Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
"เกริกเกียรติ ชาลีจันทร์" อดีต กก.บีบีซี สิ้นแล้วด้วยโรคมะเร็ง/ย้อนอดีตเทือกชำแหละกลุ่ม 16>>> ติดต่อทีมงาน

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1350722345&grpid=00&catid=&subcatid=

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับแจ้งว่า นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การ(บีบีซี) ได้เสียชีวิตลงเมื่อเช้าวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ด้วยโรคมะเร็ง โดยกำหนดรดน้ำศพในช่วงเย็นวันที่ 20 ตุลาคม และสวดอภิธรรมที่ศาลาเจ้าจอม วัดพระธาตุทอง หลังจากนั้นจะเก็บไว้ 100 วัน

นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ เป็นบุตรชายของนายนิธิพัฒน์ ชาลีจันทร์ กับนางอินทิรา ชาลีจันทร์ (สกุลเดิม อินทรทูต เป็นบุตรสาวของพระพินิจชนคดี กับหม่อมหลวงอรุณ สนิทวงศ์  จบการศึกษาปริญญาโทบริหารธุรกิจ สาขาการเงิน จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา ประวัติการทำงานเริ่มงานที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ภัทรธนกิจ ก่อนไปทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เป็นเวลา 10 ปี ต่อมาปี 2529 ได้เข้าบริหารงานธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การ(บีบีซี) ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว  แต่ปรากฎว่า มีการบริหารงานผิดพลาด โดยมีการปล่อยกู้ให้กับกลุ่มนักการเมือง และปล่อยสินเชื่อเพื่อเทคโอเวอร์กิจการในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง จนทำให้ปี 2539 ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้เข้าควบคุมกิจการบีบีซี และสั่งปิดกิจการในที่สุด หลังจากนั้นได้ฟ้องศาลดำเนินคดีกับนายเกริกเกียรติ  และนายราเกซ สักเสนา ในข้อหาฉ้อโกงและยักยอก รวมทั้งสิ้น 17 คดี มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นได้มีตัดสินเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2552 สั่งจำคุกนายเกริกเกียรติ 20 ปี และปรับเป็นเงิน 3.1 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โดยนายเกริกเกียรติได้ขอเลื่อนการพิจารณา โดยให้เหตุผลว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ซึ่งถือว่าการเสียชีวิตของนายเกริกเกียรติ เป็นการปิดฉากตำนานแบงก์บีบีซี

............


ย้อนอดีตเทือกชำแหละกลุ่ม 16>>>

http://www.ryt9.com/s/tpd/845419

หมายเหตุ : ส่วนสำคัญของคำอภิปรายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล (นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย) สมัยนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2539


...ขณะนี้กำลังเกิดเหตุภัยอย่างร้ายแรงต่อระบบการเงิน การคลัง และธุรกิจการค้าของประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นนี้จะเกิดขึ้นกับสถาบันการเงินก่อน ธนาคารพาณิชย์อาจจะล้มลงในวันสองวันนี้ ธนาคารซึ่งเป็นบริษัทมหาชนที่ประชาชนได้นำเงินออกของเขามาฝากเอาไว้เป็นจำนวนนับล้านครอบครัว ธนาคารซึ่งประชาชนมั่นใจเป็นที่เก็บรักษาเงินของเขาได้อย่างปลอดภัยที่สุด จึงได้เอาเงินฝากธนาคารนี้ไว้เป็นจำนวนรวมถึง 132,235 ล้านบาท เงินฝากเหล่านี้เจ้าของเงินบางคนเป็นเด็กนักเรียน เจ้าของเงินบางคนเป็นชาวไร่ ชาวนา ที่ขายผลผลิตทางการเกษตรได้ เจ้าของเงินบางคนเป็นผู้ใช้แรงงาน เป็นข้าราชการ เป็นพ่อค้าเล็ก เป็นพ่อค้าใหญ่ เงินนี้จะสูญหายทันทีที่ธนาคารล้ม มีคนจำนวนมากที่จะไม่ได้เงินคืนครบตามจำนวน สถาบันการเงินจะเสียหาย แล้วผมไม่ทราบว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้จะกลายเป็นปฏิริยาลูกโซ่กระทบถึงธนาคารอื่น สถาบันการเงินอื่นหรือไม่ แต่ที่กระทบแน่นอน คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย แบงก์ชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทยที่ชาวไทยและชาวต่างประเทศมีความเชื่อมั่นว่าเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพในการควบคุมกำกับดูแลสถาบันการเงินของประเทศ ในการรักษาเสถียรภาพการเงินการคลังของประเทศ

ความหายนะที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะมีรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ร่วมสมคบกับผู้บริหารธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด ทำการฉ้อฉลเงินของประชาชนกันอย่างเอิกเกริกมโหฬาร รัฐมนตรีที่ทำการฉ้อฉลประชาชนอยู่ในขณะนี้ คือ รัฐมนตรีกลุ่ม 16 ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวโจก เป็นหัวหน้า รวมทั้งรัฐมนตรีคนอื่นในกลุ่ม 16 ซึ่งแม้วันนี้จะไม่มีชื่อปรากฏในบัญชีที่ฝ่ายค้านจะต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่พวกผมได้ไปตรวจพบประจักษ์หลักฐานว่า รัฐมนตรีในกลุ่มนี้บางคนได้มีส่วนเกี่ยวพันในลักษณะสบคบฉ้อฉลประชาชนคราวนี้ด้วย

รัฐมนตรีกลุ่ม 16 นี้ ได้ใช้ฐานะหน้าที่อิทธิพลในทางการเมืองร่วมสมคบกับผู้บริหารธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด ฉ้อฉลเงินของผู้ถือหุ้นธนาคาร ฉ้อฉลเงินฝากของประชาชนที่อยู่ในธนาคารนี้ แล้วยึดเอาเงินเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์ส่วนตนแสวงหากำไร มาแบ่งปันกันในหมู่ของพวกตน ในหมู่ญาติพี่น้องของตน แล้วทำกันอย่างแยบยลทำกันอย่างเป็นขบวนการ ทำติดต่อกันมาเป็นปี เงินส่วนนี้บางส่วนได้เอาไปใช้ในการซื้อคะแนนเสียงให้ได้มาเป็นผู้แทนราษฎร จนได้มาเป็นรัฐมนตรี แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตากอบโกยกันต่อไป ที่ร้ายไปกว่านั้นเงินบางส่วนได้ถูกยักย้ายถ่ายเทไปยังต่างประเทศโดยสมัครพรรคพวกของคนเหล่านี้ที่อยู่ในต่างประเทศ

คนแรกที่ผมจะต้องพูดถึงคือ นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ คนที่ 2 คือ นายเอกชัย อธิคมนันทะ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษานายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวใกล้ชิดสนิทสนมกันมากรู้กันทั้งกระทรวงการคลัง คนที่ 3 ที่กระผมจะต้องเอ่ยชื่อถึงคือ นายราเกซ สักเสนา ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ คน 3 คน ที่ผมได้เอ่ยชื่อมา แล้วจะเอ่ยชื่อต่อไปนี้เป็นกลุ่มผู้บริหารธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ ซึ่งเป็นผู้ทำการฉ้อฉลยักยอกเงินของธาคารโดยวิธีการต่างๆ นานา ร่วมมือกับนักการเมืองนักธุรกิจทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ

คนเหล่านี้เขาทำกันอย่างไร เขาทำกันโดยไปจดทะเบียนตั้งบริษัทขึ้นตามที่ต่างๆ ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ อาศัยชื่อบริษัทนิติบุคคลเหล่านี้ไปขอกู้เงินจากธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด ในลักษณะที่เรียกว่าเงินกู้เบิกเกินบัญชีหรือเงินโอดี แล้วเอาเงินกู้เหล่านี้ไปกว้านซื้อที่ดินในจังหวัดต่างๆ หลายจังหวัดทั่วประเทศไทย เป็นที่ดินที่พวกเหล่านี้ไม่ได้ลงทุนเลย ไปเบิกเงินโอดีจากธนาคาร แล้วเอาไปกว้านซื้อที่ดินไร่ละพันกว่าบาท สองพันกว่าบาท แล้วเอาที่ดินนั้นไปออกเอกสารสิทธิ เพราะที่ดินส่วนใหญ่ไม่มีเอกสารสิทธิ ใช้อิทธิฤทธิ์ใช้อำนาจ ในฐานะที่เป็นนักการเมืองกลุ่มการเมืองที่คนเขาเกรงกลัวว่าเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพล ออกเอกสารสิทธิได้แล้วไม่ได้ไปสนใจหรอกครับว่า น.ส.3 ที่ออกไปนั้น ไปทับที่ดินของชาวบ้านหรือว่าไปทับที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ คนพวกนี้เขาไม่ใส่ใจ เขาเอาแต่ น.ส.3 ไปให้บริษัทประเมินราคาหลักทรัพย์ ทำการตีราคาประเมินหลักทรัพย์ แล้วเอามาทำโครงการกู้เงินธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด อีกรอบหนึ่ง กู้โอดีไปได้ก้อนหนึ่ง ไปกว้านซื้อที่ดินมา ทำเอกสารสิทธิได้แล้วเอากลับมากู้ธนาคารอีกรอบหนึ่ง ถึงได้มีเงินจำนวนมากมายมหาศาลไปหมุนกันทำธุรกิจจนเกิดความเสียหายกับบ้านเมือง

เงินกู้ที่ได้จากการจำนองที่ดินที่ได้มาโดยสุจริตนี้เอาไปใช้ในตลาดหลักทรัพย์ ไปเลือกเอาบริษัทที่กิจการไม่ค่อยสู้จะดี ซื้อหุ้นเหล่านี้ เทกโอเวอร์เข้าครอบงำกิจการของบริษัทเหล่านั้นทั้งๆ ที่คนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหลาย นักเล่นหุ้นทั้งหลาย เขารู้ว่าหุ้นเหล่านี้เป็นหุ้นเน่า หุ้นที่ไม่มีราคา หุ้นที่ไม่มีผลประกอบการดี แต่เวลาทำเรื่องขอกู้เงินคนพวกนี้เขาบอกกับธนาคารว่า เขาทำโครงการกู้เงินนี้เพื่อเข้าไปเทกโอเวอร์ครอบงำกิจการของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เหล่านั้น แล้วจะบริหารให้มันดีขึ้น เสนอร่างกับกรรมการควบคุมตลาดหลักทรัพย์ในลักษณะเดียวกัน กิจการที่เอาไปครอบงำซื้อหุ้น เทกโอเวอร์หุ้นในตลาดหลักทรัพย์นั้นทั้งหมด 39,592 ล้านบาท ในจำนวนนี้ปล่อยในหมู่พวกเดียวกัน 39,592 ล้านบาท ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติตรวจสอบแล้วบอกว่า เป็นหนี้เสีย เป็นหนี้ที่ด้อยคุณภาพ 24,653 ล้านบาท ให้กู้ไป 39,000 ล้านบาท เสียซะ 24,000 ล้านบาทเศษ (ต่อมาได้มีการประชุมลับกว่า 2 ชม.)

ต่อไปนี้ผมรายงานตัวใหม่ เพราะว่าประชุมเปิดเผยจากหนังสือของธนาคารแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2539 ที่ ธปท.นป.354/2539 เรื่อง ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) ให้สินเชื่อและก่อภาะหนี้แก่ลูกหนี้นักการเมืองกลุ่ม 16 คำว่าลูกหนี้ที่เป็นนักการเมืองกลุ่ม 16 นี้ไม่ใช่ศัพท์ที่ผมเขียนเอาเอง ผมถอดออกมาจากหนังสือของธนาคารแห่งประเทศไทยฉบับที่ว่านั้น แล้วเป็นครั้งแรกที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเขียนรายงาน โดยระบุถึงนักการเมืองกลุ่ม 16 อย่างชัดเจนว่า นักการเมืองกลุ่ม 16 นี้ ได้เอาเงินไปจากธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การทั้งหมด 7,833 ล้านบาท หนังสือฉบับนี้ได้แยกแยะแจกแจงออกเป็นกลุ่มๆ หมายเลข 1 คือ กลุ่มตันเจริญ อันนี้ถูกอภิปรายครับ คุณสุชาติ ตันเจริญ กลุ่มที่ 2 เขาบอกว่ากลุ่มหาญสวัสดิ์ อันนี้ถูกอภิปราบยครับ คุณชูชีพ หาญสวัสดิ์ กลุ่มที่ 3 เขาระบุคือกลุ่มชิดชอบ นี่ถูกอภิปราย

หัวโจกเลยนะครับ คือ คุณสุชาติ ตันเจริญ เอาไปทั้งสิ้น 4,020 ล้านบาท มีบัญชีแสดงรายการออกมาชัดเจนว่า ใน 4,020 ล้านบาท เงินกู้ทั้งหมดอนุมติโดยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และเป็นการอนุมัติเกินอำนาจทั้งสิ้น หลักทรัพย์ที่นำมาค้ำประกันก็ใช้ที่ดินที่มีปัญหาเรื่องการออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 ในจังหวัดต่างๆ ในรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทย เขาเขียนชัดอย่างไร เอาว่าลำดับที่ 6 บริษัทซีลาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์วิส กู้ไป 867 ล้านบาท เอาที่ดิน น.ส.3 ก จังหวัดหนองคาย อ.พรเจริญ อ.โซ่พิสัย จำนวน 23,787 ไร่ 2 งาน กับ 65 ตารางวา มาเป็นหลักประกัน ตีราคาประเมินไร่ละ 20,000 บาท แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยบอกว่าตีเกินจริง 10 เท่า

ผมได้ยินนายสุชาติ ตันเจริญ ออกมาปฏิเสธทางโทรทัศน์ ทางหน้าหนังสือพิมพ์บอกว่าเรื่อง บริษัทซีลาร์ฯ นี่นายสุชาติไม่เกี่ยว ในรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทยบอกเลยว่า นายสุชาติ ตันเจริญ ถือหุ้นในบริษัทซีลาร์ ร้อยละ 55 เกินครึ่งของหุ้นทั้งหมด แล้วผู้ถือหุ้นคนอื่นกรรมการคนอื่นก็ระบุชื่อเลย นายวิเชียร ตันเจริญ นางสุภา ตันเจริญ นางมะไข่ ซอ นายเฉลิมชัย ตันเจริญ นางสธาทิพย์ ตันเจริญ บริษัทซีลาร์ฯ นี้จะทะเบียน 11 ล้านบาทเท่านั้นเอง แต่กู้เงินธนาคารได้ 867 ล้านบาท ยังไม่นับที่พลิกแพลงที่ไปออกตั๋วกับต่างประเทศนะครับ

นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหมาดไทยยังโกหกอีกเรื่องหนึง คือ ที่ดินบางส่วนที่เป็นของบริษัท วินิเวศ นายสุชาติบอกว่า วินิเวศไม่เกี่ยวกับผม ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน แต่ปรากฏหลักฐานอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยบอกว่า บริษัทวินิเวศที่เป็นเจ้าของที่ดินที่มี น.ส.3 มีปัญหานั่น คนในตระกูลตันเจริญถือหุ้น 78.33% แล้วทีเด็ดครับเวลาบริษัท วินิเวศ จะติดต่อกับธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การในการกู้เงินนั้น นายสุชาติ ตันเจริญเป็นคนเจรจา เพื่อให้ธนาคารจัดหาเงินให้ 300 ล้านบาทนั้น เพื่อที่จะเอาเงิน 300 ล้านบาทนี้ไปซื้อหุ้นบริษัทเทคโนโลยี แอพลิเคชั่น จำนวน 14,148,400 หุ้น หรือเท่ากับ 26.26% นั้น ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ ตกลงเอาเงิน 300 ล้านบาทนี้ให้ แต่เวลาลงนามลงว่า วิเชียร ตันเจริญ

มีอีกท่านมีหลักฐานว่า บริษัทท่ายาง คอนซูเมอร์ จำกัด กู้เงินธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การไป 230 ล้านบาท โดยไม่มีหลักฐานค้ำประกัน ใช้บุคคลค้ำประกัน ตรงนี้คุณสุชาติปฏิเสธไม่ได้ว่า ท่ายาง คอนซูเมอร์ไม่เกี่ยวกับผม เพราะคุณสุชาติค้ำประกันเอง แล้วไม่ใช่ค้ำประกันคนเดียวครับ ค้ำประกันร่วมกับกรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ นายเอกชัย อธิคมนันทะ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีเนวิน ชิดชอบ นี่คือลักษณะการใช้อิทธิพลทางการเมืองของนักการเมือง แล้วไปสมคบกับผู้บริหารธนาคารทำความผิดตามพระราชบัญญัติธนาคารพาณิชย์

จากรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทยฉบับนี้ผมก็ได้รู้อีกว่า คุณเนวินก็โกหกประชาชนเหมือนกัน พอมีเรื่องขึ้นมา เรื่องมะไข่ ซอ เรื่องบีบีซี เรื่องธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ เรื่องนักการเมืองที่เป็นรัฐมนตรีกลุ่ม 16 ไปกู้เงินธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ คุณเนวินออกมาปฏิเสธว่าคุณเนวินไม่เคยกู้เงินธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ เมื่อสักครู่ผมเรียนแล้ว เขายันยันว่า นายเนวิน ชิดชอบ และคนอื่นๆ ร่วมกันเป็นหนี้ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การอยู่ 3,120 ล้านบาท แปลว่าอะไรครับ แปลว่าคุณเนวินโกหกประชาชน โกหกคนทั้งชาติ โกหกพวกเราด้วย รัฐมนตรีที่อยู่กระทรวงการคลังนี้โกหกไม่ได้นะครับ พอโกหกเรื่องนี้แล้วผมสงสัยหมดเลย

รัฐมนตรีกลุ่ม 16 ที่เขาทำกับธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ ที่เขาทำกับเงินประชาชน เขาทำเป็นกระบวนการที่ได้มีการวางแผนกันมาอย่างแยบยลเป็นขั้นเป็นตอนมานานแล้ว วางแผนว่าจะสร้างกลุ่ม 16 ของเขาอย่างไรถึงจะมีอิทธิพล เข้ามาแล้วใครจะต้องอยู่ตรงไหน เอาคนนี้ไปอยู่กระทรวงหมาดไทยดูแลเรื่องเอกสารสิทธิ ฉันจะไปนั่งอยู่ที่กระทรวงการคลัง ฉันจะล้วงข้อมูลลึกๆ ให้ เกิดปัญหาอะไรฉันจะจัดการเอง เอาคนนี้ไปอยู่กระทรวงพาณิชย์ เรื่องจดทะเบียนอะไรให้เร็วนะ ทันควันนะ กู้ได้นะ จดวันนี้กู้วันพรุ่งนี้ได้เลยนะมันเป็นระบบเลย

การที่เอาเงินของธนาคารมาถลุงกันอย่างนี้ มาทำกันอย่างนี้ โดยที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยที่เอาที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิแล้วใช้อิทธิพลมาออกเอกสารสิทธิ แล้วมาตีราคาแพงตั้ง 17-18 เท่า ไปกู้เงินธนาคารแล้วเอาไปซื้อหุ้นเน่าๆ ในตลาดหลักทรัพย์ แล้วขายโยนกันไปโยนกันมาระหว่างพวกเดียวกัน เวลาเข้าไปซื้อหุ้นบริษัทเหล่านั้น เอิร์ธ อินดัสเตรียล มรกต อินดัสตี้ อะไรต่างๆ ขายโยนกันไป นายราเกซขายให้กลุ่มของรัฐมนตรีกลุ่ม 16 กลุ่มรัฐมนตรีกลุ่ม 16 ขายให้อัดนัน คาชอคกี มันเกี่ยวกันหมดเลย ผมไม่รู้เข้าข่ายการปั่นหุ้นหรือเปล่า ต้องเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีคลัง ต้องเป็นหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีไปจัดการให้ตลาดหลักทรัพย์ตรวจสอบ แล้วเจอแน่ๆ

ผมยังนึกชื่นชมคุณเนวินเลยว่ายอด วางแผนเฉียดขาดตามรอยยาก 3-4 เดือนกว่าผมจะออกมาได้อย่างนี้ แต่ผมไม่แปลกใจเพราะว่าตอนที่มีคดีปั่นหุ้น เขาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาเรื่องนี้ คุณเนวิน แหม แสดงตัวเป็นโต้โผใหญ่ศึกษาซักไซ้ไล่เลียงรายละเอียดหมด เสร็จแล้วเอาความรู้คราวนั้นมาใช้เมื่อตอนเป็นรัฐมนตรีคราวนี้ ได้ผลเก่งกว่าพวกที่ปั่นหุ้นคราวนั้นตั้งเยอะ แล้วเผลอๆ จับไม่ได้ เผลอๆ ไม่สามารถดำเนินคดีได้

คนพวกนี้นึกว่าธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การเหมือนกันบริษัทส่วนตัวของตัวเอง จะเอาเงินไปทำปู้ยี้ปู้ยำอย่างไรก็ได้ นี่เป็นธนาคารของมหาชน ไม่ใช่สมบัติส่วนตัวครอบครัวของตระกูลชิดชอบ ไม่ใช่สมบัติครอบครัวของตระกูลตันเจริญ เงินที่สำคัญของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การได้มาจากการระดมเงินฝาก 132,235 ล้านบาท ใครละครับที่เป็นเจ้าของเงินฝาก มีทั้งหมด 1,564,053 คน ที่อุตส่าห์เอาเงินออมไปฝากไว้กับธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ นึกว่าปลอดภัย ไม่นึกว่าโจรมันจะไปปล้นที่นั่น.

...............

"เกริกเกียรติ ชาลีจันทร์" อดีต กก.บีบีซี สิ้นแล้วด้วยโรคมะเร็ง/ย้อนอดีตเทือกชำแหละกลุ่ม 16>>>

...........................

ขอไว้อาลัยแด่ผู้จากไป.....

คงมีคนหลายคน ต้องชดใช้กรรม...

ที่ก่อไว้กับท่าน อีกไม่นาน...

..............

แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 55 21:55:07

 
 

จากคุณ : Mr.PeaceMan
เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 55 21:52:10 A:171.98.43.37 X:




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com