ความคิดเห็นที่ 1 โดยส่วนตัวคิดว่า การอุ้มราคาข้าวทุกวันนี้ อย่างเรื่องจำนำ ไม่ใช่ทางออกสุดท้าย และไม่คิดว่า จะเป็นนโยบายระยะยาว เมื่อสร้างฐานกำลังการผลิต และการซื้อขายหมุนเวียนได้แล้ว การพัฒนาด้านอื่นต้องตามมา เช่นการพัฒนาพันธุ์ข้าว พัฒนากระบวนการการผลิต หรือแม้แต่ รัฐสวัสดิการ อย่างปชป วาดฝันไว้ แต่อาจจะไม่ใช่รัฐ แต่เป็นเอกชน (บางส่วน) ค่อยเป็นค่อยไป นะคะ จากคุณ : น้องพรผู้น่ารัก เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 11:09:59 A:171.101.126.124 X:

ความคิดเห็นที่ 2 รัฐรับจำนำข้าวได้ปีละสองครั้งต่อคนเท่านั้น จากคุณ : เต่าไม่กินผักบุ้ง เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 11:17:35 A:223.206.139.97 X:

ความคิดเห็นที่ 3 ความผมในฐานะที่ไม่รู้เรื่องข้าวนะครับ.. ผมว่าก็มีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกันนะ แต่ไม่น่าจะมากมายอะไร.. คือ ข้าวแต่ล่ะสายพันธ์ให้ผลผลิตต่อไร่ไม่เท่ากัน และระยะเวลาเก็บเกี่ยว ก็ไม่เทาากันน่ะครับ ดังนั้น เมื่อมีการจำนำข้าว มีราคาขั้นต่ำ หากชาวนาเขาอยากได้ผลผลิตเยอะๆ ก็อาจเปลี่ยนสายพันธุ์ข้าว มาปลูกแต่เฉพาะสายพันธ์ที่ให้ผลผลิตเยอะๆต่อไร่ หรือเก็บเกี่ยวเร็ว อะไรทำนองนี้ คือเน้นปริมาณ ไม่เน้นคุณภาพ แต่ถามว่าทำไม ผมจึงบอกว่าไม่น่ามากมายอะไร ก็เป็นเพราะระยะเวลาการปลูกการรับจำนำ แล้วก็เรื่องการเปลี่ยนสายพันธุ์จากที่ตนเองเคยปลูก ก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนง่ายๆ เพราะสายพันธุ์ข้าวแต่พันธุ์ ก๋มีการดูแลรักษาที่แตกต่างกัน หากเคยปลูกแต่สานพันธุ์ ก.มาตลอด การจะเปลี่ยนเป็นสายพันธุ็ ข. ชาวนาก็ต้องคิดอยู่เหมือนกันแหละครับ ประกอบกับสายพันธุ็ข้าวแต่ล่ะสายพันธุ็์ก็ไม่ใช่ว่าจะปลูกได้ทุกพื้นที่ ได้ทุกภูมิภาค.. หากกระทบจริงก็ต่อเมื่อมีผุ้ปลูกข้าวรายใหญ่ในเชิงพาณิชย์ เกิดขึ้นมากๆ...แล้วมีการรับจำนำข้าวอย่างนี้...ก็อาจเกิดขึ้นได้ เพราะพวกนี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอกในหารเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ปลูก ป,ล. ผมก็คิดไปประสาผมนะครับ...อย่าต่อว่ากันล่ะครับ ผมลูกชาวสวนไม่ใช่ชาวนา.. แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 11:24:49 แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 11:19:31 จากคุณ : ข้างบูรพา เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 11:18:45 A:171.99.128.216 X:

ความคิดเห็นที่ 4 ให้ข้าวทำโอ+2กะมั้งคะ คริ คริ จากคุณ : kangsom เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 11:19:15 A:124.121.246.153 X:

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วทำเป็นเล่นไป...เรื่องโอที +๒ ของข้าว.. เป้นไปได้อยู่เหมือนกัน..หากรับจำนำข้าวในราคาสูงกว่าท้องตลาด และเป็นนโยบายที่ยั่งยืน... เราอาจมานั่งเถียงกันเรื่องข้าวตัดต่อพันธุกรรมในอนาคตแน่ๆ.. แบบผลผลิตสูงสุดๆ ทนโรค ระยะเวลาเก็บเกี่ยวเร็วมาก อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ หากมูลค่าข้าวสูงลิบๆ เป็นสิ่งจูงใจตามปกตินะผมว่า และจะมีผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ทีเป็นเชิงพาณิชย์แท้ๆ เกิดขึ้นมากมาย นี่ก็เป็นโอที +๒ ของข้าวแล้วนะผมว่า แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 11:38:14 จากคุณ : ข้างบูรพา เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 11:36:32 A:171.99.128.216 X:

ความคิดเห็นที่ 6 ใช่จะเปลี่ยนกันได้ง่ายๆน่ะครับ สุ่มสี่สุ่มห้าปลูกเพลี้ยเอาไปกินหมด จากคุณ : this is thailand เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 11:38:34 A:110.49.233.33 X:

ความคิดเห็นที่ 7 ก็คงหลอกได้แต่สาวกเค้าแหละค่ะ คุณน้องพร จากคุณ : ริมคันนา เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 11:38:54 A:124.121.135.4 X:

ความคิดเห็นที่ 8 ข้าวนาหว่านถ้าน้ำถึง ก็ทำ 3-4 รอบได้ครับ แต่มันไม่ใช่ไปเร่งหรอก เป็นที่พันธุ์ข้าว มันใช้เวลาปลูก 90 วัน 120 วัน ส่วนในที่แล้ง ก็จะปลูกพวกข้าวหอมแทน แต่พวกนี้อายุจะมากกว่า แถมต้องรอช่วงฝน ปีนึงเลยปลูกได้รอบเดียว จากคุณ : piggy_aa เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 11:40:13 A:110.168.203.175 X:

ความคิดเห็นที่ 9 ชาวนา ที่มาร่วม ปลูกข้าวในที่นาของคนรู้จัก สนิทสนม บอกว่า เคยปลูกข้าวชนิดไหน ก็ จะชิน กับ นิสัย ของข้าวชนิดนั้น คือ จะรู้ใจว่า จะดูแล รักษา อย่างไร และประมาณ การได้ แม่นยำ ในผลผลิต ที่จะได้ ที่จะเปลี่ยน พันธุ์ ข้าว ไป โดยไม่ ทดลองนี่ ไม่มีใครเสี่ยง !!! จากคุณ : KUM Encore เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 11:40:39 A:124.120.206.123 X:

ความคิดเห็นที่ 10 ไอ้พวกนี้มันคิดกว่าการปลูกข้าว(เพื่อขาย)ให้ได้เยอะๆเกินกว่าที่ทำได้นั้นง่ายๆเหมือนแคะขนมครก.โชว์ไอ้ทุยจากสมองจริงๆ ข้าวมันกำหนดเวลาด้วยธรรมชาติขอลมันครับ จะเร่งอย่างไรก็ทำได้แค่ตามสายพันธ์ของมันคือ120+-วัน น้ำธรรมชาติแสงแดด..ภูมิอากาศอีกครับที่สำคัญ.. --------------------------------ไอ้ที่บอกว่าจะปลูกสายพันธืที่ดตเร้วให้ผลผลติเยอะ(แต่คุณภาพต่ำ)อะไรนั้นไม่มีหรอกครับ มีแค่ข้าวโตเร็ว/(แต่ก็อยู่ใน120+-)คุณภาพสูงผลตลิดเยอะทั้งนั้น เขาพัฒนาสายพันธืให้ดีขึ้นครับไม่ใช่เลวลง จากคุณ : ชอบ รักประชาธิปไตย เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 11:41:03 A:124.121.110.114 X:

ความคิดเห็นที่ 11 ผมก็บอกไว้แล้วนะคุณ this is thailand ว่าเขาอาจเปลี่ยนแปลงยาก..ในระยะอันใกล้นี้ แต่การพัฒนาทางแนวคิดและวิธีการก็จะเกิด.. หากนโยบายจำนำข้าวสูงกว่าราคาท้องตลาดและยั่งยืนตลอดไป การเปลี่ยนแปลงที่คุ้มค่าความเสี่ยง.. ผมว่าไม่ว่าชาวนาหรือนักเศรษฐศาสตร์ก็คงมีแนวคิดที่จะเสี่ยงนะผมว่า ชาวนาไทยไม่ได้โงหรอกครับ...ผมเชื่ออย่างนั้น แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 11:43:07 จากคุณ : ข้างบูรพา เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 11:41:30 A:171.99.128.216 X:

ความคิดเห็นที่ 12 จริง ๆ ผมว่า เรื่องพันธ์ข้าว มันก็พัฒนากันมาแบบต่อเนื่อง พันธ์ข้าวสมัยใหม่ ๆ ก็ให้ผลผลิตต่อไร่มากกว่าพันธ์เก่า ๆ อยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องการทำให้ไม่พัฒนาน่าจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ เพราะยิ่งพัฒนา จุดหลักที่น่าจะเปลี่ยนแปลงก็คือ ผลผลิตต่อไร่ ความทนต่อโรค อาจจะมีเกี่ยวกับเรื่องการทนน้ำ หรือเรื่องอื่น ๆ ตามสมัยนิยม ซึ่งการใช้ข้าวพันธ์ใหม่ ๆ ดูแล้วมีประโยชน์กับชาวนามากกว่า การไม่เลือกใช้อยู่แล้ว มันก็เหมือนกับการพัฒนาสินค้าตัวอื่น ๆ ที่ทำให้เหมาะสมกับสถานการณ์มากขึ้นไป คนใช้ก็เลือกของดีกว่าอยู่แล้ว แต่ปัญหาที่มีผลกระทบจริง ๆ น่าจะเป็นการเลือกของชาวนา ว่าจะปลูกข้าวพันธ์ใด เพราะบางครั้ง ข้าวบางพันธ์ได้ผลผลิตเยอะจริง แต่็ก็มีปัญหาเยอะด้วย เช่นมีศัตรูพืชเยอะ ต้องใช้ยาฆ่าแมลงมาก เมื่อพัฒนาปรับปรุงพันธ์ ทำให้ทนศัตรูพืชได้มากขึ้น แต่ผลผลิตกลับลดลง ชาวนาบางทีมองแค่ผลลัพธ์ ก็เลยไม่เลือกของใหม่ ไปเลือกของเก่าที่ได้ผลผลิตมากกว่า เพราะคิดว่าควบคุมได้ จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 11:47:43 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 13 เรื่องตัดต่อพันธุกรรม มันไม่ใช้เรื่องใหม่หรือน่าตกใจอะไร ถั่วเขียว ข้าวโพด มันฝรั่ง ที่กินกันทุกวันนี้ก็เป็น GMO ซะ 80% ได้แล้วมั๊ง แม้แต่อ้อยผมยังเห็นข่าวร่ำๆว่าจะทำ GMO อยู่เร็วๆนี้เอง ส่วนเรื่องว่าจะมาทำในข้าวก็เป็นไปได้แต่พวกนี้เค้าก็ควบคุม เพราะมีผลกับการส่งออก ข้าวพันธุ์ไหนเป็นไม่เป็นเค้าระบุมา ส่วนการปรับปรุงสายพันธุ์ ให้ผลผลิตดี ไม่มีโรค โดยไม่ตัดต่อพันธุ์กรรม ในข้าวก็มีมานานแล้ว และก็ยังพัฒนากันอยู่ จากคุณ : piggy_aa เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 11:48:21 A:110.168.203.175 X:

ความคิดเห็นที่ 14 เรื่อง GMO หากเปิดเสรีผมก็ว่าไม่น่าตกใจอะไร ก็เห็นมีการถกเถียงกันอยู่นะว่าควรไมควรอย่างไร แล้วผมก็ไม่รู้ว่าจริงๆพืชพวกนี้มีคุณโทษอย่างไรหรือไม่ ก็หยิบยกมาพูดเพื่อบอกว่าเรื่องโอที +๒ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้นแหละครับ โคลนนิ่งจากเซลยังทำได้เลย...ประสาอะไรล่ะครับ.. กับการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ข้าวแบบพลิกโลก ด้วย GMO ส่วนการพัฒนาสายพันธุ์ก็จริงครับว่ามีการพัฒนาสายพันธุ์กันโดยตลอด แต่ผมเห้นแต่ส่นใหญ่ทางนักวิชาการของฝ่ายรัฐเท่านั้นที่เป้นผู้พัฒนา เอกชนนี่น่าจะมีไม่มากนัก...คงเป็นเพราะไม่มีสิ่งจูงใจเขา ในเรื่องราคา เอกชนก็เลยเป็นพ่อค้าคนกลางเป็นส่วนใหญ่ แต่หากมีการการันตีราคาข้าวให้สูงลิบอย่างนี้..และยั่งยืน (เน้น) ผมว่าการพัฒนาแบบก้าวกระโดดทางสายพันธุ์ข้าว ในฟากเอกชนจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แน่นอนว่า..ผู้ได้ประโยชน์สูงสุดอาจจะไม่ใช่ชาวนา.. แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 12:07:24 จากคุณ : ข้างบูรพา เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 12:03:09 A:171.99.128.216 X:

ความคิดเห็นที่ 15 ฟังดูก็มีเหตุมีผลดี  ทั้งสองด้าน ถ้าจะให้ดี รัฐบาลก็ควรเตรียมการ  ป้องกันหรือแก้ไขเรื่องนี้เช่นกัน จากคุณ : JJ 2 Go เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 12:09:22 A:101.51.9.177 X:

ความคิดเห็นที่ 16 จริงๆแล้ว..ผมก็ไม่ได้ต่อต้านเรื่องจำนำข้าวนาครับ ผมเพียงเห็นว่าควรทำให้เป็นการจำนำข้าวอย่างแท้จริงเท่านั้น หากบอกว่าเป็นโครงการอนุเคราะห์ราคาข้าวให้ชาวนาในกำหนดเวลาชั่วคราว ผมก็คงนั่งฟังเฉยๆ ไม่มาพูดเรื่องนี้หรอกครับ.. จากคุณ : ข้างบูรพา เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 12:12:11 A:171.99.128.216 X:

ความคิดเห็นที่ 17 น้องพรที่รักหายไปเลยแฮะ...ไม่มีความเห็นหน่อยรึครับ... จากคุณ : ข้างบูรพา เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 12:21:09 A:171.99.128.216 X:

ความคิดเห็นที่ 18 ตัวนโยบายเขาก็มีให้ดู ไม่ดู  แล้วก็มานั่งทางใน พิลึกบ่ะ เรื่องตัดต่อพันธุกรรม  เขาก็มีกฎหมายควบคุม ไม่ใช่ใครจะทำก็ทำ เฮ้อออ... จากคุณ : ตระกองขวัญ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 12:24:04 A:223.204.24.134 X:

ความคิดเห็นที่ 19 เรื่องตัดต่อพันธุกรรม  เขาก็มีกฎหมายควบคุม ไม่ใช่ใครจะทำก็ทำ เฮ้อออ... จากคุณ : ตระกองขวัญ     เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55   """"""""""" ต้องบอกคุณ piggy_aa นา เห็นเขาว่า ใช้ GMO ๘๐ % แล้ว ผมไม่รู้เรื่องหรอก.. ผมแค่ยกมาเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย GMO หรอก เปิดค้นดูแล้วเขาว่าไม่มีกฎหมายที่ชัดเจนในเรื่องนี้.. ก็ไปเจออย่างนี้..จริงเท็จยังไงก็ไปค้นหาดูเอา.. ................... วิเคราะห์กฎหมายที่เกี่ยวข้อง จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายที่จะควบคุมหรือใช้บังคับกับ GMOS โดยตรงเนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ หรือแม้กระทั่งการปรับปรุงกฎหมายที่มีอยู่แล้วให้เหมาะสมหรือดีขึ้น ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ เป็นกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องพืชส่วนใหญ่ เช่น พระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ.2507 ใช้ควบคุ้มและดูแลกรณีพืชนำเข้าที่เป็น GMOS เท่านั้นซึ่งไม่มีกฎหมายที่ควบคุมและกำกับดูแลการนำเข้าสัตว์หรือจุลินทรีย์อื่นๆ เลย http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2004q3/article2004sep10p9.htm หรืออาจมีกฎหมายใหม่ล่าสุดกว่านี้พูดถึงเรื่อง GMO โดยตรงแล้วก็ไม่รู้นะครับ แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 12:31:11 แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 12:29:58 จากคุณ : ข้างบูรพา เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 12:29:17 A:171.99.128.216 X:

ความคิดเห็นที่ 20 รัฐบาลกำหนดราคารับซื้อคามคุณภาพ ถ้าชาวนามักน้อยก็แล้วแต่ ตรือ ปัตจัยการผลิคมันได้แค่นั้น จากคุณ : คุณชายเหตุผล เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 12:43:29 A:110.49.242.154 X:

ความคิดเห็นที่ 21 เฮ้อ... เกี่ยวกับการตัดต่อพันธุกรรมนี่ ไม่ว่าพืชหรือสัตว์  ไทยเรายังไม่มีกฎหมายคาบคุมโดยเฉพาะ มีเพียงการห้ามนำเข้าพืชพันธุ์ตัดต่อพันธุกรรมหลายสิบชนิด หากจะนำเข้าก็ต้องขออนุญาต และให้ทดลองในเฉพาะโรงเรือนเท่านั้น แล้วใครล่ะจะมาทำนาจีเอ็มโอได้ ? อีกอย่าง  เกษตรกรไทยมีขีดความสามารถไหม ? การปลุกพืชจีเอ็มโอมีผลกระทบสารพัด  ไม่ทดลองจนปลอดภัย ไม่มีทาง เรื่องกฎหมาย  มันก็เกี่ยวโยงกับประเทศผู้รับซื้อ ไม่ใช่แค่เฉพาะไทย อย่าไปไกลถึงจีเอ็มโอเลย  มันไกลไป   เพ้อเิกินไป เอาแค่ว่า  ปลายปีหน้า  ก็รู้แล้วว่านโยบายจำนำข้าวนี่  จะรุ่งหรือจะริ่ง รัฐบาลเข้ามาทำงานได้ปีเศษ  นโยบายเพิ่งเริ่มเดิน รออีกนิด  นั่นแหละจะเห็นผล หากนโยบายไม่ได้เรื่อง  มันก็ม้วนเสื่อไปเอง ส่วนไอ้ที่คิดว่าจะทำให้ประเทศล่มจมนั้น  มันก็เกินไป  วาดภาพร้ายเกินไป จากคุณ : ตระกองขวัญ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 12:47:51 A:223.204.24.134 X:

ความคิดเห็นที่ 22 เบิ่งตาดูดีๆ 15000 ต่อเกวียน ผลกำไรมัน ชวนให้คน พยายาม ทำข้าว ตัดต่อ ยีนส์ หรือไง ถ้าทำเขาไปทำกับยางพาราไม่ดีกว่าหรือ ผลตอบแทน ประมาณ 30000 บาทต่อไร มาทำกับ ข้าวทำไม ผลตอบแทน ประมาณ 10000 ต่อไร่ สมัยก่อน5000 ต่อไร่ ไอ้คนพูด ก็พยายามหาช่องเถียงให้ได้ ไม่ได้ดูความคุ้มค่าเลย แต่ในแง่ชาวนา การคิดจะพัฒนา ที่ดิน หรือระบบอื่น ราคาข้าวแบบนี้เขามีกำลังใจ และมีกำลังทุนที่จะทำครับ จากคุณ : ลมธรรม เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 13:02:29 A:124.121.67.43 X:

ความคิดเห็นที่ 23 ก็ไม่รู้สิ เห็นคุณ piggy_aa นา เห็นเขาว่า ใช้ GMO ๘๐ % แล้ว ที่พูดถึง GMO ก็เป็นการยกตัวอย่างเรื่องโอที +๒ ว่าเป็นไปได้ แต่นะผมว่าการพูดถึงอนาคตก็เป็นการดีอยู่นาครับ.. ไม่ใช่ทำทุกเรื่องเป็นเรืองแต่เฉพาะหน้า การทำอะไรก็ต้องนึกถึงผลดีผลเสีย ที่เกิดขึ้นทั้งในวันนี้และที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จึงจะเรียกว่าเป้นการทำงาน เป้นการบริหารแบบมิสัยทัศน์ ......................... ผมเห้นด้วยกับ ดร.โกร่งนะ...เราต้องมองปัญหาไปข้างหน้าด้วย.. มีปัญหาหลายอย่างจริงๆกับการจำนำข้าวด้วยหลักเกณฑ์ การแก้หลักเกณฑ์ต่างๆ ผมว่าสามารถทำได้นะ...ไม่ได้ยุ่งยากอะไร.. บทความ ดร.โกร่ง ไม่ปลื้มจำนำข้าว http://news.voicetv.co.th/thailand/52276.html จากคุณ : ข้างบูรพา เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 13:03:52 A:171.99.128.216 X:

ความคิดเห็นที่ 24 ความคิดเห็นที่ 22     เบิ่งตาดูดีๆ 15000 ต่อเกวียน ผลกำไรมัน ชวนให้คน พยายาม ทำข้าว ตัดต่อ ยีนส์ หรือไง ถ้าทำเขาไปทำกับยางพาราไม่ดีกว่าหรือ ผลตอบแทน ประมาณ 30000 บาทต่อไร มาทำกับ ข้าวทำไม ผลตอบแทน ประมาณ 10000 ต่อไร่ สมัยก่อน5000 ต่อไร่ ไอ้คนพูด ก็พยายามหาช่องเถียงให้ได้ ไม่ได้ดูความคุ้มค่าเลย แต่ในแง่ชาวนา การคิดจะพัฒนา ที่ดิน หรือระบบอื่น ราคาข้าวแบบนี้เขามีกำลังใจ และมีกำลังทุนที่จะทำครับ จากคุณ : ลมธรรม   เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 ............ ก็ลองเบิ่งตาดูดีๆนะ...ว่า GMO ที่ผมพูด ผมพูดว่า ข้าวปัจจุบัน GMO หรือไง..ประเด้นมานมีว่าไงในเรื่องนี้ พวกใครกันแน่พูดเรื่อง GMO ๘๐ % อะไรนั่น... จะคุยกันดีๆไม่ได้หรือไง...ทำไมต้องให้เบิ่งตาด้วย.. จากคุณ : ข้างบูรพา เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 13:06:33 A:171.99.128.216 X:

ความคิดเห็นที่ 25 เข้ามาขำบาง คห  เรื่องเร่งปลูกข้าว กรำ  -_-! ลูกชาวนาอย่างอิฉัน  งง ??? เหอะๆๆๆ   อย่างว่าล่ะนะ คนจะหาเรื่องติ ก็ติได้วันยังค่ำ พาหมาไปขรี้ดีกว่า จากคุณ : มะฮอกกานีใบใหญ่ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 13:30:33 A:87.208.13.219 X:

ความคิดเห็นที่ 26 เอิ่ม มิได้ติดอกติดใจ คห ของฝวัญงามเท่าไหร่ แต่มือดันป๊ะไปที่ 3แต้ม จะเอาคืนไงดีฟระ คุณมะฮอก ^^ อยากให้กิฟ ในฐานะผู้สนใจประเด็นเดียวกัน แต่เอิ่ม เดี่ยวคุณข้างน้อยใจ อิอิ โทษทีค่ะ พอดีออกมาธุระข้างนอก เลยเพิ่งเข้ามาเช็ค การปรับเปลี่ยนพันธุกรรม อย่างที่บอกไปนะ หากพื้นฐานการผลิตคงที่แล้ว หมายถึง มีการสร้างพื้นฐานการผลิต(การทำนา)ที่ได้มาตรฐาน หมายถึง ผู้ประกอบอาชีพ (อาจเป็นชาวนาหรือนายทุน) รู้ว่า มีขั้นตอนอะไรบ้างที่ถูกต้อง ขั้นตอนทั้งหลาย ผู้ประกอบอาชีพ ทุกคนสามารถหามาใช้ หรือทำได้ อย่างเท่าเทียมกันแล้ว GMO จึงเข้ามามีบทบาท เพื่ิอการพัฒนา ถามว่าทุกวันนี้มีไหม มี แต่ไม่สามารถพัฒนาสายพันธุ์ หรือกระบวนการผลิตได้ GMO เป็นผลิตผลควบคุม คือ ต้องศึกษาอย่างดีว่า ไม่มีผลต่อการดำเนินชีวิต ไม่งั้น กินไปแล้ว ตาย หรือเป็นมะเร็ง ทำไง? แล้ว GMO ก็ต้องอาศัย bioเคมียางอย่างด้วย ซึ่งอาตเป็นสารต้องห้ามได้ ฉนั้น หากยังไม่ได้รับการยืนยัน คงใช้ยากค่ะ แต่ประเด็นกระทู้คือ เป็นไปได้เหรอ ที่ทุกคนจะหันมาทำนาชุ่ยๆ เพื่อให้ได้เงินเพิ่มขึ้น และเราจะไม่มีข้าวที่ได้คุณภาพอีกเลย มันเป็นความคิดที่ ติดลบเกินไปไหม ทั้งกับตัวชาวนา ที่เห็นแก่ตัว และนโยบาย ที่เอื้อให้ พันธุ์ข้าวที่ดีที่สุดในโลกต้องหายไป จากคำตอบใครหลายๆคน คงสรุปได้ว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างนั้น และเราคิดว่า คนที่คิดคด เขาก็มี แต่ชาวนา น่าจะซื่อกว่าคนกรุงอย่างพวกเรา เขาน่าจะคิดว่า ยิ่งข้าวเขาดี เขาจะได้ราคาดีขึ้น เพราะคนอื่น ขายข้าวกลั่วๆ ได้ 15000 ของเขาดี ก็น่าจะได้มากกว่า 15000 และ เขาจะยิ่งทำให้ดีขึ้น มากกว่า อย่าพยายามเอาความคิดคนกรุงไปตีค่าชาวนาเลยค่ะ ส่วนเรื่องทำได้ 3-4 รอบต่อปี เราก็คิดว่า อาจจะได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ และ ถ้าคนไม่นิยมข้าวที่ด้อยคุณภาพ หรือยิ่งจำนำ คุณภาพยิ่งตก ก็ต้องยอมรับ และยกเลิกกันไปค่ะ แต่ไม่ใช่ดูผลกันปี-สองปี แบบนี้ต้อง 5 ปีค่ะ ส่วนคุณข้าง ที่ว่าการจำนำควรจะยั่งยืน เรามองว่า การจำนำ คือการยกฐานราคาตลาดให้ข้าว ถ้าราคาข้าสตก ก็ต้องจำนำ แต่ถ้ามันไม่ตก แถมได้ราคาดีขึ้น ก็ต้องปล่อย ไปตามหลักของการค้าเสรี และรบ. อาจจะคงนโยบายนี้ เพื่อชาวนาที่ไม่สามารถขายเองได้เท่านั้น อย่างเช่น ผู้พิการ ที่รักการเป็นชาวนา หรือชาวนา ที่ไม่มีไร่นาเป็นของตัวเอง เหมือนเป็นหลักประกันสังคมของกลุ่มชาวนา แต่ไม่ใช่ชาวนาทุกคน จะต้องอาศัยรบ. ในการประกอบอาชีพค่ะ ถ้ามีนโยบายใดๆ ที่ทำให้ปชช(ทุกคน) ต้องพึ่งรัฐตลอดเวลา เราไม่สนับสนุนนโยบายเหล่านั้นค่ะ ถ้าเป็นระยะสั้น เราโอ. แต่สั้น อาจจะ4-5 ปี มากกว่า 1สมัยรัฐบาล ไม่ว่าอะไร ก็ต้องทบทวนล่ะค่ะ จากคุณ : น้องพรผู้น่ารัก เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 14:37:19 A:110.49.232.75 X:

ความคิดเห็นที่ 27 ปล เป็นกระทู้ ที่อ่านแล้วสนุกมากค่ะ ขอบคุณ ทุกท่านที่ร่วมแสดงความเห็น ขอเสนอกระทู้ที่มีเนื้อหาคล้ายกันอีก 1 ค่ะ http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P12786627/P12786627.html แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 15:07:49 จากคุณ : น้องพรผู้น่ารัก เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 14:38:32 A:110.49.232.75 X:

ความคิดเห็นที่ 28 ผมไม่ได้ทำการเกษตร (แต่สนใจศึกษา) ผมว่ามันเป็นสามัญสำนึกนะว่า การทำเกษตรกรรม ผู้ปลูกต้องเลือกพันธุ์ ให้เหมาะสมกับพื้นที่เช่นปริมาณแสง ปริมาณน้ำ ดิน ศัตรูพืชฯลฯ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูงและปริมาณมากที่สุด เพราะมี standing cost เท่าๆกัน (อาจต่างกันที่สายพันธ์) ซึ่งเรื่องเหล่านี้ เกษตรจังหวัด อำเภอ ตำบล น่าจะมีข้อมูล แนะนำให้คำปรึกษากับชาวนาชาวสวนอยู่แล้ว ใครลองไปอ่านเวปการเกษตรดูสิ จะเห็นมีข้อมูลมากมายให้ศึกษา แต่ที่ผมค่อนข้างจะผิดหวังคือมีการหลอกหากินกับเกษตรกรด้วยการขายปุ๋ยยาที่โฆษณาเกินจริง ราคาแพงเว่อร์ สายพันธ์พิสดารที่ไม่ผ่านการรับรอง ซึ่งมีเกษตรกรไม่น้อยหลงเชื่อ ตามนิสัยคนไทยที่ชอบเชื่อไสยศาสตร์มากกว่าวิทยาศาสตร์ กลับมาที่จขกท.ถาม 3-4 รอบต่อปีทำได้ (น้ำ แสง ดิน ปุ๋ย) แต่ผลผลิตและคุณภาพไม่คงที่ (ตอบตามหลักวิชาการ) จากคุณ : กิเลนแห่งหวงเหอ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 15:34:23 A:171.98.34.176 X:

ความคิดเห็นที่ 29 ผมว่าเรื่อง GMO ผมพูดถึงพืชชนิดอื่นนะ ไม่ใช่ข้าว ที่พูดเพราะมีการยกเรื่องตัดต่อพันธุ์กรรมขึ้นมาเหมือนเป็นเรื่องร้ายแรงเกินจริง มันมีการควบคุมอยู่พอสมควร  ในข้าวผมยังไม่เห็นเรื่อง ข้าว GMO ที่ปลูกกัน เห็นแต่ในห้องทดลองจะมีทำบ้าง เรื่องทั้งหมด ไม่ได้รู้ลึกหรอกครับ รู้แต่ผิวๆ แล้วก็ร้างมาหลายปีแล้ว จากคุณ : piggy_aa เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 16:07:39 A:110.168.203.175 X:

ความคิดเห็นที่ 30 อธิบายให้ฟังสักนิด   เราต้องเข้าใจว่าข้าว ในประเทศไทยมีอยู่ 2 ชนิด  คือ     1  ข้าวนาปี     2 ข้าวนาปรัง       ข้าวนาปี    สามารถทำได้แค่ปีล่ะครั้ง   มีอายุเก็บเกี่ยว   5-6  เดือน               ตัวอย่างเช่น  ข้าวหอมมะลิ  พิษณุโลก  ข้าวลำใย  เหลืองประทิว     ข้าวนาปรัง   ทำได้ทั้งปี   ข้าวที่หนักที่สุดคือหอมประทุม  มีอายุ  4 เดือน  120   วัน      แต่ที่นิยมทำมาที่สุดคือ  พวกสุพรรณ   จะมีอายุ  3 เดือน  90 วัน         ตอนนี้มาหใม่คือข้าว 75  วัน    2 เดือนกว่าเก็บเกี่ยวได้ เราจะเห็นได้ว่า  ข้าวแต่ล่ะชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน     โดยปกติ  ภาคเหนือ อีสาน  จะทำนาปีล่ะ 1 ครั้ง  เพราะอาศัยน้ำฝน  ไม่มีคลองชลประทาน      ส่วนภาคกลาง   นิยมทำปีล่ะ 2 ครั้ง    ก่อนน้ำขึ้น  กับหลังน้ำลด       ถ้าพื้นที่ไหนอยู่ใกลคลองชลประทาน   ทำ 3 รอบครับ     ปัจจัย  ที่ทำให้ชาวนาผลิตข้าวเพิ่ม  บางส่วนอาจมาจากราคาที่จูงใจ   แต่โดยปกติแล้ว  จะมาจากแหล่งน้ำครับ      สาเหตุ  ที่ทำให้ชาวบ้านหันมาทำปรังเพิ่มมากขึ้น  มากกว่าปลูกข้าวปี    อายุการเก็บเกี่ยวสั้น        คิดง่าย  เลยนาปีทำข้าวหอม เกวียนล่ะ  2 หมื่น  ได้ข้าว 50 ถังต่อไร่  ได้เงิน  10000  บาทต่อไร่    =   ใน 1 ปีมีรายได้ 1 หมื่น ต่อไร่ไม่หักค่าใช้จ่าย         ส่วนนาปรังทำได้  2 รอบ  เกวียนล่ะ  15000  ได้ข้าว 80 ถังต่อไร่  2 รอบได้  160  ถังต่อไร่      คิดเป็นเงิน  ได้    24000  ต่อไร่      ถ้าทำ   3 รอบอีกรอบไม่ได้จำนำ ตกเกวียนล่ะ 9 พันบาท  ได้เงิน  เพิ่มอีก 7 พันบาท   ทำ 3 รอบต่อ 1 ไร่ได้เงินไร่ล่ะ  3 หมื่นกว่าบาท     นาปีทำได้เงิน  หมื่นกว่าบาท  ต่อไร่    นาปรังทำได้    2  หมื่นกว่าบาทต่อไร่   ถ้าทำ   3  รอบได้  3  หมื่นกว่าบาทต่อไร่ *   ถ้าคุณเป้นชาวนาคุณจะทำนาอะไรครับ      จะทำกี่รอบ   (  พื้นที่นอกเขตชลประทาน  หลายพื้นที่อาศัยแหล่งน้ำจาก   บ่อที่ขุดเอง   บ่อบาดาล  มาทำนาปรัง  ) แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 16:23:10 จากคุณ : เก่ง-ชุมแสง เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 16:17:02 A:182.93.176.193 X:

ความคิดเห็นที่ 31 สมน้ำหน้า คห.26 จากคุณ : ตระกองขวัญ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 16:20:50 A:223.204.24.134 X:

ความคิดเห็นที่ 32 * เพิ่มเติมให้เรื่องน้ำบาดาล  ที่เอามาทำนาก็แล้วกันครับ   ในเขตภาคกลาง  ที่อยู่ไกล  แม่น้ำ  คลองชลประทาน   เขานิยมขุดบ่อบาดาล     ถ้าตาน้ำไม่ลึก  เจาะลงไป   10 กว่าวาก็เจอน้ำแล้ว   บ่อชนิดนี้สามมารถนำเครื่องตั้งดึงน้ำขึ้นได้เลย      บ่อบาดาลอีกประเภท   คือบ่อที่อยู่ไกลแม่น้ำ  ตาน้ำจะลึก   บางที่ถึง 27  วา   ดึงไม่ขึ้น    ต้องตามน้ำ   คือขุดลงไปให้ลึก 3-4 วา  แล้วเอาปั้มไปตั้งในบ่อเพื่อดึงน้ำ     (ขั้นตอนการขุด ตามน้ำที่ลึกขนาดนี้มีความเสี่ยง  หลายคนตายในการขุดตามน้ำ เพราะพื้นถล่มบ้าง  ขาดอากาศหายใจบ้าง เพราะข้างล่างก๊าซเยอะ  )       นาที่ใช้น้ำบาดาล  โดยส่วนมากจะให้ผลผลิตน้อยกว่า  นาที่ได้รับจากคลองชลประทาน   เพราะน้ำบาดาลโดยส่วนมากจะมีรสกร่อย  มีเกลือเจือปนอยู่ จากคุณ : เก่ง-ชุมแสง เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 16:39:05 A:182.93.176.193 X:

ความคิดเห็นที่ 33 เอาแค่ประเด็นนี้นะครับ" รีบเก็บเกี่ยว จนคุณภาพข้าวตกต่ำ เป็นไปได้เหรอ?" เป็นไปได้จริงชาวนาทุกวันนี้(ที่ปลูกขายโดยเฉพาะภาคกลาง-เหนือล่าง)จะใช้รถเกี่ยว.. การรอให้ข้าวแก่เต็มที่แล้วเกี่ยวโดยเครื่องจักรทำให้ข้าวร่วงหล่นมากกว่าปกติ-จึงเกี่ยวกันตอนข้าวแค่เริ่มแก่    (เปอร์เซนต์ข้าวร่วงจะน้อยลง)-ข้าวแก่ที่ยังไม่เต็มที่-ได้น้ำหนักดีกว่าถัวเฉลี่ยกับหักค่าความชื้นแล้วพอรับได้ -แต่คงก้าวล่วงกันไม่ได้(เป็นแค่บางคนนะ..อย่าเหมาเข่ง) ถ้าราคาข้าวมันเป็นธรรม-ก็คงมีกำลังใจทำผลผลิตดีๆให้ทานกัน แต่นี่ห่วงกันแต่โรงสี-พ่อค้า..แล้วจะไปคาดหวังอะไรกันมากนัก จากคุณ : เกษตรนอกคอก เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 18:14:55 A:182.232.38.191 X:

ความคิดเห็นที่ 34 ก็จริงนะ...การเก็บเกี่ยวตอนข้าวเริ่มแก่จะได้น้ำหนักดีกว่า แต่ผมเคยไปทำงานทางภาคอีสาน ผมเห็นชาวนาเขาเอาข้าวมาตากแดดอยู่ริมถนน ผมเข้าใจเอาเองนะว่า...คงตากก่อนเอาไปขายโรงสี ซึ่งผมเข้าใจเอาเองอีกว่า...ผมว่าโรงสีคงต้องวัดความชื้นอะไรก่อนแน่ๆแหละครับ คงไม่ได้ชั่งโลหนักเท่าไหร่ก็จ่าย ๑๕๐๐๐ บาท คงไม่ถึง ๑๕๐๐๐ บาทหรอก ซึ่งปัญหาการวัดความชื้น ผมว่าก็เป็นปัญหาอยู่เหมือนกันนะ.. ที่โรงสีจะเอาเปรียบได้ง่ายๆ.. แต่ที่ผมเห็น ผมก็เห็นเขาเอาข้าวตากแดด.. แน่นนอนว่าน้ำหนักคงลดลงแน่ๆ ดังนั้น ผมว่าการเก้บเกี่ยวชาวนาก็คงต้องดูเรื่องพวกนี้เหมือนกัน ไม่ได้คิดแต่เรื่องน้ำหนัก..หรือเอาหนักไว้ก่อน.. เพราะข้าวแก่กับข้าวสุกผมว่าความชื้นน่าจะแตกต่างกันนะ.. หมายถึงราคาก็ต่างกัน.. จากคุณ : ข้างบูรพา เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 18:25:38 A:171.99.128.216 X:

ความคิดเห็นที่ 35 จากความเห็นคุณเกษตรนอกคอก หากไม่มีการจำนำข้าว เขาจะรอจนแก่แล้วค่อยเกี่ยวรึเปล่า? เราเข้าใจว่า คนทั่วไปเลยนะ ไม่ใช่แค่ชาวนา ทุกสายอาชีพเลย ถ้ามีโอกาสประกอบอาชีพแบบ ขอไปที ทุกคนทำทั้งนั้น 10 ปี ต้องมีไม่น้อยกว่า 10หนหรอก แต่จะบอกว่า การจำนำเป็นการส่งเสริมนี่ ไม่น่าใช่ หรือ การประกันแค่ 10000 เดียวจะช่วยรึเปล่า ก็ไม่เกี่ยว ขอบคุณมากเรื่องรายละเอียดปลีกย่อย ในเรื่องเล็กๆ ของแบบนี้ ไม่บอก แทบจะคิดไม่ถึงกันเลย คุณเก่ง การใช้น้ำบาดาล ทำการเกษตรได้อย่างทั่วถึงรึเปล่า? หรือแค่เฉพาะพื้นที่ อันนี้จะไม่ใช่เรื่องจำนำละ อยากรู้ว่า การจำนำข้าว ได้แค่ปีละ 2ครั้งเท่านั้นเหรอคะ? คุณข้าง ถ้าเข้าใจไม่ผิด ข้าวจะถูกวัดความชื้น หากมีความชื้นมากกว่า 15% (จากอะไรไม่รู้) จะถูกหักลงไปเรื่อยๆ จำนำที่ 15k ปกติจะเหลือแค่ 12k อยู่แล้ว เพราะชาวนาส่วนใหญ่ ไม่มีที่เก็บข้าว(เรียกว่าไร ยุ้งฉางเหรอ) ที่กันความชื้นได้ แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 18:52:41 จากคุณ : น้องพรผู้น่ารัก เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 18:49:37 A:171.101.126.124 X:

ความคิดเห็นที่ 36 เอาพื้นที่หลัๆกที่ปลูกขายแล้วกันนะครับ.. น้อยกว่าน้อยถึงน้อยที่สุด..ที่รกเกี่ยว-รถดูด เกี่ยวข้าวไปแล้วจะคืนให้ชาวนาเอามาตาก ส่วนใหญ่ตากที่โรงสี ท่าข้าว -ประเด็นที่ผมอยากแลกเปลี่ยนคือวิถี การผลิตที่เปลี่ยนไปของชาวนามันมุ่งเรื่องมูลค่า-ปริมาณ มาตั้งแต่แผนพัฒนาฯฉบับ ๑ แล้ว(โดยการส่งเสริมของรัฐ) -กลไกราคาตลาดข้าวมันไม่เป็นธรรมเอง...มันถึงเกิดปัญหาจนต้องจำนำ-ประกันราคากันตอนนี้ -ต้นทุน/กำไร ของ ข้าว/กก........ชาวนา-เจ้าของนา-โรงสี-พ่อค้า-กลุ่มทุนผู้ขายปัจจัยการผลิต(ปุ่ย-เคมีเกษตร-เครื่องมือ) แบ่งกัน/กก.สมเหตุสมผลหรือไม่? จากคุณ : เกษตรนอกคอก เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 18:57:26 A:182.232.38.191 X:

ความคิดเห็นที่ 37 คุณน้องพรฯ ขออนุญาตตอบเสริมคุณเก่งฯ เรื่อง "คุณเก่ง การใช้น้ำบาดาล ทำการเกษตรได้อย่างทั่วถึงรึเปล่า? หรือแค่เฉพาะพื้นที่ อันนี้จะไม่ใช่เรื่องจำนำละ" เฉพาะพื้นที่ ส่วนเรื่องดินเค็มผมก็ไม่แน่ใจเรื่อง term นัก รู้แต่ว่าดินเป็น  Basic or Alkaline (ด่าง)  Nuetral (กลาง) Acid (กรด) พืชแต่ละสายพันธุ์เติบโตได้ดีในสภาพดินเฉพาะ  มีบางสายพันธุ์ที่รับการแปรปรวนได้กว้าง (High Tolerant) ดังนั้นอาจเกี่ยวกับเรื่องจำนำตรงที่ ชาวนาอาจไม่สามารถเลือกสายพันธุ์ได้ตามใจชอบ (ถ้าเกษตรฯ ใส่ใจแนะนำ) ยกตัวอย่างเช่นข้าวหอมมะลิชอบดินเหนียว (อย่างที่เขาว่ากัน ผมไม่ได้ศึกษา) ดินเหนียวมักจะมีคุณสมบัติไปทาง  Basic ดินทางเหนือ อิสาน มักจะเป็น Basic ยกเว้นใส่ปุ๋ยเคมีมากๆ ดินจะเปลี่ยนเป็น Acid PH ของดินสำคัญมากกับผลผลิต (แต่เกษตรไทยให้ความสำคัญน้อย) นอกเรื่องแต่คิดว่าไม่เสียหายที่จะเล่า จากคุณ : กิเลนแห่งหวงเหอ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 19:37:47 A:171.98.34.176 X:

ความคิดเห็นที่ 38 ความคิดเห็นที่ 34 ตอบให้คุณข้างบูรพาครับ   เรื่องการตากข้าวริมถนน  ไม่เฉพาะอีสานครับ   ภาคกลางก็เป็น   ที่ตากข้าวริมถนน  เพื่อเอาเก็บไว้ทำพันธ์ครับ   เต็มที่ไม่เกิน 2 เกวียนครับ   ส่วนคนที่ตากข้าวไปขายไม่เคยเจอครับ   เพราะยุ่งยากในการหาที่ตากข้าว   เก็บข้าว   ยิ่งไม่มีรถเป็นของตัวเองแล้วเรื่องมากครับ   ขายสดได้น้ำหนัก    ไม่ยุ่งยาก จบแล้วจบเลย จากคุณ : เก่ง-ชุมแสง เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 21:27:48 A:182.93.176.193 X:

ความคิดเห็นที่ 39 คุณเกษตร  36 เข้าใจค่ะ เรื่องการทำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการผลิต บางที มันสะดวก แต่ทำให้ผลิตผลลดคุณภาพ แต่ถ้าพอไปได้ ขายได้ เขาก็ทำกัน วันก่อนคุยกะคุณ เก่ง และคุณม้าแก๊ส ก็จับใจความได้ว่า หาคนเกี่ยวข้าวเองน้อยมากแล้ว มีบ้าง แต่ก็ใช้รถม้าแทนเกือบหมด เพิ่งทราบจากคุณเนี่ยว่า ถ้ามันหง่อมไป จะใช้รถไม่ได้ ดังนั้น เราว่า ชาวนายอมเสีย แม้จะรู้ว่า ราคาขายอาจจะลดลงก็ตาม ชาวนา ไม่ได้หวังได้แชมป์ เพราะข้าวขาวสวย ที่ผ่านมา เขาหวังแค่มีกินค่ะ (ทำเป็นเข้าใจไผงั้น) :p คุณเกษตรมีไรเล่ามาอีกเยอะๆค่ะ ชอบ :) คุณกิเลน สูตรเยอะจะชักมึน 5555 แต่ขอบคุณมาก มีไรเล่าเชิญได้เลย เป็นวิทยาทานค่ะ คุณเก่ง ตกลง เขาใช้ข้าวที่เกี่ยวได้ทำเป็นพันธุ์ใหม่เอง ไม่ต้องซื้อ หรือไงคะ? แสดงว่า ซื้อครั้งเดียว ก็ไม่ต้องซื้ออีกเลยเหรอ? จากคุณ : น้องพรผู้น่ารัก เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 21:42:04 A:171.101.126.124 X:

ความคิดเห็นที่ 40 สรุปว่า ดินที่เคยเพาะไรไว้ เขาจะไม่เปลี่ยนกันง่ายๆ แต่เรื่องเก็บเกี่ยวไว ได้รอบเยอะกว่าเป็นเรื่องจริง แต่การจำนำข้าวด้วยราคาสูง ไม่สามารถเป็นปัจจัย ในการเปลี่ยนแปลง แปลงเพาะปลูกได้ สืมเนื่องด้วยการไม่คุ้นของชาวนา และสภาพดิน +ธรรมชาติไม่อำนวย อีกทั้งการดูแลเอาใจใส่ ต้องเริ่มศึกษากันใหม่ จึงไม่นิยมเปลี่ยนกัน ถูกไหม จากคุณ : น้องพรผู้น่ารัก เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 21:45:11 A:171.101.126.124 X:

ความคิดเห็นที่ 41 ชาวนาส่วนมากใช้ข้าวที่เกี่ยวทำพันธ์ครับ    แถวบ้านซื้อกันราคาจำนำครับ     ไม่ใช่ราคา 15000  นะครับ  ราคาข้าวสด  แต่จ่ายเงินเลย   ซึ่งตกอยู่เกวียนล่ะประมาณ  12000   (  เพราะถ้าซื้อพันธ์ข้าวถุงที่ขายตามร้าน   จะขายอยู่ที่ถังล่ะ 200  บาท  )    ซื้อข้าวสดมาตากยุบนิดหน่อยครับไม่มาก   แต่ก็ถูกกว่าซื้อข้าวถุง   ชาวนาจะเปลี่ยนข้าวพันธ์ใหม่ต่อเมื่อ  ข้าวที่ตัวเองทำอยู่กลายพันธ์    เม็ดข้าวเริ่มไม่สวย       หรือมีพันธ์ข้าวที่ดีกว่า  ของเก่า     ไม่มีชาวนาคนไหน  ที่อยากให้ผลผลิตของตัวเองถดถอยลงหลอกครับ    ในปัจจุบันถึงมีพวกมิจฉาชีพ  หาขายพวกปุ๋ยอาหารเสริมข้าว   ขวดล่ะหลายพัน         ชาวนาภาคกลางนิยมทำข้าวปรังกัน  แม้คุณภาพจะสู้ข้าวนาปีไม่ได้     แต่เมื่อเทียบกับน้ำหนักแล้ว  น้ำหนักข้าวนาปรังต่อไร่สูงกว่าข้าวนาปี   ทำให้เงินที่ได้รับมากกว่าข้าวนาปี จากคุณ : เก่ง-ชุมแสง เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 21:57:10 A:182.93.176.193 X:

ความคิดเห็นที่ 42 คุณน้องพรฯ คคห.40 ก็ไม่เชิงถูก ถ้าให้ผมเดา เมื่อมีการจำนำข้าวด้วยราคาสูง ก็จะกระตุ้นให้ชาวนาอยากเพิ่มผลผลิต แล้วก็จะมีพวกมิจฉาชีพ ฉวยโอกาส เข้าไปหาชาวนา เพื่อหลอกขายสินค้าพวกปุ๋ยอาหารเสริมข้าว  ขวดล่ะหลายพัน   (ขอยืมคุณเก่ง) หรือสายพันธุ์ข้าวใหม่ที่ให้ผลผลิตสูง ระยะการปลูกสั้น ปลูกได้ทุกพื้นที่ และด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ชาวนาก็จะตกเป็นเหยื่อ ผลลัพธ์คือได้ผลผลิตที่ไม่มีคุณภาพและต้นทุนสูง กรณีนี้เกิดกับทุกวงการเกษตร เมื่อสินค้าชนิดไหนราคาดี แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 22:37:14 จากคุณ : กิเลนแห่งหวงเหอ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 22:35:42 A:171.98.34.176 X:

ความคิดเห็นที่ 43 เรื่องโดนหลอก ให้ซื้อปุ๋ย หรือเครื่องมือไร้คุณภาพ มีทุกวงการ แต่จะห้ามหมดก็ไม่ได้ เพราะพวกที่ขายของแท้ ก็มี นั่นคงต้องเป็นเรื่องที่ต้องหาทางแก้ไขต่อไป คุณเก่ง งั้นที่เราเข้าใจก็น่าจะถูก เพราะมะกี้ ยังคิดว่า มันจะกลายพันธุ์ไปเรื่อยๆ เพราะข้าวแปลงใหม่ ไม่ได้สวย และถูกดูแลอย่างดี เหมือนข้าวพ่อพันธุ์ คำถามอีกคำคือ พันธุ์ข้าว 1เกวียน ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นกี่เท่า? คงที่หรือไม่? จากคุณ : น้องพรผู้น่ารัก เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 22:45:25 A:171.101.126.124 X:

ความคิดเห็นที่ 44 คุณน้องพรฯ เพิ่มอีกนิดก่อนไปนอน ข้าวจัดเป็นพวก  self-pollination  คือเกสรตัวเมียและตัวผู้ผสมพันธุ์ในดอกเดียวกัน ดังนั้นการผสมข้ามสายพันธุ์ (Cross Breeding) จึงมีโอกาสเกิดได้น้อย แต่แน่ละการกลายพันธุ์จากการเพาะเมล็ด (Mutation) ย่อมเกิดขึ้นได้แต่ค่อยเป็นค่อยไป การกลายพันธุ์ไม่น่าจะเกิดจากความแตกต่างของการดูแล พอๆ...วิชาการมากไป จากคุณ : กิเลนแห่งหวงเหอ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 23:05:11 A:171.98.34.176 X:

ความคิดเห็นที่ 45 พันธ์ข้าวโดยประมาณ   5-6 ถัง   ได้ข้าว ประมาณ   1 เกวียนครับ   100 ถังเท่ากับ   1 เกวียน ครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแล  สภาพดิน น้ำ   โรค  แมลง จากคุณ : เก่ง-ชุมแสง เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 23:13:20 A:182.93.176.193 X:

ความคิดเห็นที่ 46 เป็นกระทู้แรก (หรืออาจจะน้อยมากในการตั้งกระทู้) ที่ไม่มีความเห็นจะปิดท้าย คือ ไม่รู้จะสรุปยังไง รับรู้เรื่องราวเยอะมาก จนได้แต่อ่าน ขอบคุณทุกคนค่ะ ^^ จากคุณ : น้องพรผู้น่ารัก เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 11:38:57 A:125.24.172.245 X: