สืบเนื่องจากคำอภิปรายของ สส.พิเชษฐ์เรื่อง เมืองแพร่แห่ระเบิด
|
 |
สืบเนื่องมาจากคำอภิปรายของ สส.นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล สส. จังหวัดกระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับเรื่อง เมืองแพร่แห่ระเบิด เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา
โดยนาย สส.พิเชษฐ์ ได้พูดข้อความเท็จออกทีวีไปทั่วประเทศว่า เมืองแพร่ในอดีตเคยมีการเก็บระเบิดที่ถูกทิ้งลงมา แล้วเอาไปแห่รอบเมือง จนเกิดระเบิดตายทั้งเมือง ด้วยน้ำเสียงมีเจตนาที่ต้องการจะดูถูกเหยียดหยามคนในจังหวัดแพร่ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ข้อเท็จจริงเรื่องตำนานเมืองแพร่แห่ระเบิด แท้จริงแล้วมีความเป็นมาดังนี้
...............................................................................
ตำนานเรื่อง “เมืองแพร่ แห่ระเบิด”
โดยนาย ณรงค์จัน ทรางกรู ผู้เขียน/พิมพ์ เผยแพร่
เรื่องนี้มันเกิดขึ้นในท้องที่ อ.ลอง จ.แพร่ หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ สงบ ๖๕ ปีมาแล้ว คุณสุรินทร์ โสภารัตนานันท์ อดีตสจ.หลายสมัย และอดีตเสรีไทยแพร่ เป็นผู้รู้เรื่องนี้ดี จึงได้พาผมไปพบใครต่อใครหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และอยู่ในเหตุการณ์กับเรื่องนี้เพื่อสอบถามเรื่องราวความเป็นมาอย่างไรแล้ว นำเรื่องราวนั้นมาปะติดปะต่อเป็นเรื่องใหม่ เพื่อร่ายต่อความเข้าใจและลำดับเหตุการณ์ได้ถูกต้องบุคคลที่คุณสุรินทร์ พาผมไปพบมีตัวตน และที่อยู่ชัดเจน อยู่ในเหตุการณ์จริงไม่ใช่ฟังเขาเล่าต่อมาอีกที ได้แก่
๑. พระสยุท์สากล อติพัทโท เจ้าอาวาสวัดแม่ลานเหนือ ต.ห้วยอ้อ อ.ลอง จ.แพร่
๒. นายสม ไชยแก้ว บ้านเลขที่ ๖๙ หมู่ ๙ ต.ห้วยอ้อ อ.ลอง จ.แพร่
๓. นายสมาน หมื่นขัน บ้านเลขที่ ๙๒/๖ หมู่ ๔ แม่ลานพัฒนา ต.ห้วยอ้อ
บุคคล ทั้ง 3 ต่างเล่าให้ฟังว่า แรกเริ่มเดิมที่ นายหลง มโนมูล คนงานรถไฟสถานีแก่งหลวงได้ไปพบซากระเบิดที่ทิ้งจากเครื่องบินของฝ่ายสัมพันธมิตร ที่นำระเบิดมาทิ้งเพื่อทำลายสะพานรถไฟข้ามน้ำแม่ต้า (อยู่ระหว่างสถานีรถไฟเด่นชัย อ.เด่นชัย กับสถานีรถไฟบ้านปิน อ.ลอง) เพื่อสกัดการเดินทางของญี่ปุ่นเมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ ๒ (ปีพ.ศ.๒๔๘๔ – ๒๔๘๘) เป็นคนแรก
จึงได้มาบอกนายสมาน หมื่นขัน ทราบ นายสมานฯจึงได้ไปดู และขอความช่วยเหลือจากคนงานรถไฟสถานีรถไฟแก่งหลวงที่อยู่ใกล้เคียง ได้แก่ นายชุ่ม ขันแก้ว นายชัยวัฒน์ พึ่งพองนายพินิจ สุทธิสุข นายย้าย ปัญญาทอง ให้มาช่วยกันขุดขึ้นมาจากหลุมทรายที่ถับถมอยู่มีจำนวน ๒ ลูก (มีขนาดความโตกว่าถังแก๊สชนิดยาว) และทำการถอดชะนวนระเบิดออก
จากนั้นได้ช่วยกันยกขึ้นใส่ล้อ (เกวียน) ลากมาพักไว้ที่บ้านแม่ลู้ ต. บ้านปิน ความหนักของลูกระเบิดที่นำขึ้นบรรทุกล้อ(เกวียน)ถึงกับทำให้ซ้างล้อ(คานของ เกวียน) หักต้องเปลี่ยนใหม่ (และวันที่เปิดพิพิธภัณฑ์เสรีไทยแพร่ เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๐ ทางพิพิธภัณฑ์ได้ขอยืมลูกระเบิดของจริงจากวัดนาตุ้มนำมาแสดงโชว์ต้องใช้คน งานถึง ๖ คนจึงยกขึ้นใส่ปิ๊กอัพได้ นับว่ามีน้ำหนักมากคงจะหลายร้อยกิโลกรัม)
ส่วนระเบิดลูกที่ ๓ ช่วยกันขุดด้วยแรงคนไม่ได้เพราะจมอยู่ในหลุมทรายลึกมาก จึงได้ไปตามนายบุญมา อินปันดี ซึ่งเป็นเจ้าของช้างลากไม้ในป่าบริเวณใกล้เคียง ให้นำช้างมาลากลูกระเบิดขึ้นจากหลุมได้ทำการถอดชนวน ตัดหาง และควักเอาเผ่า(ดินระเบิด)ออกบรรทุก(ล้อเกวียน) มาสบทบกันอีก ๒ ลูกที่นำออกมาก่อนแล้วที่บ้านแม่ลู้ ต. บ้านปิน จากนั้นก็ลากโดยบรรทุกล้อ(เกวียน) มุ่งเข้าสู่หมู่บ้าน
ชาวบ้านสองข้างทางทราบว่าข่าว และเห็นล้อ(เกวียน)บรรทุกลูกระเบิดตามกันมา ๓ คันต่างก็เดินตามกันมา เป็นขบวนยาว ผ่านหน้าบ้านผู้ใดต่างก็เดินเข้ามาสบทบเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยจนมาถึงบ้านแม่ ลานเหนือใกล้วัด ชาวบ้านยิ่งออกมาดูกันมากขึ้น
ชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่อยู่ใกล้วัดได้นำฆ้อง -กลองยาว-ฉิ่ง-ฉาบออกมาต้อนรับขบวนแห่เหมือนกันต้อนรับขบวนของ กฐิน หรือผ้าป่าทำนองนั้นแล้วแห่เข้าวัดทำการถวายลูกระเบิดให้เป็นสมบัติของวัด เพื่อเป็นระฆัง ส่วนระเบิดลูกที่ ๒ ขบวนแห่นำไปถวายที่วัดศรีดอนคำ ต.ห้วยอ้อ
สำหรับระเบิดลูกที่ ๓ ขบวนแห่นำไปถวายวัดนาตุ้ม ต.บ่อเหล็กลอง ซึ่งเป็นบ้านเดิมของนางจันทร์ฯ ผู้เป็นภรรยาของนายบุญมา อินปันดี เจ้าของช้างปัจจุบัน(ปีพ.ศ.๒๕๕๒)
ลูกระเบิดลูกที่ ๑ เก็บไว้ที่วัดแม่ลานเหนือ ต.ห้วยอ้อ ลูกระเบิดลูกที่ ๒ เก็บไว้ที่วัดศรีดอนคำ ต.ห้วยอ้อ ส่วนระเบิดลูกที่ ๓ เก็บไว้ที่วัดหน้าตุ้ม ต. บ่อเหล็กลอง ทางวัดได้จัดสร้างหอระฆังสูงไว้รองรับสวยงามมาก(ดังรูปภาพ)
ส่วนลูกที่ ๒ ทางวัดยังไม่ได้สร้างหอไว้รองรับ ต่อไปคงจะต้องสร้าง สำหรับระเบิดลูกที่ ๑ เก็บแขวนไว้ใต้ถุนกุฏิ แต่หลังจากมีผู้นิยมเล่นของเก่าชนิดหายากและแปลกๆได้มาขอซื้อโดยเสนอในราคา หนึ่งล้านบาทชาวบ้านจึงเห็นว้ามีราคามากจึงมีมติว่าไม่ขาย และเกิดหวงแหนเห็นคุณค่า เกรงจะถูกลักขโมย จึงได้สร้างห้องลูกกรงเหล็กดัดล้อมรอบไว้ และต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ต่อไปคงต้องสร้างหอไว้รองรับ ซึ่งที่เกิดจากการเคาะนั้นดังเหมือนเสียงระฆังดังก้องกังวานได้ยินไปไกลมาก
ตามเรื่องราวดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นเรื่องที่มาของคำว่า “เมืองแพร่แห่ระเบิด” คนแพร่ที่ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดแต่อย่างใดแถมยังนำไปใช้ ประโยชน์ได้ถึง ๒ อย่างคืออย่างแรกเอาเฝ่า (ดินระเบิด) ที่ควักออกไปประกอบเป็นระเบิดลูกเล็กๆ ได้อีกหลายลูกแล้วเอาไประเบิดปลาที่แม่น้ำยม ได้ปลามากินเป็นอาหารจำนวนมาก
ส่วนประโยชน์ที่ ๒ ได้นำไปใช้เป็นระฆังของวัดได้ถึง ๓วัด หากว่ากองทัพอเมริกันพบว่าชาวบ้านที่ไม่มีความรู้ในเรื่องวัตถุระเบิด สามารถใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น นำเอาอาวุธประสิทธิภาพสูงสุดและดัดแปลงมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่า จะต้องทึ่ง และชื่นชม จึงนับเป็นความภาคภูมิใจของคนเมืองแพร่
ลูก-หลาน คนเมืองแพร่จงยิ้มรับความภาคภูมิใจที่ได้รับความภาคภูมิใจที่ได้รับการ ทักทายเช่นนั้นเมื่อรู้ความจริงแล้วไม่ต้องอับอายหรือเกิดปมด้อยแต่อย่างใด ให้คิดเสียว่าเขาทักทายด้วยความชื่นชมเรื่องนี้ถือเป็นเกียรติประวัติของคน เมืองแพร่ต้องขอขอบคุณเขาด้วยซ้ำ (ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้กรุณาให้ข้อมูลในเรื่องนี้)
ณรงค์ จันทรางกรู ๑ หมู่ ๗ ถนนแพร่-ลอง ตำบลป่าแมต อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ๕๔๐๐๐ คนเมืองแพร่ /ผู้เขียนเรียบเรียงเรื่องราว ๐๘๑-๔๘๙๒๑๓๑
..................................................................
แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 55 13:09:44
จากคุณ |
:
บางระจันวันเพ็ญ
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ส.ค. 55 12:58:52
A:124.121.77.252 X:
|
|
|
|