อภิสิทธิ์พูดเรื่อง สด.9 ใบที่สอง ว่า"ผมไม่ได้เป็นคนออกนะครับ แล้วผมก็คิดว่าการออกเอกสารซึ่งในการให้สัมภาษณ์อะไรต่างๆ ของรัฐมนตรี
ก็ยอมรับเองว่าเป็นเอกสารที่ออกแทนใบเดิม และผมก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปปลอม หรือทำเรื่องนี้เท็จขึ้นมา
เพียงแต่ว่าการลงวันที่ซึ่งมันคลาดเคลื่อนไป ก็จริงๆ แล้วหน่วยงานทหารเขาก็มีใบเดิมของผมอยู่แล้วว่าวันที่ไหน"
ก็แปลว่าเขารู้ครับ ว่ามี "ใบเดิม" ซึ่งลงวันที่ 4 ก.ค. 29 อยู่ (แล้วทำไมบอกว่าหาย ?- เอาไงแน่)
แต่ที่ต้องใช้ใบที่สอง ลงวันที่ 8 เม.ย. 31
ก็เพราะหากใช้ใบเดิม มันจะบอกว่าหนีทหารเมื่อ 7 เม.ย. 30
ไม่สามารถรับราชการและแต่งตั้งยศนายร้อยได้ นอกจากเข้าคุก และเป็นทหารเกณฑ์
เรื่องมันก็เท่านี้แหละครับ
ไอ้ที่อ้างว่าหาย อ้างว่าไม่ได้ออกเอง เจ้าหน้าที่ออกให้จะปลอมได้ไง อะไรเหล่านี้
แถหน้าด้าน ๆ ทั้งนั้นครับ
พูดกลับไปกลับมา
เห็นไหมครับ เมื่อเช้าก็พูดออกบลูสกายว่า
ที่ไม่ได้ไปเกณฑ์ทหารปี 2530 น่ะ เพราะกำลังทำเรื่องเข้ารับราชการอยู่
นี่คือการรับสารภาพชัดเลยว่าหนีทหาร
ก็กำลังจะสมัครเป็นอะไรก็แล้วแต่สิ ก็ต้องเข้ารับการเกณฑ์ ไม่ใช่หนี
แล้วมาอ้างแบบหน้าด้าน ๆ
ผมว่าไม่มีใครหน้าด้านเท่าหมอนี่แล้วครับ
ตอนนี้ก็รอดูแต่่ว่า ใครจะอุ้มอภิสิทธิ์ในเรื่องนี้
เพราะอภิสิทธิ์โดนอุ้มมาตลอด
ไม่วาเรื่องหนีทหารตั้งแต่มีการร้องเรียนครั้งแรกเมื่อปี 42 และครั้งที่สองเมื่อปี 53
เรื่องขึ้นเป็นนายกฯจากค่ายทหาร
เรื่อง sms หลังได้รับเลือกจากสภาฯให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ แต่ยังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ
เรื่องยุบพรรค ที่อภิสิทธิ์ในฐานะหัวหน้าพรรคลงนามรับรองงบดุลอันไม่ชอบ
(ที่ตลกก็คือ อภิสิทธิ์บอกว่า เขาทำงบดุลมา ผมมาเป็นหัวหน้าพรรคพอดี ผมก็ลงนาม
พูดเหมือนเรื่องหนีทหารเป๊ะ คือคนอื่นผิด ตัวเองไม่เคยผิดอะไร คนอื่นทั้งนั้น)
ฯลฯ
งานนี้ ใครอุ้มก็ตกถังขี้ไปด้วยกันล่ะครับ
ไม่่ว่าใหญ่ขนาดไหน