PANTIP.COM : P12526604 ถาม จ่าเน่าครับ จากกระทู้เมื่อคืนที่ จ่าบอก พธม ไม่ได้ถูกตำรวจ LA จับ []

ความคิดเห็นที่ 8

รอฟังสัมภาษณ์ วันเสาร์นะค่ะ

ตอนนี้มีแค่นี้ จากเวป http://www.siamtownus.com/New-1208000118-1.aspx#.UC4XukhLXNo.facebook

ตำรวจฮอลลีวูดยืนยัน ประท้วง‘ทักษิณ’เรียบร้อย

แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : ตำรวจสถานีฮอลลีวูดยืนยันเหตุการณ์ประท้วง “ทักษิณ ชินวัตร” ที่แอลเอ ผ่านพ้นไปอย่างเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์ร้าย ไม่มีการทะเลาะวิวาท ไม่มีการบาดเจ็บ และไม่มีการจับกุมใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมยืนยันภาพพจน์ “ไทยนี้รักสงบ” ไม่มีผลกระทบใดๆ จากการแสดงออกซึ่งความเห็นของตัวเองแบบนี้

สืบเนื่องจากเหตุการณ์การชุมนุมบริเวณริมถนนฮอลลีวูด หน้าศูนย์อาหารไทยแลนด์พลาซ่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม 2012 ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในสหรัฐฯ และกลุ่มอื่นๆ ที่ประเมินว่ามีจำนวนประมาณ 700 คน ที่ต้องการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และทักท้วงรัฐบาลสหรัฐฯ ในการที่อนุมัติวีซ่าเข้าประเทศกับอดีตนายกฯ ทั้งที่มีสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน ซึ่งเป็นข่าวใหญ่ที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนในประเทศไทยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงมีกระแสข่าวค่อนข้างสับสนในหลายประเด็น โดยเฉพาะเหตุการณ์ระหว่างการชุมนุม ซึ่งบางข่าวบอกว่ามีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น เป็นเหตุให้มีผู้ถูกจับกุมตัวหลายคน

สยามทาวน์ยูเอส ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจ อาเมียน เซฟดาเลียน ตำแหน่ง Senior Lead Officer แห่งสถานีฮอลลีวูด ซึ่งเป็นผู้ดูแลเหตุการณ์การชุมนุมครั้งประวัติศาสตร์ของชุมชนไทยเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ตั้งแต่ต้นเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. จนเสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 22.30 น. เพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

นายตำรวจที่ทำงานใกล้ชิดกับชุมชนไทยมานานหลายปี กล่าวว่าการชุมนุมที่หน้าศูนย์อาหารไทยแลนด์พลาซ่านั้น เป็นการชุมนุมนุมของคนไทยสองกลุ่มที่มีแนวคิดทางการเมืองที่ต่างกัน แยกเป็นกลุ่มเสื้อสีแดง และเสื้อสีเหลือง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เพราะในประเทศสหรัฐฯ ทุกคนมีสิทธิ์จะแสดงออกซึ่งความคิดอ่านของตัวเองได้อย่างเสรี ตราบใดที่ไม่มีการก่อปัญหาหรือเหตุรุนแรงต่างๆ

“ฝ่ายเสื้อแดง ประเมินแบบหยาบๆ ก็ประมาณ 200-250 คน แต่ส่วนใหญ่เขาจะอยู่กันบนลานจอดรถชั้นสอง ที่ลงมาอยู่ด้านล่างก็ประมาณ 75-100 คน ส่วนกลุ่มเสื้อเหลืองก็ประมาณ 400-500 คน หรืออาจจะมากกว่านั้น” นายตำรวจของสถานีฮอลลีวูด กล่าวอีกว่า จำนวนผู้ร่วมชุมชุมขนาดนี้ ถือว่าเป็นการชุมนุมที่ใหญ่มาก แต่โดยภาพรวมแล้ว การชุมนุมผ่านพ้นไปด้วยดี เพราะไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ไม่มีการวิวาท และไม่มีใครถูกจับกุมตัวเพื่อดำเนินคดี

เจ้าหน้าที่ตำรวจ อาเมียน เซฟดาเลียน กล่าวว่า ทางตนได้รับแจ้งว่าจะมีการชุมนุมแสดงพลังของทั้งสองกลุ่มค่อนข้างกระชั้น อีกทั้งผู้จัดบอกว่าจะมีคนมาร่วมเพียงประมาณ 50-100 คนเท่านั้น ทำให้มีการจัดสรรกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตามข้อมูลที่ได้รับ ดังนั้นในระยะแรกจะเห็นมีตน ปฏิบัติหน้าที่อยู่เพียงคนเดียว โดยทำงานใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ผู้จัดงานและเจ้าของสถานที่ได้ว่าจ้างมา แต่ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่คอยลาดตระเวนในละแวกใกล้เคียง พร้อมจะเสริมกำลังหากมีเหตุการณ์ใดๆ ขึ้น เช่นขณะที่ได้รับรายงานว่าขบวนรถของอดีตนายกรัฐมนตรีกำลังจะมาถึง ตนได้มีการเรียกกำลังเสริมเข้ามาช่วยคุมสถานการ์อีกสิบนาย และซูเปอร์ไวเซอร์อีกหนึ่งนาย

“เราพยายามเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายเสมอ ผมเป็นเหมือน liaison officer ระหว่างผู้จัดทั้งสองฝ่าย ทั้งเหลืองและแดง ผมพบกับแกนนำทั้งสองฝ่ายเช้าวันนั้น มีการตั้งกฎว่าทำอะไรได้ ไม่ได้ มีการแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์เพื่อติดต่อกันได้ ซึ่งวิธีนั้น ถ้าผมเห็นว่ามีอะไรผิดปกติก็สามารถติดต่อแกนนำของเขาก่อนที่เราจะเข้าไปเกี่ยวข้อง หลักๆ ที่เราทำก็เป็นแบบนี้”

ส่วนกฎเกณฑ์ที่มีการวางเอาไว้ให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติก็เช่น ห้ามไม่ให้ขวางทางเข้าออกของไทยแลนด์พลาซ่า และห้ามขวางทางเดินข้างถนน (sidewalk) ดังนั้นผู้ชุมนุมจึงต้องเดินอยู่ตลอดเวา จะหยุดอยู่กับที่ไม่ได้

“หลักๆ ก็คือไม่สามารถเผชิญหน้ากับอกีฝ่าย หรือพยายามก่อให้เกิดการต่อสู้ ห้ามขว้างปา ป้ายต่างๆ ก็ต้องเป็นไปตามกฎ เราพยายามอธิบายให้เขารู้ว่า การจะมาส่งเสียงความคิดเห็นนั้น พวกเขาทำได้ ตราบใดที่อยู่ในความสงบและไม่สร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนบ้าน”

ถามว่าทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามกฎที่วางเอาไว้ด้วยดีหรือไม่ นายตำรวจเชื้อสายอามีเนียนกล่าวว่า มีบ้างที่บางคนเกิดอาการเลือดร้อน และเกิดการเผชิญหน้า แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเพราะตน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลใกล้ชิด

ถามถึงภาพของสตรีท่านหนึ่งถูกใส่กุญแจมือ นายตำรวจหนุ่มกล่าวว่าสตรีคนดังกล่าว ถูกฝ่ายเสื้อแดงชี้ตัวว่าทำร้ายร่างกายโดยการเตะที่ก้นขณะเดินฝ่าผู้ชุมนุมเข้ามายังไทยแลนด์พลาซ่า

“เธอถูกกล่าวหาว่าเตะอีกฝ่ายหนึ่ง คนเสื้อแดงชี้ตัวเธอ ผมคุมตัวเธอ ใส่กุญแจมือแล้วกลับไปสอบปากคำคู่กรณี แต่ผู้หญิงเสื้อแดงที่กล่าวโทษว่าเป็นคนเตะ ไม่ต้องการให้มีการจับกุมตัว ไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับการไปศาลหรืออะไรแบบนั้น ทันทีที่เขาบอกอย่างนั้น ผมก็ปล่อยเธอกลับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจ อาเมียน เซฟดาเลียน กล่าว และยืนยันว่าสตรีคนนี้ เป็นเพียงคนเดียวที่ถูกใส่กุญแจมือ

ถามถึงเหตุการณ์ทุบรถที่เข้าใจว่าเป็นของอดีตนายกรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่าตนไม่เห็นเหตุการณ์ทุบรถ แต่เห็นว่ามีบางคนพยายามจะพุ่งเข้าไปยังขบวนรถ แต่ถูกขัดขวางโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และเห็นการขว้างขวดน้ำเปล่าใส่รถสองขวด แต่ทั้งสองขวดลอยข้ามรถไปตกยังริมถนน ซึ่งคนขว้างขวดก็ได้รับการตักเตือนโดยเจ้าหน้าที่ด้วยเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าทราบมาก่อนหรือไม่ว่าขบวนรถที่วิ่งเข้ามายังไทยแลนด์พลาซ่า ไม่ใช่ขบวนของอดีตนายกฯ นายตำรวจตอบว่าไม่ทราบ เพราะตนได้รับการแจ้งทางวิทยุว่าเป็นขบวนของอดีตนายกรัฐมนตรี โดยมาทราบหลังจากนั้นอีกประมาณ 45 นาที เพราะผู้ชุมนุมมาแจ้งให้ทราบ จึงขึ้นไปสอบถามกับทางผู้จัด

“ที่บอกว่าตำรวจไม่ให้เข้ามานั้น คำสั่งไม่ได้มาจากต้นสังกัดของผม อดีตนายกฯ เขามีเจ้าหน้าที่ติดอาวุธของเขา ที่เป็นตำรวจนอกเวลา เชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มนี้ที่แนะนำว่าอย่างนั้น ไม่ได้เป็นคำแนะนำของเรา”

ถามว่าในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใกล้ชิดกับชุมชนไทยในลอส แอนเจลิส มาเป็นเวลานาน เคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้หรือไม่ นายตำรวจอาเมียน เซฟดาเลียน กล่าวว่าชุมชนไทยก็เหมือนชุมชนอื่นๆ ที่มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นเสมอ

“แต่เหตุการณ์ที่ผมเคยเจอคล้ายกับแบบนี้ก็คือ เมื่อประมาณสองปีก่อน ในงานไทยนิวเยียร์เดย์ฯ มีการออกมาแสดงจุดยืนต่อต้านสถาบัน ซึ่งถือว่าเป็นการรบกวนงาน แต่เราก็หยุดเขาได้ คุยกับคนทำ อธิบายให้เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่สามารถรบกวนงานนี้ได้ เพราะว่าเป็นงานแบบไพรเวท มีการขอใบอนุญาตถูกต้อง ซึ่งเขาก็เข้าใจ และจากไป ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เราต้องใช้กำลัง หรือกันผู้คนออกไป ก็แค่ ‘ขอบคุณมากที่มา แต่คุณอยู่ที่นี่ไม่ได้’ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งเขาเข้าใจและจากไป ก็แค่นั้น”

นายตำรวจแห่งสถานีฮอลลีวูด กล่าวอีกว่าเท่าที่รู้จักและเคยปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับชุมชนไทยอย่างใกล้ชิดมานาน ตนเห็นว่าชุมชนไทยเป็นชุมชนที่ดี เป็นมิตร และไม่ก่อปัญหา

“ปัญหาเพียงอย่างเดียวที่ผมบอกเสมอก็คือ พวกเขาชอบทำงานในนาทีสุดท้าย มาถึงก็บอกว่าจะเอาอย่างนี้ เดี๋ยวนี้ คุณต้องบอกผมล่วงหน้าหน่อย เพราะมันมีขั้นตอนต้องทำเยอะ แต่เราก็ดูแลและจัดการให้คนไทยได้เสมอ” นายตำรวจหนุ่มกล่าวอย่างอารมณ์ดี

ถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นริมถนนฮอลลีวูด ในไทยทาวน์เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม จะมีผลต่อภาพพจน์ของคนไทยหรือประเทศไทยหรือไม่

“ผมไม่คิดว่าเป็นเรื่องเลวร้ายอะไรนะ ก็อย่างที่บอก ที่นี่คือสหรัฐฯ คุณมีสิทธิ์ออกมาแสดงความคิดเห็นของคุณ มีสิทธิ์ออกมาส่งเสียงในสิ่งที่พวกเขาเชื่อ อย่างที่บอก นอกจากมีกระทบกระทั่งนิดหน่อย สองสามกรณีแล้ว การชุมนุมครั้งนี้ก็ไม่มีเหตุรุนแรง ไม่มีใครบาดเจ็บ ไม่มีการทะเลาะกันระหว่างสองกลุ่ม ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี คุณจะขออะไรมากกว่านี้อีกล่ะ”

นายตำรวจอาเมียน เซฟดาเลียน กล่าวว่าการชุมนุมของทั้งสองกลุ่ม ดำเนินไปจนถึงเวลา 22.15 น. ตนก็ขอให้ยุติ เพราะได้รับเสียงตำหนิจากเพื่อนบ้านรอบๆ ไทยแลนด์พลาซ่า ในเรื่องของเสียงรบกวน โดยการชุมนุมยุติลงอย่างสิ้นเชิงในเวลาประมาณ 22.30 น.

จากคุณ : gw

เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 18:16:04 A:98.18.19.139 X:

ความคิดเห็นที่ 11

เอาอีกข่าว จากเวปเดียวกัน มาเพิ่มเติมค่ะ...จะได้รู้จากทั้งสองฝ่าย

‘วรวุฒิ’ เผยเบื้องหลัง ‘แม้ว’ โนโชว์ที่แอลเอ

แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : วรวุฒิ อิทธิภักดีพงศ์ อดีตแอลเอพีดี ในฐานะหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยของ “ทักษิณ” เผยสาเหตุไม่ให้อดีตนายกฯ ไปพบพี่น้องเสื้อแดงที่ไทยแลนด์พลาซ่า เมื่อ 12 สิงหาคม เป็นเพราะกลัว “คนไทยตีกัน” จนอับอายไปทั่วโลก พร้อมยืนยัน “ทักษิณ” มีโปรแกรมทำพิธีถวายพระพรเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา แม้ว่าเสื้อแดง “ฮาร์ดคอร์” จะไม่ยอมก็ตาม

กิจกรรม “คุยสบายๆ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” ที่กลุ่ม “เรดยูเอสเอ” หรือ “แดงอเมริกา” จัดขึ้น โดยมอบหมายให้นายเชาว์ ซื่อแท้ นักธุรกิจในลอส แอนเจลิส เป็นประธานจัดงาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม 2012 ณ ศูนย์อาหารไทยแลนด์พลาซ่า ถนนฮอลลีวูด เพื่อให้ชาวเสื้อแดงในลอส แอนเจลิส และเมืองใกล้เคียง มีโอกาสได้พบและฟังการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ระหว่างเดินทางมาเยือนนครลอส แอนเจลิส ตามข่าวที่สยามทาวน์ฯ ได้นำเสนอไปเมื่อฉบับที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่ากลุ่มคนเสื้อแดงที่ไปร่วมกิจกรรมประมาณ 500-700 คน ต้องผิดหวัง เพราะอดีตนายกรัฐมนตรีไม่ได้เดินทางมาร่วมงาน แต่ใช้วิธีโทรศัพท์เข้ามาพูดคุยกับกลุ่มเสื้อแดงแทน โดยระบุว่าเป็นไปตามคำแนะนำของตำรวจที่กังวลในเรื่องความปลอดภัย

ทั้งนี้ เนื่องจากในวันดังกล่าว ได้มีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในสหรัฐฯ และกลุ่มอื่นๆ ได้ทยอยเดินทางไปชุมนุมยกป้ายประท้วงและขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งสองฝั่งถนนฮอลลีวูด หน้าไทยแลนด์พลาซ่า ตั้งแต่ช่วงบ่าย และจำนวนของผู้ประท้วงได้มากขึ้นเรื่อยๆ จนมีการประเมินว่ามีจำนวนไม่ต่ำกว่า 700 คนในช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่มีการประกาศว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางมาถึง โดยการชุมนุมดังกล่าว เกิดขึ้นท่ามกลางความดูแลอย่างใกล้ชิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีฮอลลีวูด และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนกว่าสิบคน ที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยอย่างเข้มแข็ง

โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 30-50 คน ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณทางเข้าสู่ลานจอดรถของศูนย์อาหารไทยแลนด์พลาซ่า เพื่อเตรียมต้อนรับคณะของอดีตนายกฯ มีการชูป้ายต้อนรับ และตะโกนสนับสนุนอดีตนายกฯ เป็นเหตุให้มวลชนทั้งสองกลุ่ม มีการปะทะกันด้วยวาจา รวมถึงมีการขว้างปาสิ่งของ เช่นขวดน้ำเปล่า, ถุงอาหาร ใส่กัน แต่เหตุการณ์ก็ผ่านไปด้วยดี

ส่วนเหตุการณ์บริเวณลานจอดรถด้านบน ซึ่งมีการสร้างเวทีชั่วคราวสำหรับการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รวมถึงมีการเตรียมเต็นท์อาหาร น้ำ และเต็นท์ปฐมพยาบาลเอาไว้อย่างพร้อมสรรพนั้น ตั้งแต่ช่วงบ่าย ได้มีศิลปินท้องถิ่นของเมืองลอส แอนเจลิส หลายคนผลัดเปลี่ยนขึ้นร้องเพลงให้ความบันเทิงกับกลุ่มเสื้อแดง มีการปราศรัยแบบโฟน-อินของนักการเมืองหลายคน เช่น นายอดิศร เพียงเกษ, นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา และ ดร.อภิวัน วิริยะชัย ส่วนที่มาปรากฎตัวบนเวทีก็มีเช่น พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ และนางดารุณี กฤตบุญญาลัย เป็นต้น

ขณะที่ภายในศูนย์อาหารไทยแลนด์พลาซ่า ซึ่งเป็นสถานที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน และร่วมรับประทานอาหารกับแขกรับเชิญ และบุคคลที่ซื้อบัตรเข้าร่วมงาน (200 ดอลลาร์) รวมประมาณ 85 คนนั้น บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา เพราะผู้สื่อข่าวและผู้ร่วมงานส่วนหนึ่งออกไปชมกิจกรรมบริเวณลานจอดรถ เหลือเพียงคณะสงฆ์จากวัดต่างๆ ที่รับนิมนต์ไปร่วมงานห้ารูป และผู้ร่วมงานนั่งรออยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น โดยผู้ร่วมงานในส่วนนี้ ได้เริ่มรับประทานอาหารในเวลาประมาณ 19.00 น. ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังไม่มา

ในเวลาประมาณ 19.45 น. ได้มีขบวนรถสามคัน ซึ่งเข้าใจว่าเป็นขบวนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล่นเข้าในไทยแลนด์พลาซ่า โดยช่วงที่ขบวนรถแล่นผ่านกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปนั้น ได้มีการขว้างปาขวดน้ำใส่ขบวนรถยนต์ รวมถึงมีข่าวในภายหลังว่า ระหว่างเลี้ยวรถเข้าไปในไทยแลนด์พลาซ่า รถเบนซ์สีดำในขบวน ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมเตะจนบุบที่บริเวณข้างรถด้านซ้ายด้วย

เมื่อขบวนรถวิ่งขึ้นไปจอดบริเวณหน้าเวทีชั่วคราวบนลานจอดรถของไทยแลนด์พลาซ่าแล้ว ก็จอดนิ่งอยู่เช่นนั้นครู่ใหญ่ท่ามกลางคนเสื้อแดงที่โห่ร้องต้อนรับอย่างคึกคัก หลายคนเตรียมช่อดอกไม้ไว้ต้อนรับอดีตนายกฯ ด้วย แต่เวลาผ่านไปนานเกือบสิบนาที ผู้ชุมนุมจึงทราบว่ารถคันดังกล่าวไม่ใช่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่เป็นของ นายสมพงษ์ อมรวิวิวัฒน์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่เข้ามาในลักษณะ “หยั่งเชิง” ว่าจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์อย่างไรบ้าง

จนถึงเวลา 21.00 น. นายสมพงษ์ อมรวิวิวัฒน์ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยและแจ้งให้กลุ่มเสื้อแดงทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะใช้วิธีการโทรศัพท์เข้ามาพูดคุยกับชาวเสื้อแดงแทน เพราะเจ้าหน้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้เข้ามาในไทยแลนด์พลาซ่า ด้วยเป็นห่วงในเรื่องของความปลอดภัย

จากนั้น ในเวลาประมาณ 21.05 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้โฟนอินเข้ามาปราศรัยกับพี่น้องเสื้อแดง โดยกล่าวว่าต้องขอโทษทุกคนที่ไม่สามารถเข้ามาพบได้ เพราะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเกรงจะมีเหตุการณ์วุ่นวาย และเนื่องจากเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา จึงไม่อยากให้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น แต่ขณะที่โฟนอินอยู่นี้ก็อยู่ใกล้ๆ เอง พร้อมกันนี้ขอขอบคุณนายเชาว์ ซื่อแท้ ที่เป็นเจ้าภาพจัดงานทั้งหมด

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตนเองถูกกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน ซึ่งตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ส่วนเรื่องคอรัปชั่นนั้น ตนรวยมาก่อนที่จะเล่นการเมือง แต่กลับโดนปล้นเงินหลายหมื่นล้าน ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นโดนกลั่นแกล้งเท่านั้น ส่วนเรื่องการได้วีซ่าเข้าสหรัฐฯ นั้น อดีตนายกฯ กล่าวว่าเป็นเพราะสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้น ไม่รวมถึงนักโทษในคดีการเมือง ตนจึงได้วีซ่าทุกประเทศ

ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เวลาในการโฟนอินประมาณ 20 นาทีก็ยุติ และกลุ่มเสื้อแดงได้เริ่มทยอยกลับ โดยต้องผ่านกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ยังคงปักหลักชุมนุมอยู่หน้าไทยแลนด์พลาซ่า เป็นจำนวนมาก มีการโห่ร้อง และถ่ายรูปทุกคนเอาไว้ด้วย จนถึงเวลา 22.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สั่งให้ยุติชุมนุม โดยการชุมนุมสิ้นสุดลงอย่างสันติในเวลาประมาณ 22.30 น.

เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา สยามทาวน์ยูเอส ได้โทรศัพท์สัมภาษณ์ เซอร์เจนท์ วรวุฒิ อิทธิภักดีพงศ์ หรือ “วูดดี้” อดีตนายตำรวจไทยแห่งหน่วยงานตำรวจลอส แอนเจลิส ซึ่งปัจจุบันได้เกษียณอายุและทำงานกับภาคเอกชนอยู่ในรัฐมิชิแกน ในฐานะเป็นหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในช่วงที่พำนักในนครลอส แอนเจลิส ถึงเหตุการณ์เบื้องหลังของการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่สามารถมาพบปะกับพี่กลุ่มเสื้อแดงที่ลานจอดรถของศูนย์อาหารไทยแลนด์พลาซ่าได้ตามกำหนด

โดยอดีตตำรวจไทยแห่งแอลเอพีดี กล่าวว่า เป็นเพราะสถานที่จัดงาน คือศูนยอาหารไทยแลนด์พลาซ่านั้น มีสภาพที่ไม่เหมาะอย่างยิ่ง เนื่องจากมีทางเข้าออกทางเดียว จึงยากในการป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องร้ายขึ้น

“ก่อนมาแอลเอนี่ ผมไปซานฟรานฯ ก่อน ก็เห็นเหตุการณ์ว่ากลุ่มคนแค่ 20 กว่าคนยังเข้ามาทุบรถคุณทักษิณได้ ขนาดมีตำรวจ มียามตั้งหลายคน แล้วที่แอลเอนี่ ข่าวบอกว่าจะมาเป็นร้อยๆ คน ก็บอกกับทางคนจัดเขาว่าสถานที่จัดงานอันตรายมาก เพราะเข้าด้านเดียวออกด้านเดียว หากมีใครต้องการสร้างปัญหานี่ ได้ผลแน่ แต่ผมมาถึงก็เช้าวันอาทิตย์แล้ว (12 สิงหาคม) แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ก็ทำได้แค่สั่งให้เปลี่ยนจุดตั้งเวที จากที่หันหลังให้ร้านกานดา ซึ่งใครมายืนตรงนั้นนี่ขว้างของใส่ได้เลย ก็ให้ย้ายมาอยู่ด้านกำแพงตึก ก็พยายามทำเท่าที่ทำได้แล้ว”

อดีตนายตำรวจชื่อดังของเมืองแอลเอ กล่าวด้วยว่า ตนเดินทางมาจากมิชิแกน ในฐานะของผู้ที่ศรัทธาในตัวอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และในฐานะตำรวจเก่า จึงถูกมอบหน้าที่หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย

“ในทีมของผมนี่ ก็ไปเอาตำรวจนอกเวลามาสิบกว่าคน พวกนี้มืออาชีพ เคยทำงาน VIP Protection Unit มาดูแลท่านทักษิณ ส่วนตำรวจท้องที่ กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทางกลุ่มเสื้อแดงจ้างมา ก็มีหน้าที่ในการดูแลฝูงชนตรงนั้น ไม่ให้เกะกะขวางถนน ไม่ให้ตีกัน”

เซอร์เจนท์ วรวุฒิ อิทธิภักดีพงศ์ กล่าวต่อไปว่าความคิดเรื่องขบวนรถลวงที่วิ่งเข้าไปในไทยแลนด์พลาซ่า เป็นของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตรองนายกฯ ที่ต้องการทดสอบว่าสภาพการณ์เป็นอย่างไร

“ก็อย่างที่บอก แค่คน 20 กว่าคนยังป้องกันลำบาก นี่มากันเป็นร้อยๆ คน ก็ปรากฎว่าโดนขวดน้ำขว้าง โดนทุบ โดนเตะจนรถบุบ นี่เห็นว่ากำลังดูกล้องวงจรปิดกันอยู่ ถ้าเห็นคนเตะก็จะให้เขามาจ่ายเงิน” อดีตนายตำรวจไทยกล่าว

เซอร์เจนท์ วรวุฒิ อิทธิภักดีพงศ์ กล่าวอีกว่า การตัดสินใจยกเลิกการเดินทางไปยังไทยแลนด์พลาซ่า เป็นการตัดสินใจที่อดีตนายกรัฐมนตรีไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง

“ตอนที่โฟนอินนั้น ท่านอยู่ในรถที่วิ่งอยู่แถวนั้นแหละ กะว่าพอคนแยกย้ายกันไป ตอนนั้นรถก็จะขับเข้าไปเลย เซอร์ไพรซ์เลย แต่ดูๆ แล้วไม่ได้ เพราะถ้าเขารู้ว่ามากันแล้ว ตอนกลับออกมาก็จะเกิดปัญหาอีก มันจะวุ่นวาย คือไม่ได้เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของท่านทักษิณเลย เพราะตำรวจที่มาดูแลนี่ เขาทำหน้าที่พวกนี้มา เขารู้ว่าถ้ามีอะไรควรจะทำยังไง ปกป้องดูแลแบบ Secret Service เลย แต่กลัวเรื่องเดียวว่า เดี๋ยวแดงก็ห้ามไม่อยู่ ห้ามเหลืองก็ไม่อยู่ ตำรวจน้อยมากที่จะมาห้ามสองฝ่ายอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวกลายเป็นเรื่องใหญ่โต กลายเป็นเรื่องเสียหายของประเทศไทย ภาพพจน์มันจะแย่ไปหมด ตะโกนด่ากันนี่ เรื่องเล็ก เพราะเป็นเรื่องปกติ แต่ตีกันนี่ไม่ได้แล้ว ถ้าตีกันเมื่อไหร่เสียชื่อหมดแน่ ที่ตัดสินใจไปนี่ ผมก็รู้ว่าท่านนายกฯ ก็ไม่ค่อยชอบใจนัก เพราะรู้ว่าคนเสื้อแดงจะเสียกำลังใจ แต่ก็เข้าใจ เพราะท่านบอกเองว่าไม่อยากให้คนไทยมาตีกันเอง เป็นห่วงมาก เพราะจะขายหน้ากันไปหมด”

นอกจากนี้ เซอร์เจนท์ วรวุฒิ อิทธิภักดีพงศ์ ยังบอกด้วยว่า ในฐานะที่ตนอยู่ใกล้ชิดกับอดีตนายกฯ ในช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความจงรักภักดีต่อสถาบันมาก และในงาน “คุยสบายๆ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” นั้น อดีตนายกฯ ก็ได้ย้ำชัดเจนว่าจะต้องมีพิธีถวายพระพรเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถอยู่ด้วย

“ท่านถูกโจมตีเรื่องนี้มาก เพราะว่าเสื้อแดงมันมีสองกลุ่ม มีแดงแบบฮาร์ดคอร์ที่ไม่เอาใคร แต่เสื้อแดงส่วนใหญ่เขายังรักสถาบัน อย่างผมนี่นะ รักในหลวงที่สุด รักไม่น้อยกว่าใครทั้งสิ้น นามสกุลผมก็รับพระราชทานมา งานนี้ท่านทักษิณสั่งมาว่าให้มี (พิธีถวายพระพร) แต่พวกฮาร์ดคอร์ไม่ยอมกัน ตอนนั้นมีข่าวออกมาแล้วว่าทักษิณหลอกเสื้อแดงมาไหว้เจ้า ท่านก็บอกว่าถ้าไม่มีผมไม่ไป เพราะว่าเป็นวันสำคัญ เท่าที่ผมทราบก็จะมีการร้องเพลงถวายพระพร มีพิธีเท่าที่เราทำได้” เซอร์เจนท์ วรวุฒิ อิทธิภักดีพงศ์ กล่าวในที่สุด.

จากคุณ : gw

เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 18:44:35 A:98.18.19.139 X: