#13 คุณดุดัน
ดิฉันก็เพิ่งทราบเหมือนกันค่ะ ว่ามีนายทุนทางภาคใต้ ขึ้นมากว้านซื้อที่ดินปลูกยางทางอีสานกันมาก แต่ตอนนี้ก็คงจะหาซื้อลำบากแล้วล่ะค่ะ
เพราะตอนนี้ถึงมีเงินก็หาซื้อไม่ได้แล้ว ไม่มีที่ดินจะขายแล้ว คิดว่าที่เขาซื้อขายกันนั้น คงไม่ใช่ที่โฉนดหรอกนะคะ อย่างดีก็ นส.3 ไม่ก็ที่จับจอง
แต่ก็น่าเสียดายนะคะ หากคนภาคใต้ได้มาเป็นเจ้าของที่ดินทางอีสาน ต่อไป ปชป. ทางอีสานก็จะมีฐานเสียงมากขึ้น...แผนการเมืองป่าวเนี่ย อิอิ
คุณ pp00
ทำนาข้าว กับทำสวนยาง เพชรว่าการลงทุนใกล้เคียงกันนะคะ และราคาก็วัดดวง ผันผวน พอๆกัน และก็ดีตรงที่ว่าต่างฝ่ายต่างเป็นพืชเศรษฐกิจ
หลักของประเทศเหมือนๆกัน แต่ข้อแตกต่างก็ตรงที่ว่า ระยะเวลาของการเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่เหมือนกัน ยางพาราต้องใช้เวลาถึง
7 หรือ 8 ปี เป็นอย่างต่ำจึงจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ แต่หากเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว ยางจะให้ผลผลิตที่ต่อเนื่อง เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน
20 - 25 ปี (แต่ก็ต้องลงทุนดูแลอย่างต่อเนื่อง แต่ต้นทุนการบำรุงรักษาจะลดลงเมื่อเทียบกับอัตราผลผลิตที่เพิ่มขึ้นตามอายุของต้นยาง)
ส่วนทำนาข้าว ถ้ามีแหล่งน้ำเพียงพอ ทางอีสานทำได้ 2 ครั้งต่อปี และได้ราคาเท่าที่รัฐบาลรับจำนำ ก็ยังพอจะคุ้มทุน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
นาข้าวในปีนั้นต้องให้ผลผลิตที่ดีนะคะ ถ้า
เจอกับสภาพดินฟ้าอากาศที่แย่ เกิดน้ำท่วมอย่างปีที่แล้ว หรือฝนแล้งอย่างปีนี้ ข้าวอาจจะให้ผลผลิตได้ไม่เต็มที่
แบบนี้เพชรว่า ทำนาข้าว ขาดทุนแน่ .... และข้าวไม่ได้ให้ผลผลิตที่ต่อเนื่อง ต้องวัดดวงเป็นครั้งๆ ไป อัตราความเสี่ยงของการลงทุน
มีมากกว่ายางพาราค่ะ .... ไม่นับรวมกับที่ชาวนาภาคอีสานส่วนใหญ่ ทำนากันปีละครั้งเท่านั้น อย่างดีก็คุ้มทุนหรือไม่ก็กำไรนิดหน่อย
แต่ส่วนใหญ่จะขาดทุนค่ะ และอีกอย่างการทำนาข้าว มีความยุ่งยาก และหลายขั้นตอนมากกว่าทำสวนยางพารามากมาย ถ้าคำนวณดูดีๆ
ทำนาข้าว อาจต้องลงทุนสูงกว่ายางพารา ด้วยซ้ำไปค่ะ
บ้านเพชรทำนาปี แม้จะมีเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำอยู่ใกล้บ้าน แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ต้องขุดบ่อไว้กักเก็บน้ำเอง ...
แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 55 14:10:10
แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 55 13:47:34
แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 55 13:45:32