ความคิดเห็นที่ 1 จะอ่านกันรู้เรื่องมั้ยเนี่ย ... http://en.wikipedia.org/wiki/Presumption_of_innocence จากคุณ : iamdanai เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 11:44:55 A:202.12.118.61 X:

ความคิดเห็นที่ 2 ความคิดเห็นส่วนตัว ปัจจัยหนึ่ง ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก ของการแตกแยก แบ่งสีแบ่งฝ่าย คือสาน และ ตลก. ถ้าจะแก้ต้นเหตุ ต้องแก้รัฐธรรมนูญ ต้องแก้ทั้งระบบศาล และแก้กฎหมาย ให้สามารถวิจารณ์ศาลได้ จากคุณ : พนาเทพ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 11:47:22 A:115.67.68.103 X:

ความคิดเห็นที่ 3 *1 ด้วยความเคารพ บรรทัดเเรกนี่ เหมือนดูถูกสติปัญญากันนะครับ จากคุณ : ขิงแห้ง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 11:47:24 A:110.169.188.69 X:

ความคิดเห็นที่ 4 คือจริงๆแล้ว ผมอ่านไม่ค่อยรู้เรื่องแระ เพราะออกแนวกฎหมาย จากคุณ : พนาเทพ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 11:54:19 A:115.67.68.103 X:

ความคิดเห็นที่ 5 ความคิดเห็นที่ 1 จะอ่านกันรู้เรื่องมั้ยเนี่ย ... http://en.wikipedia.org/wiki/Presumption_of_innocence จากคุณ : iamdanai ******************************************* อ่านแล้ว และเข้าใจด้วย ประเด็นอยู่ที่ Innocent until proven guilty. แปลว่า บริสุทธิจนกว่า พิสูจน์ได้แน่ชัดว่า "ผิดจริง" แต่บังเอิญมันใช้ในประเทศไทยไม่ได้ เพราะระบบศาลและกฏหมายของประเทศไทย Presumption of Guilty not Innocence ที่บอกว่า Guilty until proven innocent. แปลว่า ให้ถือว่าผิดไว้ก่อน จนกว่าจะสามารถพิสูจน์ได้แน่ชัดว่า "บริสุทธิ์จริง" อย่าเพียงคิดว่า ประเทศอื่นเขาเป็นอย่างไร ประเทศไทยจะต้องเป็นอย่างเขาด้วยนะ เพราะนั้นจะเป็น Incorrect & False Assumption (การสรุปที่ไม่ถูกต้องและเป็นความเท็จ)  ในส่วนของความคิดของคุณ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 55 12:02:32 จากคุณ : ศิลาแรง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 11:54:47 A:124.121.81.158 X:

ความคิดเห็นที่ 6 จะโดนข้อหาหมิ่นศาลกันไหมเนี่ย ? ศาลแปลก ๆ อันนี้ยอมรับเมื่อนึกถึงคดีเฮียลิ้ม แต่จำเป็นที่จะแปลกตลอดจริงหรือ ? ที่ยกมา  "เชื่อได้ว่า" หรือ "เข้าใจได้ว่า" หรือ "ทำให้เห็นถึงเจตนาได้ว่า" เราคิดว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับได้นะ เพราะถ้าไม่มีพวกนี้มันจะมีพวก"หัวหมอ"หลุดพ้นคดีด้วยการแถได้ ตัวอย่างง่าย ๆ เช่นจขกทกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A12682775/A12682775.html ที่หัวกระทู้ตั้งว่า "ผมเดาว่า Prometheus มันมามุขนี้แน่ๆ เพราะรู้สันดานเจมส์ คาเมรอน ผู้ชอบเอาเหล้าเก่ามาใส่ขวดใหม่ขายเสมอ" แต่หลัง ๆ กลับพูดว่า "ผมบอกตรงไหนว่าเจมส์ คาเมรอน กำกับ Prometheus ครับ?" อันนี้แหละ ถ้าไม่มีตัวที่จขกทยกมา รับรองได้ว่าจขกทกระทู้นั้นถูกศาลพิพากษาว่า "ไม่ได้พูดว่า เจมส์ คาเมรอน กำกับ Prometheus" แน่นอน แต่การที่มี ทำให้ตัดสินได้ว่า จขกทกระทู้นั้นมีเจตนาพูดว่า "เจมส์ คาเมรอน กำกับ Prometheus" จริง ซึ่งหากคิดตามตรรกะหรือคอมมอนเซนส์ คิดว่าแบบไหนดูสมเหตุสมผลมากกว่ากันล่ะ ? หรือจะให้ยกเปรียบเทียบกับคดีตัวอย่างก็ได้ เช่น "ทิ้งเด็กซนไว้ในห้องกับลืมปืนที่กระสุนเต็มลูกโม่ไว้ในนั้น พร้อมกับใส่เสื้อที่เป็นรูปเป้าปืนลงบนตัวเหยื่อที่นอนหลับอยู่บนห้องเดียวกัน แล้วเด็กก็หยิบปืนมายิงจนอีกฝ่ายเสียชีวิต" ซึ่งจะเห็นได้ว่า คนที่เตรียมการมีเจตนาฆ่าอย่างชัดเจน แต่หากไม่มีคำว่า "ทำให้เห็นถึงเจตนาได้ว่า" คนทำจะไม่ถูกตัดสินโทษในทันที ด้วยเหตุนี้ คำพูดเหล่านั้นจึงเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ และถ้าไปอ่านสำนวนฏีกาคดีอื่น ๆ ที่ไม่ใช่การเมืองและแน่ใจได้ว่าไม่มีการบิดเบือน มันก็มีการใช้คำเหล่านี้อยู่นะ ซึ่งหากจะบอกว่ามีปัญหา ก็ต้องดูว่าสิ่งที่ศาลตัดสินเมื่อเทียบกับหลักฐานแล้ว เหตุผลที่ใช้มันสมเหตุสมผลหรือไม่ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 55 12:02:25 จากคุณ : ซ่อนนาม เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 12:01:42 A:110.169.172.152 X:

ความคิดเห็นที่ 7 #5 ศาลไทยใช้ด้วยนะ ที่ผู้ต้องหาเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะถูกยืนยันความผิด ซึ่งคำว่า  "เชื่อได้ว่า" หรือ "เข้าใจได้ว่า" หรือ "ทำให้เห็นถึงเจตนาได้ว่า" ก็เข้าข่ายเหมือนกัน ส่วนสาเหตุที่ทำให้เราคิดว่าใช้ได้ก็ตามตัวอย่างที่ยกมาในคห6 นั่นแหละ (แม้แต่ญี่ปุ่นเองก็เป็นเช่นนี้ อ่านได้ใน QED เล่มนึงที่มีการยกเอากระบวนการของศาลมาเล่าให้ฟัง) ยกเว้นแต่เพียงคดีหมิ่นฯนี่แหละ ที่ทำไม๊ทำไมผู้ต้องสงสัยถูกตีตราว่าเป็นผู้ทำผิดก่อน เช่นเคสอากงSMS ....ว่าแต่เคสนี้สรุปจบยังไงล่ะเนี่ย ใครรู้ช่วยบอกให้ฟังหน่อยสิ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 55 12:10:27 จากคุณ : ซ่อนนาม เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 12:09:26 A:110.169.172.152 X:

ความคิดเห็นที่ 8 ก่อนที่จะมีคำว่า ตุลาการภิวัฒน์  ผมไม่ค่อยให้ความสนใจเรื่องพวกนี้เลย จนกระทั่งผมได้ยินว่า ให้ใช้ตุลาการภิวัฒน์แก้ปัญหาบ้านเมือง  ผมก็เกิดข้อสงสัยขึ้นมาทันทีว่า ตุลาการภิวัฒน์จะแก้ปัญหาได้อย่างไร? ตั้งแต่นั่นมา  ผมก็เห็นตุลาการลงมาแก้ปัญหา  โดยการลงมาคลุกฝุ่นการเมืองซะเอง ตุลาการภิวัฒน์กลับเป็นตัวสร้างปัญหาขึ้นมาใหม่ซะเอง  กลายเป็นตุลาการวิบัติอย่างถาวร จากคุณ : suwannarach เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 12:24:31 A:49.49.182.13 X:

ความคิดเห็นที่ 9 เป็นเรื่องธรรมชาติของกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่เสียผลประโยชน์  ธรรมดาครับ จากคุณ : ทนายเนติบัณฑิตคนหนึ่ง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 12:47:30 A:27.55.14.240 X:

ความคิดเห็นที่ 10 นอกจากจะถกกันในกรณีการสวนทางกันของ "ระบบกล่าวหาไว้ก่อน ผู้ต้องหาต้องหาทางพิสูจน์บริสุทธิ์เอง" กับระบบ "ผู้ถูกกล่าวหา ยังจะถือเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าผู้กล่าวหาจะพิสูจน์ผิดได้" ทีนี้ไม่ว่าจะพิจารณากันในระบบไหน สมมติผู้ต้องหาทำผิดจริง จะลงโทษโดยการพิจารณาเจตนา มีคำถามที่ไม่มีใครตอบผมซะที "ถ้าสนธิ ลิ้ม พิจารณาได้ว่าทำผิดจริง ไม่มีเจตนา จึงรอดจากโทษ" ถามว่า ---------- แล้วทักษิณ เซ็นชื่อให้เมียซื้อที่ *** โดยได้ปรึกษาหน่วยงานราชการอย่างเปิดเผยแล้วด้วย *** ว่าตนจะทำได้หรือไม่ ถามว่า อย่างนี้ทักษิณมีเจตนาทำผิดหรือไม่ ? ---------- และต่อให้ทำผิดจริง แต่ทำผิดโดยเปิดเผย และไม่เจตนา ต้องรับโทษร้ายแรงขนาดคุก 2 ปี กับความผิดที่ไม่เจตนาขนาดนั้นเลยหรือ ทำไมมันสวนทางกันแบบพิลึก จนนึกถึงคำพูดบางท่านทำนองว่า เสียวเอ้อทำผิดไปโดยไม่ "เจตนา" แต่ศาลไคฟงหรือเปล่า ที่อาจ "เจตนา" ประเคนโทษให้เสียวเอ้อ สิ่งนี้จึงอาจจะทำให้หมดศรัทธาได้เช่นกัน จึงเรียนมาเพื่อประกอบการเสวนา . จากคุณ : ผีกรุแตก เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 13:01:54 A:171.99.1.253 X:

ความคิดเห็นที่ 11       เข้าใจว่า ระบบศาลของไมยเรา เป็น" ระบบกล่าวหา " ที่ใช้กันมานาน จนกระทั่ง มีการ พยายามลดทอนความน่าเชื่อถือของศาลลง จึงเกิดประเด็นที่ จขกท.ยกขึ้นมา   ทั้ง ๆ ที่ระบบกล่าวหา ได้มีมาตรการบัญญัติ " ป้องกัน การกล่าวหาที่ไร้เหตุผล " ไว้เรียบร้อยแล้ว   และยังเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหา พิสูจน์คตนเองได้ ถึง 3 ขั้นตอน   ครั้นมี "ผู้ถูกกล่าวหา"  ทรงอิทธิพล ระดมความคิด  ( ว่า ตนถูกกลั่นแกล้ง โดยไม่เป็นธรรม )   ก่นทำลายความน่าเชื่อถือของศาลลงด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา     ทั้ง ๆ ที่ สังคมทั้งหลายเปิดโอกาสให้นำหลักฐาน มาแสดงต่อ สังคม และ ศาล ให้ประจักษ์ แก่สมาคม ได้ทุกเมื่อ            แต่ก้อไม่ดำเนินการแต่อย่างใด   เป็นความผิดของ กระบวนการยุติธรรม จริง ๆ หรือ       จากคุณ : วอน (วอน) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 13:36:21 A:125.27.243.39 X:

ความคิดเห็นที่ 12 ความคิดเห็นที่ 11 ทั้ง ๆ ที่ สังคมทั้งหลายเปิดโอกาสให้นำหลักฐาน มาแสดงต่อ สังคม และ ศาล ให้ประจักษ์ แก่สมาคม ได้ทุกเมื่อ เป็นความผิดของ กระบวนการยุติธรรม จริง ๆ หรือ       จากคุณ : วอน (วอน) ******************************************************* ก่อนอื่น ผมไม่ได้มองที่คดีหนึ่งคดีใด แต่มองที่ระบบนะ ผิดหรือไม่ผิด ผมยังสรุปไม่ได้ แต่ผมอยากทราบว่า คนที่กล่าวหาผู้อื่นด้วยความเท็จ จะโดนทำโทษอะไรไหม เช่น ผมกล่าวหาคุณว่าคุณมีความประสงค์ที่จะล้มสถาบันฯ แล้วผมสร้างหลักฐานที่คลุมเครือ ไม่ชัดเจน แต่ทำให้เชื่อได้ว่าคุณต้องการล้มสถาบันฯ จริง แล้วเขามาจับคุณเอาคุณเข้าคุก ห้ามประกัน รอให้ทนายของคุณไปหาหลักฐานมาหักล้าง เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณ แล้วก็พิสูจนได้ว่าคุณไม่ผิด จึงมีข้อสงสัยว่า 1. ระหว่างรอขึ้นศาลพิจารณาคดี คุณต้องติดคุกไปก่อน ห้ามประกัน มันยุติธรรมไหม? 2. หากพิสูจน์แล้วว่า คุณไม่ผิด แล้วผม ในฐานะผู้กล่าวหาด้วยข้อมูลไม่จริง จะได้รับโทษอะไรไหม? จากคุณ : ศิลาแรง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 13:51:05 A:124.121.81.158 X:

ความคิดเห็นที่ 13 ตัดสินให้กฎหมายลงโทษย้อนหลัง,เติมคำว่า "อาจจะ" เองในตัวบทกฎหมาย,หนึ่งในตุลาการไปนั่งประชุมล้มรัฐบาลด้วยวิธีนอกกฎหมาย,เปิดพจนานุกรมเอาผิด,เปิดปฏิทินช่วยเหลือ,เปิดดิกชินนารี่ตีความกฎหมาย ฯลฯ ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงแต่ใครจะว่าไงผมก็ยังเคารพศาลครับ เดินผ่านทีไร ผมก็ยกมือไหว้ทุกทีครับ จากคุณ : ผีน่ารัก เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 14:29:47 A:115.67.66.50 X:

ความคิดเห็นที่ 14 คห.13 ก็  พูดไปได้นะ แต่ผมไม่เคยไหว้ศาล ผมไหว้คนที่สานเสื่อ สานสาดที่เอามาขายริมทางไปสกลนคร ... คนแก่ หากินด้วยความเหนื่อยยาก ศาล อะไร ไม่รู้จัก ----- คนกับผี ต่างคนก็ต่างอยู่ จากคุณ : เฒ่าวัย 56 เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 16:58:45 A:110.171.31.199 X:

ความคิดเห็นที่ 15 ศิลาแรง สงสัยว่า 1. ระหว่างรอขึ้นศาลพิจารณาคดี คุณต้องติดคุกไปก่อน ห้ามประกัน มันยุติธรรมไหม? 2. หากพิสูจน์แล้วว่า คุณไม่ผิด แล้วผม ในฐานะผู้กล่าวหาด้วยข้อมูลไม่จริง จะได้รับโทษอะไรไหม?   ไม่ใช่นักกฎหมาย แต่ทราบดีว่า   การไม่ให้ประกันระหว่างต้องคดี เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม  ขั้นตอนของ กระบวนการ มีตั้งแต่ ตำรวจ ผู้รับแจ้งข้อกล่าวหา   อัยการผู้พิจารณาข้อกล่าวหา ไปจนถึง ศาลผู้รับคำฟ้อง   การประกันตัวในขั้นตอนต่าง ๆ จึงมีเหตุผลต่าง ๆกัน เป็นกรณีย์ ๆ ไป ตามหลักฐาน ที่ โจทย์ จะนำมาสำแดงต่อ ตำรวจประกอบการกล่าวหา         ความยุติธรรม ต้องมีให้แก่ ประชาชทุก ๆคน เสมอกันไม่เว้นหน้าใคร   ที่สำคัญ ข้อ 2 นี่แหละ ที่มีบทระวางโทษ แก่ผู้กลั่นแกล้งฟ้อง    โดย ผู้ถูกกลั่นแกล้งสามารถฟ้องกลับ พร้อมเรียกร้องค่าเสียหาย และค่า เสียชื่อเสียงได้อีกโสดหนึ่งด้วย             เชื่อว่า กฎหมายไทยได้สร้างมาตรการปกป้องการกลั่นแกล้งกล่าวหา   ไว้พอสมควรทีเดียว      หาก คุณ ศิลาแลง ไม่ชอบใจ  จะให้ สส. ในสภา เพิ่มโทษ ผู้แกล้งฟ้อง ให้หนักขึ้น ก็น่า จะทำได้ โดยไม่ยุ่งยากมายนัก       ไม่เท่าการเปลี่ยนแปลงระบอบยุติธรรม ที่ใช้กันมานานจนเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป ทุกประเทศทั่ว โลก มายาวนานแล้ว   จากคุณ : วอน (วอน) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 19:10:45 A:125.27.243.39 X:

ความคิดเห็นที่ 16 ตุลาการก็เป็นคนธรรมดา มันก็ตอรับชั่นเป็น แม้ไม่ได้เป็นเงินแต่ไดั ลาป ยศ สรรเสิน จากกลุ่มของมัน มันกล้าทำเพราะมันมีกฎหมายคุ้มหัว แต่มันหนีกฎแห่งกรรมไม่ได้ แถวบ้านผมมีคนหนึ่ง ทั้งลูก ทั้งเมีย และตัวมันเองได้ใช้กรรมให้เห็นๆอย่างสาสม จากคุณ : cnbc (cnbc) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 19:33:20 A:115.87.236.186 X:

ความคิดเห็นที่ 17 ความคิดเห็นที่ 15 เชื่อว่า กฎหมายไทยได้สร้างมาตรการปกป้องการกลั่นแกล้งกล่าวหา   ไว้พอสมควรทีเดียว หาก คุณ ศิลาแลง ไม่ชอบใจ  จะให้ สส. ในสภา เพิ่มโทษ ผู้แกล้งฟ้อง ให้หนักขึ้น ก็น่า จะทำได้ โดยไม่ยุ่งยากมายนัก       ไม่เท่าการเปลี่ยนแปลงระบอบยุติธรรม ที่ใช้กันมานานจนเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป ทุกประเทศทั่ว โลก มายาวนานแล้ว   จากคุณ : วอน (วอน) ************************************************** สงสัย สองข้อนะ ข้อที่ 1 - คุณบอกว่า "เชื่อว่า กฎหมายไทยได้สร้างมาตรการปกป้องการกลั่นแกล้งกล่าวหา   ไว้พอสมควรทีเดียว" อันนี้เป็นความเชื่อส่วนตัวของคุณที่คิดเองใช่ไหม? หากมีกฏหมายคุ้มครองผู้โดนกล่าวหาอย่างที่คุณบอกมา ก็คงจะดีไม่น้อย และคงจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาการกล่าวหากันด้วยความเท็จหรอก แต่มันมีปัญหา เพราะมันยังไม่มีกฏหมายมาตราไหนเลย ที่เอาผิดคนกล่าวหาคนอื่นด้วยความไม่จริง ตรงนี้แหละคือข้อบกพร่องของกฏหมายไทย .... ใช่ไหม? ข้อทึี 2 - ที่คุณบอกว่า "ระบอบยุติธรรม ที่ใช้กันมานานจนเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป ทุกประเทศทั่วโลก มายาวนานแล้ว" เป็นความเห็นที่ไม่ถูกต้องนะ ไม่รู้ว่าคุณไปเอามาจากไหนว่า ระบอบยุติธรรมแบบของไทย เป็นที่ยอมรับกันทั่วไป ในทุกประเทศทั่วโลก มายาวนานแล้ว?   เพราะเท่าทีทราบมา มีไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่ยังคงใช้ระบบการพิจารณาคดีแบบกล่าวหานี้ ประเทศที่ใช้ระบบกล่าวหาแบบนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศที่ปกครองด้วยเผด็จการ คอมมิวนิสต์ อย่างเช่น จีนแดง เีวียดนาม พม่า ประเทศบางประเทศในอัฟริกา เป็นต้น ประเทศที่เขามีประชาธิปไตย เขาใช้ระบบไต่สวน ไม่ได้ใช้ระบบกล่าวหา อันมีความแตกต่างจากระบบของประเทศไทยอย่างมากมาย นะ ที่คุณออกตัวก่อนว่า ไม่ใช่นักกฏหมาย ก็ไม่เป็นไรครับ ผมถึงตั้งกระทู้แบบนี้มา เพื่อให้พวกเรามาใช้ความคิดกัน ใครที่มีความรู้ ก็เอามาแลกเปลี่ยนความรู้กันนะครับ จากคุณ : ศิลาแรง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 19:46:44 A:124.121.81.158 X:

ความคิดเห็นที่ 18 ความคิดเห็นที่ 16 ตุลาการก็เป็นคนธรรมดา มันก็ตอรับชั่นเป็น แม้ไม่ได้เป็นเงินแต่ไดั ลาป ยศ สรรเสิน จากกลุ่มของมัน มันกล้าทำเพราะมันมีกฎหมายคุ้มหัว แต่มันหนีกฎแห่งกรรมไม่ได้ แถวบ้านผมมีคนหนึ่ง ทั้งลูก ทั้งเมีย และตัวมันเองได้ใช้กรรมให้เห็นๆอย่างสาสม จากคุณ : cnbc (cnbc) *********************************************************** การที่ผู้พิพากษาพิจราณาคดีแล้วเอาคนบริสุทธิ์เข้าคุก และ/หรือ ตายในคุก มันเป็นบาปมหันต์ ที่นรกเปิดประตูรอรับอยู่แล้ว ผู้พิพากษาเหล่านี้ ตอนใกล้ตายมักจะทรมาน ฟั่นเฟือง เพราะเหล่าวิญญาณของผู้บริสุทธิ์ มาหลอกหลอน และตายอย่างทรมานมาก....กฏแห่งกรรมมีจริง จากคุณ : ศิลาแรง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 19:51:45 A:124.121.81.158 X:

ความคิดเห็นที่ 19 ในประเทศไทยศาลแต่เดิมเป็นเครื่องมือของฝ่ายบริหารในการควบคุมไพร่พลครับ กรมแต่ละกรมมีศาล มีตะลาการ แลลูกขุนของแต่ละกรมเอง และแต่ละหัวเมือง โดย ราชธานีจะส่งคนของตัวเรียกว่ายกกระบัตรไปดูแลในเรื่องคดีความ ซึ่งต่อมาเรียกอัยการ แลมีศาลหลวงหรือศาลกลางที่เป็นศาลในองค์กษัตริย์ ต่อมาเมื่อมีการรวมศาลของกรมเล็กกรมใหญ่แลศาลหัวเมืองเข้าเป็นศาลเดียวขึ้นกับ กรทรวงยุติธรรม ระบบศาลจึงเป็นอำนาจของส่วนกลางแต่ก็ยังอิงอยู่กับอำนาจของ ฝ่ายบริหารอยู่ดี เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองมีการแยกอำนาจอธิปไตยเป็นนิติบัญญัติ บริหาร และ ตุลาการ การสถาปนาความศักดิ์สิทธิ์ของ"ศาล" จึงก่อร่างสร้างตัวและเริ่มฝังหัวว่าเป็น สถาบันอันศักดิ์สิทธิ์ "ผู้ใดจะละเมิด" บ่มิได้ มีความศักดิ์สิทธิ์มากกว่าอำนาจ อีกสองอำนาจตามรัฐธรรมนูญ ด้วยกลไกสร้างความศักดิ์สิทธิ์อันล้ำลึก ผ่านการครอบงำความคิดของกระบวนการราชการ จะมีไม่ศักดิ์สิทธิ์บ้าง ก็ในยุคเผด็จการ ที่ศาลกลับไปเป็นกลไกหนึ่งของฝ่ายบริหาร จึงมีการตัดสินคดี ตามที่ท่านผู้นำ หรือ กลุ่มที่สนับสนุนท่านผู้นำอันเป็นผู้เผด็จการอำนาจทั้งสาม แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งจะเห็นได้จากศาลยอมรับว่าคำสั่งคณะปฏิวัติ คือ คำสั่งของ รัฏฐาธิปัตย์ ปรับได้เทียบเท่ากับ พระราชบัญญัติ ซึ่งผมก็ยังสงสัยว่า ในขณะที่ ผู้เผด็จการอำนาจเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ตอนนั้น สถาบันกษัตริย์ของผมอยู่ตรงไหน และเก็บเอาความสงสัยไว้ กะว่าจะไม่ถามใคร เพราะคงไม่มีใครตอบแน่นอน ที่เขียนมา ผมเขียนโดยบริสุทธิ์ใจ และเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า ศาลก็ยังเป็นศาลอยู่อย่างเดิม รักทุกคนครับ จากคุณ : เอชัย เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 19:10:09 A:182.53.38.189 X: