* คอการเมืองคงจะจำภาพนั้นได้ดี นายชำนิ ศักดิ์เศรษฐ์ ได้ควักกระดาษแผ่นเดียวออกมาจากเสื้อสูท อ้างว่าเป็นสูจิบัตรของนายบรรหาร อภิปรายโจมตีนายบรรหาร 2 วัน 2 คืน ชูกระดาษแผ่นเดียวอภิปรายโยงโน่นจับนี่ จนนายบรรหารนั่งงง สับสน ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วตัวเองเกิดที่ไหนกันแน่ ที่สุพรรรณบุรีหรือเมืองจีน
นี่คือความสามารถเฉพาะตัวของ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ยากที่ ส.ส. พรรคอื่นจะลอกเลียนแบบได้ โดยเฉพาะการใส่ร้ายป้ายสีฝ่ายตรงข้าม ที่เรียกกันว่า ดีใส่ตัว ชั่วให้คนอื่น ในที่สุดในบรรหารต้องยุบสภาหนีทั้งน้ำตา ที่แท้ก็แค่"สูจีบัตรปลอม"
** นายสุเทพ เทือสุบรรณ ชูหลักฐานกระดาษแผ่นเดียวเช่นเดียวกันโบกไหวๆ กล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขนเงิน 10,000 ล้านผ่านสนามบินสุวรรณภูมิโดยไม่ยอมให้ใครดูหลักฐานเท็จนั้น ตีกินหน้าสื่อไปก่อนโดยที่คนถูกกล่าวหาอยู่ต่างประเทศไม่มีโอกาสมาแก้ข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
นี่ก็เป็นความามารถเฉพาะตัวของคนพรรคนี้ ที่ชอบกล่าวหาคนอื่นให้ได้รับความเสียหาย
*** คราวนี้ถึงคิวของหัวหน้าพรรค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมัยเป็นรัฐบาลแก้ข้อกล่าวหาเรื่องหนีทหารของนาย จตุพร พรหมพันธ์ ในสภา ก็ใช้วิธีเดิมที่ถนัด ด้วยการชูกระดาษแผ่นเดียว อ้างว่าเป็นใบ สด.9 มีคนทักท้วงว่ายังไม่ได้รับอนุญาตจากประธานสภา นายอภิสิทธิ์บอกว่าจะมอบให้หลังอภิปรายจบแล้ว จนป่านนี้นายอภิสิทธิ์ก็ยังไม่เอาหลักฐานนั้นไปให้ท่านประธานสภาฯแต่อย่างใด ที่ไม่กล้ามอบให้ก็เพราะมันเป็นของปลอม เอาตัวรอดไปได้อย่างหวุดหวิด
**** เวรกรรมมีจริง.......เมื่อพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ลงคำสั่งถอดยศโดยให้โอกาสนำหลักฐานมาแสดงเพื่อแก้ข้อกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ ก็ไม่สามารถหาหลักฐานมาแสดงได้ ทั้งๆ ที่ในสภาก็พิ่งควักออกมาหยกๆ แสดงว่าหลักฐานใบสด. 9 นั้นไม่มีจริง เลยต้องฟ้องแก้เกี้ยวว่าถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง นี่คือธาตุแท้ของคนในพรรคนี้ที่มีอุปนิสัยโกหกปลิ้นปล้อนคิดว่าประชาชนไม่รู้เท่าทัน
แต่ก็ยังมีกองเชียร์ที่พยายามดิ้นช่วยแก้ข้อกล่าวหาให้ จนป่านนี้ก็ยังไม่เลิก น่าสงสารจริงๆ