เรียน ท่านผู้เจริญ
ข้าวไทย มีการพัฒนาพันธุ์ให้ใช้ประโยขน์ได้อย่างหลากหลายมานานแล้วครับ
ข้าวที่นำมากิน ก็มีการปรับปรุง คัดเลือก ผ่านการทดลองมาแล้ว รุ่น ต่อ รุ่น
นอกจากการเก็บข้าวสำหรับกินแล้ว ก็เก็บเอาไว้สำหรับหมักเหล้า คือ เหล้าน้ำขาว
หรือ สาโท หากอยากให้ดีกรีแรงก็ต้องเหล้าต้ม ก็คือ การกลั่นนั่นเอง ที่ทำเหล้าไว้
แต่เดิมก็เพื่อไว้สำหรับแจกกันหลังช่วยกันลงแขกทำนา ใช้สำหรับงานบุญ ทำยา ฯลฯ
เป็นการใช้ผลิตผลส่วนเกินมาทำประโยน์ ไม่ต้องซื้อหาเพราะทำกินกันเองได้
พอรัฐที่กรุงเทพฯ บอกว่าเหล้าต้องรัฐบาลเท่านั้นที่ทำได้ มีสรรพสามิตออกตรวจจับ
การทำเหล้าพื้นบ้านก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ทำกินกัน เดี๋ยวนี้ยิ่งหนัก เพราะเหล้าที่รัฐบาล
ให้สัมปทานเอกชนบางรายแบบผูกขาดน่ะ เลิกใช้ข้าวทำการหมักแล้วกลั่น
หันไปใช้กากน้ำตาลหรือมอลลาส จากโรงงานน้ำตาลเอามาทำเหล้าขาวให้คนไทยกิน
ผมว่า หากรัฐบาลจริงจังสนับสนุนการวิจัย หรือนำผลการวิจัยมาเพิ่มมูลค่าของข้าว
ให้สามารถผลิตเป็นสินค้าที่หลากหลาย ทำควบคู่ไปกับนโยบายจำนำข้าว และ
เมื่อราคาข้าวมีระดับราคาที่น่าพอใจและมีเสถียรภาพ ก็ลดและเลิกนโยบายจำนำ
จากนั้นก็เร่งผลิตและกระจายผลิตภัณฑ์จากข้าวให้ติดตลาดทั้งในและนอกประเทศ
ไม่ต้องห่วงว่าราคาจะตก เพราะมีหนทางอื่นที่เราจะสามารถนำไปทำเป็นสินค้าได้
อย่างหลากหลาย ก็จะเป็นการยกระดับสินค้าเกษตรของเราให้เป็น "เจ้าแห่งข้าว"
อย่างแท้จริง (ไม่ต้องเป็นเจ้าส่งออกมากเป็นที่หนึ่ง แต่ชาวนาจนชั่วกาลนาน)
ครับ