Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
จับอาการ "เม้งแตก" ของ "บิ๊กตู่" จากไฟใต้ ถึง โผทหาร กับ "ดาว์พงษ์" Man behind the scene ติดต่อทีมงาน


วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 16:14:46 น.


จับอาการ "เม้งแตก" ของ "บิ๊กตู่" จากไฟใต้ ถึง โผทหาร ศึกวงศ์เทวัญ-บูรพายัคฆ์ ชิงทัพ 1 กับ "ดาว์พงษ์" Man behind the scene


แม้จะไม่ใช่สิ่งแปลกที่ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. จะมีอารมณ์ฉุนเฉียว และเสียงดัง

ทั้งๆ ที่ในระยะหลัง ตั้งแต่เข้าสู่ยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงที่สวยสง่า ก็จะไม่ค่อยเห็น พล.อ.ประยุทธ์ อารมณ์เสียเท่าใดนัก

หากแต่ อารมณ์ดุเดือดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ระเบิดใส่นักข่าว ที่ถามเรื่องการแก้ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น กำลังถูกมองว่า เพราะไม่รู้จะโทษใคร หน่วยงานไหน จะโทษทหารลูกน้องตัวเองก็ไม่ได้ เพราะทุกคนทำดีที่สุด ปรับยุทธวิธีตามที่สั่งการหมดแล้ว แถมจะโทษรัฐบาลก็ไม่ได้

หะแรก ก็ต้องด่ากราดประณามโจรใต้ว่าเป็น โจรห้าร้อย ไอ้บ้า รวมทั้งการขอไม่ให้เสนอข่าวให้เครดิตโจรใต้ว่าเก่งกาจ เพราะก็เป็นแค่ อีแอบ และหมาลอบกัด

แต่ที่สุดทหารลูกน้องก็ต้องเที่ยวขอให้สื่อตัดคำ รุนแรงเหล่านี้ออกไป เพราะเกรงจะสร้างประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตอนเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่า "โจรกระจอก"


รวมไปถึง การแสดงความรำคาญ ต่อพวกที่รู้ดี รู้การแก้ปัญหาวิพากษ์วิจารณ์ แนะนำอย่างนั้นอย่างนี้ "กรรมการเยอะ พี่เลี้ยงเยอะ" จนต้องหลุดออกมาว่า "ใครที่เก่งๆ ลองมาเป็น ผบ.ทบ. ซิ"

แล้วที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องมาลงที่สื่อ ที่เปรียบเสมือนกระโถน และที่รองรับอารมณ์ถึงขั้นขึ้นวะ ขึ้นโว้ย ออกไมค์


"นี่ผมไม่ได้โกรธนะ ถ้าผมโกรธ ผมฆ่าคุณไปแล้ว" บิ๊กตู่ เปรย

แถมเมื่อถามคำถามนักข่าวกลับแล้ว ตอบไม่ได้
"เดี๋ยวเอาปืนยิงซะนี่"

เหมา รวมไปจนการสั่งห้ามไม่ให้นักข่าวหยิบโทรศัพท์มือถือ ขึ้นมาดู มาอ่าน มากด ทั้งๆ ที่นักข่าวมักจะโน้ตประเด็นข่าวบนจอโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนกันแล้ว

"ผมพูดแล้วก็ไม่เข้าใจ มัวแต่กดโทรศัพท์ ต่อไปถ้าใครกดโทรศัพท์ ผมจะหยุดพูด" บิ๊กตู่ จัดระเบียบ

ด้วย เพราะการเป็น ผบ.ทบ. นั้น มีความเชื่อมั่นว่า ทุกคนจะต้องฟังอย่างตั้งใจ พร้อมสบตา เฉกเช่นที่ทหารใน ทบ. ต้องกระทำเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ พูด ไม่ว่าจะด้วยอารมณ์ใด แม้จะไม่กล้าสบตา แต่ก็ต้องฟัง



ยิ่งใน การประชุมสรุปสถานการณ์รายวันทุกเช้า หรือ morning brief ที่มีการถ่ายทอดผ่านระบบเทเลคอนเฟอเรนซ์ ไปยังกองทัพภาคต่างๆ แต่ทว่า ให้ถ่ายทอดเฉพาะภาพเท่านั้น ไม่ให้ถ่ายสัญญาณเสียง เพราะเกรงว่า เวลา ผบ.ทบ. ตำหนิบิ๊กทหารคนไหน จะทำให้อับอายต่อลูกน้อง และเสียการปกครอง

เมื่อ ไม่มีการถ่ายทอดเสียง ทหารในที่ประชุมจากกองทัพภาคต่างๆ ก็มักจะแอบคุยกัน จากนั้นไม่นาน ทางแม่ทัพภาค ก็จะได้รับคำตำหนิจาก ผบ.ทบ.

ดังนั้น จึงไม่ต้องสงสัยว่า นักข่าวสายทหารจะต้องพบเจอกับอารมณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่นอกจากพูดเสียงดัง แล้วยังตบโพเดี้ยมปัง บ่อยๆ อีกด้วย

บ้างก็มองว่า พล.อ.ประยุทธ์ แสดงอาการโกรธ เพื่อไม่ต้องการให้นักข่าวกล้าถามอะไรที่ขัดใจ

บ้างก็มองว่า พล.อ.ประยุทธ์ ที่เดินกางแขน เดินอย่างมั่นใจในทุกที่นั้น ก็เพื่อให้ดูน่าเกรงขาม ต่อทั้งนักการเมือง และทหารด้วยกันเอง


"ผม อารมณ์เสียเป็นปกติอยู่แล้ว แต่พอโกรธ ก็พยายามควบคุมตัวเองให้ได้ แล้วก็ทำได้ ก็ไม่โกรธ ก็ดีขึ้น ผมต้องดุ ไม่อย่างนั้น ผมคุมทหารลูกน้องกว่า 2.5 แสนคนไม่ได้หรอก" บิ๊กตู่ แจง

โดย อาจไม่ทันได้คิดว่า ในด้านมืดของการแสดงความฉุนเฉียว ดุเข้ม นั้น ทำให้มีระยะห่างระหว่าง ผบ.ทบ. กับทหารลูกน้อง และโดยเฉพาะฝ่ายเสนาธิการ ที่มีแค่ไม่กี่คนที่จะกล้าแย้งหรือติเตือนบิ๊กตู่ เพราะส่วนใหญ่ก็จะมีอารมณ์ไปตามนายไปด้วย

บิ๊กทหารหลายนาย สวมบท "ลูกขุนพลอยพยัก" ด้วยการเอานักข่าวไปด่าลับหลังกันต่ออีก แทนที่จะช่วยสะกิด ผบ.ทบ. เพราะจะทำให้เสียภาพพจน์ จนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายทหารที่น่าเห็นใจ เพราะถ้ารักนายจริงก็ต้องกล้าเตือนนาย แม้ว่าจะถูกด่าก็ตามที



แต่เป็นที่ยอมรับกันประการหนึ่ง ว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายทหารที่ทุ่มเทในการทำเพื่อกองทัพและชาติบ้านเมือง และเป็นทหารเสือราชินี ที่จงรักภักดีอย่างที่สุด แถมมีความเชื่อมั่นใจพลังและความศักดิ์สิทธิ์ ของเก้าอี้ ผบ.ทบ. ที่เมื่อพูดอะไรทุกคนต้องฟัง และเกรงขาม

อีกทั้งเป็น ผบ.ทบ. ที่ให้ความสำคัญกับการเสนอข่าว บทความต่างๆ โดยเฉพาะในหนังสือพิมพ์มากเกินไป แบบว่า อ่านข่าวทุกตัวอักษร ทุกข่าว แม้แต่คำหยอกล้อของนักข่าว ในคอลัมน์แซวเบาๆ ก็ยังไม่พอใจ ว่า ทำไมแซวแบบนี้ ใช้คำแบบนี้ เพราะเขารู้สึกว่าไม่ให้เกียรติคนเป็น ผบ.ทบ. ที่จะต้องดำรงความขลัง เพื่อการบังคับบัญชาลูกน้องเป็นแสน

นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเป็นเยี่ยงนี้...

แต่ นั่นคือสิ่งที่นักข่าวสายทหาร ไม่ว่ารุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ เข้าใจในตัว พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่มีใครโกรธ หรือคิดเอาจริงเอาจังที่ถูกขู่ เพราะรู้ว่าเป็นสไตล์ของ พล.อ.ประยุทธ์ และเป็นทหารจุดเดือดต่ำ ทว่า โกรธง่าย หายเร็ว ปากตรงกับใจ ไม่ซ่อนเงื่อน ไม่ใช่ประเภทปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ เพราะเวลา พล.อ.ประยุทธ์ อารมณ์ดี ก็จะเป็นนายทหารที่ยิ้มแย้มแจ่มใส

และจะดีมาก ถ้าปรับทัศนคติต่อสื่อ และเข้าใจระบบและธรรมชาติของสื่อให้มากขึ้น


กระนั้น ก็ไม่มีใครรู้จัก รู้ใจ บิ๊กตู่ ได้ดีเท่า บิ๊กหนุ่ย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รอง ผบ.ทบ. เพื่อนรัก ตท.12 ที่เทียบกันว่า เป็นมันสมองของ พล.อ.ประยุทธ์ มาตลอด

เพราะบ่อยครั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจรวดเร็ว โผงผาง รุนแรงดุเดือด แต่อาจผิดพลาด จึงต้องมี พล.อ.ดาว์พงษ์ คอยสะกิด

"ต้อง เข้าใจท่านหน่อย คนเป็น ผบ.ทบ. ก็ต้องแบกรับภาระทุกอย่าง ก็ต้องกดดัน เพราะทุกคนตั้งเป้ามาที่ทหาร เพราะเกิดอะไรผิดพลาด ไม่สำเร็จ ก็โทษแต่ทหาร โทษแต่กองทัพบก ทั้งๆ ที่มีตั้ง 17 กระทรวง 66 หน่วยงาน ที่ร่วมกันแก้ปัญหาภาคใต้ ไม่ใช่มีแค่ ทบ. หรือ กอ.รมน. เพราะคนไปมองว่า เป็น Green กอ.รมน. มีแต่ทหาร ทั้งๆ ที่ กอ.รมน. ก็มีทุกหน่วยงานมาร่วม" พล.อ.ดาว์พงษ์ แจง


"ก็ไม่รู้นะ นี่ถ้าผมเป็น ผบ.ทบ. ผมอาจจะเป็นยิ่งกว่าท่าน บ้านไฟไหม้เลย" บิ๊กหนุ่ย กล่าว

"แต่ ขอให้มั่นใจได้เลยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ท่านเป็นคนที่ไม่มีวาระซ่อนเร้น ไม่มี hidden agenda ทุกอย่างตรงไปตรงมา เพื่อชาติบ้านเมือง ผมถึงทำงานกับท่านได้อย่างสบายใจ และสบายใจมาก แม้ว่าผมจะเหนื่อยมากก็ตาม แต่ก็ทำอย่างมีความสุขและสบายใจ เพราะท่านดูแลผม เข้าใจผม ผมจึงพอใจที่จะอยู่ตรงนี้ ไม่ได้หวังว่าจะต้องไปเป็นตำแหน่งไหน" พล.อ.ดาว์พงษ์ เปรย

โดยไม่สนใจว่า จะได้ข้ามห้วยไปเป็น ปลัดกลาโหม หรือไม่ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ก็พยายามผลักดันเพื่อนรักคนนี้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ไปเป็น "เบอร์ 1" ที่สำนักปลัดกลาโหม ดีกว่าอยู่เป็นแค่เบอร์ 2 ที่ บก.ทบ. นี่ไปจนเกษียณปี 2556 เพราะไม่มีโอกาสเป็น ผบ.ทบ. แล้ว เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ เกษียณทีหลัง 2557

อีกทั้ง พล.อ.ดาว์พงษ์ ก็ครองอัตราจอมพล อยู่แล้ว รวมทั้งความรู้ความสามารถก็เหมาะสม และมีอายุราชการแค่ปีเดียว ไม่นานเกินไปสำหรับปลัดกลาโหม แถมเป็นรุ่นเดียวกับ ผบ.สส. และ ผบ.ทบ. และเป็นรุ่นใกล้ชิดกับ บิ๊กหรุ่น พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร. และ ว่าที่ ผบ.ทอ. อย่าง บิ๊กจิน พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ที่เป็น ตท.13

แต่ก็ไม่ง่าย เพราะมีการชิงปลัดกลาโหม กันดุเดือด เพราะมีแรงต้าน บิ๊กเล็ก พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ผช.ผบ.ทบ. หลังจากที่ รมว.กลาโหม นำไปพบนายกรัฐมนตรี เพื่อดูตัวโชว์วิสัยทัศน์แล้ว เพราะมองว่า มีการเมืองแทรก

อีกทั้ง บิ๊กกี๋ พล.อ.ชาตรี ทัตติ รองปลัดกลาโหม แม้จะเป็น ตท.14 และเกษียณ 2558 แต่ก็มีความชอบธรรมที่จะขึ้นได้ จนมีการขู่กันว่าจะฟ้องศาลปกครอง และใช้ พ.ร.บ.กลาโหม รวมทั้งโอกาสของ บิ๊กหนู พล.อ.อ.บุญยฤทธิ์ เกิดสุข รอง ผบ.สส. ตท.11 ที่เกษียณ 2557 ที่จะนั่งปลัดกลาโหม ก็ยังไม่หมดลง

พล.อ.ดาว์พงษ์ เลยอยู่นิ่งๆ ดีกว่า เพราะอาจกลายเป็นตาอยู่ ก็เป็นได้


เรียกได้ว่า พล.อ.ดาว์พงษ์ นั้นเป็นมันสมองของ ทบ. ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการคิดเรื่องแผนต่างๆ มาตลอด ทั้งตอนปราบเสื้อแดง จนมาถึงการร่างแผนยุทธการดับไฟใต้ "9-5-29" และเป็นคนจัดการในการตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.จชต.) รวมทั้งการเลือกตั้งที่สวนรื่นฤดี ที่เป็นกองบัญชาการของ กอ.รมน. อยู่แล้ว หรือที่เรียกว่า "เพนตากอน สวนรื่นฯ"

9529 คือ การนำนโยบาย สมช. ทั้ง 9 ข้อ ที่นายกรัฐมนตรีอนุมัติ มาปรับรวมกับ การแบ่งเป็น 5 กลุ่มงาน โดยมียุทธศาสตร์ร่วม 29 ข้อ

แต่ก็ทำให้ชื่อของ พล.อ.ดาว์พงษ์ อยู่ในแบล๊กลิสต์ของคนเสื้อแดง ที่อาจกลายเป็นอุปสรรคต่อการเป็นปลัดกลาโหม

"ผมพอใจ และสบายใจที่จะทำงานตรงนี้ แม้จะเหนื่อยมาก" บิ๊กหนุ่ย ย้ำ



แต่ อย่างไรก็ตาม อาการปรี๊ดแตก หรือที่เจ้าตัวเรียกว่า "เม้งแตก" ของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายทหาร ที่มีรายการ "คุณกระซิบมา" จนไม่อาจตัดสินใจได้โดยลำพัง

นี่อาจเป็น สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องทำตามนโยบายของ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. ที่แวะมาทานข้าวที่ บก.ทบ. ด้วยสัปดาห์ก่อน ให้ใช้ระบบการสอบและแสดงวิสัยทัศน์ของนายทหารที่อยู่ในกรุ เพื่อเปิดโอกาสให้ทหารคนเก่ง ได้ลงตำแหน่งหลัก

จึงต้องมีคำสั่งด่วน ให้นายพลในกรุ เช่น ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ มาสอบสัมภาษณ์ พร้อมทั้งเขียนวิสัยทัศน์ต่อเรื่องต่างๆ ด้วยลายมือ จำนวน 10 ข้อ แต่ที่ไฮไลต์ที่สุดคือ คำถามเรื่อง แนวทางการแก้ปัญหาภาคใต้ การวางตัวของทหารในทางการเมือง และกรณีเขาพระวิหาร จะมีการเสียดินแดนหรือไม่

ที่ก็ถูกมองว่า เป็นแค่ระบบที่สร้างขึ้นมาเป็น "เกราะ" ป้องกันเด็กฝากจากฝ่ายการเมือง หรือ ผู้หลักผู้ใหญ่ เพราะจะอ้างได้ว่าต้องผ่านระบบการประเมินและการสอบและแสดงวิสัยทัศน์

ส่วนจะเป็นบันไดในการดัน "เด็ก" ในสังกัดหรือน้องเลิฟที่อยู่ในกรุ ออกมาลงตำแหน่งหลักด้วยหรือไม่ ต้องรอดูโฉมหน้าโผ


ที่ จับตามองกันในโค้งสุดท้ายก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ ส่งโผถึงมือ บิ๊กโอ๋ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม คือ เก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1

เพราะ แม้จะเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.15 แต่เรื่องอำนาจและเก้าอี้ ไม่เข้าใครออกใคร ไม่มีเพื่อน ไม่มีพี่ไม่มีน้อง เพราะในโค้งนี้ มีชื่อของ บิ๊กต๊อก พล.ต.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รองแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ แทน บิ๊กโด่ง พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร ที่ขยับขึ้นหาเสือ ทบ.

จากเดิมที่มี บิ๊กอู๊ด พล.ต.วลิต โรจนภักดี รองแม่ทัพภาคที่ 1 ถูกวางตัวในตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะที่เป็นน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นทั้งทหารเสือราชินีและบูรพาพยัคฆ์ด้วยกันมา อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ รู้สึกคาใจที่ พล.ต.วลิต ต้องบาดเจ็บสาหัส และมีเศษระเบิดอยู่เต็มร่างกาย เพราะการสลายการชุมนุมที่สี่แยกคอกวัว

ส่วน พล.ต.ไพบูลย์ นั้น ก็พยายามหาที่ลง ให้เป็นพลโท เพราะตำแหน่ง ผบ.รร.นายร้อย จปร. บิ๊กอุ๋ย พล.ท.พอพล มณีรินทร์ ก็เพิ่งมานั่ง จึงมีข่าวว่า จะลงไปเป็น พลโท ในตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะที่ พล.ต.ไพบูลย์ เคยไปทำหน้าที่ ผบ.ฉก.นราธิวาส เมื่อครั้งเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เมื่อ 2 ปีก่อน

แต่ทว่า การเป็นนายทหารสายเหยี่ยว และเข้มงวด อย่างมาก จนเรียกว่า ดุ แบบขนหัวลุก นั้น จึงมาไม่เหมาะกับการลงไปภาคใต้

ท่าม กลางกระแสข่าวที่พยายามโยงใจ พล.ต.ไพบูลย์ กับสายอำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะอย่าลืมว่า เขาก็เป็นน้องรักของ บิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ. และประธาน คมช. ที่เวลานี้หันไปจูบปากกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว เพราะอย่าลืมว่า พล.ต.ไพบูลย์ ก็เป็นกำลังหลักในการปฏิวัติ เมื่อ 19 กันยายน 2549 ที่ผ่านมาด้วย จึงถือเป็นการดูแลและตอบแทนกัน อีกทั้ง พล.ต.ไพบูลย์ ขึ้นเป็น รองแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อน จึงอาวุโสกว่า

ว่ากันว่า งานนี้ มี พล.อ.ดาว์พงษ์ เป็น man behind the scene เพราะอย่าลืมว่า พล.ต.ไพบูลย์ นั้นเป็นน้องรักเลยทีเดียว เพราะเติบโตใน ร.11 รอ. ด้วยกันมา และเรียกว่าเป็น สายวงศ์เทวัญ มาด้วยกัน เป็นทั้ง ผบ.ร.11 รอ. และ ผบ.พล.1 รอ. มาเหมือนกัน ที่สำคัญคือ ร่วมเป็นร่วมตายในการปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จนมาถึงศึกเสื้อแดงด้วยกันด้วย

ขณะที่ พล.ต.วลิต นั้น เป็นสายตรงของ บิ๊กอ๊อด พล.อ.คณิต สาพิทักษ์ ประธานที่ปรึกษา รมว.กลาโหม ที่ถูกดองแห้งอยู่ในกรุ ที่ดันกันมาตอนที่ พล.อ.คณิต เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต รมว.กลาโหม พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์

งานนี้ จึงถูกมองว่าเป็นการชิงชัยระหว่าง วงศ์เทวัญ กับ บูรพาพยัคฆ์ จึงทำให้ พล.ต.ไพบูลย์ ได้แรงเชียร์จากวงศ์เทวัญด้วยกันอย่างมาก เพราะเป็นการชิงเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 กลับมาจากบูรพาพยัคฆ์ ที่ยึดมานานหลายยุค ตั้งแต่ บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เรื่อยมาจน พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.คณิต และ พล.ท.อุดมเดช ที่ล้วนโตมาจาก ร.21 รอ. และ พล.ร.2 รอ. ทั้งสิ้น

แต่ พล.ต.ไพบูลย์ โตมาจาก ร.11 รอ. จนเป็น ผบ.ร.11 รอ. เป็น ผบ.ร.1 รอ. และเป็น ผบ.พล.1 รอ. ถือว่าโตมาในเส้นทางเหล็ก เป็นหน่วยกำลังรบมาตลอด และเป็นประเภท ตัวเล็กแต่ใจถึงพึ่งได้เสมอ

ที่ สำคัญ มันไม่ได้หมายถึงแค่การชิงเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งถือเป็นสุดยอดแห่งสายคุมกำลัง และเป็นหน่วยกำลังปฏิวัติสำคัญ แต่ทว่า ยังหมายรวมถึง การชิงโอกาสที่จะได้เป็น ผบ.ทบ. ด้วย เพราะทั้ง พล.ต.ไพบูลย์ และ พล.ต.วลิต มีอายุราชการถึงปี 2559 เหมือนกัน


แม้จะ เต็งๆ กันว่า พล.ท.อุดมเดช จะขึ้นห้าเสือ ทบ. เพื่อจ่อเป็น ผบ.ทบ. ในกันยายน 2557 เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เกษียณ แต่ในการโยกย้ายปลายปี 2556 ก็เป็นโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเลือกแคนดิเดต ผบ.ทบ. ขึ้นมาใหม่ก็ได้ เพราะ พล.ท.อุดมเดช ก็มีอายุราชการแค่ปี 2558 จะได้นั่งเป็น ผบ.ทบ. แค่ปีเดียว ซึ่งในระยะหลัง ไม่ค่อยมีนายทหารที่เหลืออายุราชการปีเดียว ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ต่างจาก ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ. ผบ.สส. และปลัดกลาโหม ตรงที่อายุราชการเหลือปีเดียวก็ขึ้นได้

จึง ต้องจับตา พลตรี ที่จะขึ้น พลโท และ พลโท ที่จะขึ้น พลเอก ในโยกย้ายครั้งนี้ จากการจัดโผของ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ดี โดยเฉพาะคนที่ขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 ในครั้งนี้ อาจเป็นการตัดสินว่า ผบ.ทบ. คนต่อไป จะเป็นทหารเสือฯ บูรพาพยัคฆ์ หรือวงศ์เทวัญ หรือว่า เป็นม้ามืดสายพันธุ์การเมือง

ยิ่งเมื่อเม้าธ์กันว่า เมื่อวันไปตบเท้าแฮปปี้เบิร์ธเดย์ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร จับมือยินดีกับ พล.ต.วลิต แล้ว เพราะเขาผลักดันเต็มที่ และก็เชื่อว่าท้ายที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องเลือก พล.ต.วลิต

จึงไม่ แปลกหากฤดูกาลโยกย้ายของ ทบ. คราวนี้ จะมีใบปลิว บัตรสนเท่ห์ ออกมาเล่นงานกัน และความลำบากใจ ระคนกับไฟใต้ เลยยิ่งทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยิ่งต้องเหนื่อย เครียด กดดัน ปรี๊ด และเม้งแตก ก็เป็นได้



มติชนออนไลน์


จากคุณ : น้ำมิตร
เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 55 17:57:05 A:110.168.192.194 X:




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com