คอลัมน์ มติชน 30 สิงหาคม 2555
พลันที่เดินออกจากห้องสอบปากคำนาน 13 ชั่วโมง ในคืนวันที่ 28 สิงหาคม
เมื่อเจอนักข่าวยังรอสัมภาษณ์และสอบถามถึงสาเหตุที่ใช้เวลาสอบปากคำ
กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในคดีการเสียชีวิตของผู้ชุมนุมทาง
การเมือง 98 ศพเมื่อปี 2553 ยาวนานถึง 13 ชั่วโมง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง
อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
พูดว่า
"ชีวิตก็เป็นอย่างนี้เอง"
ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ในขณะที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ก็เข้าให้การโดยใช้เวลากว่า 7 ชั่วโมง
นายสุเทพอธิบายด้วยว่า เหตุที่ต้องให้การเป็นเวลานานนั้น
เป็นเพราะพนักงานสอบสวนดีเอสไอถามเยอะ และนำคลิปวิดีโอ
ที่อ้างว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนถนนราชดำเนินตอนกลางวัน
มาให้ดู โดยบอกว่าเป็นคลิปที่แสดงให้เห็นว่าทหารยิงคนเสื้อแดง
ซึ่งตนได้ตอบไปว่าไม่เคยเห็นมาก่อน เนื่องจากเหตุการณ์ใน
วันที่ 10 เมษายน 2553 มีสื่อมวลชนทั้งทีวีและหนังสือพิมพ์
คอยรายงานสถานการณ์ตลอดขณะมีการขอพื้นที่คืน ไม่พบว่า
มีการยิงแต่อย่างใด
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน
วันที่ 10 เมษายน จนถึงเหตุยุติในเดือนพฤษภาคม มีการถามถึง
คำสั่งในการปฏิบัติการ จึงได้นำคำสั่งทั้งหมดมอบให้พนักงาน
สอบสวนส่วนที่ตนลงนาม
และได้บอกกับพนักงานสอบสวนว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์
อธิบดีดีเอสไอ เคยเสนอและแนะนำในที่ประชุม ศอฉ.ในขณะนั้นว่า
สถานการณ์รุนแรง
อาจต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน
ส่วนคำถามที่ว่านายอภิสิทธิ์เข้ามาสั่งการหรือไม่ ตนก็ชี้แจงว่า
อดีตนายกฯมีภารกิจมาก ได้มอบหมายคำสั่งในเชิงนโยบาย ตน
ในฐานะ ผอ.ศอฉ.จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะดำเนินการแก้ไข
สถานการณ์ในขณะนั้นอย่างไร
เจ้าหน้าที่ถามอีกว่านายอภิสิทธิ์ว่าเข้ามาเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ใด
หรือไม่ ได้ชี้แจงว่าอดีตนายกฯใช้เวลาส่วนใหญ่รับฟังบรรยายสรุป
จากเจ้าหน้าที่ และพยายามหาแนวทางในการคลี่คลายสถานการณ์
เช่น การเจรจา การนำทีมเจรจาไปเจรจากับแกนนำ นปช. และมี
หน้าที่อธิบายสถานการณ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงสถานการณ์ที่
เกิดขึ้นในแต่ละวัน รวมทั้งติดต่อกับองค์กรสิทธิมนุษยชน โดยงาน
ใน ศอฉ.นายอภิสิทธิ์ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง
ทุกคำสั่งใน ศอฉ.ตนเป็นผู้ลงนาม
ขณะที่การกระชับพื้นที่ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ไม่ใช่การสลาย
การชุมนุม เพราะเมื่อเจ้าหน้าที่ขอคืนพื้นที่บริเวณสวนลุมพินี ก็ถูก
กลุ่มผู้ก่อการร้ายใช้อาวุธตอบโต้
ที่สี่แยกราชประสงค์ก็ไม่มีกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปที่หน้าเวทีหรือบริเวณ
ที่ยังมีการชุมนุม จนแกนนำผู้ชุมนุมสั่งยุติการชุมนุมและมอบตัว
"เรื่องชายชุดดำ ที่ผมนำคลิปมาชี้แจง พนักงานสอบสวนถามผมว่า
หากมีชายชุดดำเข้าร่วมจริง มีผู้ก่อการร้ายใช้อาวุธทำร้ายประชาชน
ไม่เห็นเจ้าหน้าที่จับใครได้ซักคน
"ผมเลยตอบเขาว่า คุณถามผมเหมือนกับเสื้อแดงเขียนคำถามให้มาถามผมเลย"
เมื่อถูกถามว่าเคยมีเรื่องโกรธแค้นใครใน ศอฉ.หรือไม่
นายสุเทพระบุว่าได้ตอบไปว่าในอดีตไม่เคยโกรธเคืองใคร
แต่ในอนาคตไม่แน่
รายงานข่าวที่แคะไค้มาจากห้องสอบสวน ก็มีเนื้อหาใกล้เคียง
กับที่นายสุเทพให้สัมภาษณ์ไว้
นั่นคือทั้งนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเข้าให้ปากคำอย่าง
"ระมัดระวัง" ยิ่ง
จะอธิบายแต่เฉพาะเรื่องที่ซักซ้อมมาแล้ว
คำถามที่นอกเหนือคำตอบที่ตระเตรียมมา จะได้คำตอบว่า
ไม่รู้ ไม่เห็น เพราะมิได้ออกไปสังเกตการณ์เองภายนอก
หรือ
"เป็นไปตามมติของคณะกรรมการ ศอฉ."
รัดกุมยิ่งในฐานะพยาน
ที่อาจจะแปรเปลี่ยนสถานภาพได้ในอนาคต
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1346299214&grpid=01&catid=&subcatid=