ความคิดเห็นที่ 8 | MsgStatus(Msv[8], 8); | 7.
แต่ไม่ใช่ให้เขามีกรรม โดยการเอาผลประดยชน์จากพวกเขาครับ
ถ้าเราคิดว่ามีกรรม เขาทำกรรม การติดคุก(ไร้เสรีภาพ)ก็สมควรแล้ว แต่ยังมาหากินบนความทุกข์ของเขาแบบนี้..บอกว่ามันคือผลแห่งกรรมหรือครับ จากคุณ | : ชอบ รักประชาธิปไตย | เขียนเมื่อ | : 1 ต.ค. 55 13:14:18 A:124.121.12.28 X: | | | ผมแค่บอกว่าการที่เค้าได้รับการปฏิบัติแบบนั้นคือการที่เค้าได้รับผลแห่งกรรมนั้นก็ตามนั้นละครับ แต่ผมไม่ได้บอกว่าวิธีที่คุณบอกว่าการหาผลประโยชน์จากนักโทษตามที่คุณว่ามามันถูกนี่ครับ ผมแค่บอกว่าวิธีนี้มันสืบทอดมานานมากแล้วจนมันเป็นเรื่องที่ดูว่าเป็นธรรมดาในสายตาของนักโทษหรือของญาติ และในบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องหรือผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ทั้งหลาย แต่ยังไงละครับ ไฟไหม้ฟางครับ ร้องเรียนไปก็เท่านั้นตราบใดที่ผลประโยชน์มันยังตกอยู่กับคนที่ได้รับผลประโยชน์จากการขายของเยี่ยมนักโทษ ใครจะกล้าร้องเรียนละครับ ต้องเป็นคนที่ไม่มีลูกหลานหรือญาติเป้นนักโทษอยู่ในนั้นนะครับ เพราะถ้าเค้ารู้ว่าญาติใครเป็นผู้ร้องเรียนคุณคิดว่านักโทษที่เป้นลูกหลานของเค้าจะเป็นอย่างไรครับ และเมื่อร้องเรียนแล้วก้ต้องตามเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะไม่งั้นแล้วคนที่เดือดร้อนที่สุดคือใครละครับ ก็คือนักโทษนี่ละครับที่จะได้รับผลกระทบอย่างมากสุด เพราะเป็นผู้ที่รับเละแน่ๆ ไม่มีทางป้องกันตัวเองได้เลยครับ นี่ครับที่ผมอยากจะสื่อให้ทราบ ผมไม่เคยเชื่อเลยว่าเรือนจำในประเทศไทยจะไม่มีการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ เคยเห้นเค้าโดนตีกันมั้ยครับ โดนกันแต่ละทีเสียงยังกะทุบมะพร้าว นี่ละครับที่ผมบอกว่าต้องยอมรับกรรมไปถ้าลูกหลานเรายังอยู่ในนั้นขืนญาติไปร้องเรียน ก้ไม่รู้ว่าจะมีผลกระทบอะไรกับลูกหลานของเรา ประเทศไทยไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลหรือใครจะเป็นฝ่ายค้าน ผมว่าถ้ามีสิ่งไหนที่ไปกระทบผลประโยชน์ของตัวเอง ก็จะเงียบครับ ไม่รู้ไม่เห็นดีกว่า
จากคุณ |
:
คนขำๆ
|
เขียนเมื่อ |
:
1 ต.ค. 55 15:19:11
A:61.19.88.130 X:
|
|
|
|