ฮ่วย..อมเรศ ประธานปรส.ทำเงินรัฐเสียหาย2304ล้าน/รอลงอาญาเพราะเคยเป็นรมต/ทักษิณเมียซื้อที่ดินเงินตัวเองเคยเป็นนายกติด2ปี
|
|
นี่ไงครับมาตราฐานยุติธรรมไทยที่ประเทศมันวุ่นวายเพราะแบบนี้เอง
คดีปรส.คนทั้งดลกก็รู้ว่าแม่มมาเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ของชาติ มาแบบเสือมือเปล่าละขนเงินกับบ้านไปนับแสนล้าน
นายอมเรศเป้นจนท.รัฐรู้เห็นละเลยไม่เรียกเก็บเงินก้อนแรกที่บริษัทนี้ประมูลได้2304ล้านบาทตามกฏหมายที่เขียนไว้(ไม่ต้องบอกนะว่าอมเรศไม่รู้กฏหมาย..เงินครับ ยัดไปเต้มปากเลยแกล้งโง่)
คดีนี้ฟ้องศาลกันนานมากๆจนใกล้จะหมดอายุความไปแล้ว..วันนี้ผลตัดสินมาแล้ว..ผิดจริงจำคุก2ปีปรับXXXX บาท(ไม่รู้จะช่วยได้ทางไหนแล้ว)
จึงมีคำตัดสินว่า .เคยเป้นรมต.ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติโทษจำคุกให้รอลงอาญา3ปี...55555555555
คดีนายกทักษิณเมียไปประมุลที่ดินรัฐโดยใช้เงินส่วนตัว..รัฐไม่เสียหายสักบาทเมื่อเทียบกับ2304ล้านของนายอมเรศ..
นายกทักษิณเคยเป้นทั้งรมต. ทั้งนายก จำคุก2ปี..แต่ไม่รอลงอาญา(ทำไมไม่อ้างว่าเคยเป้นรมต./นายกแบบนายอมเรศบ้างล่ะครับ.)
ไม่อายปชช.เจ้าของประเทศหรือครับ..ที่เขาตระโกนว่าพวกคุณ2มาตราฐานน่ะ
เวลา 09.00 น. วันที่ 17 กันยายน ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พิพากษาจำคุกนายอมเรศ ศิลาอ่อน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.)อายุ 79 ปี จำเลยที่1 และนายวิชรัตน์ วิจิตรวาทการ อดีตเลขาธิการ ปรส. อายุ 66 ปี จำเลยที่ 2 ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายอมเรศ กับพวกรวม6 คน ร่วมกันเป็นจำเลยในความผิดฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 11
จากกรณีเมื่อระหว่างวันที่ 2 มิ.ย. - 1 ต.ค. 41 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่1 กับพวกได้วางแผนแบ่งหน้าที่กัน โดยจำเลยที่ 1 ในฐานะประธาน ปรส. ปฏิบัติหน้าที่ของ ปรส.ไม่โปร่งใสและมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ และจำเลยที่ 2 อดีตเลขาธิการ ปรส. โดยปรส.เข้าทำสัญญาซื้อขายเข้าทำสัญญาซื้อขายเพื่อประโยชน์ทางภาษีอากร การกระทำของจำเลยทั้งหมดเพื่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่ กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง และ ปรส.
โดยศาลพิเคราะห์ จากพยานหลักฐานแล้วเห็นว่าจำเลยทั้ง 2 ผิดฐานไม่เรียกเก็บเงินงวดแรกในการขายสินทรัพย์ให้กับบริษัทเอกชนเลห์แมนบราเธอร์ส โฮลดิ้งอิ้งค์ จำกัดจำนวน 2,304 ล้านบาท ตามหลักเกณฑ์กำหนดที่ไว้ ผิดตาม พรบ.ว่าด้วย ความผิดพนักงานในองค์กรของรัฐ จึงพิพากษาจำคุกจำเลยทั้ง 2 เป็นเวลา 2 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท
แต่เนื่องจากจำเลยที่ 1 เคยเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์ จำเลยที่2 เป็นอดีตประธานอนุกรรมการกลั้นกรองวางแผนการฟื้นฟูให้กับสถาบันการเงิน ซึ่งถือเป็นการทำคุณให้กับประเทศชาติ ประกอบจำเลยทั้ง2 มีอายุมากเห็นสมควรให้กลับตัวกลับใจโทษจำคุกจึงรอลงอาญา 3 ปี ให้คุมประพฤติ 1 ปี โดยต้องรายงานตัว 3 ครั้งต่อเดือน พร้อมบำเพ็ญประโยชน์เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ส่วนจำเลยที่ 3 ถึง 6 พิพากษายกฟ้องเพราะไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอ
ที่มา: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1347855607&grpid=00&catid=&subcatid=
แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 55 15:42:21
จากคุณ |
:
เสรีภาพของประชาชน
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ก.ย. 55 15:16:36
A:110.168.32.207 X:
|
|
|
|