ความคิดเห็นที่ 1 หลายคนมีคำถามว่า ทำไมต้องจำนำข้าวทุกเม็ด มองว่าการจำนำเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ควรที่จะไปส่งเสริมคุณภาพการผลิต ผลิตข้าวคุณภาพสูง ส่งเสริมการชลประทานให้ครอบคลุม ก็เป็นอีกมุมมองจากอีกมุมหนึ่ง แต่มุมมองของผมสะท้อนจากข้อปฎิบัติและเห็นอยู่ขอตอบคำถามสังคมส่วนนี้ ในมุมของผมนะครับ ไม่รู้รัฐคิดเหมือนผมหรือไม่ ขอมองในฐานะคนรู้ใจท่านนายกยิ่งลักษณ์ก็แล้วกันนะครับ การที่ต้องจำนำข้าวทุกเมล็ด(ที่จริงคือการซื้อสำหรับชาวนาที่ไม่มียุ้งฉาง) เพราะโครงสร้างการค้าข้าวทุกวันนี้ ไม่มีความเป็นธรรมกับชาวนา หากมองด้วยฐานความคิดนี้ก็ต้องมองหาสาเหตุของปัญหาความไม่เป็นธรรม ความไม่เป็นธรรมในการค้าข้าวไม่ได้อยู่ที่คุณภาพการผลิต ไม่ได้อยู่ที่การชลประทาน แต่อยู่ที่พ่อค้าข้าว จึงเป็นคำตอบว่า ทำไมจึงเริ่มที่ตรงนี้ก่อน ไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หากแต่เป็นการขุดรากของเหตุแห่งปัญหาเลยทีเดียว จึงสั่นสะเทือนไปทั้งต้นใบของปัญหาการค้าข้าว ดิ้นอยู่ทุกองคาพยพเช่นทุกวันนี้ ทำไมจึงไม่ไปส่งเสริมคุณภาพการผลิต หาวิธีลดต้นทุนให้ชาวนา หรือส่งเสริมการชลประทานก่อน จึงเป็นคำถามที่อาจจะอยู่บนหอคอย เพราะตราบที่ต่อให้ผลิตอย่างมีคุณภาพ ลดต้นทุน หรือมีระบบชลประทาน แต่สุดท้ายยังถูกพ่อค้าเอาเปรียบ โอกาสที่ชาวนาจะลืมตาอ้าปากลองตรองดูว่าจะมีไหม สิ่งจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องทำก็คือจัดการปัญหานี้ก่อน ก่อนที่ชาวนาจะล้มหายตายจาก หรือล้มลงก่อนที่จะมีโอกาสไปพัฒนาการผลิต พัฒนาชลประทานอย่างที่หลายท่านเสนอ การจำนำข้าวทุกเมล็ดจึงเป็นการแย่งตลาดข้าวจากมือที่ไม่เป็นธรรม เพื่อให้มาอยู่ในมือรัฐบาล เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับชาวนา ส่งสัญญานว่า หากไม่ปรับกระบวนทัศน์ในการค้าข้าว คุณจะเจอคู่แข่งที่มีกำลังทัดเทียมหรือเหนือกว่าอย่างรัฐบาล พ่อค้าเห็นแบบนี้จึงออกมาร้อง ร้อนรนทุรนทุรายว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำลายอุตสาหกรรมข้าว เรียกร้องความเป็นธรรมที่ตัวเองไม่เคยให้ชาวนามาทั้งชีวิต เอาเปรียบและขี่หลังเขามาทั้งชีวิต ชาวนาอย่างผมมองอย่างสะใจเล็กๆครับ ตอนนี้เลยยกให้นายกยิ่งลักษณ์เป็นหวานใจที่ช่วยสะกิดหนักๆพ่อค้าพวกนี้ให้ หลายคนออกมาบอกว่า การทำแบบนี้เป็นการบิดเบือนตลาด ผมอยากให้หวานใจชาวนาอย่างยิ่งลักษณ์ยืดอกรับว่า บิดเบือน แต่เป็นการบิดให้ตรง ให้กลับคืนสู่ความเป็นธรรม เพราะของเดิมมันบิดเบี้ยว จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 07:22:40 A:223.206.210.69 X:

ความคิดเห็นที่ 2 ผมขอเสนอข้อคิดเห็นและคิดแทนท่านนายกเป็นแผนต่อในการจัดการข้าว อาจจะตรงใจท่านนายกหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ก็ขอเสนอในฐานะคนรู้ใจ หลังจากการจัดการตลาดข้าวให้กลับคืนสู่ความเป็นธรรมสำหรับทุกส่วน ทั้งชาวนา พ่อค้า และที่สำคัญคือผู้บริโภคข้าวในประเทศซึ่งเป็นลูกค้าคนสำคัญของชาวนา ที่ควรจะได้บริโภคข้าวในราคาที่เป็นธรรม ชาวนายินดีที่จะให้ผู้บริโภคกินข้าวในราคาต้นทุนที่อยู่ได้ หากรัฐบาลสามารถกำตลาดข้าวไว้ในมือได้ นี่จะเป็นการที่ทุกคนจะได้เท่ากันทุกคนในสังคม ได้กินข้าวราคาที่กำไรน้อยลงกว่าทุกวันนี้ ทุกวันนี้ตลาดค้าข้าวในประเทศยังเป็นเสือนอนกินอยู่เงียบๆ อย่าไปหลงบ่วงการส่งออกมากนักครับ จัดสรรและจัดการทรัพยากรข้าวให้ครบทุกวงจร ข้อเสนอเรื่องการผลิต การส่งเสริมคุณภาพการผลิต ให้ผลิตข้าวคุณภาพสูง โดยอาจจะยกระดับราคาข้าวคุณภาพสูงให้เพิ่มขึ้นอีก แบ่งโซนการผลิตข้าวตามสภาพภูมิศาสตร์และพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมและวิถีบริโภคของแต่ละชุมชน จัดการเรื่องการผูกขาดปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ และปัจจัยการผลิต ให้มีราคาที่เป็นธรรม ส่งเสริมการยกระดับการผลิตข้าวให้เป็นข้าวปลอดสารพิษ หรือข้าวอินทรีย์ให้ได้มากที่สุดในอนาคต ตลอดจนการปรับรูปที่ดินให้เหมาะสม จัดระบบชลประทานให้ครอบคลุมในการผลิตข้าว จัดหาเครื่องมือเครื่องจักรทางการเกษตรในราคาที่เป็นธรรมหรือปลอดภาษีให้กับชาวนา เพื่อทดแทนแรงงานที่กำลังขาดแคลน และเริ่มอ่อนล้า เพราะอายุเฉลี่ยชาวนาที่เพิ่มขึ้นทุกวัน จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 07:23:20 A:223.206.210.69 X:

ความคิดเห็นที่ 3 ข้อเสนอเรื่องตลาดข้าว ผมมองว่ารัฐทำอยู่แล้ว แต่จะขอพูด ก็บอกแล้วว่าผมคนรู้ใจ อยากให้ทุกท่านที่อ่านมองที่ตะวันออกกลาง ที่นั่นต้องการความมั่นคงทางอาหาร เพราะโดยสภาพภูมิประเทศเขา ไม่เอื้อในการผลิตข้าว ชาวนาอย่างผม อยากให้รัฐบาลทำลักษณะคอนแทคฟาร์ม กับประเทศตะวันออกกลางที่เป็นเศรษฐีน้ำมัน ให้กลุ่มชาวนาผลิตข้าวคุณภาพ เพื่อส่งให้เขา หรือสำรองให้เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารสำหรับเขา ทำสัญญาการซื้อขายกันระยะยาว ให้ราคาที่เป็นธรรมทั้งสองฝ่าย รวมทั้งอาจจะรับเงินล่วงหน้ามาสำหรับชาวนาที่จะร่วมผลิตข้าว สำหรับตลาดนี้ แล้วพัฒนาการผลิต พัฒนาคุณภาพข้าวให้ดียิ่งๆขึ้น และขยายสัญญา Contract Farming ลักษณะนี้ให้มากขึ้น ขยายการรับชาวนาเข้าโครงการผลิตข้าวคุณภาพให้มากขึ้น จนอาจจะครอบคลุมทั้งหมดในอนาคต อนาคตการทำนาก็จะมีตลาดขายที่แน่นอน และมั่นคงยิ่งๆขึ้นครับ การร่วมมือกับผู้ผลิตข้าวเจ้าอื่นๆในตลาดอย่างเวียดนาม อินเดีย ซึ่งคงจะเห็นได้ในอนาคตอันใกล้เพราะลูกผู้หญิงคนนี้ทำงานอยู่ทุกวันโดยไม่พร่ำบ่น จัดการตลาดข้าวในประเทศให้ผู้บริโภคได้กินข้าวในราคาที่เป็นธรรมและกินข้าวที่มีคุณภาพ ส่งเสริมการแปรรูปข้าวให้เพิ่มมูลค่า นำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่นแอลกอฮอร์สำหรับดื่ม หรือสำหรับทำยา การใช้แป้งจากข้าวมาใช้สำหรับอุตสาหกรรมยา เหล่านี้เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวให้มีมูลค่ามากยิ่งขึ้น ผลงานเชิงประจักษ์ของรัฐบาลอาจจะยังไม่เด่นชัดนักในตอนนี้ เพราะด้วยความยุ่งยากด้วยหลากอุปสรรคขวากหนามที่อีกฝ่ายทุ่มใส่ แต่เราผู้เฝ้ามองก็ได้แต่ให้กำลังใจให้รัฐบาลที่ประชาชนเลือกให้ได้ทำงาน จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 07:24:12 A:223.206.210.69 X:

ความคิดเห็นที่ 4 ข้อเสนอสุดท้ายที่อยากให้รัฐบาลทำ คือตั้งองค์กร หรือบริษัทของรัฐหรือรัฐถือหุ้นใหญ่ ให้มีหน้าที่จัดการตั้งแต่การผลิต การวิจัยและส่งเสริมคุณภาพการผลิต รวมไปถึงการจัดการการตลาดและการขายข้าวทั้งในและนอกประเทศ มีบริษัทลูกในการทำการวิจัยพันธุ์ข้าว การเพิ่มมูลค่าข้าว จัดการให้ชาวนาเป็น Contract Farm กับบริษัทดังกล่าวเพื่อจะได้ควบคุมการผลิตให้ได้คุณภาพ ให้ผลตอบแทนด้วยราคาที่ชาวนาจะมีคุณภาพชิวิตที่ดีได้ เหล่านี้คือข้อเสนอ เท่าที่ภูมิปัญญาชาวนาคนหนึ่งจะทำได้ ผิดถูกก็ขออภัยสำหรับชาวนาบ้านนอกเถิดนะครับ สุดท้ายชาวนาอย่างผมและคนในสังคมอย่างทุกท่าน มีสิ่งที่มีค่าสูงสุดที่จะมอบให้กับรัฐบาลที่ประชาชนเลือกมา ก็คือมีเวลา เวลาในการทำงานให้ครบกำหนดตามกติกา อย่าให้มีมือที่จะมาทำกติกาเสียหายและพาประเทศไปติดหล่ม เหมือนหกปีที่ผ่านมาอีกเลยครับ ให้เวลาตามกติกาเป็นเครื่องพิสูจน์ และไปตัดสินกันอีกครั้งในการเลือกตั้งครั้งต่อไป จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 07:24:50 A:223.206.210.69 X:

ความคิดเห็นที่ 5 เป้นอีกหนึ่งมุมมองและทัศนคติ เกี่ยวกับการจำนำ้ข้าวครับ สำหรับคนที่ค้านเรื่องจำนำข้าว ผมขอดูทัศนคติและมุมมองอื่นที่นอกเหนือไปจาก - เสียแชมป์ส่งออก   - ข้าวล้นสตอค - จำนำราคาสูงกว่าท้องตลาด - ทุจริตในโครงการ - กู้เงินมาจำนำ - เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ รัฐควรทำแบบยั่งยืน เพราะเรื่องพวกนั้นโดนตีตกไปหมดแล้ว พูดกันจนเบื่อ จากคุณ : penn's เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 08:02:50 A:110.77.199.73 X:

ความคิดเห็นที่ 6 วงจรข้าว ผลิต แปร ขาย ผู้ผลิต คือชาวนา ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ในกำมือของรัฐแล้ว ผู้แปร คือ โรงสี ซึ่งตอนนี้ก็เหมือนลูกจ้างรัฐไปแล้ว ผู้ขาย คือรัฐที่จะต้องทำตัวเป็นผู้ส่งออกเอง ก็มีบ้างตามข่าวที่บอกว่าขายแบบ จีทูจี ก็ต้องคอยติดตามดูว่า รัฐจะทำตัวเป็นพ่อค้าได้ผลสำเร็จหรือไม่ ที่จะขายของออกไปได้ จากคุณ : รู้ไปหมด เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 08:41:56 A:182.53.111.11 X:

ความคิดเห็นที่ 7 อยากเสนอรายการที่น่าติดตามชม รายการ "คุยจริงใจสไตล์หมอชัย"   ทางทรูวิชั่นช่อง TNN 1 หรือ 2 ไม่แน่ใจ ทุกคืนวันอาทิตย์ 2 ทุ่ม ให้ความรู้และข้อมูลที่ดีเกี่ยวกับการจำนำข้าว  การประกันราคา  ข้อดีข้อเสีย ของทั้งสองอย่าง  การพัฒนาตลาดข้าว ฯลฯ   อยากบอกว่าเป็นรายการที่ดีมากควรแก่การติดตามสำหรับผู้สนใจเรื่องข้าว สำหรับผู้ไม่สามารถรับชมทรูวิชั่น  สามารถดูได้จากยูทูป จากคุณ : เฮียไช้ เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 10:49:17 A:171.6.207.162 X:

ความคิดเห็นที่ 8 ขอขอบคุณคุณถือแถน จากใจชาวนาคนหนึ่ง จากคุณ : ชาวนาอาชีพ (พฤษภาคม 2510) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 11:28:12 A:110.171.81.73 X:

ความคิดเห็นที่ 9 การค้าข้าวในตลาดโลก มันก็ถูกตีกินกันเป็นทอดๆ ผู้ค้าข้าวรายใหญ่ๆ ของโลก (พ่อค้าคนกลาง) ก็จะกดราคา ข้าวของประเทศผู้ผลิต ผู้ส่งออก ก็จะมากดราคา ข้าวในประเทศต่อ ตัวอย่างเช่น ราคาข้าวสาร ที่ขายปลีกในอเมริกา (ผมดูราคาจากพวกเว็บไซต์ขายปลีกนะคับ) ในห้าง Walmart นะครับ http://www.walmart.com/search/search-ng.do?search_query=rice&ic=16_0&Find=Find&search_constraint=0 ไปดูที่ ราคาข้าวหอมมะลิ Imperial Dragon: Jasmine Rice, 20 Lb   = $17.32   (กก ละ 56.6 บาท) Mahatma: Enriched Thai Fragrant Long Grain Jasmine Rice, 5 Lb = $4.62 (กก. ละ 61 บาท) ราคาข้าวบาสมาติก ของอินเดีย Bombay Original Brown Basmati Rice, 10 lb = $17.79  (กก ละ 118 บาท)   ราคาข้าวขาวธรรมดา Great Value: Long Grain Enriched Rice, 20 Lb = $11.86 (กก ละ 39.5) ที่นี้มาดูราคา ส่งออกบ้างนะครับ ราคาส่งออกข้าว หอมมะลิไทย $1,110 ต่อ  1000 kg    =  $1.11   ต่อ kg ราคาส่งออกข้าว ขาว             $590 ต่อ  1000 kg       =  $0.59 ต่อ kg ราคาส่งออกข้าว Basmati      $1,150 ต่อ  1000 kg    =  $1.15 ต่อ kg ข้าวที่ผลิตใน USA เขาปลูกแต่ข้าวขาวนะครับ ข้าวขาว (Long Grain Enriched Rice) ในตลาดขายส่ง  $645 ต่อ 1000 Kg ดังนั้นถ้าดูตลาดข้าวขาวแล้ว ถ้ามองไปที่ USA คงไม่มีอนาคตครับ แต่ถ้ามองไปที่ ตลาดข้าวหอมมะลิ ผมว่าข้าวไทยยังน่าจะทำตลาดได้ ผู้ส่งออกของไทยและอินเดีย ส่งออกข้าวราคาใกล้ๆกันคือ $1110 กับ  $1150 แต่เวลาไปขายปลีก กลับปรากฎว่า อินเดียได้ราคามากกว่า 2 เท่า ทำไมเป็นแบบนั้น หรือว่า ข้าวอินเดีย อร่อยกว่า แต่ผมมองว่านั่นคงไม่ใช่หอมมะลิแท้ คือก็ข้าวหอมมะลิในประเทศไทย ไปซื้อจากชาวนา ก็ กก.ละ 36 บาท แล้วจะไปส่งออกราคา 33 บาท เป็นไปไม่ได้หรอก คือถ้าจะขายราคานี้ได้ต้องทำข้าวหอมมะลิปลอม ก็คือ เอาข้าวหอมปทุม + ข้าวขาวคัด + หอมมะลิแท้ มาผสมกันแล้วก็บอกว่าเป็น มะลิแท้ นั่นแหละ เพราะถ้าไปดูราคา ยี่ห้อที่เป็นข้าวหอมมะลิแท้ๆ ระดับ premium  เช่น "A Taste Of Thai Jasmine Rice, 17.6 oz (Pack of 12)" ขายเป็นกล่อง ในกล่องมีข้าว 12 ถุง  ถุงละ 17.6 oz (ประมาณ 4.8 ขีด) ีรวมๆ 1 กล่องก็ประมาณ 5 กก. ขายที่ Walmark ราคา  กล่องละ $51.98   (1559 บาท) ข้าวหอมมะลิไทยนะ ถ้าทำดีๆ คุณภาพสูงๆ ไม่ปลอม ไม่ปน สามารถทำราคาได้ถึง กก. ละ  300 บาท เลยที่เดียว  แพงกว่าของอินเดียอีกครับ ข้าวคุณภาพสูง เป็นที่ต้องการของตลาดบนมากนะครับ เช่นพวก ภัตตาคาร ร้านอาหาร หรูๆ ยิ่งถ้าทำอาหารไทย แล้ว ใช้ข้าว คุณภาพต่ำ ก็เตรียมปิดร้านได้เลย ก็ถ้า คุณขายข้าวจาน ละ 100 บาท  แต่ไปซื้อ ข้าว กก. ละ 30-40 บาท มาหุง ลูกค้าคงไม่มากินอีกแน่ๆ ครับ ก็เหมือนไปกิน ซูชิ ถ้าซูชิก้อนละ 5 บาท เขาก็ต้องเอาข้าวเหนียว ผสม ข้าวเจ้า มาทำ แทนที่จะเป็น ข้าวญี่ปุ่นแท้ เพราะข้าวญี่ปุ่นแท้ราคาแพง   แต่ถ้าร้านซูชิแท้ๆ ราคาแพงๆ แล้ว เอาข้าวญี่ปุ่นปลอม (ข้าวเหนียว+ข้าวเจ้า  หรือ ข้าวจีน) มาทำซูชิ เป็นข้าวปั้นปลอม ข้าวปั้นญี่ปุ่นปลอมจะขายก้อนละ 30-40 บาทได้มั้ย ข้าวหอมมะลิ ก็เช่นกัน ถึงข้าวหอมมะลิ จะกก.ละ 300 บาท แต่ถ้า หุงได้  15 จาน ก็แค่ จานละ 20 บาท สามารถขายได้จานละ 100 บาท  ก็ได้กำไร คนกินก็ชอบเพราะอร่อยคุ้มราคา แต่ถ้าซื้อข้าวขาว กก. 40 บาท แล้ว หุงได้  15 จาน ต้นทุนจานละ  2.6 บาท จะเอาไปขายจานละ 100 บาท  ได้มั้ยครับ อาจจะได้ครั้งเดียว แล้วก็ไม่มีใครมากินอีก ข้าวเปลือก 1 ตัน สีเป็นข้าวสาร จะได้ ข้าวที่ไม่หัก ประมาณ 400กก   ข้าวหัก ประมาณ 200 กก นอกนั้นเป็นปลายข้าว และ รำ กับ แกลบ ถ้าเอาข้าวหัก ผสมกับข้าวไม่หัก ก็เรียกว่าข้าว % เช่น ข้าว 25%  ก็คือ มี ข้าวเม็ดเต็ม 75% มีข้าวหัก 25% ข้าวขาว 100% ก็คือ เป็นข้าวเต็มทุกเม็ด ราคาก็จะต่างกันไปครับ ข้าวเปลือกหอมมะลิ 1 ตัน  ถ้าสี แล้วคัดเอาเฉพาะเมล็ดที่สวยๆ ก็จะได้ข้าวสาร 100% ประมาณ  400 กก. แต่ก็ใช่ว่าจะได้เต็มทุกเม็ดนะครับ ถ้าเอามาคัดต่ออีกผ่านกระบวนการควบคุมคุณภาพที่ดี ก็คนกล้าคัดใส่กล่องขาย กก. 300 บาท นี่แหละครับ แล้วก็มีคนกล้าซื้อ ถ้าซื้อแล้วคุ้ม แน่ใจว่าได้กินของแท้ 100% จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 12:09:01 A:202.12.97.116 X:

ความคิดเห็นที่ 10 ความสำเร็จได้ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย เว้นแต่นักวิชาการรับจ้างและฝ่ายค้านหัวชนฝาที่จะเป็นอุปสักเท่านั้น จากคุณ : kunchai129 เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 12:13:00 A:124.122.126.135 X:

ความคิดเห็นที่ 11 นโยบายรัฐบาลเรื่องจำนำข้าว ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่แถลงต่อรัฐสภา ในหัวข้อนโยบายเร่งด่วนที่จะทำในปีแรก ข้อ 1.11 บอกไว้ว่า (ขอวางภาพก่อนนะครับ จะได้พิมพ์ต่อง่ายหน่อย) จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 14:05:34 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 12 ผมขอแยกนโยบายข้อนี้ออกเป็นข้อย่อยแบบนี้ 1.จะยกระดับราคาสินค้าเกษตร 2.ให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุน 3.ดูแลให้ราคาสินค้าเกษตรมีเสถียรภาพที่เหมาะสม คำนึงถึงกลไกราคาตลาดโลก โดยใช้วิธีบริหารจัดการทการตลาด และกลไกตลาดซื้อขายล่วงหน้า 4.ผลักดันให้เกษตรกรสามารถขายสินค้าเกษตรได้ในราคาสูงเพียงพอ เมื่อเทียบกับต้นทุน 5.นำระบบรับจำนำสินค้าเกษตรมาใช้ในสร้างความมั่นคงด้านรายได้ให้แก่เกษตรกร 6.จัดให้มีการเยียวยาความเสียหายของพืชผลจากภัยธรรมชาติให้แก่เกษตรกร 7.จัดทำระบบทะเบียนครัวเรือนเกษตรกรให้สมบูรณ์ 8.ออกบัตรเครดิตสำหรับเกษตรกร ซึ่งจะเห็นว่า แนวคิดในการจำนำสินค้าเกษตรของรัฐบาล มีเป้าหมายเพื่อให้เกษตรกรมีความมั่นคงทางด้านรายได้ แต่ในเรื่องของราคาสินค้าเกษตรนั้น ไม่แน่ใจว่าเป้าหมายของรัฐบาลจริง ๆ นั้นต้องการในเรื่องเสถียรภาพของราคา หรือ ให้เกษตรกรสามารถขายได้ในราคาสูงเพียงพอกับต้นทุน เพราะบางทีสองแนวนี้ อาจจะเป็นจุดเดียวกัน แต่บางทีมันก็ไม่ใช่จุดเดียวกัน เพราะบางทีต้นทุนการผลิตของเราอาจจะสูงกว่าคู่แข่งรายอื่น ดังนั้น ในราคาที่เราขายแล้วเพียงพอกับต้นทุน อาจจะเป็นราคาที่สูงกว่าคู่แข่งต้องการพอสมควร ก็จะทำให้เสถียรภาพราคาเป็นไปได้ยาก เพราะเมื่อรัฐเลิกอุดหนุน ราคาก็ต้องลดไปหาราคาที่คู่แข่งมีเสถียรภาพมากกว่า และในเรื่องราคานั้น รัฐบาลยังแทบไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพียงแต่ใช้การจำนำอย่างเดียว การออกราคาชี้นำตลาด การใช้ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า เป็นตัวกำหนดราคา ก็ยังไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ซึ่งจริง ๆ ถ้าหากให้ดี รัฐน่าจะเดินแผนสองได้แล้ว เพื่อทำนโยบายให้เป็นรูปธรรม ไม่ใช่เอาแต่มายุ่งกับการบอกว่า ขายข้าวได้แล้ว และข้าวก็จะล้นโกดังแล้ว จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 14:19:45 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 13 อาจจะนึกภาพสนุกๆนะครับท่าน Lpg_Horse ผมมองสภาพความเป็นไปของรัฐบาลตอนนี้ เหมือนนักร้องสาวสวยขึ้นเวทีร้องเพลงครับ อาจจะแต่งตัวดีหน้าตาสวย กำลังจะร้องเพลงตามเนื้อร้อง พอขยับจะร้องไปสักท่อน ก็มีจิ๊กโก๋ขี้เมามาร้องแซวหน้าเวที หาว่าแต่งตัวไม่เหมาะสม แล้วก็พาพวกสองสามคนมาโห่ฮา นักร้องจะร้องไปอีกสักท่อน ก็มีขี้เมามาปาขวดน้ำ แล้วก็โห่อีก โดยที่ไม่มีใครได้ฟังเนื้อร้องเลย พอขยับจะร้องอีก ทีนี้บอกจะแย่งไมค์เลย นักร้องเลยร้องไม่จบเพลง หรือร้องไปไม่ถึงไหน เพราะจิ๊กโก๋หน้าเวที นักร้องจะร้องดี ร้องเพราะยังไม่รู้และร้องยังไม่จบเพลง เพราะจิ๊กโก๋ไม่พอใจพี่ชายของนักร้อง ที่ไปเหยียบตีนเขาไว้เมื่อวันก่อน นึกดูขำๆนะครับ จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 15:01:49 A:223.206.210.69 X:

ความคิดเห็นที่ 14 ปัญหาของรัฐบาล มันไม่ใช่แค่เรื่องนักร้องแต่งตัวสวย แต่คนฟังไม่ชอบพี่ชายนักร้องหรอกครับ แต่เป็นเพราะตอนแรกบอกว่า จะร้องเพลงป๊อบ บรรยากาศสบาย ๆ แต่ปรากฎว่า นักร้องขึ้นเวทีมา ก็ยังพอยอมรับได้ แต่พอนักดนตรีขนเครื่องดนตรีขึ้นเวที ก็ชักไม่ค่อยเหมือนจะร้องเพลงป๊อบเบา ๆ แล้ว พอมีหางเครื่องเต็มวงเต็มเวทีอีก ก็เลยชักไปกันใหม่ มันจะเป็นเพลงสบาย ๆ ได้ยังไง ลูกทุ่งชัด ๆ คนเชียร์ ก็คิดว่า ฟังร้องไปก่อน เพราะนักร้องบอกว่าร้องได้ ก็ต้องปล่อยร้องไปดู แต่คนคัดค้านมองดู คงไม่มีทางทำได้แน่ ๆ ก็บอกว่าให้เปลี่ยนนักดนตรีก่อนดีมั้ย อย่างน้อยมีคนเล่นกีตาร์ก็ยังดี เอาหางเครื่องออกสักหน่อยจะได้มั้ย แต่วงที่เล่นบนเวที บอกให้เชื่อ ทำได้แน่นอน ถึงวันนี้ยังสรุปไม่ได้ว่า โครงการจำนำข้าว จะเลวร้ายอย่างฝ่ายค้านคิดหรือป่าว แต่อย่างน้อยก็สรุปได้อย่างนึงคือ รัฐบาลโดยรัฐมนตรีพาณิชย์คนนี้ ไม่เข้าใจถึงแนวนโยบายของรัฐ ที่แถลงต่อรัฐสภา ว่าจะจัดการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรอย่างไร เพราะถึงวันนี้ รัฐบาลทำงานเกิน 1 ปีแล้ว แต่ที่รัฐบาลทำ ก็ยังเป็นแค่การใช้เงิน เพื่อเอาสินค้าเกษตรมาเก็บ ก็ไม่รู้ว่า ที่ำทำแบบนี้ จะสามารถผลักดันราคาสินค้าเกษตรไปได้ยังไง จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 15:43:18 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 15 เก็บมาแล้วขายไม่ออกเกิดอะไรขึ้น มีขายจากประเทศเพื่อนบ้านมาปน คุณภาพห่วยลง เป็นคุณซื้อของแพงแต่คุณภาพห่วยคุณจะโว๊ยไหม ไปเปิดกะลาไปดูแพ๊คเกตใส่ข้าวของอินเดีย เมกาซะมั้ง ถ้าลูกค้าเจ้าประจำของเรารู้สึกว่าของคู่แข่งไม่ค่อยจะแตกต่างเลย ราคาถูกกว่าเยอะด้วย ถ้าคุณกลับไปขาย คุณจะขายได้หรือไหม จากคุณ : taecu เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 15:52:41 A:110.77.136.36 X:

ความคิดเห็นที่ 16 .... จากคุณ : taecu เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 15:53:26 A:110.77.136.36 X:

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบ คห.ที่ 15 นะครับ แค่ข้อเท็จจริงก็ผิดแล้วครับ ดูตรงนี้นะครับ "ราคาข้าวบาสมาติก ของอินเดีย Bombay Original Brown Basmati Rice, 10 lb = $17.79  (กก ละ 118 บาท)" เปรียบเทียบกับข้าวไทย "Imperial Dragon: Jasmine Rice, 20 Lb   = $17.32   (กก ละ 56.6 บาท) Mahatma: Enriched Thai Fragrant Long Grain Jasmine Rice, 5 Lb = $4.62 (กก. ละ 61 บาท)" ข้าวไทยไม่ได้ราคาสูงกว่าคนอื่นอย่างที่ว่ากันหรอกครับ ในกลุ่มข้าวพรีเมียม ราคาต่ำกว่าด้วยซ้ำ และคนที่ไปทำลายคุณภาพข้าวไทยในตลาดโลกเพราะเห็นแก่กำไร ก็มีแต่พ่อค้าข้าวทั้งนั้นครับ เพราะมากดราคาซื้อถูกไปขายถูก ทำตลาดง่ายๆเพราะคนปลูกข้าวมันไม่มีปากไม่มีเสียง ผมเคยรับรู้จากเพื่อนที่เคยเรียนที่ฟิลิปินส์ พ่อค้าเอาข้าวท่อน ข้าวหักนี่แหละไปปนข้าวไปส่งขายเขา ค้าขายไปด้วยทำลายสินค้าของตนไปในตัวอย่างน่ารังเกียจครับ ผมมองในมุมของผมเอง ตัวที่จะเป็นปัญหาสำหรับการส่งออกอยู่บ้างน่าจะเป็นข้าวขาว คงจะมีการขาดทุนในระดับหนึ่ง แต่ถ้ามองในระยะยาวมีการจัดการที่ดีก้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าครับ ไม่มีกิจการไหนที่ไม่ลงทุน และไม่มีการให้เวลาในการดำเนินการ อคติที่มืดบอดบางครั้งมันกัดกินใจตัวเองครับ จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 16:15:17 A:223.206.210.69 X:

ความคิดเห็นที่ 18 คห14 เรามองคนละมุมครับ แต่คงด้วยเจตนาที่ดีที่จะให้ ชาวนาและบ้านเมืองไปได้ใช่ไหมครับ เห็นต่างคนละมุม ยลคนละช่องครับ จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 16:17:51 A:223.206.210.69 X:

ความคิดเห็นที่ 19 สนใจติดตามดูแทบทุกความเห็นในเรื่อง "ข้าว" ให้รู้สึกน้อยใจนิด ๆ เพราะ เป็นเกษตรกร ที่หากินด้วยพืช ผัก ผลไม้  ที่รัฐบาลทำเสมือน" ปล่อยวัด "   ให้สตางค์ ไปรับซื้อนิดหน่อยพอปะทัง    แล้วไม่ได้รับการเหลียวแลใด ๆหรือแผนระยะยาว  ที่จะช่วยเกษตรกร ที่ไม่ใช่ชาวนาเหล่านั้น      หากเราไม่มองว่าพ่อค้าส่งออก ล้วนมีแต่คนที่ เลว เอาเปรียบ  ไปซ้ะทั้งสิ้น   เห็นใจว่า เมื่อต้องมีการลงทุน ก็ต้องหวังกำไรเลี้ยงตน และลูกน้อง พนักงาน ให้อยู่ได้   ในเวลาเดียวกัน พ่อค้าก็ต้องเลี้ยง ชาวนา ผู้ผลิตข้าวให้อยู่ได้ด้วย      หาไม่กิจการ และอาชีพของพ่อค้าก็ต้องกระทบกระเทิอนไปก้วย  "น้ำพึ่งเรือ  เสือพึ่งป่า"   อาจผิดมากในสังคมนี้   ที่มีความเชื่อเช่นนี้    วิธีสร้างเกษตรกร ให้เข้มแข็ง ................. ไม่มีใครพูดถึงเลย   นั่นคือ การรวมกลุ่ม หรือ ที่เรียกว่า " การสหกรณ์"   สหกรณ์การเกษตร ที่เข้มแข็ง    จะมีอำนาจต่อรอง ทั้งราคาขาย และ ซื้ออุปกรณ์  การเกษตร ทุก ๆชนิด   มีรัฐบาลใดบ้างไหม?  ที่หันมาส่งเสริมการสหกรณ์   ที่รวบรวมชาวเกษตรกรรายเล็ก ๆให้มามีพลังต่อรองสูงขึ้น     แต่ไม่ใช่ตัวสร้าง คะแนนให้แก่พรรคการเมือง   ..............  (  ทั่นณัฐวุฒิ..... ยังหน่ายเลย....อิ อิ  ) ..............     แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 55 17:15:58 จากคุณ : วอน (วอน) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 17:12:49 A:125.27.246.143 X:

ความคิดเห็นที่ 20 อยากจะขำกับกำไรเลี้ยงตนของนายทุน เขาได้กำไรแล้วลูกหลานขับเฟอร์รารี่ ส่วนชาวนาลูกหลานได้ขี่ฟีโน่ ปล.ผมเข้าใจว่าคนลงทุนย่อมสมควรได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม แต่ผลตอบแทนที่เหมาะสมไม่ควรมาจากการกดราคารับซื้อสินค้า หรือการกดต้นทุนแรงงานไว้ชั่วกาลนาน จากคุณ : รักหวานในวันวาน เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 15:28:47 A:124.120.227.169 X: