ความคิดเห็นที่ 1 เป็นกำลังใจให้ สักวันหนึ่งต้องทำได้สิ จากคุณ : MarvericK เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 18:18:35 A:161.200.69.115 X:

ความคิดเห็นที่ 2 ใจร่มๆครับ จขกท.ผมรู้ว่าคุณเพลียกับความคิดและมุมมองของ  aumstar  ป่วยการครับ ที่จะอธิบาย ในนามลูกชาวนา100%  อาลัยกับเพื่อนร่วมชาติท่านนี้ด้วย  ชาติหน้ามีจริง ไม่ขอเกิดร่วมชาติกับคนจิตป่วยพรรณนี้ จากคุณ : สีตหฤทัย เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 18:18:50 A:124.122.102.182 X:

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นกำลังใจให้ครับ จขกท. จากคุณ : TIGER_NUDE เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 18:20:45 A:116.68.158.58 X:

ความคิดเห็นที่ 4 ต้องทำได้สักวันหนึ่งสิ จากคุณ : MarvericK เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 18:21:10 A:161.200.69.115 X:

ความคิดเห็นที่ 5 มันต้องสร้างอำนาจต่อรอง ลองชาวนาไม่ขายข้าวซักปี ดูซิใครมันเดือดร้อนกว่ากัน หยุดขายข้าวครับเก็บใว้ก็ไม่เน่าลองดูครับ ผมไม่เชื่อว่านักวิชาการพวกนี้มันจะกินมันฝรั่งทอดแทนข้าวหรือนั่งเครื่องบินไปกินนอกประเทศได้ จากคุณ : linuxatom เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 18:25:38 A:124.120.232.87 X:

ความคิดเห็นที่ 6 ขอคารวะท่านเจ้าของกระทู้ครับ ผมเองก็ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย ได้ยินได้ฟังอะไรมาก็มาแชร์กันนะครับ ไม่ทราบท่านเคยลองเกษตรทฤษฎีใหม่ / ไร่นาสวนผสม หรือยังครับ ผมเองไม่เคยมีประสบการณ์เหล่านี้ แต่หลายท่านที่ได้ทดลองกับตัวเองพบว่าเป็นคำตอบให้ชีวิตครับ พยายามอยู่ในระบบตลาดแล้วไม่สามารถ ก็เลี่ยงออกมาเสีย พึ่งพาตนเองให้มากที่สุด พึ่งพาตลาดให้น้อยที่สุด ปลูกข้าวส่วนหนึ่ง ผักสวนครัวส่วนหนึ่ง สมุนไพรส่วนหนึ่ง ลงไม้ใหญ่ให้ร่มเงา เลี้ยงไก่เอาไข่เก็บกิน ขุดสระพอเพียงแก่การเพาะปลูกแล้วเลี้ยงปลาไปด้วย กล้วย มะม่วง ผลผลิตเหล่านี้เก็บกินได้เรื่อยๆไม่ต้องซื้อหาจากไหน ส่วนเกินก็แจกจ่ายเพื่อนบ้านเป็นการเอื้ออาทรระหว่างกัน หรือนำไปขายได้แบบไม่ต้องรีบร้อน หรือนำไปแลกสินค้าที่ต้องการ หรือแปรรูปไว้ขายครับ เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : razzmatazz เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 18:46:46 A:125.24.184.17 X:

ความคิดเห็นที่ 7 ขอคารวะท่านเจ้าของ คห.6 ผมขอยืนยันว่าเกษตรทฤษฏีใหม่นับว่าเป็นสิ่งที่เป็นทฤษฏีอย่างแท้จริง.............ไม่สามารถนำไปใช้ได้จริงๆกับชีวิตจริงๆของคนไทยทั่วๆไปหรอกครับใช้ได้กับคนส่วนน้อยเท่านั้น   ในทางปฏิบัติมันมีตัวแปรมากมาย  เอาแค่ปัญหาเรื่องที่ดินที่จะใช้ปลูกข้าวส่วนหนึ่ง ผักสวนครัวส่วนหนึ่ง สมุนไพรส่วนหนึ่ง ลงไม้ใหญ่ให้ร่มเงา เลี้ยงไก่เอาไข่เก็บกิน ขุดสระพอเพียงแก่การเพาะปลูกแล้วเลี้ยงปลาไปด้วย กล้วย มะม่วง ........แบบที่ท่านว่ามาก็ไม่มีปัญญาจะหามาได้แล้วครับ จากคุณ : nagratam เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 19:32:41 A:118.173.123.0 X:

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณครับท่าน nagratam ผมเองเชื่อว่าทุกอย่างย่อมมีข้อดีข้อด้อย ข้อจำกัด โอกาส ความเสี่ยง เสมอครับ ในประเด็นข้อด้อยก็มีให้พิจารณา คือว่ากันตามตรงมนุษย์เราดำรงชีวิตได้ในขั้นต่ำต้องกอปรด้วยปัจจัยสี่ อันได้แก่ ที่อยู่อาศัย อาหาร เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค นี่ว่ากันถึงว่าปัจจัยจำเป็นเบื้องต้นเท่านั้นนะครับ ทฤษฎีนี้ตอบโจทย์ได้แน่ๆสองประการ คือ ที่อยู่อาศัย และอาหาร ครับ มากน้อยสุดแต่กำลังของแต่ละท่าน แต่เครื่องนุ่งห่มเก่าขาดต้องซื้อใหม่จะทำอย่างไรดี ยามเจ็บไข้ได้ป่วยต้องหาหยูกยาหรือพบแพทย์จะทำกันอย่างไรดี มีบุตรต้องให้การศึกษาจะทำอย่างไรดี เอาไข่ไก่เอาผักไปแลกหรือเปล่า คงไม่สามารถกระทำได้ทุกที่ทุกครั้งครับ ตรงนี้เชื่อว่ารัฐบาลสามารถมีบทบาทเข้าอุ้มชูเขาเหล่านั้น ซึ่งก็ได้เกิดขึ้นแล้วบางส่วน เช่น เรียนฟรี จะสอบเอาทุนไปเรียนถึงไหนก็มีให้ เจ็บป่วยก็มีสวัสดิการอยู่ และเมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงกันแล้ว คนเราต้องพึ่งพาอาศัยวัตถุนอกกายอีกหลายประการเพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ รถกระบะเก่าๆซักคันไว้ขนปุ๋ยคอกมาใส่แปลงเพาะปลูก และได้อาศัยพาคนในครอบครัวไปหาหมอยามค่ำคืนที่เรียกหาใครมาช่วยไม่ได้ ต้องมีสุนทรีย์ในชีวิต อย่างน้อยวิทยุเครื่องหนึ่งไว้ฟังเพลงหย่อนอารมณ์และรับฟังข่าวสารบ้านเมือง มีหนังสือหนังหาอ่านเพื่อความรู้ให้ทันสมัยกับกาล ฯลฯ อีกมากครับ ยกมาเป็นเบื้องต้นเท่านั้น ยินดีที่ได้สนทนากันครับ จากคุณ : razzmatazz เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 20:09:31 A:125.24.184.17 X:

ความคิดเห็นที่ 9 สังคมมันเป็นพลวัตรมันไม่สามารถย้อนกลับได้แล้ว.............ขณะนี้สังคมไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคสังคมทุนนิยมอย่างเต็มตัวแล้ว  และระบบทุนนิยมมันตรงกับสันดานของมนุษย์เสียด้วย (ขออภัยที่ใช้คำไม่สุภาพ)   ตามความคิดของผมๆคิดว่าเราน่าจะหาวิธีอะไรที่ดีๆมาใช้โดยไม่เป็นการฝืนกับสภาพของสังคมที่มันเปลี่ยนไปแล้วอย่างถาวร  เช่น เกี่ยวกับรัฐสวัสดิการแบบที่ท่าน razzmatazz  ได้ยกตัวอย่างมา  ผมเป็นสมาชิกราชดำเนินรุ่นเก่าแก่ไม่ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นมานานแล้ว  เพราะคิดว่าคนรุ่นผมตกยุคไปแล้ว..........ยินดีเช่นกันที่ได้สนทนากับท่าน จากคุณ : nagratam เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 20:49:19 A:118.173.126.161 X:

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นกำลังใจให้ คุณพฤษภาฯ  ไม่ท้อถอยต่อปัญหา อย่างน้อยก็มีข้าวไว้กินเอง  มีที่ดินเป็น ของตนเอง  ยังดีกว่าคนอีกไม่น้อยที่  บ้านต้องเช่า  ข้าวต้องซื้อ  ค่ะ อย่าไปใส่ใจ  พวกคับแคบทางความคิดที่ลมหายใจเข้า-ออก เป็นเงินตรา  อาชีพเกษตร รายได้ไม่แน่นอน  ถึงไม่มีการเก็บภาษี  เวลาที่เสี่ยงก็รับภาระไปเต็มหนักอึ้ง คนความคิด ตื้นแบบนั้นเบาปัญญาคิดไม่ได้  ถึงพูดออกมาแบบนั้นค่ะ ประเทศไทยเป็นแชมป์  ส่งออกข้าวมายาวนานต่อเนื่องหลายปี แต่แปลกใจว่า  ทำไม  ชาวนาเราจนยังไง  ก็จนอยู่อย่างนั้น มันสวนทางกันกับ พ่อค้า ทำไม  เราจะทำให้   พ่อค้ารวย  ชาวนา  ก็รวยทั้งคุ่  ตามกันไปไม่ได้หรือ     ช่องโหว่  น่าจะอยู่ที่  การกำหนดราคาขาย  ที่ไม่ได้อยุ่ในมือของชาวนา  แต่อำนาจ กำหนดราคา  ไปอยู่ที่  พ่อค้า   ....  เมื่อไหร่ที่ชาวนายังต้องเป็นเบี้ยล่างให้พ่อค้า ที่หาวิธี  กดราคาให้ได้ราคาต่ำ ๆ จากชาวนา   ชาวนาก็คงต้องจนต่อไปตราบเท่านาน จุดนี้เราเห็นว่ารัฐควรเข้ามาส่งเสริมช่วยเหลือ  นอกจากการรับจำนำ  ว่าทำอย่างไร ให้ ชาวนามีศักยภาพมาเป็นผู้ที่สามารถกำหนดราคา  มีอำนาจต่อรอง  ในทางการตลาด อย่างจริงจัง   เช่นในเรื่องปัญหาที่จขกท.บอกเรื่องโรงสี  ซึ่งต้องให้เงินทุนหลักล้าน ตรงนี้รัฐน่าจะช่วยเหลือได้โดยวิธีใดวิธีหนึ่ง  อาจเรื่องเงินทุน  หรือ รัฐสนับสนุนเรื่องทุน  เครื่องมือ  เครื่องสีข้าว  ในรูปแบบใดแบบหนึ่ง.     ถ้าสามารถ  ....เปลี่ยนให้พ่อค้ามาต่อคิวรอซื้อข้าวจากชาวนา  ....แทนการที่ชาวนา     ขนข้าวไปให้พ่อค้า   สุ่มตรวจ  ความชื้น  แล้วถูกกดราคา ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ ได้     เมื่อไร  ...ชีวิตชาวนาต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน... จากคุณ : บ้านดิน เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 20:50:24 A:110.168.179.31 X:

ความคิดเห็นที่ 11 ขอขอบคุณเพื่อนๆ ชาวราชดำเนินทุกท่าน ที่เข้ามาให้กำลังใจ (น้ำตาจะร่วงเอา) สำหรับท่าน razzmatazz เรากำลังทำอยู่ ที่นาเรา ปลูกผักสวนครัว สารพัดชนิดไว้กิน หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนไปเรื่อย หลังจากน้ำท่วม (เสียหายทั้งหมด ไม่มีอะไรเหลือเลย ท่วมมิดหัว นาน 2 เดือน) เราได้ลง กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม เพื่อที่จะได้เก็บขาย อีก 6 เดือนข้างหน้า น่าจะทัน ตรุษจีน อิอิ มะม่วงพันธ์ต่างๆ กระท้อน ชะอม มะนาว (ทำเรื่องหลอกมะนาวเรื่องฤดูไว้ด้วย เผื่อจะออกลูกหน้าแล้ง) ฯลฯ ห่าน 30 ตัว ทำพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ เป็ด 10 ตัว ไว้กินไข่ มีบ่อปลาด้วย แต่ไม่ได้เลี้ยงขาย เลี้ยงไว้ดูเล่น พวกปลาที่ได้มาตอนน้ำท่วม อยากินก็ลงเบ็ดไว้ ตัวไหนถึงฆาตก็ว่ากันไป เราพยายามเก็บเงินซื้อเครื่องสีข้าวเล็กๆ อยู่ ไปดูมาแล้ว หกหมื่นกว่าบาท เผื่อจะได้กินข้าวที่ตัวเองปลูกบ้าง แต่เราปลูกข้าว กข.31 นะ (ข้าวขาว 5%) เราอยู่ได้ เรามีความสุข เราเลี้ยงพ่อเรา ตอนนี้พ่อเราอยู่เฉยๆ ปลูกต้นไม้ไปตามเรื่อง ลูกเรา อยู่ม.2 โรงเรียนรัฐบาล ก็หวังว่าคงจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ชีวิตเค้าก็แล้วแต่เค้า ที่เรามาเป็นชาวนา ก็เพราะว่า เราแค่อยากช่วยพ่อเรา ลาออกจากงานกินเงินเดือน พ่อเราเสียดาย พ่อเรารักอาชีพนี้ พ่อเราชอบปลูกต้นไม้ พ่อเรามีความสุข จริงๆ แล้ว ก็พอจะอยู่ได้นะ ถึงแม้จะไม่มีใครมาช่วย ถ้าไม่โลภ ถ้าไม่มักมากในวัตถุ สบายใจดีออก เป็นเจ้านายตัวเอง เพื่อนมาหา ก็สนุกสนาน ต้อนรับขับสู้กันไป เรามีคาราโอเกะด้วย แล้วไม่ต้องไปรบกวนใคร เพราะแต่ละบ้านห่างกัน วันนี้ เราก็ได้ถั่วฝักยาวมาจากคุณลุงข้างบ้าน สดจากต้น ปลอดสารพิษ อร่อยมาก ขอบคุณ จากคุณ : ชาวนาอาชีพ (พฤษภาคม 2510) เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 21:28:11 A:110.171.81.73 X:

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบพระคุณครับท่าน nagratam ผมเองเป็นเด็กรุ่นหลังก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ มีอะไรชี้แนะตักเตือนหรือให้ความรู้ยินดีครับ สนทนาแลกเปลี่ยนความเห็นกัน เพื่อประโยชน์ตกแก่สาธารณะครับ ผมเห็นด้วยกับท่านในประเด็นเมืองไทยกับโลกทุนนิยมนะครับ และเห็นเพิ่มเติมว่าบ้านเรายังอยู่ในระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านจากสังคมเกษตร มาสู่สังคมอุตสาหกรรม มันเป็นกระบวนการที่เริ่มมาหลายสิบปีแล้วครับแต่ยังไม่สิ้นสุด ท่ามกลางช่วงเปลี่ยนผ่านอันยาวนานนี้ หลายคนต้องเปลี่ยนแปลง มีความเจ็บปวด มีความงุนงง มีคนได้เปรียบเสียเปรียบ มีความสำเร็จ มีความล้มเหลว ก็เป็นธรรมดานะครับ ปัจจุบันนี้ก็ยังมีการไหลข้ามไปมาระหว่างภาคเกษตรกับภาคอุตสาหกรรมอยู่ ภาคเกษตรถูกลดบทบาทลง หันมาส่งเสริมการอุตสาหกรรม ผ่านมาก็มาหลายรัฐบาล พืชเศรษฐกิจหลายตัวล้มหายตายจากไปเหลือเพียงไม่มาก จำเพาะบางตัวที่ยังมีศักยภาพ เช่น ข้าว ยางพารา แต่ต้องเผชิญกับความผันผวนของราคา และความไม่แน่นอนของจำนวนผลผลิต ฯลฯ ประเด็นที่อยากจุดประกายคือทำอย่างไรจึงจะเกิดความมั่งคั่งอย่างถาวร และเกิดความได้เปรียบเชิงแข่งขันในระยะยาว ทุกคนในระบบอยู่กันได้ครับ ปัญหาในระยะสั้นหลายท่านหลายฝ่ายได้ถกเถียงกันมากมายหลายแง่มุมแล้ว อยากลองคุยเรื่องแผนการณ์ในระยะยาวบ้างครับ ส่วนเรื่องรัฐสวัสดิการ เป็นเรื่องที่แตกประเด็นปลีกย่อยได้อีกมากเลยครับในความเห็นของผม เพราะเมื่อพูดถึงสวัสดิการก็ต้องพูดถึงแหล่งเงินอันได้แก่ภาษี สวัสดิการยิ่งมากภาษียิ่งต้องสูงขึ้นเป็นสัดส่วน และต้องพูดถึงเด็กรุ่นหลังที่จะเติบโตทำงานเสียภาษีเป็นผู้อุดหนุนสวัสดิการให้แก่ผู้ชราผู้พิการในสังคม มีการปราบปรามอบายมุขและยาเสพย์ติดอย่างจริงจังเช่นนี้ดีครับ เพื่อจะได้มีประชากรคุณภาพในระบบครับ หากเยาวชนถูกมอมเมาเสียแล้วอนาคตระบบก็มีแต่สูญเสียไม่สามารถเลี้ยงตัวอยู่ได้ครับ จากคุณ : razzmatazz เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 21:28:32 A:125.24.184.17 X:

ความคิดเห็นที่ 13 ท่านเจ้าของกระทู้ครับ ขอแสดงความยินดีกับท่านและครอบครัวที่มีความสุขนะครับ ผู้รู้กตัญญูต่อผู้มีพระคุณย่อมต้องเจริญรุ่งเรืองผมเชื่อเช่นนั้นครับ หลายท่านในห้องราชดำเนินคงเป็นกำลังใจให้กับท่านแน่นอนครับ จากคุณ : razzmatazz เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 21:36:38 A:125.24.184.17 X:

ความคิดเห็นที่ 14 ชาวนาต้องเป็นเบี้ยล่างตลอดไปโดยที่ไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะต่อสู้ พอจะลืมตาได้บ้างก็มีคนมาคอยขวางเพื่อหวังให้พวกพ้องจะเอาผลประโยชน์จากชาวนา เหนื่อยกายยังไม่พอยังจะต้องมาเหนื่อยกายกับพวกนี้อีก จากคุณ : คนไทลื้อ เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 55 01:35:58 A:182.93.139.27 X:

ความคิดเห็นที่ 15 ถามชาวนาหน่อยว่า ที่ขายข้าวให้กับโรงสีได้ เพราะไม่โดนกดราคาเหมือนเมื่อก่อน แต่เงินที่ได้ จ่ายค่า ครองชีพแพงขึ้น ค่ารักษาพยาบาลแพงขึ้น ค่าเดินทางแพงขึ้น แล้วดอกเบี้ยเงินกู้ก็จะแพงขึ้นตาม ชาวนาจ๋า เงินที่ได้อิ่มวันนี้ แต่คุณอีกนั่นแหล่ะที่เจ็บแทบกระอักเลือด เมื่อประเทศชาติ ล้มละลาย เพราะฝีมือพวกคุณ เลือกคนโกงเป็นตัวแทน เปิดสมองตัวเองหน่อย   จากคุณ : อ สุวงศ์ เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 55 07:37:05 A:115.87.55.50 X:

ความคิดเห็นที่ 16 คนในอยากออกคนนอกอยากเข้า คำนี้ยังใช้ได้ทุกวงการ สิ่งที่เราทำอยู่เราจะเห็นว่ามันไม่ดีลำบาก คนอื่นทำนั้นมันดูสบายได้เงินเยอะ ถ้าเรารู้จักพอสำหรับตัวเราเองแล้วนั้นแหละเราจะรู้สึกสบาย การทำนานั้นเดี๋ยวนี้มันต้องคิดแบบพ่อค้า คิดว่ามันเป็นการลงทุนทำธุระกิจ ต้องให้มีกำไร ส่วนไหนต้องลดรายจ่าย เหมือนเราเป็นโรงงานผลิตสิ่งของ ถ้าเรายังคิดว่าทำกันตามสมัยพ่อแม่ทำ มันก็เหมือนเดิม ผมยังหันมาทำนาเลยและคิดว่าไม่ผิดที่มาลงทุนในธุระกิจนี้ อนาคตมันคุ้มกว่าอาชีพอื่นถึงมันจะรวยช้า แต่เวลาจะรวยมันรวยแซงคนอื่นเลยละ จากคุณ : รู้ไปหมด เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 55 08:03:13 A:182.53.96.242 X:

ความคิดเห็นที่ 17 ชาวนาส่วนใหญ่มีชีวิตแบบพอเพียง  รู้จักกิน รู้จักใช้ เจ็บป่วยมีบัตรทอง  ไม่ได้ฟุ่มเฟือย ขับรถหรู  กินหูฉลาม  ชอบปิ้งคือชีวิต เที่ยวเมืองนอกเป็นนิตย์  ถึงยามขัดสนยังเก็บพืฃผักที่ปลูกกินได้ ยังอยู่กันได้   ห่วงแต่พวกอวดรวย อวดหรู อยู่สบาย  แต่ติดหนี้แบงค์  ถึงคราวล้มละลาย  ถูกแบงค์ยึด แล้วจะอยู่อย่างไรนี่   ยิ่งคนที่เลือกมาก็พึ่งพิงไม่ได้  แค่น้ำมันปรุงอาหารร  ยังจะแย่งชิงกันตาย ประเทศเกือบล้มละลาย  แถมจะซัดกันตายกับเพื่อนบ้าน   ถ้าให้บริหารต่อ  กลุ่มแรกที่ตายก็ คือพวกทำหรู ข้างในกลวง .. กลุ่มนี้ตายก่อน   ต้องขอบคุณชาวนาและคนส่วนใหญ่ด้วยซ้ำไปป   ที่ช่วยกันเลือกก ข้าวก็มีให้กินไม่แพงง  ไข่่ก็ถูกกว่า   น้ำมันพืชก็ไม่ต้องแย่ง  และซื้อแพงง เพราะกลโกงของคนค้าในยุคนั้น ดีกว่ากันเยอะ    มีผู้นำขยัน ไม่พูดมาก ทำแต่งาน  แตกต่างมากมาย จากคุณ : บ้านดิน เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 55 08:19:32 A:110.168.179.31 X: