ความคิดเห็นที่ 1 ชาวนา มีอยู่ สองประเภทครับแบ่งโดยความคุ้นชินและเห็นอยู่ในสังคมของชาวนาเอง ประเภทแรก เป็นชาวนาที่เป็นเจ้าของที่ดิน และเป็นที่ดินที่ทำเกษตรอย่างอื่นไม่ได้หรือไม่เหมาะ เหมาะที่จะทำนา กลุ่มนี้มีทั้งทำนาเพื่อกิน แล้วเหลือกินก็ขายเป็นรายได้ บางสว่นมีรายได้หลักจากการทำนา แต่บางส่วนมีรายได้หลักมาจากอาชีพอื่นหรือทำการเกษตรอย่างอื่น เช่น ทำสวนผัก สวนผลไม้ อย่างตัวผมเองก็มีรายได้หลักมาจากอาชีพอื่นและทำสวนผลไม้ แต่ทำนาเพราะต้องการที่จะทำข้าวกินและพื้นที่ตรงที่ทำนาเป็นที่ลุ่มทำอย่างอื่นน้ำจะท่วมก็เลยทำนา และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำนาเพราะไม่ต้องการให้ลูกลืมกำพืดของบรรพบุรุษที่เคยทำนา ผมจัดตัวเองไว้อยู่ในกลุ่มชาวนากลุ่มแรกนี้ จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:00:42 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 2 ชาวนากลุ่มที่สอง เป็นชาวนาที่ทำนาเพื่อเป็นรายได้หลัก ไม่ได้มีอาชีพอื่นเป็นที่มาของรายได้ อาจจะมีที่นาของตัวเอง หรือเช่านาของผู้อื่นทำ การทำจะเป็นการลงทุนเพื่อหวังผลกำไร ราคาข้าวคือ อนาคตและชีวิตที่จะฝากความหวังไว้ เพราะต้นทุนที่ลงไปนับวันจะสูงขึ้น ผลกระทบต่อชาวนาของโครงการประกันราคา และรับจำนำข้าวจะมีผลกระทบต่อชาวนาในแต่ละกลุ่มไม่เหมือนกัน จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:01:05 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 3 ชาวนาทางภาคเหนือและภาคอีสานจะมีวิถีที่ทำนาแบบชาวนากลุ่มที่หนึ่ง ทำนาเพื่อเอาข้าวไว้กิน ข้าวเหลือกินค่อยเอามาขายหรือเอามาจำนำ ในสมัยก่อนข้าวเป็นสินทรัพย์ที่เป็นหลักประกันของครอบครัว เพราะถึงจะไม่มีเงินสังคมชนบทก็ยังอยู่ได้ขอให้มีข้าว อาหารอื่นที่เป็นกับข้าวสามารถหาได้จากธรรมชาติ ข้าวจึงเปรียบเสมือนทรัพย์สินที่เขาหวงแหน วิถีชีวิตชาวนาอีสานสมัยก่อนเรื่อยมาจนทุกวันนี้ ทุกบ้านจะมียุ้งฉางสำหรับเก็บข้าว ใต้ถุนยุ้งข้าวก็จะเลี้ยงหมูหรือเป็นเล้าไก่ ทรัพยากรข้าวไม่ใช่เพียงอาหารสำหรับคน หากแต่เผื่อแผ่ไปหาสัตว์เลี้ยงหลักประกันอาหารเหล่านี้ด้วย จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:01:23 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 4 ข้าวนอกจากจะเป็นอาหารหลัก อาหารรองสารพัดก็มาจากข้าวโดยภูมิปัญญา การดัดแปลงข้าวและการถนอมอาหาร ข้าวหนมหรือขนมสารพัดอย่างมาจากข้าวหรือแป้งของข้าวกว่าครึ่ง ขนมจีน เสันก๋วยเตี๋ยว เส้นก๋วยจั๊บเหล่านี้คือ ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องจากข้าว ที่สาธยายมาเพื่อให้เห็นว่า ข้าวเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าเพียงใดนะครับ จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:01:45 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 5 หากวิถีชีวิตของชาวนายังคงเดิมเหมือนเมื่อยี่สิบหรือสามสิบปีก่อน ก็คงไม่มีปัญหาเกิดขึ้นเพราะชาวบ้านดำรงชีวิตอยู่กับธรรมชาติ กระนั้นข้าวก็ยังแสดงคุณค่าของความเป็นทรัพย์สินในชุมชนอยู่อย่างต่อเนื่อง อะไรเป็นตัวบ่งชี้เช่นนั้น ผมมองกลับไปในวัยเด็ก ข้าวถึงกลับเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนสินค้าหลากชนิด อย่างที่คนในสังคมเมืองไม่อาจที่จะเคยเห็น หมู่บ้านที่ทำเกลือเอาเกลือมาแลกข้าว มีผัก มีปลาแห้งเอามาแลกข้าว บ้านไหนใกล้แหล่งน้ำทำนาไม่ได้ผลก็จับปลา ทำปลาแดก ปลาร้ามาแลกข้าว เลยไปจนถึงแลกความบันเทิงที่ท่านอาจจะไม่เคยได้ยิน หรือไม่อาจคาดไปถึงว่ามันมีอยู่จริง อย่างหมอลำขอข้าว หรือหนังขอข้าว นี่คือการตอกย้ำความสำคัญของข้าวในสังคมบ้านเรา จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:02:06 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 6 การทำนาเมื่อก่อนเป็นการใช้แรงงานในครอบครัว คนทำไม่เคยคิดต้นทุนค่าแรงเพราะ ถ้าไม่ทำนาเขาก็ไม่มีอย่างอื่นทำ ทำให้ต้นทุนการทำนาต่ำ และการทำนาที่อาศัยแรงงานคนและสัตว์เลี้ยงประเภทวัว:-)ทำให้ได้ปุ๋ยมาใช้ในนาโดยที่ไม่มีต้นทุนค่าปุ๋ย ยิ่งทำให้ต้นทุนทุกด้านต่ำไปอีก และไม่มีใครไปเร่งการผลิตและเร่งผลการผลิตเพราะ ไม่ได้ทำข้าวเพื่อการค้าสักเท่าใด จนกระทั่งวัฒนธรรมการทำนาเปลี่ยนไปเมื่อสักยี่สิบปีมานี้ โดยมีโครงสร้างผลประโยชน์การค้าข้าวมาเป็นตัวทำให้ชีวิตชาวนาเปลี่ยนไป เข้าไปอยู่ในวังวนของการค้าที่ตัวเองไม่มีอำนาจต่อรองอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดราคาข้าวที่ตนจะขาย การไม่รู้ชะตาว่าปุ๋ยปีนี้จะขึ้นราคาไปเท่าไหร่ โรคระบาดจะมีไหม และฝนฟ้าเทวดาจะเมตตาชาวนา ชาวดินเช่นไร จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:02:27 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 7 พอตกหล่มเข้าไปในวงเวียน เพื่อทำข้าวขายก็ถอนตัวไม่ขึ้น เพราะการผลิตสินค้าหรือบริการใดก็ตาม ที่ไม่สามารถควบคุมต้นทุนและปัจจัยแวดล้อมได้แบบนี้ ก็สามารถมองเห็นอนาคตได้อย่างแน่นอนว่า ต้องขาดทุน พอขาดทุนก็ต้องแก้ตัว ด้วยความหวังว่า ปีหน้า ราคาข้าวอาจจะดีขึ้น โดยที่เขาไม่รู้เลยว่า การที่ข้าวจะขึ้นหรือไม่ขึ้นราคามันอยู่ที่กลุ่มพ่อค้าข้าวไม่กี่ตระกูลว่า เขาจะเมตตาแบ่งเศษกำไรให้หรือไม่ การที่จะแก้ตัวเพราะทำนาขาดทุนเพื่อให้ได้ทำนาในรอบใหม่ ก็ต้องเกิดการกู้หนี้ยืมสิน พลัดหล่มเข้าไปในอีกวงจรหนึ่งที่เรียกว่า หนี้สินหมุนเวียน ซึ่งผมจะพูดถึงเรื่องนี้ภายหลัง จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:02:51 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 8 ธรรมชาติของผู้ค้าไม่ว่าจะค้าขายอะไร การขายถูกเป็นสิ่งที่พ่อค้าชอบ พ่อค้าชอบการขายของถูกเพราะการขายของถูกมันขายง่าย และขายสบายและขายได้จำนวนเยอะ ตราบใดที่เขายังกำหนดราคาซื้อที่ต่ำได้ เรื่องอะไรที่เขาจะไปกำหนดซื้อของมาขายในราคาสูง เพราะซื้อมาราคาสูงการไปขายมันก็ขายยาก ตราบใดที่ยังกดให้ชาวนาทำข้าวมาขายให้ในราคาถูกได้ เรื่องอะไรที่จะไปขึ้นราคา พ่อค้าจึงชอบนโยบายการประกันราคามาก เพราะสามารถที่จะสามารถกดซื้อข้าวในราคาต่ำ แล้วก็ให้ชาวนาไปรับส่วนต่างจากรัฐบาล พ่อค้าได้ขาวไปขายในราคาถูก ชาวบ้านได้เงินจากค่าข้าวและเงินส่วนต่างจำนวนหนึ่งตามที่รัฐกำหนด ส่วนรัฐบาลจ่ายส่วนต่างอย่างเดียว และนับวันจะต้องจ่ายมากขึ้น เพราะชาวนามีทั้งจริงและเก๊มาเอาส่วนต่าง บางรายชาวนาแท้ๆนี่แหละครับ แต่ไม่ทำนาเพราะเมื่อรวมราคาข้าวที่ขายได้พร้อมเงินส่วนต่างแล้ว เขายังขาดทุน อย่ากระนั้นเลยจะไปทำให้มันเหนื่อยไปทำไม รอรับเงินส่วนต่างเสียอย่างเดียวไม่ดีกว่าหรือ ถ้าเป็นแบบนี้พอจะเห็นภาพไหมครับ ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับอนาคตอาชีพชาวนา จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:03:19 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 9 ผลิตภาพของชาวนาจะลดลง การพัฒนาเพื่อการเพิ่มผลผลิตหรือเพิ่มคุณภาพข้าวก็จะไม่มี เพระาราคาซื้อขายในตลาดก็ไม่เอื้อ ด้วยพ่อค้ากดราคาไว้ ไม่ต้องซื้อแพงก็ได้เพราะรัฐบาลจ่ายส่วนต่าง ชาวนาก้ไม่ขวนขวายที่จะผลิตข้าวให้ได้มากและคุณภาพดี เพราะทำไปก็เท่านั้น จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:03:36 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 10 มาดูต้นทุนการทำนาข้าวแบบทั่วๆไปที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ ผมจะแจงให้ฟังโดยละเอียด ต้นทุนการทำนาทุกวันนี้ประกอบด้วย 1.ค่าพันธุ์ข้าว ใช้โดยเฉลี่ย 5 กิโลกรัมต่อไร่ ราคาเฉลี่ยต้นทุนประมาณ 300 บาท 2.ค่าไถนา ไร่ละ 900 บาท 3.ค่าปักดำ ไร่ละ 1200 บาท 4.ค่าปุ๋ยใช้ 50 กก.ต่อไร่ สองครั้ง 2000 บาท 5.ค่าเก็บเกี่ยว ไร่ละ 600 บาท นี่คือต้นทุนดิบในการทำนาหนึ่งไร่ สมมติว่าไม่มีโรคระบาดและแมลงรบกวน จะเป็นต้นทุนดิบอยู่ที่ไร่ละ 5000 บาทถ้วน แต่ในความเป็นจริงยังมีค่ายาคุมหญ้า และยากำจัดหอยเชอรี่และอื่นๆ อีกประมาณไร่ละ 500 บาท หากชาวนาทำนาได้ไร่ละ 800 กิโลกรัม ต้องขายข้าวกิโลละเท่าไหร่ดีเขาจึงจะอยู่ได้ เอาหัวใจเราตรองดูครับ จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:03:59 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 11 การค้าข้าวในตลาดปัจจุบัน จะเห็นว่าชาวนาถูกมัดมือชกอย่างไม่มีหนทางสู้อย่างน่าสงสารทีเดียว แถมต้นทุนที่ผมยกเอามาให้ดูเป็นเพียงต้นทุนดิบในการทำนาเท่านั้นนะครับ เพราะยังไม่รวมค่าใช้จ่ายของตัวชาวนาเอง ในทางธุรกิจเขาเรียกว่าค่าใช้จ่ายในการบริหาร แต่ในการทำนามันเป็นเพียงค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต ชีวิตของชาวนาที่ต้องกินต้องใช้ ลูกต้องเรียนหนังสือ มีภาษีสังคม ญาติตาย คนในหมู่บ้านแต่งงานและอีกสารพัดเหมือนอาชีพอื่นๆ ที่มีความเป็นคนเหมือนกัน คำถามที่ชาวนาแบบผมพร่ำถามตัวเองก็คือ ทำไมชาวนาจะอยู่ดีกินดีเหมือนคนอื่นเขาไม่ได้ หรือเป็นเพราะเป็นชาวนาแล้วต้องเป็นชนชั้นที่ต้องแบกแอกงานหนัก เพื่อหล่อเลี้ยงผู้อื่นเท่านั้น หากท่านไปตีโพยตีพายเยี่ยงนั้น ก็จะถูกชี้หน้าว่า ถ้ามันลำบากไม่พอกินก็ไปทำอาชีพอื่น หรืออย่ามาทวงบุญคุณฉันไม่เคยขอข้าวใครกินเปล่าๆต้องซื้อทุกเม็ด ชาวนาก็ต้องก้มหน้ารับคำบริภาษเหล่านี้กระนั้นหรือ? มีใครมองบ้างไหมว่า สิ่งที่ชาวนาเรียกร้องแก่นมันอยู่ที่ตรงไหน ชาวนาไม่ต้องการให้ใครมาสงสารและสมเพช หากแต่อยากให้จัดสรรและกระจายรายได้และ กำไรจากการค้าข้าวที่มาจากหยาดเหงื่อของเขาอย่างเป็นธรรมเท่านั้นเอง แต่เสียงของเขาไม่อาจสะท้อนออกมาได้เพราะ อำนาจต่อรองของเขาไม่มีเพียงสักกระผีก จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:05:00 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 12 มาดูคุณูปการอันยิ่งใหญ่อีกอย่างที่โครงการประกันราคา ได้ให้กับชาวนาไว้อย่างใหญ่หลวง ดูเหมือนจะดีและเลอเลิศ เพราะชาวนาในกลุ่มที่หนึ่งและชาวนานอกเขตชลประทาน ที่ทำนาข้าวได้ข้าวน้อยแต่พอกิน ไม่มีข้าวไปเข้าโครงการรับจำนำ แต่ได้รับเงินส่วนต่างมาไร่ละพันกว่าบาท เลยเหมือนได้รับประโยชน์เพราะมีเงินมาถึงมืออย่างที่เคยไม่ได้รับ แต่ถ้ามองอย่างลึกๆเงินที่ได้รับนั้นเหมือนขนมหวานที่เอามาล่อ แต่ไม่บอกถึงยาพิษที่ซ่อนอยู่ภายใน ใครจะมองอย่างไรไม่รู้และไม่มีใครมาชี้ให้สังคมเห็น ไม่ว่าจะเป็นนักวิชการผู้เลอเลิศ นักการเมืองผู้ประเสริฐ และทีดีอาร์ไอสุดวิเศษ ไม่รู้ไปอยู่เสียที่ไหน ยาพิษที่ร้ายแรงนั้นก็คือ การทำให้สินทรัพย์ในมือชาวนา ลดค่าลงเกือบเท่าตัว ทำไมถึงบอกเช่นนั้น ก็เพราะว่า ราคาข้าวที่พ่อค้าในตลาดกดราคา ซื้อให้ลดเหลือเพียงแค่ หกพันถึงเจ็ดพันบาท ในสมัยประกันราคาข้าวนั่นไงครับ ทำให้สินทรัพย์ที่อยู่ในมือชาวนา จากที่เคยขายในสมัยนายกสมัคร 13000-14000 บาท ราคาหายไปเป็นครึ่ง นั่นก็คือข้าวที่เขาถือไว้ในมือมีมูลค่าลดลงไปครึ่งหนึ่ง งบดุลชีวิตของเขาติดลบทันทีในจำนวนที่ไม่น้อย แล้วแบบนี้เศษเงินส่วนต่างที่ให้มาเมื่อเทียบกับอัตราส่วนนี้ ยิ่งเป็นเศษเงินหนักยิ่งเข้าไปอีก เกิดวันหนึ่งเขามีความจำเป็นต้องใช้เงิน เอาข้าวไปขายสักสองเกวียน ราคาที่เขาควรจะได้แล้วหดหายไปเพราะการนี้ เท่ากับเงินชดเชยส่วนต่างที่ได้มาหายไปแล้วนับสิบไร่ ช่างเป็นน้ำผึ้งเคลือบยาพิษ ที่หอมหวานและเลือดเย็นเหลือเกินครับ ท่านนักวิชาการและทีดีอาร์ไอผู้ประเสริฐ จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:05:35 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 13 แต่สิ่งที่ท่านให้ตอบแทนกับประเทศและสังคมก็คือ การเป็นประเทศที่ส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งของโลก ช่างเป็นถ้วยรางวัลที่สวยงาม วาววับและน่าภาคภูมิใจ ใส่ตู้โชว์ไว้ให้แขกไปไทมาได้เห็นว่า ช่างมากด้วยสามารถที่คว้าถ้วยรางวัลมาได้ แต่ให้ตายเถอะ ถ้วยรางวัลที่สวยงามนี้ มีนักวิชาการหรือนักการเมืองท่านใด พอจะชี้ให้ชาวนาผู้โง่เขลาอย่างผมเห็นได้ไหมว่า เกิดประโยชน์โภชน์ผลใดกับชาวนาบ้าง เอาให้เห็นชัดๆว่าชาวนาได้ประโยชน์อะไรจากตำแหน่งที่หนึ่งของโลกนี้ และผู้คนในสังคมได้ประโยชน์อะไร ในเมื่อผู้ทำนายังต้องทำนาอย่างหนัก เพื่อผลิตข้าวไปส่งออกให้ตัวชาวนาขาดทุน เพียงเพราะเพื่อรักษาตำแหน่งแชมป์ แล้วสังคมส่วนรวมมีความเป็นอยู่ดีขึ้นอยู่หรอกหรือครับ กับตำแหน่งแชมป์นี้ ท่านนอนหลับสบายขึ้น กินข้าวได้น้อยลงใช่ไหมครับหลังจากเป็นแชมป์ส่งออกข้าวแล้ว ก็เปล่าเลย แต่คนที่ทุกข์ทนเหมือนเดิมหรือมากขึ้น กลับเป็นชาวนา จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:05:57 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 14 คำถามที่ตามมาอีก และไม่ได้รับคำตอบจากนักวิชาการที่มากระหน่ำ โครงการรับจำนำข้าว ก็คือ ประเทศที่ชาวนาเป็นสุขอย่างญี่ปุ่น ทำไมเขาไม่ดิ้นรนเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลกอย่างของไทย หรือป่านนี้คนญี่ปุ่นตายหมดแล้วเพราะช้ำใจตายที่ไม่ได้ครองแชมป์ส่งออกข้าว ก็เปล่าเลย แต่ชาวนาเขากลับสมบูรณ์พูนสุขเสียด้วยซ้ำ แล้วเคยหาคำตอบมาให้ชาวนาเราไหมครับท่านนักวิชาการว่าเป็นเพราะอะไร จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:06:19 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 15 อีกสิ่งที่ผู้คนในสังคมไม่มีใครไปให้ความสนใจ และสูบเลือดชาวนาอยู่อย่างเลือดเย็นเงียบๆ ก็คือการผูกขาดการค้าปุ๋ย อยู่ในมือของบุคคลเพียงไม่กี่คน เหมือนกันกับผู้ค้าข้าวและดูเหมือนจะสัมพันธ์กันด้วยซ้ำ ช่างโหดร้ายไหมครับที่คนกลุ่มเดียวกันนี้ ช่วยกันสูบเลือดชาวนาทั้งต้นทางและปลายทางของข้าว จนสุดท้ายชาวนาจะเหลือเพียงซังข้าว และชีวิตที่ผอมแห้งเพราะเลือดโดนสูบไปไม่มีเหลือ มีใครพูดและชี้ให้สังคมเห็นไหม นักวิชาการที่บอกว่าราคาจำนำข้าว ควรอยู่ที่เกวียนละ 8000 บาท ลองเอาหัวแม่ตีนตรองดูว่า จะให้ชาวนาอยู่อย่างไรถ้าไปดูต้นทุนที่ผมบอกไว้ จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:06:38 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 16 มามองดูโครงการจำนำข้าวเท่าที่ผมรู้และติดตามแนวคิดที่อยู่ลึกๆในโครงการนี้ เป็นแนวคิดที่อยู่ลึกมากจริงๆครับ ผมออกจะขัดใจกับรัฐบาลว่าทำไมไม่มีใครหน้าไหน ในรัฐบาลที่มีความสามารถเลยหรือที่จะอธิบายความ ในสิ่งที่ต้องการของโครงการนี้ให้ชาวบ้านได้เข้าใจ ไปติดหล่มอยู่เพียงแค่ คำว่า"รับจำนำ" ที่เขาโหมใส่ทั้งที่แก่นแกนของโครงการนี้ไม่ใช่การรับจำนำ ชาวนาบ้านนอกอย่างผมต้องมาลำบากจิ้มแป้นอยู่อย่างนี้ เพราะกลัวแก่นของโครงการนี้จะล้มไป เพราะความไม่ประสาของฝ่ายรัฐบาลที่ไม่สามารถอธิบายต่อสังคมได้ เพราะสังคมนี้โดนลวงมาด้วยสื่อ และนักวิชาการที่อยู่บนหอคอยงาช้างมากันค่อนชีวิต ซึ่งตอนนี้ก็พากันกระหน่ำจุดอ่อนโครงการที่มีการทุจริต ซึ่งสามารถจัดการได้ ที่เขาต้องการกำจัดที่แท้จริงคือแก่นแกนของโครงการนี้ต่างหาก แต่ไม่มีใครพูดชาวนาคนนี้จะพูดครับ อาจจะผิดหรือถูก ก็บอกไว้แต่ต้นแล้วว่าเป็นมุมมองของชาวนา จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:06:59 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 17 โครงการนี้เท่าที่ผมติดตามแนวคิดอย่างตามติด และสนใจพอจะสรุปออกมาได้ดังนี้ โครงการนี้ถ้าจะเรียกให้ถูกต้อง คือโครงการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการข้าว แต่มันคงจะยากที่จะเรียกเช่นนั้น ในการเมืองที่ต้องเอาการตลาดมาจับให้มันเข้าถึงชาวบ้าน ก็เลยมาลงที่ "การรับจำนำ"เป็นหัวเรื่องเพื่อให้จำง่ายและติดตา แต่แก่นของโครงการไม่เคยเปลี่ยน ยังคงมั่นอยู่ที่การปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของการบริหารจัดการข้าว ให้ทุกส่วนได้รับความเป็นธรรมในสายธารของข้าวแห่งนี้ ปรับโครงสร้างอย่างไร จัดการข้าวอย่างไร กระจายความเป็นธรรมอย่างไร นี่เป็นสิ่งที่รัฐควรจะอธิบายต่อสังคมเป็นอย่างยิ่ง และผมก็เฝ้าจับตาดูว่ามีใครจะออกมาอธิบายไหม ได้แต่รอแล้วรอเล่า และรอเปล่า เลยอึดอัดขัดใจขออธิบายเองดังต่อไปนี้ จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:07:21 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 18 การปรับโครงสร้างครั้งนี้เกี่ยวกับต้นธารไปจนถึงปลายธารของข้าว เริ่มตั้งแต่ผู้ผลิตคือชาวนา การเอาโครงการรับจำนำข้าวเข้ามาก็เพื่อ ยกระดับรายได้ของชาวนาให้ขึ้นมาลืมตาอ้าปากได้ โดยคำนึงถึงต้นทุนที่แท้จริงและให้ชาวนาอยู่ได้อย่างมีคุณภาพชีวิต ที่พอยืนอยู่ได้ในสังคม แล้วทำไมต้องอยู่ที่ 15,000 บาท ผมพอจะอนุมานและเห็นแนวคิดนี้อย่างเท่าทันผู้คิดนโยบายว่า ต้องการไปเปรียบกับผู้จบปริญญาตรี ที่จะให้ได้รับค่าจ้างพื้นฐานที่ หมื่นห้า ให้เป็นค่าความพากเพียรที่เล่าเรียนมาจนจบด้วยค่าตอบแทนที่ได้รับ ย่อมเท่าเทียมกันกับของชาวนาผู้พากเพียรทำข้าวให้ได้หนึ่งตัน เป็นค่าความเหนื่อยยากและทักษะการทำนาที่ชาญ^^ว และเป็นแรงจูงใจให้พัฒนาเพื่อเพิ่มผลผลิต และหาวิธีลดต้นทุนเพื่อนำไปสู่กำไรที่มากขึ้น ไม่มีคนของรับบาลคนใดเลยที่ออกมาชี้ตรงจุดนี้ คุณูประการนี้จะส่งผลต่อโครงสร้างการผลิตข้าว ให้ชาวนากระตือรือร้นที่จะเพิ่มผลผลิต และพัฒนาวิธีการเพื่อลดต้นทุน ตอนนี้ชาวบ้านเริ่มรู้จักการใช้ทรัพยากรร่วมในการลงทุนทำนา อย่างเช่น เอาเงินเอสเอ็มแอล มาซื้อรถไถนา รถเกี่ยวข้าว เพื่อใช้ร่วมกันในหมู่บ้านและตำบลเป็นการลดต้นทุน และต่อยอดไปหารายได้ได้อีก มีเอาท์ซอสซิ่งเหมือนอุตสาหกรรมเหมือนกันนะครับ เพราะด้วยที่หาแรงงานทำนายาก ก็มีชาวนาหัวใสเอาแรงงานที่มีทักษะการดำนาชั้นยอด มารวมตัวกัน 20-30 คนรับดำนาในราคาเหมาเป็นไร่ ไร่ละ 1200 บาท นายี่สิบไร่นี่วันหนึ่งดำเสร็จสบายๆ และถูกกว่าค่าจ้างรายวัน คำณวนต้นทุนได้แน่นอนด้วย คนรับจ้างก็พอใจเพราะถ้ายี่สิบคนดำได้ยี่สิบไร่ต่อวัน ค่าจ้างต่อคนตกนับพันบาทต่อคน เห็นพัฒนาการของเขาไหมครับ หากราคาที่รัฐยกระดับรายได้เช่นนี้ จะเห็นพัฒนาการที่มากกว่านี้ เพราะทำแล้วคุ้ม จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:08:11 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 19 อีกอย่างที่เห็นภาพชัดใกล้ตัว คือที่ที่ถูกทิ้งร้างไว้ไม่ทำประโยชน์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปีนี้ถูกบุกเบิกแผ้วถางมาทำนา หากชาวนามองไม่เห็นผลตอบแทนที่อยู่เบื้องหน้าคงไม่มีใครมาลงทุนเช่นนี้ ซึ่งจะส่งผลทำให้มีการใช้ทรัพยากรที่ถูกทิ้งเอาไว้เปล่าๆไม่เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ ให้เกิดประโยชน์ขึ้นและคงจะเป็นแบบนี้ไปอย่างทั่วถึง สิ่งที่รัฐบาลควรจะทำในส่วนนี้และทำไปแล้วบ้าง ก็คือการจัดการปัจจัยการผลิต พวกปุ๋ยและเคมีเกษตรที่อยู่ในมือนายทุนอย่างเบ็ดเสร็จ การให้ทุนซึ่งรัฐให้ในเรื่องบัตรเครดิตเกษตรกร แต่มีปัญหาอยู่ที่ต้องแก้ก็คือการเข้าถึงในโครงการนี้ของเกษตรกร โดยเฉพาะรายใหม่ที่ไม่เคยเป็นลูกค้า ธกส. และอีกอย่างที่ควรจะไปรื้อแก้ก็คือการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตร ในระดับต่างๆว่ามีส่วนในการส่งเสริมการผลิตของเกษตรกรชาวนาอย่างไร ไม่ใช่อยู่ในสภาพเลี้ยงเสียข้าวสุก จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:08:32 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 20 ผลที่ส่งไปหาชาวนาอีกอย่างอันเป็นตรงกันข้ามกับโครงการประกันราคา และเป็นผลที่ส่งในวงกว้างและตัวชาวนาเองก็ไม่รู้สึก ก็คือข้าวอันเป็นสินทรัพย์ที่อยู่ในมือชาวนา มันมีมูลค่าทางเศรษฐกิจในงบดุลชีวิตของเขามันมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ถึงแม้เขาจะทำนาได้ข้าวน้อยไม่มีข้าวมาเข้าโครงการจำนำ แต่ข้าวที่เขาเก็บไว้มันมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยมีจากสมัยประกันราคา เกิดวันหนึ่งเขามีความจำเป็นต้องขายข้าว อาจจะจากที่ต้องซื้อชุดนักเรียนใหม่ให้ลูก หรือขายไปหมั้นสาวเป็นสินสอดให้ลูกชาย ข้าวในมือเขามันก็มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่เคยเป็นอยู่ เพราะราคาถูกยกระดับขึ้นมา อันนี้เป็นสิ่งที่ชาวนาได้รับกันถ้วนหน้าโดยที่ไม่ต้องลุกจากที่นอน จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:08:51 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 21 หลายคนบอกสถานการณ์ตอนนี้ระหว่างชาวนากับชนชั้นสูง เป็นเหมือนสงครามชนชั้น ผมว่ากำลังเข้าใจผิด การที่จะทำสงครามกันได้นั้น คู่สงครามต้องมีกำลังไพร่พลสูสีกัน พอที่จะเข้าประจันและทำสงครามกัน แต่สภาพที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ มันไม่ใช่สงคราม แต่เป็นการเหยียบปาก และ:-)น้ำลายซ้ำใส่ชาวนา ผู้ที่ด้อยกว่าทุกอย่าง ด้อยที่ไม่มีภูมิรู้ที่จะอธิบายความ ด้อยด้วยภาพพจน์ความน่าเชื่อถือ เป็นเพียงชาวนาหน้าดำ ไม่มีสื่อที่เป็นตัวแทน ที่จะเป็นปากเสียงให้ หรือมีใจแบ่งพื้นที่ให้สักนิด นักการเมืองที่เป็นตัวแทนก็เป็นแค่แถวสาม อธิบายความไม่ได้ แล้วมองอย่างไรที่ว่า เป็นสงครามชนชั้น ผมกลับมองว่า นายทุน ขุนศึก ศักดินา และพ่อค้าหน้าเลือด กำลังรังแกคนไม่มีทางสู้ โครงการนี้จะไปได้หรือไม่อยู่ที่ คนที่พอมีศักยภาพช่วยกันเผยแพร่ข้อมูล ข้อเท็จจริงให้กว้างขวาง สร้างความเข้าใจให้สังคมเป็นพลังหนุนให้ชาวนาได้ลืมตาอ้าปาก จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:09:42 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 22 ด้วยสถานะความอ่อนแอด้านรายได้ของการทำนา ตลอดระยะเวลายี่สิบปีคืนหลังไปนั้นจึงเกิดสภาพของแรงงานย้ายถิ่น เพื่อไปหาอาชีพที่รายได้มากกว่าการทำนา ย้ำนะครับว่า เป็นอาชีพที่ รายได้มากกว่าการทำนา ไม่ใช่ว่า เป็นอาชีพที่ดีกว่า หรือมีความสุขกว่า หากแต่เป็นอาชีพที่รายได้ดีกว่า อาจจะทุกข์ยาก และเหน็ดเหนื่อยกว่าการทำนา แต่เป็นอาชีพที่มีรายได้พอเลี้ยงครอบครัวได้มากกว่าการทำนา ก่อให้เกิดปัญหากับสังคมเมือง เกี่ยวเนื่องกันไป สังคมชนบทก็เปลี่ยวร้างเหลือเพียงคนแก่และเด็กที่ว้าเหว่ และโหยไออุ่นจากพ่อแม่ สังคมเมืองมีปัญหาเพราะความแออัด โจรผู้ร้ายจากคนร้อยพ่อพันแม่ บ้านนอกเริ่มมีปัญหายาเสพติดเพราะเด็กขาดไออุ่นและพ่อแม่คอยดูแล สภาพนี้จะได้รับการแก้ไขแม้จะไม่ทันใดแต่ก็จะมีการแก้ หากการทำนานำรายได้ที่พอเลี้ยงครอบครัว ชาวนาจะคืนถิ่น เคยมีให้ได้เห็นบ้างในสมัยนายกสมัคร และกำลังเห็นอีกในสมัยนี้ คนงานในโรงงาน คนที่เป็นแม่บ้าน เป็น รปภ.เริ่มหายากใช่ไหมครับ กลุ่มคนเหล่านี้กำลังกลับมาทำนาในปีนี้ ข้างหลังบ้านผมเป็นที่รกร้างมานับสิบปี จำนวนเกือบสี่สิบไร่ ถูกแปรสภาพเป็นนาข้าว ทำมาแล้วสองรอบ จนได้ค่าแผ้วถางคืน นี่คือสิ่งที่ได้มาอีกอย่างของการปรับโครงสร้างครั้งนี้ พ่อได้กลับมาอยู่กับลูก แม่ได้มาทำกับข้าวให้ครอบครัว สังคมชนบท ที่อบอุ่นคงจะกลับคืนมา หากโครงการยังดำเนินต่อไป จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:09:59 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 23 ซึ่งหากไปสู่จุดหมายได้ครบวงจรของการจัดการขัาว สังคมเมืองก็คงลดความแออัดลง ปัญหาของเมืองใหญ่ ที่แย่งกันกินแย่งกันใช้ ก็คงจะน้อยลง สภาพที่รถติดทางขึ้นเหนือ หรืออีสานในเทศกาลหยุดยาวก็คงเกิดขึ้นน้อย หรือไม่เกิดขึ้นเลย การจัดการและปันส่วนของกำไรที่มีประสิทธิภาพ ไม่ให้การค้าข้าวอยู่ในมือคนเพียงบางกลุ่ม ผลดีที่จะส่งถึงคนเมืองอีกอย่างก็คือ การจะได้กินข้าวคุณภาพในราคาที่เป็นธรรม ไม่ตกอยู่ในอำนาจของพ่อค้าข้าวที่จะโขกเอาราคาเท่าใดก็ได้อีกต่อไป การรับจำนำข้าวทุกเม็ดย่อมสร้างอำนาจต่อรองให้ชาวนาที่จะเลือกว่า เขาจะส่งต่อข้าว ให้กับใคร ระหว่างรัฐกับพ่อค้า หากพ่อค้าอยากแย่งสินค้าจากรัฐก็ย่อมมีสิทธิขาดที่จะให้ราคาที่ดีกว่า ย่อมดีกว่าที่จะไม่มีทางเลือก ที่ต้องขายข้าวในราคาที่พ่อค้ากำหนดอย่างโครงการประกัน นี่เอาภาพต่อการผลิตและผู้ผลิตพอสังเขปนะครับ การที่มาบอกว่า การทำแบบนี้เท่ากับเป็นการทำลาย การค้าข้าวของภาคเอกชน ผมกลับมองว่า ไม่มีใครเขาทำลายได้หรอกครับ เพียงแต่ลดกำไรลงมาหน่อย มาแบ่งให้ลูกจ้างทำนาที่คุณกดขี่มาทั้งชีวิตจะได้ไหม หรือหากคุณจะล้ม คุณก็ยังมีทางไปเพราะสั่งสมความรวยมาแล้วทั้งชีวิต แต่หากชาวนาล้ม เขาไม่มีทางไป ท่านจะเลือกประคองใคร จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:10:18 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 24 อีกอย่างที่เหมือนเป็นปัญหาที่สุดของการรับจำนำที่รัฐควรจะต้องคิดอ่านหาวิธีแก้ไข นั่นคือการจัดเก็บข้าว และผมแน่ใจว่ามีการคิดอ่านไว้แล้ว เพราะเห็นนายกฯไปดูงานไซโลเก็บสินค้าเกษตรที่ไหนสักแห่ง การจัดเก็บข้าวทุกวันนี้ เหมือนเอาปลาย่างไปฝากไว้กับแมว ผมย้ำอยู่ตลอดว่า ข้าวเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าอยู่ในตัว การฝากข้าวไว้กับโรงสีจึงเป็นจุดหนึ่งที่ถ้าแก้ไขได้ก็ควรจะแก้ไข เพราะอาจเกิดปัญหาการเอาข้าวที่มาจำนำแล้วไปสีขาย แล้วไปซื้อข้าวคุณภาพต่ำจากเพื่อนบ้านมาใส่ไว้แทน ขายข้าวไทยที่คุณภาพดีออกไป ตรงจุดนี้คือที่น่ากลัวกว่าข้าวมาสวมสิทธิ์ ถ้าเป็นไปได้ในระยะต่อไป รัฐควรจะจัดให้มียุ้งฉางรวม ของหมู่บ้านหรือตำบล เพื่อให้เป็นที่เก็บข้าวที่รับจำนำ มีกรรมการระดับหมู่บ้าน หรือตำบลเป็นผู้ดูแล รวมทั้งเป็นผู้รับจำนำและออกใบประทวน ให้ผู้จำนำไปรับเงินที่ ธกส.หรือ สหกรณ์ ตรงนี้จะมีข้อดีตรงที่การตรวจสอบการสวมสิทธิ์ของชาวนา จะไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะชาวบ้านเขารู้จักกันจนถึงโคตรเหง้าศักราช และการที่ข้าวอยู่ในมือชาวบ้านส่วนรวม การที่จะแอบเอาไปสีขายเหมือนโรงสี ก็เกิดขึ้นไม่ได้ หลายคนอาจจะแย้งว่า แบบนั้นก็ต้องลงทุนสร้างยุ้งฉางจำนวนมาก คำตอบก็คือ ในเมื่อจำเป็นก็ต้องสร้างครับ ใช้เงินไม่มากมายเท่าเศษเสี้ยวของการไปอุ้มธนาคารหรอกครับ จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:10:39 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 25 ข้อดีอีกประการของการมียุ้งฉางอยู่ในมือชาวบ้านแบบนี้ ก็คือ หากเกิดปัญหาอุทกภัย ภัยแล้งหรือทุุพภิกขภัย ก็ให้รัฐสามารถให้ชาวบ้าน ร่วมกับส่วนท้องถิ่นสามารถเปิดยุ้งฉางเอาข้าวที่เก็บไว้ออกมาแจกจ่าย แก้ไขทุกข์ชาวบ้านได้ โดยไม่ต้องรอการขนส่งมาแจกจ่ายที่เสียทั้งเงินและเวลา หากไม่มีก้เก็บไว้รอเวลาที่รัฐจะให้เอามาส่งไปสีขาย และสามารถเอายุ้งฉางนี้เก็บสำรองเมล็ดพันธุ์ และต่อยอดไปถึงการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ ซึ่งเป็นอีกปัญหาใหญ่ของเกษตรกร ที่ไม่มีใครพูดไปถึงอีกเช่นกัน จะเห็นว่านี่คืออีกห่วงโซ่ที่รัฐน่าจะทำอย่างแน่นอนในการจัดการข้าว จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:10:58 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 26 มาเข้าเรื่อง การจัดการการตลาดข้าวของรัฐบาลนะครับ รัฐบาลนี้เป็นนักการตลาดครับ ความจริงข้อนี้ไม่อาจปฏิเสธ การกักตุนสินค้าเป็นไม้หนึ่งของการทำการค้า ผมมองว่า รัฐบาลกำลังเล่นไม้นี้อยู่ เพราะยังไม่มีความจำเป็นใดที่ต้องรีบขายข้าวในตอนนี้ หากสามารถรอราคาได้ก็รอไปก่อน แม้จะมีค่าใช้จ่ายในการจัดการ ก็ต้องยอมเพื่อผลในวันข้างหน้า การที่รัฐเอาข้าวมาไว้ในมือทั้งหมด คือยุทธศาสตร์การเพิ่มอำนาจต่อรองให้ชาวนา ถ้ารัฐบาลไม่ทำ มองไปทั้งแผ่นดินนี้ใครมันจะทำได้ครับ เมื่อทำผลกระทบมันก็ตามมา เพราะเป็นสัญญานการรื้อโครงสร้างข้าว ที่ส่งออกมาอย่างชัดเจน ตรงนี้ต่างหากที่นายทุนค้าข้าวกลัวลาน เพราะจะหมดโอกาสมากำหนดราคาข้าวอีกต่อไป พอหมดโอกาสกำหนดราคา ก็มองเห็นอนาคตกำไรที่ไม่สามารถกำหนดได้เหมือนเดิม คนที่คิดเรื่องนี้อาจจะคิดลึกซึ้งไปกว่านั้น ว่าจะทำอย่างไรต่อยอดโครงการนี้ ข้าวซื้อมาทำไมต้องรีบขายครับ มันเก็บได้ เอามาเพิ่มมูลค่าได้ หากขายส่งออกไม่ได้ราคา ถ้าเป็นผมไม่ส่งออก แต่จะเอามาเพิ่มมูลค่า อุตสาหกรรมแอลกอฮอร์เพื่อดื่ม เพิ่มมูลค่าได้เท่าไหร่ รู้ไหมว่าไทยส่งข้าวให้ญี่ปุ่นทำสาเกปีละเท่าไหร่ ทำไมไม่ส่งสาเกน้ำแทนข้าว แอลกอฮอร์ทางการแพทย์ราคาเท่าไหร่ ส่งออกได้ไหม ผมถึงบอกว่าข้าว เป็นทรัพย์สินที่มีค่าอยู่อีกฟากของงบดุลชาติ ใช่มีแต่หนี้สิน ช่วยกันบอกสังคมครับในจุดนี้ เพราะโดนตีเหลือเกิน ผมเชื่อแน่ว่า ผู้ใหญ่ในรัฐบาลหลายๆคนไม่ได้มองข้ามสิ่งเหล่านี้ และยืนยันว่า โครงการจำนำเป็นเพียงจุดเริ่มของการปรับโครงสร้างข้าวครั้งใหญ่ครับ จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:11:18 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 27 อีกอย่างที่รัฐบาลพูดชัดเจนก็คือ ข้าวไทยไม่จำเป็นต้องขายถูกอีกต่อไป นี่คือการวางตำแหน่งของสินค้าข้าวไทยอย่างชัดเจนในตลาด คือต้องเป็นสินค้าคุณภาพดี ราคาสูงในตลาดโลก นั่นคือการปฏิวัติตลาดข้าวของไทยครั้งใหญ่ในตลาดโลก เป็นยุทธศาสตร์ที่มีเป้าหมายชัดเจน ไม่จำเป็นต้องขายมาก ก็ได้เงินมากเท่าเดิม หากไม่สามารถส่งออกในปริมาณที่เท่าเดิม ข้าวจะเหลือในประเทศมากขึ้น รัฐสามารถเข้ามาจัดการกลไกในประเทศให้ผู้บริโภคในประเทศ ได้บริโภคข้าวในราคาที่เป็นธรรม สิ่งเหล่านี้เราจะได้เห็นและคาดหวังไว้ครับ ผมเชื่อแน่ว่า รัฐไม่หยุดแค่การรับจำนำครับ เพราะแผนทั้งด้านการบริหารจัดการน้ำ ที่จะต้องสอดรับกับการทำนาและการทำการเกษตรก็กำลังเดิน เครือข่ายการขนส่งทางรางที่จะเริ่มต้นสิ่งเหล่านี้จะสอดประสานกัน คำถามและอุปสรรคที่เราทุกคนต้องก้าวข้ามให้ได้ก็คือ รัฐบาลจะอยู่ถึงวันนั้นหรือเปล่า และใครจะเป็นคนให้คำตอบ จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:11:42 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 28 อีกปัญหาที่อยากบอกผ่านสาธารณะไปยังรัฐบาลและผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง คือการผุกขาดเมล็ดพันธุ์ในที่นี้ไม่ใช่เฉพาะข้าว หากแต่รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ทุกชนิด ผลกระทบกับเกษตรกรคือ ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา และที่กระทบอย่างใหญ่หลวงก็คือ เมล็ดพันธุ์พื้นเมืองที่นับวันจะหมดหาย ทั้งข้าว และพืชผักต่างๆ เพราะ พันธุ์พื้นเมืองมันไม่สวย หรือผลผลิตไม่มาก การทำออกไปขายก็ไม่มีคนซื้อเพราะไม่สวยเหมือนพันธุ์ที่เขาพัฒนาแล้ว ชาวนาหรือชาวสวนก็ทิ้งสายพันธุ์ดั้งเดิม กระโดดเข้าไปในบ่วงทาสเมล็ดพันธุ์ ที่ไม่มีวันสลัดหลุด เพราะพอนำมาปลูกแล้ว เก็บทำพันธุ์ในฤดูต่อไปไม่ได้ ก็ต้องกลับไปซื้อเขาใหม่ ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ พ่อค้าข้าว ต่างช่วยกันรุมแทะเหยื่ออันโอชะ แล้วยังมีนักวิชาการ และนักการเมืองที่ไม่เคยมองประชาชนอยู่ในสายตากระทืบซ้ำ ถ้าคนที่พอมีกำลังและปากเสียงในบ้านเมือง ไม่มาช่วยกันประคอง คงเห็นชะตากรรมอันสยดสยอง ของชาวนาในไม่ช้า หรือในทางกลับกันหากชาวนาเหลืออดกับชะตากรรม ชนชั้นสูงที่ขี่หลังสังคม สูบเลือดจากชาวนา ก็อาจจะไม่มีแผ่นดินอยู่ จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:11:59 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 29 มันยาวมาก :D เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : พ่อยิปกะตัวเล็ก เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:16:37 A:202.149.127.132 X:

ความคิดเห็นที่ 30 มันยาวมาก (ด้วยคน) แต่อ่านเข้าใจง่าย เป็นกำลังใจให้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 55 10:35:32 จากคุณ : Rao-eng เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:23:34 A:203.160.4.49 X:

ความคิดเห็นที่ 31 ข่าวมติชนเช้านี้ บอกว่าข้าไทยมีมูลค่าการส่งออก มากกว่าเวียดนามและอินเดียเพราะไทยไม่ได้ส่งขายตัดราคา นั่นแสดงว่าข้าวไทยมีคุณค่าในตัวข้าวเอง และจะส่งออก 5 ล้านตันภายในปีหน้า(ขายแบบ G to G) จากคุณ : พ่อหม้ายลูกสอง เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:24:40 A:61.7.232.234 X:

ความคิดเห็นที่ 32 อยากจะเห็นความคิดเห็นของชาวนา ไปลงในสื่อหนังสือพิมพ์บ้าง ไม่ใช่แต่สัมภาษน์หน้าเดิมๆ จากคุณ : ackley เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:28:05 A:66.214.174.36 X:

ความคิดเห็นที่ 33 อ่่านเพลินเลย อ่านแล้วเห็นภาพตามไปด้วย เป็นกำลังให้ชาวนาไทยให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นครับ จากคุณ : โฟโต้แมน007 เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:35:32 A:223.205.7.104 X:

ความคิดเห็นที่ 34 *ซ้ำ แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 55 10:36:06 จากคุณ : โฟโต้แมน007 เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:35:52 A:223.205.7.104 X:

ความคิดเห็นที่ 35 ประเด็น ที่ถูกโจมตีมากคือ ชาวนาร่ำรวย ได้ประโยชน์ มากกว่าชาวนายากจน ชาวนาร่ำรวย มันมีจำนวนอยู่เท่าใดกันเชียว ชาวนายากจนหลายคน มาจากชาวนาร่ำรวย แต่ยิ่งทำนากลับยิ่งยากจน ดังเช่น จขกท.ว่า วิถีชาวบ้านสมัยก่อน ไม่รู้จักการบริหารเงิน บ/ช ครัวเรือนไม่รู้จัก ใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม การเสียเงินคราวละมากๆ ก็จะเป็นในงานสำคัญ บวช แต่ง ตาย   ตั้งแต่ แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่1  การสนับสนุนให้มีการปลูกข้าว เพื่อการส่งออก  ชาวนาก็เริ่มเป็นหนี้ ซึ่งมากจากการล้มเหลวของการปลูกข้าวเพื่อการค้า ทำให้เสียเงินคราวละมากๆ จากคุณ : พ่อไม้ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:54:09 A:125.24.0.4 X:

ความคิดเห็นที่ 36 นี่แหละครับ การปฏิวัติที่แท้จริง ที่บ้านผมก็ไม่ได้ทำนามา 20 ปีแล้ว ตอนผมเป็นเด็ก พ่อขุดที่นาทำเป็นบ่อเลี้ยงปลา และ ทำสวนมะม่วง ผ่านมา 20 ปี มะม่วงก็เริ่มแก่ไม่มีลูกแล้ว ปีนี้เป็นปีแรก ที่แม่ผมจ้างให้คน ให้ไถกลบบ่อเลี้ยงปลา และ ตัดต้นมะม่วงทิ้ง ปรับที่สวน ทำเป็นนาปลูกข้าว แต่ปลูกนาหว่านนะครับ ผมกลับไปเยี่ยมบ้านไปดู ทุ่งนา ตอนนี้กำลังออกรวงสวยเลย อีกไม่นานคงได้เกี่ยวแล้ว เห็นพ่อบอกว่าเกี่ยวข้าวเสร็จ ก็จะขุดไถ่ทำนาเพิ่มที่เหลืออีกไร่หนึ่ง จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:54:19 A:202.12.97.111 X:

ความคิดเห็นที่ 37 ยาวมาก แต่อ่านเพลินและได้ความรู้เยอะ คุณ ถือแกน ข้อความของคุณ จะเป็นปัจจัยหนึ่ง ในการพัฒนา คุณภาพ ชีวิตชาวนา ในอนาคต จากคุณ : pp00 เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:57:35 A:49.49.189.69 X:

ความคิดเห็นที่ 38 กระทู้ปล้นกิ๊ฟชัดๆ จากคุณ : ป้าหนูดา เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:58:04 A:124.122.207.171 X:

ความคิดเห็นที่ 39 อยากเขียนสั้น แต่เขียนสั้นมันไม่ครบถ้วนกระบวนความครับ ขออภัยที่เขียนยาวนะครับ จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:58:16 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 40 สมควรอย่างยิ่งที่จะเป็นกระทู้แนะนำ เสียดายที่ห้องราชดำเนินไม่มี จากคุณ : Springfield เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 11:10:26 A:125.24.216.209 X:

ความคิดเห็นที่ 41 ท่านถือแถนออกจากบ้านฯ มาถึงนี่เลย จากคุณ : แถวดินแดง เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 11:10:56 A:115.87.233.77 X:

ความคิดเห็นที่ 42 อยากส่งผ่านข้อความในวงกว้างครับ อยากให้คนในสังคมชั้นสูง มองเห็นหัวอกของชาวนาบ้างครับ พอจะลืมตาอ้าปากได้ ก็จะโดนกระหน่ำจนล้มไปอีกหรือเปล่าครับ จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 11:19:35 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 43 ความคิดเห็นที่ 39   MsgStatus(Msv[39], 39); อยากเขียนสั้น แต่เขียนสั้นมันไม่ครบถ้วนกระบวนความครับ ขออภัยที่เขียนยาวนะครับ จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 10:58:16 A:223.207.4.137 X: ไม่ยาวเกินไปหรอกครับ เป็นสิ่งที่ รดน สมัยใหม่ต้องการที่สุดครับ แต่ตามความเห็นผมนะครับ น่าจะมีการจำกัดพื้นที่ในการทำนาด้วย ไม่ใช่พอมีโครงการดีๆ ให้ราคาดีๆ ก็แห่กันไปทำหมด จากที่มันจะมีประโยชน์ มันจะกลับกลายไปเป็นโทษเอาได้นะครับ แต่ยังไง โครงการจำนำข้าว ผมว่ามันก็ดีกว่าโครงการประกันราคาข้าว ที่คอยแต่อุ้มพวกนายทุนอยู่แล้ว ก็ได้แต่หวังว่าโครงการจำนำข้าว จะค่อยๆพัฒนา และ ลบล้างช่องโหว่และข้อบกพร่องของโครงการ จนสามารถทำให้ประเทศกลับมาเป็นมหาอำนาจทางเกษตรกรรมได้นะครับ.... จขกท สุดยอดครับ อ่านแล้ว เห็นภาพวิถีชีวิตชาวนาอย่างชัดเจน     จากคุณ : padpaking เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 11:24:43 A:110.169.246.64 X:

ความคิดเห็นที่ 44 คุณถือแถนครับ เดี๋ยวค่ำๆถ้ากระทู้นี้ตกไป  แล้วไม่มีใครแตกประเด็น  ผมขออนุญาตเข้ามาดันกระทู้ (แตกประเด็น) ให้ครับ ผมไม่อยากให้กระทู้ต้นเรื่องและความเห็นของคุณเกือบ 30 ความเห็นนี้ตกไป อยากให้สาธารณชนได้เห็นมุมมองนี้ครับ จากคุณ : Springfield เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 11:26:30 A:125.24.216.209 X:

ความคิดเห็นที่ 45 ดีมากเลยครับคุณแถน ที่มาเขียนที่นี่ครับ  ได้ตามอ่านผลงานและชีวิตของคุณ มาพอสมควร  ที่   ปชท จากคุณ : HITEN เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 11:28:21 A:124.120.121.76 X:

ความคิดเห็นที่ 46 อ่านเพลินเลยครับ มองเห็นภาพเลย ผมเห็นด้วยนะที่ว่าให้แต่ละหมู่บ้านหรือตำบลมียุ้งฉางไว้เก็บข้าว และคณะกรรมการให้มีคนส่วนกลางเข้าไปดูแลด้วย คือชาวบ้านเขาจะเกรงข้าราชการอยู่ ไม่เหมือนเจ้าของโรงสี ที่ข้าราชการจะเกรงใจพวกนี้มากกว่า จากคุณ : เล่งคุง เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 11:30:15 A:101.51.191.216 X:

ความคิดเห็นที่ 47 หากว่าชาวนาจ้างทุกอย่างเองแบบ ใน คห ที่10   จะเรียกตนว่าเป้นชาวนามันยังไงอยู่นะ แล้วที่เค้าบอกว่าชาวนานั้นเหนื่อยมากก็ไม่จริงนะซิครับ เพราะพี่แกเล่นจ้างเขาหมดทุกอย่าง แบบนี้ต้องเรียกว่านายทุนแล้วมั่ง ไม่คิดจะลงเเรงเองเลย มาดูชาวนาแท้ๆบ้านผมสมัยสิบปีที่แล้วว่าเขาทํากันยังไง แถวบ้านทํานาดํา เริ่มแต่เข้าหน้าฝน เอารถไถไปไถดะไว้ก่อน แล้ว ทําที่ปลูกพันธ์ข้าวไว้ไปดํา ต้อง หาที่ดอน เพราะจะได้ถอนข้าวไปดําง่ายๆ หลังจากไปไถดะไว้แล้ว และกล้าที่ปลุกไว้โตพอจะดํา   ชาวนาก็จะใช้รถไถนาไถแปร   แล้วทําการคลาดนา หลังจากนั้น ก็ถอนกล้า มาดําเสร็จแล้วก็ คอยหว่านปุ๋ยตอนข้าวตั้งท้องเท่านั้น ยาเยออะไรไม่ต้องใช้เพราะ  ปลูกแบบอาศัยธรรมชาติดูแล  ชาวนาแค่   ก็รอเวลาเก็บเกี่ยวใช้เวลาตั้งแต่ดํากล้าจนข้าวรวงแก่ ประมาณ 5-6เดือนเวลาเก็บก็เก้บข้าวด้วยแรงงานคน นี้ซิถึงจะเหนื่อยจริง เพราะทําเองทุกอย่าง ไม่เหมือนสมัยนี้ชาวนาลงทุนจ้างคนอื่นหมด แบบนี้มันก็เปลืองแย่  ไหนจะค่ายาปราบแมลง ปราบหญ้าสารพัด แล้วจะเรียกว่าตัวเองว่าเป็นชาวนาได้ไงไม่รู้นะเล่นจ้างคนอื่นทําซะทุกอย่าง จากคุณ : PredatorNeverdie เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 11:34:08 A:113.53.97.244 X:

ความคิดเห็นที่ 48 บรรพบุรุษ ปู่ ย่า ตา ยาย ของพวกเรา...ล้วนทำนา-ไร่ แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 55 11:36:13 จากคุณ : MANG BAR เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 11:35:16 A:202.44.4.251 X:

ความคิดเห็นที่ 49 อ่านแล้วเข้าใจดีมากครับ ขออนุญาตนำไปอธิบายคนอื่นๆที่ไม่ได้มีโอกาสอ่านด้วยครับ ขอขอบคุณครับ จากคุณ : Roll Crusher เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 11:40:48 A:124.122.12.116 X:

ความคิดเห็นที่ 50 ท่าน คห.ที่ 47 นะครับ ความเป็นจริงในการทำนาทุกวันนี้เป็นแบบนั้นครับ โดยเฉพาะที่ทำนาเพื่อขายข้าวครับ การทำนาวิถีดั้งเดิมค่อนข้างจะหายากแล้วครับ ส่วนผมทำนาเองไม่มากเพราะทำไว้กิน เลยทำเองทุกอย่างจ้างเพียงรถมาไถนา ต้นทุนเลยต่ำกว่าที่ยกมาครับ ส่วนที่ยกมาคือต้นทุนทั่วไปของชาวนาในปัจจุบันครับ จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 11:41:54 A:223.207.4.137 X:

ความคิดเห็นที่ 51 อย่างที่เราอยากจะเขียนเลย แต่เราไม่สามารถเขียนได้ ขอบคุณมาก คุณถือแถน เราจะจดจำชื่อคุณไว้ จากคุณ : ชาวนาอาชีพ (พฤษภาคม 2510) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 11:43:00 A:110.171.81.73 X:

ความคิดเห็นที่ 52 กระทู้นี้อ่านเพลินมาก เข้าใจง่ายดี ผมเห็นด้วยนะ  เราควรคำนึงต้นทุนที่แท้จริงของชาวนาไทย และหาทางช่วยเหลือชาวนาให้ได้รับความเป็นธรรม อ่านไปอ่านมาก ยิ่งโคตรเกลียดพ่อค้าข้าวบ้านเราเลยอ่ะ จากคุณ : แบดแมน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 11:58:50 A:58.8.65.166 X:

ความคิดเห็นที่ 53 เขียนยาว ๆ อย่างนี้ดีแล้วครับ อธิบายได้ครบถ้วน กระบวนความดี ขอบคุณมาก ๆ สำหรับบทความ และข้อเขียนจากภาคสนามที่รู้เรื่องจริง ดีกว่าพวกนักข่าวห้องแอร์ จะเอาข่าวมารายงานก็ต้องนั่งแถลงกันในห้องแอร์ ไม่แถลงห้องแอร์นักข่าวร้อน ทนไม่ได้ ไม่นำเหนอ ชาวนาภาคสนามอย่าหวังเลยว่า นักข่าวจะไปทำข่าว ร้อน ทำหลุยเซิ่นเจิ้นพวกเขาเป็นรอยหมด จากคุณ : ขอแฟนรวย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 12:01:20 A:182.93.199.64 X:

ความคิดเห็นที่ 54 #47 ลุงผมสมัยใช้:-)ไถนา ต้องออกไปไถแต่หัวรุ่ง สายหน่อย ก็ต้องละ ไม่ใช่ชาวนาขี้เกียจ แต่:-)มันไม่เดิน มันร้อน พอมีอีแต๊ก ก็ขาย:-)เอาอีแต๊กมาใช้   หากชาวนาปลูกข้าวกันอย่างสมัยก่อน ข้าวตอนนี้ต้องเกวียนมากกว่า 3หมื่น ไม่อย่างนั้นคงต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศมากิน จากคุณ : พ่อไม้ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 12:28:59 A:125.24.0.4 X:

ความคิดเห็นที่ 55 เคยอ่าน มาแล้วใน บ้านราษฎร์  เป็นการเขียนที่ดีมาก และขอบคุณ อีกครั้งที่ คุณเข้ามาเขียนใน ราชดำเนิน ซึ่งเป็นบ้านที่ คนเข้ามาอ่าน มากกว่าที่อื่นๆๆ ขอเป็นกำลังใจให้คุณ ถือแถน ครับ จากคุณ : วีรภาพ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 12:33:53 A:119.46.176.222 X:

ความคิดเห็นที่ 56 คห.47 เดี๋ยวนี้ฟ้าฝนไม่เหมือนเดิมแล้วนะครับ กรณีนาปี ถ้าจะคิดทำแบบนั้น ถ้าฝนไม่มาตามเวลาละก็..งานเข้าเลยละครับ เดี๋ยวนี้ ชาวนาต้องปรับตัวเหมือนกัน คือ ตกกล้าไว้รอ ถ้าเห็นท่าไม่ดีก็ต้องรีบไถหว่าน ถ้ารอดำแล้วไม่ได้ดำ ที่นี้จะหว่านก็หว่านไม่ทันแล้ว หรือถ้าฝนมาช้ากล้าก็เกินอายุ ใช้งานไม่ได้แล้ว ยกเว้นทำนาปลังและอยู่ในระบบชลประทานถึงจะคอนโทรลได้ จากคุณ : เล่งคุง เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 12:37:06 A:101.51.191.216 X:

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณ คุณถือแกน เยี่ยมมากครับ จากคุณ : ส่วนตัว (oulink) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 12:44:28 A:101.51.228.144 X:

ความคิดเห็นที่ 58 เรื่องนี้     ต้อง   ถึง ครู อังคณา....แน่...................................... ขอเป็น กำลังใจให้  ข้อมูลแน่น ต้องมีการเอาไปใช้ได้แน่ๆ ครับ. จากคุณ : แผ่นดิน ผู้ชี้ ขุมทรัพย์ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 12:55:29 A:124.169.242.121 X:

ความคิดเห็นที่ 59 ผมเป็นคนโง่มากครับ การอธิบายสั้นๆบางที่มันไม่เข้าใจและมองไม่เห็นภาพ การที่คุณถือแถนกรุณาเขียนอธิบายอย่างละเอียดเช่นนี้ ทำให้ผมได้ความรู้เพิ่มเติม และเข้าอะไรได้มากยิ่งขึ้น ขอบคุณครับ จากคุณ : lamerma เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 13:08:55 A:110.168.27.140 X:

ความคิดเห็นที่ 60 เป็นกำลังใจให้ค่ะ  ถึงยาวแต่ก็เป็นสาระ .... จากคุณ : sao..เหลือ..noi เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 13:18:01 A:58.11.84.173 X:

ความคิดเห็นที่ 61 อ่านเพลิน เสียดายไม่มีกระทู้แนะนำ น่าเอาไปแปะที่พันทิพโฉมใหม่ด้วย จากคุณ : ความเชื่อเฉพาะบุคคล เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 13:20:24 A:180.183.162.166 X:

ความคิดเห็นที่ 62 ใครไปญี่ปุ่นบ่อยๆในช่วงเพาะปลูก คงจะสังเกตเห็นเหมือนผม ญี่ป่น ทานข้าวเป็นหลักแบบไทย ข้าวสายพันธุ๋ญี่ป่น  เกาหลี  คือพวก  Oryza sativa var. japonica (ข้าวไทยๆ เวียดๆ ลาวๆ คือ  Oryza sativa var. indica ) เวลานั่งรถผ่านชนบทญี่ป่นนั้น  หากสังเกต  จะพบว่า  พอมีที่ว่างปุ๊บ  เขาจะปลุกข้าวปั๊บ ไว้กินเอง  เหลือไว้ขาย เพราะถือว่า food เป็น security อย่างนึง แม้จะมีที่ว่างเพียงเล็กน้อยแค่ไม่กี่ตารางเมตร  ไม่กี่ตารางวา  หน้าบ้าน  หลังบ้าน  หากเป็นที่ลุ่ม ดินดี ก็ปลูกข้าวกันแล้ว แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 55 14:08:02 จากคุณ : พิจารณ์รัฐกิจ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 13:35:18 A:202.90.6.36 X:

ความคิดเห็นที่ 63 คนที่ไม่ได้ทำนาก็นึกว่า ค่าแรงทำนา นี่ฟรี แบบ คห.47 แปลกนะครับ คนเรา เวลาตัวเองทำงาน เนี้ยกับคิดค่าแรง เงินเดือนเป็นหมื่น ดำนา ปลูกข้าว ปลูกผัก ทำเกษตร มันก็ต้องใช้ แรง ใช้สมอง มีต้นทุน ค่าแรงทั้งนั้น ถึงไม่จ้างใคร ก็ต้องคิดค่าแรงให้ตัวเอง จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 13:49:51 A:202.12.97.114 X:

ความคิดเห็นที่ 64 คห.61 พันทิปโฉมใหม่ คงต้องรอปีหน้าแล้วครับ งั้นพวกเรามาช่วยกันกด เก็บเข้าคลังกระทู้กันดีกว่าครับ...... จากคุณ : padpaking เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 13:54:49 A:110.169.246.64 X:

ความคิดเห็นที่ 65 คห.ที่ 62 ใช่เลยครับ คุณพิจารณ์รัฐกิจ ผมไปเที่ยวเกาหลีช่วงเดือนกลางตุลาเมื่อหลายปีก่อน เห็นชาวนาเกาหลีปลูกข้าวแม้แต่บนเนื้อที่เล็กๆข้างทางด่วน ผมยังถ่ายรูปเก็บไว้เลย  ไว้กลับบ้านค่ำๆจะเอามาโชว์ครับ จากคุณ : Springfield เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 14:16:43 A:115.87.234.45 X:

ความคิดเห็นที่ 66 ไม่รู้ว่านักวิชาการ พวกนั้นเคยทำนาหรือไม่ ถึงได้ไม่เห็นอกเห็นใจชาวนาบ้างเลย (ถึงผมไม่เคยทำนา แต่เห็นใจมากเพราะเคยเห็นคนทำ) จากต้นทุนดิบที่คุณถือแถน จำแนกมาให้เห็น เพียงหนึ่งไร่ก็ 5000 เข้าไปแล้ว ยังไม่รวมค่าโรงสี หักค่าความชื้นอีก และยังต้องมีลุ้นว่าปีนี้ ปีหน้าน้ำท่วมนาข้าว หรือว่าน้ำน้อยทำให้ข้าวขาดน้ำยืนต้นตายอีก ส่งเสริมชาวนาดีกว่าทอดทิ้งนะครับพี่น้อง แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 55 14:58:34 แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 55 14:35:50 จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 14:29:30 A:183.88.1.175 X:

ความคิดเห็นที่ 67 มีเหตุอันควรเชื่อว่า จะเป็นชาวนาตัวจริงที่เขียนหนังสือได้เก่งเหลือเกิน ถ่ายทอดเก่งมั๊กๆ จากคุณ : huttytanny เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 14:32:58 A:202.57.188.3 X:

ความคิดเห็นที่ 68 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆมีสาระครับ อ่านเพลิน มองเห็นภาพตามไปเรื่อย จนกระทั่ง เฮ้ออออ... ทำให้ผมคิดถึงบ้านขึ้นมาติดหมัดเลย..อยากกลับบ้านจัง ขอบคุณอีกครั้งครับ.. จากคุณ : อิม & แอ้ม เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 14:46:10 A:101.109.158.136 X:

ความคิดเห็นที่ 69 คุณ จขกท. ถือแถน..!!! คุณเยี่ยมมากครับ เป็นข้อมูลจริงเชิงประจักษ์ที่หาคนโต้แย้งด้วยข้อมูลจินตนาการได้ยากมาก เผยแพร่ความคึิดเห็นของคุณให้กว้างออกไปอีกครับ เพื่อบ้านเมืองของเราครับ...ขอเป็นกำลังใจ ส่วน คคห.ของ #47 ผมว่าความเห็นของคุณไม่ครอบคลุมครับ และไม่ทันต่อเหตุการณ์ในโลกปัจจุบันด้วย เหตุผล การทำนาที่ว่าชาวนาต้องทำเองน่ะ เขาทำเอาไว้กินเป็นหลักอย่าง จขกท.ว่าครับไม่ได้มุ่งขาย  ทำกันสามไร่ ห้าไร่  สมัยก่อนไม่ต้องจ้างจริงๆไม่เถียงครับ เขาใช้วิธีลงแขกกัน วันนี้บ้านฉันพรุ่งนี้บ้านแก วันมะรืนก็อีกบ้าน เขาเอาแรงกันโดยไม่คิดเป็นค่าจ้างค่าออน  เพียงแต่เจ้าของต้องเลี้ยงดูกันไปตามอัธยาศัย ต้มแกง เหล้ายาปลาปิ้ง สู่กัน และเรื่องนี้ใช่แต่แค่เรื่องทำนา แม้แต่ปลูกบ้านเขาก็ไม่ต้องจ้าง ซึ่งวิธีนี้มันหมดไปจากสังคมไทยแล้วครับ...ขอบอก!!! วันนี้ เป็นวันที่คนต้องดิ้น เพื่อหารายได้มาจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภคตามสังคมสมัยที่มันเปลี่ยนไป ลูกชาวนาหนีนากันเกือบหมด บางบ้านก็เทขายนากันไปเลยแล้วออกไปรับจ้างโรงงาน   รับจ้างทำงานในเมือง แปลงสภาพเป็น เป็นหนุ่ม-สาว โรงงานกันหมด.. อยุทธยานั่น ตัวอย่างเยอะแยะครับ... แล้วคุณจะไปเอาแขกที่ไหนมาช่วยกันทำนา ล่ะทีนี้ ทำเองด้วยแรงตัวเองนะหรือ....หาดูได้เลยวันนี้ น้อยมากๆครับ.. ยิ่งถ้าอยากได้ข้าวปริมาณต่อไร่สูงๆ มันก็ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายอีกพะเรอเชียว ทำไงครับทีนี้...มันก็ต้องทั้งลงทุน ทั้งจ้างซิครับทีนี้..!!! ไม่ได้กล่าวโทษ ไม่ได้ต่อว่า # 47 นะครับ... แค่อธิบายเพิ่มเติมให้เข้าใจ...... ครับ...!!!! จากคุณ : กิจ กังวาน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 14:47:44 A:125.25.250.248 X:

ความคิดเห็นที่ 70 ขอบคุณสำหรับความคิด และข้อความดีๆที่เป็นจริงและเห็นภาพได้ครับ ผมขอฝากแนวคิดและนโยบายของผมให้ช่วยวิเคราะห์ด้วยนะครับ สิ่งที่รัฐบาลทำอยุ่ตอนนี้มาถูกทางจริงๆครับ ต่อไปผมอยากให้รัฐบาลสนันสนุนพัฒนา สหกรณ์การเกษตรที่รับข้าวจากชาวบ้านติดต่อขายข้าวโดยตรงกับบริษัทต่างประเทศเอง คือทำตัวเองให้เป็นเอกชน ขนาดย่อมที่สามารถ ขายข้าวเอง ส่วนชาวนาต้องฝากให้เกษตรอำเภอ ช่วยส่งเสริม การปลูกข้าวแบบชีวภาพ ตอนนี้พ่อตาผมทำงานหว่านอยู่ ไม่เหนื่อยได้ผลผลิตดี ชาวบ้านเริ่มสนใจละ ถ้าจะหว่านข้าวสมัยนี้ก็มีเครื่องหว่านข้าว เสร็จแล้วคนเดียวก็ทำได้งานมาก ที่ผมต้องการสื่อ เทคโนโลยีการเกษตรชาวนาต้องรุ่เท่ากันและต่อยอดได้ ผมไม่เคยทำงานมีหน้าที่คอยช่วยหาข้อมูลใหม่ไปให้แกดู ฝากถามหน่อยครับ ใครนำปุ๋ยมาขายในไทยคนแรกและโฆษณาว่ามันดี เพราะอยู่ดีๆชาวบ้านไม่คิดค้นใช้เองหรอก จากคุณ : Tankunchad เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:01:23 A:183.89.73.88 X:

ความคิดเห็นที่ 71 เข้ามาอ่าน และขอให้ข้อเขียนสาระชิ้นนี้ ผ่านสายตาผู้ต่อต้านโครงการรับจำนำข้าว จะได้เปลี่ยนความคิดต้าน เพิ่มความละอายใจแทน ขอบคุณ คุณถือแถน ที่เสียสละเวลา มาช่วยทำให้ผู้อ่าน ตาสว่าง สำหรับโครงการนี้ จากคุณ : ป้าจ๋า (ทิวเมฆ) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:02:29 A:101.109.22.137 X:

ความคิดเห็นที่ 72 ยินดี ..และดีใจ ที่ต่อไปนี้ ห้องราชดำเนิน ก็จะมีชาวนายอดนักสู้ตัวจริง เข้ามาส่งเสียงแทนพี่น้องชาวนา ..ที่เสียงเบามากในประเทศนี้ค่ะ จากคุณ : ไฮเดรนเยีย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:41:27 A:118.172.156.28 X:

ความคิดเห็นที่ 73 นอกจากเป็นชาวนาตัวจริงแล้ว  ยังมีสวนเมล่อนอร่อยด้วย ให้ความรู้เรื่องเมล่อนได้สุดยอดอีกเรื่อง จากคุณ : กุหลาบจามูร์ (กุหลาบจามูร์) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:17:59 A:183.89.136.241 X:

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบคุณค่ะ สำหรับมุมที่ไม่เคยเห็น งานเขียนเข้าใจง่าย เห็นภาพเลยค่ะ จากคุณ : โบราณบานบุรี เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 17:05:18 A:58.8.215.128 X:

ความคิดเห็นที่ 75 ได้อ่านที่บ้านราชรู้สึกประทับใจมาก  และดีใจสุดๆที่คุณถือแถนมาเป็นสมาชิกที่ราชดำเนิน   คุณถือแถนได้อธิบายเรื่องนี้ได้ตรงใจมากที่สุด จากคุณ : กาแฟมอคค่า เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 18:40:28 A:110.49.227.110 X:

ความคิดเห็นที่ 76 เป็นกำลังใจให้นะครับ จากคุณ : ตี๋ใหญ่ขวัญใจสาวน้อย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 18:47:50 A:118.172.140.216 X:

ความคิดเห็นที่ 77 นานๆจะเจอกระทู้แบบนี้จริงๆดูเหมือนเรื่องจะยาวไปนิดแต่ถ้าได้อ่านแล้วรู้สึกเหมือนแป๊บเดียว พวกที่ชอบอ่านละคร นิยาย หนาเป็นนิ้วคงไม่เกินกำลังที่จะลองเข้ามาอ่านวิถึชาวนาปัจจุบันซัก หน่อยหรือครับ สุดท้ายนี้ จขกท.เขียนได้เคลียร์ครับ ยกน้ำชาให้ 1 ด้วยครับ จากคุณ : balance14 เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 18:55:11 A:110.168.244.80 X:

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุณมาก ไ้ด้สาระเรื่องข้าว มั่กๆ จากคุณ : บีโกเนีย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 19:01:22 A:183.89.41.148 X:

ความคิดเห็นที่ 79 ต้นข้าวเกาหลีตามข้างทาง  ปลูกในดินแห้งๆ จากคุณ : Springfield เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 20:59:28 A:125.24.240.140 X:

ความคิดเห็นที่ 80 ไม่มีปุ่มให้แตกประเด็นจากกระทู้ครับ ผมเลยตั้งกระทู้ใหม่ แล้ววางลิ้งค์ของกระทู้นี้ให้ผู้อ่านได้คลิ๊กเข้ามาครับ http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P12870261/P12870261.html จากคุณ : Springfield เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 21:13:56 A:125.24.240.140 X:

ความคิดเห็นที่ 81 มองเห็นภาพ   ตามนั้นเลยครับ  อธิบายอย่างง่ายๆ และเข้าใจได้ง่ายๆ แต่อาจจะยากที่จะยอมรับ สำหรับคนบางกลุ่ม ครับ... จากคุณ : Observe99 เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 21:42:12 A:125.27.40.171 X:

ความคิดเห็นที่ 82 ตามมาให้กำลังใจครับ อีกสิบกว่าวันผมจะเก็บเกี่ยวแล้วละ จากคุณ : ปัณณธร เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 22:01:15 A:101.51.178.74 X:

ความคิดเห็นที่ 83 ผมก็ชาวนาโดยกำเนิดครับ แม้ตัวเองจะไม่ชอบทำนา แต่ชอบขายข้าว ขอให้กำลังใจอีกแรงครับ จากคุณ : Tenk Happy เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 22:09:47 A:61.7.189.170 X:

ความคิดเห็นที่ 84   ตามอ่านความเห็นของคุณถือแถนมาตั้งแต่ในบ้านราษฎร     เห็นด้วยในบางประเด็น และ ไม่เห็นด้วยในอีกบางประเด็น   เคยคุยกันในบ้านราษฎรบ้างแล้ว   และบางประเด็นที่ยกมาก็ถูกคุณถือแถนมองข้ามไป     ชอบใจมาก ที่คุณถือแถน เข้ามาในพันทิป   อาจจะได้ความเห็น  และข้อมูล   ที่แปลก แตกต่าง ให้คุณถือแถนนำไปขมคิดบ้างเป็นแน่   สิ่งที่ อยากเห็นผู้สนใจสนับสนุนชาวนา ชาวเกษตรกรอย่างจริงใจ     คิดถึง หรือเชียร์รัฐบาลที่รักของท่าน     ให้หันมาสนใจพัฒนา การสหกรณ์การเกษตร   ซึ่งอาจสร้างไซโลกลางได้โดยไม่ยากนัก   ทั้ง การช่วยเกษตรกร ชาวนา ในเรื่อง ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และ โนว์ฮาวอื่น ๆ   ( ไม่อาจเอื้อมไปกล่าวถึง การชลประทาน  ที่ รัฐควรทุ่มเททรัพยากรเท่าที่มี   หรือหากต้องกู้ ก็น่าจะยอมลงทุน      เพื่อช่วยเกษตรกรให้ผลิตผลได้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ )     อีกประเด็นที่แม้แต่คุณถือแถน ก็ยังพูดถึง คือชีวิตชาวนาญี่ปุ่น  ใคร ๆก็บอกว่าชาวนาญี่ปุ่นมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างดี  ท่ามกลางค่าครองชีพแสนแพงมหาโหดของญี่ปุ่น  ตาม คห. 14 คุณถือแถน อธิบายเพิ่มเติมหน่อยเถอะว่า  ญี่ปุ่น ใช้วิธีรับจำนำข้าว อย่างไร จึงสามารถให้ชาวนาญี่ปุ่น ทำนาเลี้ยงคนญี่ปุ่นได้ทั้งประเทศ โดยที่มีเนื้อที่นาทั้งประเทศมีไม่มากนัก   โดยไม่ต้องสั่งซื้อข้าวจากนอกประเทศ    ปล.อาจมีการเข้าใจผิดไปเล็กน้อย  คุณถือแถนใช้คำว่า " ประกันราคา "   ซึ่งความจริง นโยบายของ พรรค ปชป.นั้นคือการ " ประกันรายได้เกษตรกร  "   ฟังดูคล้ายคลึง แต่ ไม่ใช่  เพราะ เป็นการประกันรายได้ของเกษตรกร โดยให้การสนับสนุนเกษตรกร   ทุก ๆครอบครัวให้มีกำไรในการเพาะปลูกพืชผล   แต่ได้กำหนดขั้นสูงไว้ป้องกันเกษตรกรรายใหญ่ ๆ ระดับนายทุน   ปรัชญาของนโยบายจึงแตกต่างกันระหว่าง 2 รัฐบาล      หากเห็นแก่ชาวนาแท้จริง ทุกคนควรต้องศึกษาข้อดี  ข้อเสียของแต่ละนโยบาย โดยการละคติ  และการเมืองทิ้งออกไป  น่าจะได้ข้อยุติ ที่เป็นประโยชน์ แก่ชาวนารายย่อย ๆ ที่แท้จริง     แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 55 22:34:59 จากคุณ : วอน (วอน) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 22:30:55 A:125.27.249.134 X:

ความคิดเห็นที่ 85 มันเหมือนการมองโจทย์คณิตศาสตร์นั่นแหละครับ คุณวอน เราวิเคราะห์โจทย์กันคนละมุม เลยทำให้มองต่างกันคนละด้าน แต่ถ้ากำหนดกรอบให้แคบเข้าจะทำให้การมองภาพที่ชัดขึ้น ในการเปรียบเทียบทั้งสองนโยบาย ผมมองสองนโยบายด้วยตัวชี้วัดสามสี่ประการคือ 1.นโยบายไหน ให้ประโยชน์และอำนาจต่อรองในวงจรข้าวของชาวนาได้มากกว่ากัน 2.ราคาที่ได้รับเป็นราคาที่ชาวนาพออยู่ได้ และโครงการไหนชาวนาได้ราคาตอบแทนดีกว่า 3. การเพิ่มอำนาจต่อรอง และราคาที่เป็นธรรมจะส่งผลต่อโครงสร้างในอนาคตอย่างไรระหว่างสองนโยบาย 4.นโยบายใดที่จะส่งผลต่อการเพิ่มผลิตภาพ และจะส่งเสริมประสิทธิภาพการผลิต การลดต้นทุน ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงจุดใหญ่คือ ให้เดินไปสู่จุดหมายที่ให้กลไกการค้าข้าวลดการเอาเปรียบชาวนาลง จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 23:24:02 A:223.206.210.69 X:

ความคิดเห็นที่ 86 ถ้าสนใจเสวนาแลกเปลี่ยนมาคุยกันที่นี่ได้ครับ ผมอยู่ตรงนี้ทุกวันครับ http://www.40up.net/general/ จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 23:38:14 A:223.206.210.69 X:

ความคิดเห็นที่ 87 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆมีสาระแบบนี้ครับ จากคุณ : Trunnion เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 23:41:32 A:14.207.221.215 X:

ความคิดเห็นที่ 88 ตามอ่านตั้งแต่อยู่อีกเว็บ ดีใจที่มาที่นี่ด้วยครับ จากคุณ : piggy_aa เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 00:03:59 A:110.168.215.217 X:

ความคิดเห็นที่ 89 ดีครับ ยาวไปหน่อย โชคดีที่ได้ฟังจากชาวนาบ้าง จากคุณ : aekkubpom เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 00:13:34 A:171.7.10.85 X:

ความคิดเห็นที่ 90 เยี่ยมมากค่ะ อ่านง่าย เข้าใจง่าย  ขอบคุณคุณSpringfield  ที่ช่วยทำให้ได้อ่านกระทู้ดีๆ จากคุณ : มูลมัง เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 01:53:00 A:1.4.164.99 X:

ความคิดเห็นที่ 91 ขอขอบคุณมากๆครับ.. สำหรับความรู้เรื่องการจำนำข้าว.. และหวังว่า รัฐบาลจะสนับสนุนนโยบายจำนำข้าว..ต่อไป.. จากคุณ : Oriental-UK เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 02:12:24 A:92.234.28.45 X:

ความคิดเห็นที่ 92 ขอบคุณครับที่เอาประสบการณ์มาแชร์ ก็ขอให้ทุกๆอย่างเป็นอย่างที่หวัง ถ้าเป็นอย่างที่หวังแล้ว ก็ขออย่าให้เป็นเหมือน ประวัติดอกทิวลิป จากคุณ : ผ่านทาง (FirstTouch) เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 03:13:12 A:27.130.235.76 X:

ความคิดเห็นที่ 93 ที่ผมยังงงอยู่นะครับ คือ รัฐถ้าต้องการวางเป้าหมาย ว่าต้องการส่งออก ข้าวให้ได้ราคาดี มันควรส่งเสริม การปลูกข้าวคุณภาพสูง พวกข้าวหอมมะลิอะไรพวกนี้ให้มากๆ แต่กลับเป็นว่า ข้าวที่รับจำนำส่วนมากเป็นข้าวขาวธรรมดา กลายเป็นส่งเสริม ปลูกข้าวขาวแทน ซึ่งข้าวขาวอันนี้ ทำให้เป็นภาระของรัฐบาล เพราะ ราคาตลาดโลก ข้าวพวกนี้ ราคาต่ำกว่า 15000 มันเหมือนวางเป้าหมายไว้อย่าง แล้วส่งเสริมอีกอีกอย่าง ประมาณว่า ตั้งเป้าว่า ขายเป็ดให้ได้ราคา แต่ไปส่งเสริมให้เลี้ยงไก่ โดยไก่ที่เลี้ยง รัฐจะช่วยซื้อให้ ในราคาที่ซื้อเป็ด จากคุณ : Zet เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 07:58:20 A:171.6.244.134 X:

ความคิดเห็นที่ 94 การที่รับจำนำคนละราคาเป็นการส่งเสริมข้าวคุณภาพดีไปในตัวอยู่แล้วครับ แต่ข้าวขาวก็ยกระดับราคาไปด้วย ผมเห็นด้วยกับการที่ส่งเสริมให้ผลิตข้าวคุณภาพสูง ให้สอดคล้องกับพื้นที่การผลิตครับ แต่การมองว่าข้าวขาวได้ราคาที่พออยู่ได้จะเป็นการส่งเสริมให้ผลิตข้าวขาว ก็คงไม่ถูกต้องนักครับ เพราะการจะผลิตข้าวอะไรฤดูไหน ชาวนาต้องตัดสินใจด้วยปัจจัยหลายอย่างครับ ไม่ใช่เรื่องราคาอย่างเดียวที่จะไปทำให้การผลิตเปลี่ยนไปได้ทั้งหมดครับ จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 08:35:31 A:223.206.210.69 X:

ความคิดเห็นที่ 95 จริงๆ ก็น่าแปลกนะครับที่ ประเทศไทยซึ่งถือว่าเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ กลับไม่มี บริษัทค่าข้าวที่ถือหุ้นโดยรัฐ เรามี บริษัทปตท.ดูแลกิจการน้ำมัน ที่ถือหุ้นโดย กระทรวงการคลัง แต่ทำไมไม่มี  บริษัทเกษตรไทย ที่ถือหุ้นโดยกระทรวงการคลังบ้าง ถ้าหันไปดูที่เวียดนาม กลับพบว่า เวียดนามมีบริษัท FOOD1(เวียดนามเหนือ) และ FOOD2 (เวียดนามใต้) ที่เป็นบริษัทของรัฐบาล ถือหุ้นโดยรัฐบาล 100% เพื่อซื้อขายข้าว และ สินค้าเกษตรอื่นๆ ดังนั้นที่เวียดนาม รัฐบาลจึงสามารถกำหนดราคาข้าวในประเทศได้ เพราะ รัฐบาลเป็นผู้ค้ารายใหญ่ที่สุด ก็ไม่รู้ว่าประเทศไทยจะทำได้มั้ย เพราะเราไม่ใช่ประเทศคอมมิวนิสต์แบบเวียดนาม ธุรกิจการค้าข้าว และ โรงสี ของไทยอยู่ในมือของ เจ้าสัวมานานมากแล้ว ส่วนระบบของรัฐเอง เช่น อคส,อตก เอง ก็มีประสิทธิภาพที่ไม่ดี เพราะอยู่ในรูปของหน่วยงานรัฐ คล้ายๆ กับ องค์การโทรศัพท์ในสมัยก่อน ถ้ารัฐบาลจะเอาจริงจังเรื่องข้าว ในอนาคต นอกจากจะรับจำนำแล้ว ก็น่าจะริเริ่มก่อตั้งบริษัทขึ้นมาดูเรื่องข้าวให้ครบวงจร ดูแลตั้งแต่ การขายเมล็ดพันธุ์ การรับซื้อข้าว การขายข้าวสาร การส่งออก ไปจนถึงการทำผลิตภันฑ์จากข้าว ซึ่งพอเป็นบริษัทมันจะยั่งยืนกว่าการรับจำนำ เพราะ รับจำนำต้องคอยลุ้นเวลาเปลี่ยนรัฐบาล จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 09:07:51 A:202.28.118.120 X:

ความคิดเห็นที่ 96 เห็นด้วยทุกประการกับ คุณถือแถน จากคุณ : goonnersatun เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 11:23:34 A:113.53.169.243 X:

ความคิดเห็นที่ 97 ได้ความรู้มากมาย.. ขอให้นโยบายนี้ คงอยู่เพื่อประโยชน์ของชาวนาจริงๆ จากคุณ : B.Out! เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 20:48:10 A:118.172.177.108 X:

ความคิดเห็นที่ 98 ชอบอ่าน มุมมอง+ความรู้ และการสู้ชีวิต ของคุณถือแถนมากค่ะ ตั้งแต่ครั้ง เมล่อนแล้ว เป็นการดำรงชีพ ที่อบอุ่นเหลือเกิน ด้วยความใฝ่รู้ และสู้ชีวิต จนมีวันนี้ ขอบคุณที่แบ่งปัน องค์ความรู้ต่างๆ นะคะ นับถือค่ะ จากคุณ : sagurajo เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 12:11:31 A:171.98.107.129 X:

ความคิดเห็นที่ 99 ขอบคุณแทนชาวนาคนอื่นด้วยนะคะ ที่คุณสละเวลามาช่วยอธิบายข้อมูลที่มีประโยชน์มากๆนี้ให้แก่สังคมได้เข้าใจ ดิฉันเติบโตอยู่ในสังคมเมืองหลวง ไม่มีโอกาสได้รับรู้ข้อมูลของชาวนามากเท่าใดนัก ข้อมูลของคุณอ่านแล้วกระจ่างเลยค่ะ อยากให้ช่วยกันแชร์ข้อมูลนี้กันเยอะๆ ดิฉันได้มีโอกาสรู้จักคนๆนึง ที่พ่อแม่เป็นชาวนา เธอภาคภูมิใจมากที่พ่อแม่ของเธอเป็นชาวนาแต่ส่งเสียลูกจนเรียนจบปริญญาทุกคน ภูมิใจในความเหนื่อยยากที่พ่อแม่อดทนทำให้จนลูกได้ดิบได้ดีกันทุกคน ปัจจุบันเธอมีอาชีพการงานที่ดี มีเกียรติ เป็นที่นับหน้าถือตาในสังคม แปรผันสภาพจากลูกชาวนา มาสู่สถานะคนชั้นกลางค่อนไปทางสูง ดิฉันเห็นแนวคิดทางการเมืองของเธอผ่านทาง facebook เธอชื่นชมกด like กับเพจต่างๆใน facebook ที่ด่าคุณทักษิณ และคุณยิ่งลักษณ์ เรียกง่ายๆว่าไม่เอาพรรคเพื่อไทยว่างั้นเถอะ ดิฉันรู้สึกสังเวชใจว่าทำไมหนอ... พรรคนี้ไม่ใช่หรือ รัฐบาลคุณทักษิณ คุณยิ่งลักษณ์ไม่ใช่หรือ ที่มีความตั้งใจเข้ามาทำให้ชาวนาอาชีพของพ่อแม่เธอมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ที่ผ่านๆมามีพรรคการเมืองอื่นพรรคไหน หรือรัฐบาลอื่นใด เคยคิดจะช่วยให้ชาวนาลืมตาอ้าปากได้แบบนี้บ้างไหม หรือปัจจุบันเธออยู่ในสังคมเมืองแปรสภาพตัวเองกลายเป็นสลิ่มชั้นสูง แล้วจึงทำให้ความคิดของเธอกลายเป็นเช่นนั้น ไม่เข้าใจจริงๆค่ะ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 55 13:43:49 จากคุณ : ดอกไม้เจ็ดสี เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 13:22:44 A:171.101.95.50 X:

ความคิดเห็นที่ 100 ขอบคุณ คุณถือแถน ที่เป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงให้กับเกษตรกร โดยส่วนตัวที่บ้านก็ทำนาครับแต่ทำใว้กินเป็นหลักเพราะราคาข้าวไม่ค่อยดีจึงเปลี่ยนมาปลูกพืชล้มลุกและทำสวนผัก และแน่นอนผมจ้างแรงงานคนและเครื่องจักรในการทำนาครับแต่เพราะเป็นนาแห้งแบบหยอดหลุมไม่ได้ทำนาหว่าน ผมใช้เครื่องจักรเพราะมีนาแค่5ไร่ ใช้เครื่องจักรจะสะดวกกว่าใช้แรงคน ส่วนความเห็นที่47 คุณบอกว่าเมื่อ10ปีที่แล้ว แสดงว่าปัจจุบันคุณไม่ได้ทำนาแล้ว เพราะการทำนาในปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้เครื่องจักร และที่คุณอธิบายมานั้นเป็นการทำนาในพื้นที่ลุ่มน้ำที่สามารถผันน้ำไปได้ ส่วนในที่ดอนยังต้องอาศัยลมฟ้าอากาศ พันธ์ข้าวก็สำคัญ หากว่าเราปลูกข้าวแล้วไม่สามารถเก็บพันธืข้าวเอามาปลูกใหม่ได้ค่าเมล็ดพันธ์ก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปรของค่าการปลูกน่ะครับ ในปีนี้รัฐบาลจะมีการจัดการระบบน้ำ ผมมองว่าแทนที่จะสร้างเขื่อนผมว่าเอางบประมาณมาจัดทำคลองส่งน้ำเพื่อให้น้ำในช่วงฤดูน้ำหลากใหลออกมายังพื้นที่ห่างไกลแหล่งน้ำและสร้างแหล่งจัดเก็บน้ำแบบอ่างเก็บมากกว่าสร้างเขื่อน ให้มีคลองสายย่อยแบบคลองแม่น้พเจ้าพระยาที่ชัยนาทมาหาลพบุรี แบบนี้จะดีกว่าไม๊ครับ จากคุณ : folkarts เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 14:05:19 A:171.4.17.127 X:

ความคิดเห็นที่ 101 ขอบคุณทุกท่านที่มาอ่านและการต้อนรับที่อบอุ่นของห้องราชดำเนินครับ ข้อความในกระทู้นี้หากท่านเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและชาวนาเกษตรกร ขอความกรุณาส่งผ่านข้อความให้สังคมได้รับรู้และเข้าใจในวงกว้าง จะเป็นพระคุณต่อชาวนาที่ไม่อยากให้โครงการนี้เป็นอันพับไป เป็นอย่างยิ่งครับ จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 16:40:37 A:223.206.210.69 X:

ความคิดเห็นที่ 102 ไม่ได้ล็อคอินมานานแล้ว อ่านทุกตัวอักษร และเข้าใจเป็นอย่างดี เป็นลูกชาวนาเคยทำนา แต่ไม่ชอบทำนาเพราะเหนื่อยเหลือเกิน สมัยนั้นไม่ค่อยมีการจ้างมีแต่ลงแขกเกี่ยวข้าว เลี้ยงเป็ดไว้สำหรับฤดูการลงแขกเกี่ยวข้าว...พ่อใช้ขี้:-)ทำเป็นลานข้าว ตอนเด็ก ๆ เข็นล้อน้ำ(รถเข็น)ไปตามบ้านต่าง ๆ ที่เลี้ยง:-)เพื่อขอขี้:-)ไปทำลานข้าว ....ตอนนี้พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว ลูก ๆ ทุกคนก็มีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป รับราชการ และตัวเองก็ทำธุรกิจส่วนตัว นาข้าวพี่ชายก็จ้างคนทำ(แบ่งข้าวกัน) ...แต่เรื่องราวเมื่อครั้งกระโน้นในท้องนายังจำไม่เคยลืมค่ะ และไม่เคยลืมว่าชาวนาลำบากแค่ไหน..ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวดี ๆ รวมทั้งเป็นปากเสียงและมีประโยชน์ต่อชาวนาค่ะ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 55 21:20:34 จากคุณ : knocky (knock) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 21:19:10 A:124.122.211.111 X:

ความคิดเห็นที่ 103 ไม่ใช่ชาวนา แต่ชีวิตวัยเด็กได้รับรู้ถึงความยากลำบากของการทำนามาบ้าง สุดยอดครับ คุณถือแถน เยี่ยมจริง ๆ จากคุณ : kui100302 เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 11:14:35 A:58.10.65.45 X:

ความคิดเห็นที่ 104 กระทู้ดี มีสาระ อธิบายความได้ดี เข้าใจง่าย คนของรัฐที่อธิบายความไม่ค่อยจะเข้าถึงหูประชาชน เอาเนื้อหานี้ ไปอธิบายในวงกว้างน่าจะทำให้คนเข้าใจโครงการจำนำข้าวได้ชัดและมองในมุมบวกมากขึ้น ผมอยากให้นักวิชาการที่มองโครงการนี้ด้วยสายตาไม่เป็นมิตรได้อ่านบทความนี้ สื่อสำนักไหนที่มีอคติกับโครงการนี้ก็ควรได้ทำความเข้าใจด้วย ก็อย่างที่ จขกท. ว่ามา ไม่มีพื้นที่สื่อให้ชาวนาจริงๆได้อธิบายความแบบนี้บ้างเลย มีแต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย กลุ่มเล็กๆ แต่เสียงดังกว่าใครในสังคม เอาเปลือกนอกไปถล่มดิสเครดิตกันแต่ไม่มีใครเอากระพี้แก่นแกนจากชาวนาตัวจริงไปคุยกันต่อยอดความคิดเลยน่าเสียดาย จากคุณ : blacksabbath เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 13:18:48 A:27.55.15.43 X:

ความคิดเห็นที่ 105 เพิ่งมีโอกาสได้อ่านครับ  เนื้อหาดีมากครับครอบคลุมหมด มีวิถีชีวิตเก่าของชาวนาที่บรรยายได้ชัดเจน  ผมคาดคะเนอายุ จขกท น่าจะ 60 บวกลบนิดหน่อย  ความรู้ตามที่อ่านไม่น่าจะต่ำกว่า ปริญญาโท (ไม่ได้แกล้งยกยอ) จขกท เขียนได้ครบถ้วนลึกซึ้ง  โดยเฉพาะเรื่องการที่ชาวนาสมัยก่อนมีข้าวในยุ้ง แล้วใช้แลกของต่างๆ  เมื่อ50 กว่าปีที่แล้ว ผมเป็นเด็ก พอปิดเทอมก็จะนั่งรถไฟกลับไปบ้านยาย ที่นั่นชุมนุมไปด้วยปู่ย่าตายายลุงป้าน้าอาลูกพี่ลูกน้อง เต็มไปหมด เพราะพ่อแม่ผมเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน แต่งงานแล้วมาอยู่กรุงเทพ ที่บ้านที่เรียกว่าบ้านนอก เป็นความสุขสุดยอดยามปิดเทอม  ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง ใช้ตะเกียง  ส่วนที่อยากบอกคือสิ่งที่ผมว่านั่นคือความพอเพียงในมุมมองของผม คือคุณยายจะทำนา ได้ข้าวก็เก็บเข้ายุ้งฉางใหญ่ บางวันผมก็เห็นคนเอาเนื้อหมูมาแลกข้าวเปลือก ผ้าถุงบ้าง เกลือบ้าง อย่างอื่นมีหมด ไก่เป็นฝูงมีไข่ให้เก็บทุวัน บ่อน้ำใช้มีปลา สวนมีมะม่วง มะปราง มะเฟือง และอีกจิปาถะ ที่เล่ามาซะยืดยาว อยากจะเป็นการสนับสนุนข้อความของ จขกท  ชีวิตชนบท บ้านนอกที่มีความสุข ชีวิตชาวนา  ปัจจุบันนี้ ลูกพี่ลูกน้องผมก็ยังคงทำนาอยู่บนผืนดินบรรพบุรุษ ทุกคนดีใจที่มีโครงการจำนำข้าว ทำให้พวกเขาได้รายได้เพิ่มขึ้น มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น   ผมสนับสนุนข้อเขียนของ จขกท  อ่านแล้วทำให้ ผมได้นึกถึงวัยเด็กที่มีความสุขกับบ้านนอก ทุกการปิดเทอม  ขี่:-)ไปเลี้ยงในทุ่ง ปั้นกระสุนดินหนังยางยิงนก ชาวบ้านชาวนาสมัยก่อนเป็นเช่น จขกท ว่าจริงๆ และก็เพิ่งจะปรับเปลี่ยนวิถีการทำนาขายข้าว เมื่อประมาณ20ปี ที่แล้ว  เพราะแต่ก่อนเมื่อ50กว่าปีที่แล้ว ชีวิตชนบทบ้านนอก อยู่กันแบบข้าวในยุ้งฉางคือทุกอย่างจริงๆ จขกท เขียนเรื่องชาวนาและวิถีชนบทได้ลึกซึ้งมาก ทั้งความรู้ด้านการตลาด ตรรกะทั้งหลาย สำหรับผมแล้ว เข้าใจความหมายของการรับจำนำข้าว ที่ จขกท กล่าวมาทั้งหมดเป็นอย่างดี ขอขอบคุณ จขกท อีกครั้งเป็น อย่างมากที่อธิบายการรับจำนำข้าวได้ชัดเจนอย่างมากครับ จากคุณ : ชยารมภ์ เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 14:54:22 A:110.169.253.191 X: