รู้สึกว่า ไม่น่าจะต่างอะไรกับคนที่ต้องถูกตัดสินลงโทษ แล้ว หนี ไม่ยอมรับโทษ และ ผู้ที่ ต้องถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดในกรณีย์ต่าง ๆ อาทิ
1.หมายจับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ อม.1/2550 หมายเลขแดงที่ อม.1/2550
2.หมายจับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ อม.1/2551
3.หมายจับศาลฎีกาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ อม.3/2551(คดีเอ็กซิมแบงก์)
4.หมายจับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ อม.9/2551 (คดีแปลงสัญญาสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต)
5.หมายจับคดีอาญาของศาลอาญา หมายจับเลขที่ 10862/2553
ยังไม่นับคดี อัยการสั่งฟ้องกู้กรุงไทย 9,000 ล้านบาท
คดีให้พม่ากู้ 3,000 ล้านบาทจากธนาคารกรุงไทยดอกเบี้ยต่ำแต่กรุงไทยไปเอาเงินออมสินของเด็กมาแล้วต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงกว่า
คดีบ้านเอื้ออาทร เอาที่ดิน:-)นอนไปยัดให้การเคหะซื้อไปทำบ้านเอื้อและมีคดีรับค่านายหน้า
คดีซีทีเอ็กซ์ ที่โกงจนเจ้าหน้าที่ฝรั่งอเมริกันจับได้จากคนจ่ายใต้โต๊ะประเทศเขาแล้วเขียนระบุว่าจ่ายนอกระบบให้รัฐมนตรีประเทศไทย
คดีซุกหุ้นไว้ชื่อคนอื่นยึดคืนแผ่นดินมาได้ 4.6หมื่นล้านบาท
รวมแล้วทุกคดีประเทศไทยเสียหายเกือบ 2 แสนล้านบาท
พฤติกรรมของสองฝ่ายทั้งหมดนี้ ต่างกันตรงไหนมั่ง หว่า 



หรือ อยู่ที่ คนกล้ายืนหยัด ศุ้ ความจริง กับ คนที่ หนี ไม่กล้านำหลักฐานต่าง ๆ มาแสดงต่อ มหาชน ด้วยกลัวความจริง