบ ส.ค.-ธ.ค.นี้ จะมีการนำข้าวไประบายผ่านเอเฟทแน่นอน ซึ่งกำลังกำหนดปริมาณที่เหมาะสมอยู่ ส่วนการเปิดประมูลก็กำลังทำแผน แต่เงื่อนไขการประมูลส่วนใหญ่ไม่แตกต่างจากหลักเกณฑ์ (ทีโออาร์) เดิม และจะเน้นระบายคราวละไม่มาก ซึ่งเชื่อว่าจะมีผู้สนใจมาประมูลเพราะขณะนี้ตลาดโลกต้องการข้าวจำนวนมาก เนื่องจากหลายประเทศเริ่มประสบภัยพิบัติ เช่น อินเดีย สหรัฐ อีกทั้งความต้องการบริโภคข้าวปีนี้เพิ่มขึ้นสวนทางกับปริมาณข้าวโลกเพิ่มขึ้นน้อยกว่า และการส่งออกข้าวครึ่งหนึ่งของโลกก็อยู่ที่ไทย. +++++++++++++++ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 17:41:28 A:58.11.160.172 X:

ความคิดเห็นที่ 6 ที่ยืนหยัดว่า  อยู่ข้างเกษตรกรนั้น  ........ จริง ๆ หรือ  ในเมื่อ โครงการรับจำนำข้าวทุกเม็ดนั้น แท้จริงแล้ว  สามารถช่วยชาวนา จำนวน 1,276,606 ราย จากชาวนาที่ประเทศไทยมี 4ล้านกว่าครัวเรือน .............ช่วยชาวนา ได้เพียง 1 ใน 3 เท่านั้นเอง หาใช่ช่วยได้ทั้งหมด ไม่  ชาวนาที่ยากไร้ ไม่มีปัญญา ถูกทอดทิ้งไปได้อย่างไร ?   จึงกล่าวได้ว่า........ไม่จริงตามที่ท่านWTKn  คิด - ฝัน    รองนายกฯกิติรัตน์  บอกว่า  ........ โครงการดังกล่าวถือเป็นการยกระดับราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้น ซึ่งถือเป็นการบริหารจัดการด้านราคาที่เหมาะสม และรัฐบาลก็ไม่ได้ขายข้าวในราคาถูก                       แต่ คุณ WTKn เขียนใน คห. 2 เองว่า ...ส่วนปริมาณการส่งออกข้าวไทยนั้น จากการตรวจสอบเว็บไซต์ของสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 1-27 ก.ค. 55 ส่งออกแล้ว 421,000 ตัน ลดลง 52.82% เทียบกับปีก่อนที่ส่งออกได้ 829,000 ตัน ส่วนตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-27 ก.ค.55 ส่งออกข้าวได้เพียง 3.89 ล้านตัน ลดลง 46.19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ส่งออกได้ 7.23 ล้านตัน โดยราคาส่งออกข้าวขาว 5% ไทยตันละ 564 เหรียญสหรัฐฯ เวียดนามตันละ 410 เหรียญฯ อินเดียตันละ 420 เหรียญฯ ปากีสถานตันละ 460 เหรียญฯ    ......  รับจำนำมาในราคา เกินกว่า   800เหรียญสหรัฐ  ต่อตัน ( ยังไม่รวม ค่า บริหาร  และใช้จ่าย  unfore seen  อีกมากมาย ด้วย  )                     ใครจะเชื่อบ้างว่า รัฐบาลผู้ผูกขาดตลาดข้าวแต่ผู้เดียวในประเทศไทย       จะมีความสามารถหาตลาดข้าวโลก  เพื่อขายข้าวในสต็อก          เก่งกว่า พ่อค้าข้าวที่เคยทำการค้าส่งออกข้าวมาบริษัทละหลาย ๆ ปี   ! ! !   และเชื่อ หรือไม่ว่า การค้า แบบ  G to G (ซึ่งต้องขายในราคามิตรภาพ)     รัฐบาลจะขายได้ในราคาสูงกว่าตลาด   และประเทศอื่นใดไม่โง่ที่จะไม่รู้ว่า โกดังเก็บข้าวของไทย เต็ม ไม่มีที่จะเก็บเพิ่มอีกแล้ว  และข้าวปี เก่า ๆ ก็จะเสื่อมคุณภาพไปแล้วด้วย.....วาว                   ไม่แน่ใจว่า คุณ WTKn ทราบถึงปัญหาของรัฐบาลตอนนี้ หรือไม่    ไม่ใช่แต่เพียง เงินรับจำนำไม่พอ ( กำลังดำเนินการขอกู้เพิ่มอีก ) เท่านั้น  แต่ปัญหาสำคัญอีกเฉพาะหน้าอีกประการหนึ่งคือ โกดังเก็บข้าว ไม่พอ  เพราะ ข้าวที่รับจำนำไว้เก่า ยังขายไม่ได้ ข้าวใหม่ก็ประดังเข้ามาเพิ่มอีก  จน  surveyer มีอำนาจเรียกเก็บค่าหัวคิวเอาข้าวเข้าเก็บในโกดัง เป็นรายตัน   ได้ ตามที่เป็นข่าวมาแล้ว     ไม่ใช่ ไม่ยินดี ที่รัฐบาลจะช่วยชาวนา หรือเกษตรกรอื่นใดหรอกขอรับ  ยินดีสนับสนุนให้ช่วยเกษตรกรที่ยากไร้  เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมลง             แต่ การที่รัฐบาลเอาเงินไปช่วยชาวนาที่มีกำลังสูง  มีที่นาแยอะ ๆ  โดยวิธีรับจำนำข้าว ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่นี้        ไม่ได้ช่วยชาวนารายเล็ก ๆน้อย ๆ ที่ด้อยโอกาส   นี่ ...................... เสียดายเงิน ที่เสียภาษี ขอรับกระผม จากคุณ : วอน (วอน) เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 18:31:03 A:125.27.250.131 X:

ความคิดเห็นที่ 7 ผมว่า โครงการรับจำนำข้าว ดีสำหรับเกษตรกร ในระยะสั้น ครับ ตราบใดที่ราคาข้าวยังต่ำกว่าราคารับจำนำแบบนี้ รัฐบาลมีแต่เจ๊งกับเจ๊ง อีกไม่นานครับผมว่าได้ยกเลิกโครงการนี้แน่ๆ ให้ ธกส แบกรับภาระ ไหนจะกู้ออมสินอีก ผมว่าไม่น่าจะรอดนะ จากคุณ : KINKIMONO เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 19:01:47 A:180.183.204.215 X:

ความคิดเห็นที่ 8 จะทำให้ชาวโลก เคยชินกับราคาข้าวที่สูงขึ้น เหมือนชินกับราคาน้ำมันที่สูง จากคุณ : NiyomC เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 19:18:36 A:119.63.83.107 X:

ความคิดเห็นที่ 9 สวัสดี คุณ วอน (วอน)  ใช้ตัวหนังสือเล็กจัง ทุกคอมเมนท์ ไม่ใช่คำพูดของเรา รวมทั้ง#2 แต่เรารวบรวมมาจากหลายสื่อ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเหตุผลของใครจะน่าเชื่อถือกว่า สิ่งที่เราเชื่อคือ รัฐพยายามที่จะทำให้ดีทีสุด แต่ทุกอย่างมีปัญหาเกิดขึ้นได้ และเป็นเรื่องดีที่ทุกฝ่ายร่วมกันเสนอข้อคิด ข้อบกพร่อง ข้อท้วงติง เพื่อให้รัฐนำไปปรับปรุงแก้ไข ล่าสุด ได้ข่าวว่า มีการตกลงซื้อขาย แบบรัฐต่อรัฐแล้วประมาณ 4 ล้านตัน โดยที่ราคาไม่ต่ำกว่าราคาที่รับจำนำมากนัก และเรื่องประมูลในราคาต่ำกว่าราคาที่รัฐรับจำนำ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวให้สัมภาษณ์ว่าเป็นแบบนี้ทุกรัฐบาล   ข้อดี-ข้อเสียของการประกัน ข้อดี - เป็นการประกันว่าชาวนาจะขายข้าว ได้ไม่ต่ำกว่าหมื่นบาท (และจะปรับขึ้น ในปีต่อไป) แม้ว่าราคาข้าวในท้อง ตลาดจะเป็นเท่าไรทางรัฐจะชดเชยส่วน ที่ขาดหายไปให้ - จำนวนเกษตรกรจะได้รับประโยชน์ จากโครงการนี้มากกว่า - ราคาข้าวจะเป็นไปตามกลไกตลาด ไม่มีการบิดเบือน - ปัญหาทุจริตคอรัปชันจากเจ้าหน้าที่ รัฐมีน้อยมากเพราะเงินสู่มือชาวนา โดยตรงผ่านธนาคาร ธ.ก.ส. - แม้เกิดภัยพิบัติจากน้าท่วม,ศัตรูพืช ระบาดชาวนาก็จะยังได้ส่วนต่าง แม้ไม่มีผลผลิต ข้อเสีย - รัฐต้องจ่ายเงินไปสู่เกษตรโดยตรง ทำให้รัฐต้องจ่ายเงินเพื่อการนี้เป็น จำนวนมากโดยไม่ได้อะไรกลับมา - มีการแจ้งการทำนาที่เป็นเท็จ เช่น ทำนา 10 ไร่บอกว่า 20 ไร่ แม้จะมี ประชาคมแต่บ้างครั้งต่างก็เกรงใจกัน ไม่กล้าคัดค้านหรืออาจเนื่องจากต่าง คนต่างแจ้งเท็จด้วยกัน เรื่องนี้มีบ่นกัน มาก - ทำให้ราคาข้าวไม่ขึ้นเกินหนึ่งหมื่น บาทเพราะพ่อค้ารับซื้อรู้ว่ารัฐ จ่ายส่วนต่างให้เกษตรแล้วเหมือน รัฐกดราคาข้าวไม่ให้เกินหนึ่งหมื่นบาท - การจ่ายเงินส่วนต่างจะจ่ายให้แค่ 25 ตัน ถ้าใครได้เกินกว่า 25 ตัน ไม่ได้รับส่วนต่าง - คิดให้ผลผลิตข้าวที่ 500 กก. ต่อไร่ ถ้าใครทำได้มากกว่านั้นก็ไม่ได้ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ข้อดี-ข้อเสียของการรับจำนำ ข้อดี - จากการประกาศจำนำราคาข้าวที่ 15,000 บาท ชาวนาจะได้รับเงิน 15,000 เลย (กรณีข้าวมีความชื้นที่ 15 เปอร์เซนต์) ซึ่งเป็นเงินสด - ชาวนา มีข้าวเท่าไรก็ขายได้ตาม จำนวนผลผลิตที่ได้ เช่น หากทำนา มีข้าว 10 ตัน ก็ได้ทั้ง 10 ตัน เป็นเงิน 150,000 บาท -ชาวนาจะได้รับเป็นเงินสดทันทีเมื่อ ขายข้าว - จะทำให้ ราคาข้าวในท้องตลาด เพิ่มขึ้น เนื่องจากถ้าพ่อค้าไม่รับซื้อ ในราคาสูงก็ไม่มีข้าวขายเพราะรัฐ จะซื้อเองหมด - รัฐบาลสามารถควบคุมราคาซื้อ-ขาย ข้าวได้ (ในการส่งออกและบริโภคภาย ในประเทศ) ข้อเสีย - จากอดีตที่ผ่านมามีการคอรัปชันสูง ทำให้รัฐต้องขาดทุนปีละหลายหมื่น ล้าน - รัฐอาจต้องสร้างโกดังไว้เก็บข้าวเอง จำนวนมาก - เป็นการ บิดเบือนกลไกตลาดทำให้ รัฐต้องใช้เงินจำนวนมากไปซื้อข้าวซึ่ง รัฐไม่น่าจะมีเงินมากมาซื้อข้าวชาวนา ได้ทั้งหมดในกรณีที่พ่อค้าไม่รับซื้อข้าว แข่ง - รัฐต้องเสียเงินจำนวนไม่น้อยในการ สต๊อกข้าวและรักษาคุณภาพข้าว จำนวนมากถ้าขายข้าวไม่ได้ - อาจมีข้าวจากต่างประเทศเข้ามา สวมสิทธิ์ ++++++++++++++++++++++ ถ้าพิจารณาข้อดี-ข้อเสียเปรียบเทียบกัน การรับจำนำน่าจะดีกว่า และจะเห็นว่า ข้อเสียของการรับจำนำ ก็เป็นสิ่งที่รัฐพยายามแก้ไขอยู่ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 19:32:59 A:58.11.160.172 X:

ความคิดเห็นที่ 10 ดูรูปจะเข้าใจง่ายครับ.... จากคุณ : วีระชัย (veerachai_t) เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 19:36:06 A:115.67.224.237 X:

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณ คุณ วีระชัย กำลังจะแปะรูป คอมพ์แฮงค์พอดี เปิดหลายเว็บเกิน จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 19:49:10 A:58.11.160.172 X:

ความคิดเห็นที่ 12 ตามที่คุณวอน บอกว่า การจำนำ ช่วยเหลือเกษตรกรได้หนึ่งล้านกว่าราย จากสี่ล้าน แล้วที่เหลือ ๒.๗ ล้านรายนั้น เขาทำนากันอิท่าไหนถึงไม่มีข้าวมาจำนำครับ ถ้าเขาไม่มีข้าวมาจำนำ เราก้ต้องอุ้มเขาด้วยหรือครับ  ผมสงสัยเพราะโครงการช่วยเหลือเกษตรกรนั้นก็มักจะเป็นการแทรกแซงราคา จำนำ ให้ราคาดีขึ้น ่สวนการประกันนั้น ชาวนาไม่ต้องมีผลผลิตก็ได้เงินหรือครับ   งั้นถ้าผมมีที่นาเปล่าๆไม่ได้ทำอะไร ผทก็ได้เงินประกันราคาไปฟรีๆใช่ไหมครับ ถ้าเป็นแบบนั้นก็พอจะพูดได้ไหมคัรบว่า ประกันราคาคือการอุ้มชาวนนาให้แบมือขอ เพราะไม่มีผลผลิต หรือมีน้อยก็ได้เงิน การจำนำคือการกระตุ้นให้ชาวนนาช่วยตัวเอง เพราะถ้าไม่มีผลผลิตก็ไม่ได้เงิน จากคุณ : penn's เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 21:57:13 A:110.49.251.191 X:

ความคิดเห็นที่ 13 มาดูข้อมูล ดัชนีอาหารภาพรวมสูงขึ้นจริงครับ จากคุณ : ไป่ฉี เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 21:58:11 A:1.1.162.141 X:

ความคิดเห็นที่ 14 ตัวที่ขึ้นจริงๆคือข้าวโพดครับ จากภัยแล้วใน USA จากคุณ : ไป่ฉี เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 21:58:56 A:1.1.162.141 X:

ความคิดเห็นที่ 15 ส่วนข้าวยังไม่ไปไหน ไปได้ไม่เกิน 600 กว่าๆ จากคุณ : ไป่ฉี เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 21:59:46 A:1.1.162.141 X:

ความคิดเห็นที่ 16 ราคาข้าวหลังสุดยังอยู่ 580 US ต่อตัน จากคุณ : ไป่ฉี เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 22:00:34 A:1.1.162.141 X:

ความคิดเห็นที่ 17 เขามองผลผลิตโดยรวมข้าวแนวโน้มมากขึ้น จากคุณ : ไป่ฉี เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 22:01:58 A:1.1.162.141 X:

ความคิดเห็นที่ 18 บทวิเคราะห์เขามองว่า สต๊อกข้าวเราสูงมาก ยังไงก็ไม่มีที่เก็บ ยังไงต้องระบาย ผู้ซื้อเขาชะลอซื้อ ยังไงเราก็ต้องขาย. ทำให้ราคาข้าวไม่ขึ้น และระยะยาวราคาข้าวจะปรับลดลงอีกประมาณ 100 เหรียญต่อตัน ไม่รู้ตอนนั้นเราจะเสียงบประมาณแต่ละปีมากๆจนก่อหนีสาธารณะจำนวนมาก จากคุณ : ไป่ฉี เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 22:21:11 A:1.1.166.27 X:

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณ คุณ ไป่ฉี ที่ร่วมแสดงความเห็น ขอตัวปิดคอมพ์แล้วนะคะ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 22:41:55 A:58.11.160.172 X:

ความคิดเห็นที่ 20 ตามที่คุณไป่ฉีแคปภาพมาให้ดูราคาข้าวตอนนี้ 580 เหรียญหรือราว ตันละหนึ่งหมื่นเจ็ดพันกว่าบาท งั้นก็นับว่าโครงการรับจำนำน่าจะมาถูกทางแล้วเพราะรับที่ตันบะหมื่นห้า และในวัฯี้โรงสีิพิ่มราคารับซื้อให้ชาวนาเพิ่มอีก  ข้าวความชื้น๑๕เปอร์เวนต์อยุ่ที่ตันละ ๑๔๐๐๐ ถ้ายืนตามราคาที่คุณไป่ฉีนำมาแสดง เทา่กับว่าโรงสี จะได้กำไรที่ยังไม่ได้หักค่าใช้จ่าย ตันละ๓๕๐๐ หรือในภาพรวม ที่ว่ารัฐบาลมีข้าวสิบล้านตัน ก็ขายได้ประมาณ หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นห้าพันล้านบาท ได้กำไรสองหมื่นห้าพันล้านบาท โดยที่ยังไม่ได้หักค่าใช้จ่าย เอ๊ะ แล้วทำไมเขาถึงชอบบอกว่า จำนำข้าวขาดทุนแสนกว่าล้าน จากคุณ : penn's เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 14:41:09 A:110.49.235.177 X: