 |
( ขออนุญาต จขกท แปะลิ้งค์ครับ)
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงความคืบหน้ากรณีทุจริตโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา (SP 2) กว่า 5,300 ล้านบาท ว่า ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคำร้องเรียนให้มีการสืบสวนสอบสวน กรณีทุจริตโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา ภายใต้โครงการแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยเข้มแข็งระยะที่ 2 (SP 2) ในวงเงินงบประมาณ 5,300 ล้านบาท ขณะนี้การสอบสวนได้เสร็จสิ้นแล้ว คณะทำงานสืบสวนสอบสวนได้สรุปสำนวนคดีพิเศษที่ 142/2555 โดย กล่าวหานายชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายเจี่ยง วงศ์สวัสดิ์สุริยะ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการอาชีวศึกษา และนายบำรุง อร่ามเรือง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ทำให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา หรือ สอศ. กระทรวงศึกษาธิการ ได้รับความเสียหาย
นายธาริตกล่าวต่อว่า จากการสืบสวนสอบสวนโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยเข้มแข็งระยะที่ 2 (SP 2 ) พบว่า มีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้เกี่ยวข้องดังกล่าวข้างต้น ได้ร่วมกันดำเนินการจัดซื้อพัสดุครุภัณฑ์ ซึ่งเป็นงบลงทุนวงเงินทั้งสิ้นจำนวน 5,300,385,500 บาท ในปีงบประมาณ 2553 โดยมีสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย สรุปดังนี้คือ 1.แต่งตั้งบุคคลใกล้ชิดสนิทสนมหรือพวกพ้องของรัฐมนตรีเป็นคณะกรรมการชุดต่างๆ ในการจัดหาครุภัณฑ์ ให้เป็นไปตามความต้องการของตนเอง 2.จัดซื้อครุภัณฑ์ ที่มีราคาแพงเกินความจริง เช่น ครุภัณฑ์ห้องปฏิบัติการไฟฟ้าพื้นฐาน ราคาประมาณเพียงชุดละ 1 ล้านบาท แต่ตั้งราคาสูงถึง 3 ล้านบาท และจัดซื้อ 19 ชุด เป็นเงินกว่า 57 ล้านบาท ผู้ขายมีกำไรกว่า 38 ล้านบาท หรือครุภัณฑ์ที่จัดสรรให้วิทยาลัยไม่มีคุณภาพ และไม่เกิดประโยชน์ต่อการเรียนการสอน. 3.ไม่ได้สำรวจความต้องการครุภัณฑ์ของสถานศึกษาที่มีความจำเป็นต้องใช้ในการเรียนการสอน แต่จัดครุภัณฑ์ไปให้โดยที่สถานศึกษาไม่มีส่วนร่วมในการกำหนดสเปกและไม่ตรงกับวิชาการเรียนการสอน หรือยังไม่มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับครุภัณฑ์นั้น 4. ผู้ประกอบการหรือผู้ขายสินค้าครุภัณฑ์ให้กับ สอศ.อยู่ที่ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนเป็นผู้กำหนดเท่านั้น อันเป็นการกระทำที่เอื้อประโยชน์แก่คู่สัญญารายใดรายหนึ่ง โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม และ 5 การตรวจรับครุภัณฑ์ ไม่ตรงตามสเปกหรือสัญญาซื้อขาย เช่น จุดเชื่อมวงจรไฟฟ้า ตามสเปกหรือสัญญากำหนดไว้เป็นทองคำแท้ เพื่อให้ครุภัณฑ์มีราคาสูงแต่จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทองชุบเท่านั้น เหตุเกิดที่วิทยาลัยการอาชีพบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี และที่วิทยาลัยเทคนิคปราจีนบุรี
นายธาริตกล่าวอีกว่า จากข้อเท็จจริงจากการสอบสวน ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าวข้างต้น เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายมีอำนาจหน้าที่ในการดูแลรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ที่เกี่ยวข้อง แต่จงใจฝ่าฝืนกฎหมายตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 กระทำผิดทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ตลอดทั้งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และไม่ยึดหลักธรรมาภิบาลในการจัดซื้อจัดจ้าง ทำให้ สอศ.ได้รับความเสียหายกระทบต่อผลประโยชน์ของรัฐที่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินจากการจัดซื้อครุภัณฑ์การศึกษา ในราคาที่ขาดการแข่งขันตามความเป็นธรรม และความเหมาะสมแห่งสภาพครุภัณฑ์นั้นๆ อันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงต้องส่งสำนวนคดีนี้ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อไต่สวนและวินิจฉัยตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 19,43 และมาตรา 66 ต่อไป
นายธาริตยังกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ เมื่อได้ส่งเรื่องไป ป.ป.ช.แล้วตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ ที่แก้ไขเพิ่มเติม เมื่อปี 2551 กำหนดให้กรมสอบสวนคดีพิเศษทำการสอบสวนต่อไปอีกได้ จนกว่า ป.ป.ช.จะมีมติอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้ดำเนินการสอบสวนดังกล่าวต่อไป อย่างไรก็ตาม เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลทั้ง 4 คน ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงแสดงหลักฐานดีเอสไอ จึงได้มีหนังสือแจ้งให้มาพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในวันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน 2555 เวลา 09.00 น. และ 14.00 น
"ดีเอสไอส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.แล้ว แต่ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ได้กำหนดให้ดีเอสไอยังสามารถสอบสวนต่อไปอีกได้ จนกว่า ป.ป.ช.จะมีมติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนั้น จึงต้องสอบขยายผลไปยังบุคคลอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เบื้องต้นพบว่า 4 คนที่ปรากฏรายชื่อถือเป็นหัวขบวนสำคัญ จึงต้องเชิญตัวให้ปากคำในฐานะผู้ถูกกล่าวหาในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ โดยดีเอสไอทำหนังสือแจ้งเจ้าตัวให้รับทราบแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะมาหรือไม่" นายธาริตกล่าว
เมื่อถามว่า ผลการสอบจะโยงถึง น.ส.ศศิธารา พิชาญรณรงค์ อดีตเลขา สอศ.หรือไม่ นายธาริตกล่าวว่า เบื้องต้น น.ส.ศศิธาราไว้เป็นพยาน เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมพร้อมให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน แต่ดีเอสไอไม่ได้ตัดประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของ น.ส.ศศิธารา อย่างไรก็ตาม หากพบว่าอดีตเลขา สอศ.มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดก็จะส่งข้อมูลให้ ป.ป.ช.ต่อไปเช่นกัน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1352701875&grpid=00&catid=&subcatid=
จากคุณ |
:
Chris Evert
|
เขียนเมื่อ |
:
12 พ.ย. 55 14:46:57
A:202.32.86.101 X:
|
|
|
|
 |