คำว่า "นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา" เป็นฉายาที่สื่อมวลชนตั้งให้หลังจากประมวลพฤติกรรมของอดีตนายกรัฐมนตรีเปรมในการเล่นการเมืองและการทหารแบบ "รื้อนั่งร้าน" มาตลอด
เริ่มจากการเหตุการณ์ที่พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ตั้งใจจะเข้าสู่วงการเมืองเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีที่ผ่านการเลือกตั้ง แต่ก็ยังอยากได้นายทหารที่ไว้ใจได้มาเป็นคนระวังหลังในกองทัพให้ จึงย้ายพลโทเปรมจากตำแหน่งแม่ทัพภาค 2 เข้ากรุงเทพฯมาแล้วดันข้ามหัวบรรดาผู้ที่อาวุโสกว่าจนขึ้นไปกุมอำนาจกองทัพบกเลย สุดท้ายเจ้าของวลี "เราไม่มีเวลาทะเลาะกันอีกแล้ว" กับ "แกงไก่ใส่บรั่นดี" ก็ต้องแทบกระอักเลือด เพราะลูกน้องที่หวังพึ่งและชอบพูดกับสื่อมวลชนว่า "ผมไม่มีความทะเยอทะยานทางการเมือง" และแสดงภาพความเป็นนายทหารบ้านนอกผู้ซื่อสัตย์ - พูดน้อย-สุขุมจนสื่อมวลชนชื่นชมตามทำข่าวทุกวัน กลับปาดหน้านายผู้อุปถัมภ์ขึ้นไปเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างหน้าตาเฉย....นี่คือนั่งร้านที่ 1
นั่งร้่านที่ 2 - คือม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ท่านเป็นคนอุ้มพลเอกเปรมเหยียบบ่าเกรียงศักดิ์ขึ้นไปแท้ๆ แต่ในที่สุดก็ต้องถูกเชือดตัดออกจากการร่วมรัฐบาลด้วยกรณีเทเล็กซ์น้ำมันอัปยศ เพราะ"ป๋า" ไม่ชอบให้ใครยืนค้ำหัวทวงบุญคุณ
นั่งร้านที่ 3 - คือกลุ่มจปร. 7 ที่ช่วยกันแผ้วถางเคลียร์สายอำนาจในกองทัพให้ป๋าสามารถ "หัก" อดีตสมาชิกสำคัญของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินอย่างพลเอกเกรียงศักดิ์ จนสามารถจับมือกับหม่อมคึกดันป๋าขึ้นไปสำเร็จ แต่ในเวลาต่อมาป๋าเห็นว่าจร.7ออกอาการผยองมากเกินไปจึงดันพลเอกอาทิตย์ กำลังเอกขึ้นมาแทนที่ สร้างความโกรธแค้นให้กับแกนนำจปร.7 มากจนถึงกับพยายามปฏิวัติโค่นป๋าหลายต่อหลายครั้ง จนในที่สุดพลตรีนูญ รูปขจรถูกถอดยศและต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศช่วงหนึ่ง ตั้งแต่นั้นมาการแต่งตั้งนายทหารประจำปีจะเป็นเรื่องที่ถูกสื่อมวลชนจับตาอย่างเข้มข้น เพราะการเมืองและชะตากรรมของไทยขึ้นอยู่กับตำแหน่งผู้คุมกำลังในกองทัพ ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับตัวแทนของประชาชน
นั่งร้านที่ 4 - พลเอกอาทิตย์ กำลังเอกซึ่งตอนแรกเป็นคู่ใจสหายศึกของป๋าในการรับมือรุ่น 7 ต่อมาเมื่อแสงอาทิตย์เริ่มแผดกล้าขึ้นเรื่อยๆจนเห็นได้ชัดว่ามีข้าราชการและพ่อค้าจำนวนมากพยายามเข้าหา ป๋าจึงเริ่มโปรโมทพันเอกพิจิตร กุลละวาณิชย์กับพันเอกชวลิต ยงใจยุทธขึ้นมาเป็นกำลังหนุน
จนกระทั่งเกิดกรณี "ศึกวันลอยกระทง" ที่รัฐบาลป๋าประกาศลดค่าเงินบาทเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่กลุ่มที่ได้รับผลกระทบไปร้องเรียนขอความเห็นใจกับพลเอกอาทิตย์จนถึงกับออกมากดดันป๋าให้ยกเลิกนโยบายนี้ด้วยการอ้างถึง "ข้อมูลใหม่" น่าแปลกที่คู่หูของ"พลตรี"ชวลิตคือพลตรีพิจิตรกลับหันไปยืนข้างอาทิตย์ด้วยการออกหน้ามาขู่ว่าถ้าไม่ฟัง "ความเดือดร้อนของพ่อค้าประชาชน" ทหารอาจจะมีการออก "เอ็กเซอร์ไซส์" จนทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่างานนี้ป๋าไม่รอดแน่ แต่ในที่สุด "จิ๋ว"ก็เดินเกมส์ช่วยป๋าด้วยการปลดอาทิตย์ได้สำเร็จ
สื่อมวลชนจึงสรุปเป็นข้อสังเกตุเอาไว้ว่า "ป๋า" ไม่ต้องการอยู่ใต้การบังคับของใคร ไม่ว่าจะเคยมีบุญคุณกันมาขนาดไหนก็ตาม ถ้าใครแสดงอาการที่ป๋าคิดว่าจะควบคุมไม่ได้ก็จะเชือดทิ้งไปเลย จึงกลายเป็น "นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา" ที่อมตะมาจนถึงวันนี้ครับ ซึ่งถ้าป๋าไม่ลงจากตำแหน่งเสียก่อนก็อาจจะมีนั่งร้านที่ 5-6-7 ต่อไปอีกเท่าไหร่ก็ไม่มีใครเดาได้
แต่มาวันนี้...หลังจากเวลาผ่านไป 22 ปี พลเอกชวลิต ยงใจยุทธก้ทำท่าจะเป็นนั่งร้านที่ 5 ที่รอวันถูกรื้อเสียแล้ว อยู่ที่บิ๊กจิ๋วจะยอมถูกรื้อหรือเปล่า
ที่มา http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2009/10/P8441981/P8441981.html
จากคุณ |
:
ป้าหนูดา
|
เขียนเมื่อ |
:
14 พ.ย. 55 18:20:05
A:115.87.12.61 X:
|
|
|
|