 |
"สยามอินดิก้า"มาแรง ซื้อข้าว"ไชยา"ยกลอต การประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาลจำนวน 3.1 ล้านตันเริ่มขึ้นเมื่อ วันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้รัฐบาลที่บริหารงานโดยพรรคพลังประชาชน การประมูลในครั้งนี้มีหลายสิ่งคล้ายกันกับการประมูลในยุคที่นายวัฒนา เมืองสุข สังกัดพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะผู้เข้าประมูลรายสำคัญในวันนี้คือ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ที่มีความคล้ายกันกับบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ในอดีต ล่าสุดนายไชยาได้เปิดซองเสนอราคาซื้อข้าวสารจากสต๊อกรัฐบาลในวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังจากที่ยื่นซองเสนอราคาไปแล้ว 7 วัน โดยมีผู้เข้าร่วมเสนอราคา 36 ราย ในเบื้องต้นพบว่าบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เสนอราคาปริมาณสูงที่สุดรวม 2,546,229 ตัน เป็นการเสนอซื้อข้าวขาวทุกประเภทรวม 1,857,755 ตัน ราคาระหว่าง 6,800-13,000 บาท และยังมีการเสนอราคาซื้อข้าวนาปรังปี 2551 ราคา 14,500 บาท ส่วนที่เหลือเป็นข้าวหอมมะลิ หอมจังหวัด และหอมปทุมธานีรวม 688,474 ตัน โดยเสนอราคาข้าวหอมมะลิ 15,200 บาท ข้าวหอมจังหวัด 13,500 บาท และข้าวหอมปทุม 10,500 บาท ผู้เข้าร่วมการประมูลข้าวรายหนึ่งได้ตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทสยามอินดิก้า เสนอราคาซื้อข้าวขาว 25% ในปริมาณสูงที่สุด 373,114 ตัน แต่ให้ราคาที่ต่ำมาก เพียงตันละ 6,800 บาทเท่ากันหมด ถือว่าต่ำกว่าราคาปลายข้าวอาหารสัตว์ขณะนี้ หากรัฐบาลตัดสินใจขายจะถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติมาก เพราะรัฐบาลจะขาดทุนจำนวนมากทันทีที่ขายและมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดปัญหากับตลาดข้าวได้ในอนาคตเหมือนในอดีต เนื่องจาก สยามอินดิก้าถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีความสัมพันธ์กับบริษัทเพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง ผู้เคยประมูลข้าวยกลอต 1.7 ล้านตันและทิ้งสัญญาส่งมอบ แถมปัจจุบันยังติดคดี กับกรมการค้าต่างประเทศ เพราะข้าว หายด้วย นอกจากนี้หากพิจารณาสถานที่ตั้งบริษัทจดทะเบียนของบริษัทสยามอินดิก้า ยังใช้สถานที่ตั้งเดียวกับบริษัทเพรซิเดนท์ อะกริฯ แม้ว่านายไชยาจะแจ้งว่าตรวจสอบบริคณห์สนธิแล้ว ไม่พบว่าบริษัทสยามอินดิก้ามีกรรมการชุดเดียวกับบริษัทเพรซิเดนท์ อะกริฯก็ตาม แต่คนในวงการทราบดีว่าใครเป็นใคร รวมทั้งเจตนาการเสนอราคาก็มีความผิดปกติ เพราะให้ราคาต่ำมาก ข้าว 25% ให้เพียง 6,800 บาท หรือคิดเป็นต้นทุนราคา FOB ประมาณ 220 เหรียญสหรัฐ/ตันเท่านั้น หากนำข้าวจำนวนนี้ไปปรับปรุงอีกตันละ 50 เหรียญ ก็ยังสามารถส่งออกได้ในราคาต่ำกว่าข้าวเวียดนามซึ่งขายอยู่ที่ 350 เหรียญสหรัฐ/ตัน และหากนายไชยามีการขายข้าวขาดทุนให้กับบริษัทนี้จริง นั่นหมายความว่าบริษัทจะครอบครองข้าว 25% เกินกว่า 300,000 ตัน ซึ่งจะได้สิทธิรับมอบข้าวยาวนานถึง 180 วัน เท่ากับได้กำไรไม่ต่ำกว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่รัฐบาลจะต้องขาดทุน เพราะข้าว 25% ต้นทุนค่าจัดเก็บปรับปรุงไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท/ตัน ถึงแม้ว่าต้นทุนข้าวชนิดนี้จำนำที่ 6,000-7,000 บาท แต่มีค่าเก็บและค่าสีแปรอีก แหล่งข่าวให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า กระทรวงพาณิชย์ควรล้มการประมูลข้าวในครั้งนี้จากเหตุผล 1)เป็นการประมูลที่ขาดความโปร่งใส โดยเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) ใช้วิธีโทรศัพท์แจ้งผู้เสนอราคาให้มาร่วมประชุมก่อนเวลาที่จะเปิดซองเพียง 2-3 ชั่วโมง โดยไม่ได้แจ้งว่าเป็นการเปิดซอง และนายไชยาให้เหตุผลว่า การไม่เปิดซองตอนแรกเพราะได้รับ คำสั่งจากนายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเปิดเผยราคาข้าว เพราะนายโอฬารมีแผนจะซื้อข้าวจากประเทศเวียดนาม 2)ผลการเปิดซองพบว่า มีการแข่งขันซื้อจำนวนน้อยรายในหลายคลัง บางคลังมีผู้เสนอราคาเพียงรายเดียว หรือ 1-3 ราย และให้ราคาต่ำกว่าราคาตลาด เช่น ข้าวขาว 5% นาปรัง 2551 ราคาเสนอ 16-17 บาท/ก.ก. จากราคาตลาดที่ 23 บาท/ก.ก. ข้าวขาว 25% เสนอ 6,800 บาท ต่ำกว่าปลายข้าว นอกจากนี้ผู้ประกอบการบางส่วนมองว่า หากรอระบายข้าวไว้อีกระยะหนึ่ง ราคาข้าวในตลาดโลกอาจจะปรับสูงขึ้นหลังจากที่ปรับลดลงจนถึงขีดต่ำสุดแล้ว ดังนั้นโอกาสที่ปริมาณข้าวในตลาดโลกอาจจะปรับลดลงทำให้ราคาน่าจะปรับตัวสูงขึ้นอีก ทั้งนี้ผู้ส่งออกรายใหญ่อีก 4-5 ราย มีการเสนอราคาซื้อปริมาณรวม 200,000-300,000 ตัน ได้แก่ บริษัทนครหลวงกับแคปปิตอล ในเครือ STC เสนอซื้อรวมกัน 239,075 ตัน, บริษัทไชยพร ไรซ์แอนด์ฟู้ดโปรดักส์ ปริมาณ 367,894 ตัน, บริษัทเอเชียโกลเด้นไรซ์ 242,675 ตัน, บริษัทพงษ์ลาภ 358,425 ตัน และบริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด ปริมาณ 375,186 ตัน ส่วนราคาเสนอซื้อที่สูงสุดในส่วนของข้าวหอมมะลิ ได้แก่ หจก.วุฒิกวี ซื้อเพียง 770 ตัน ราคา 24,100 บาท ในขณะที่บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด เสนอซื้อยกลอตข้าวหอมมะลิโดยให้ราคาสูงถึง 18,000 บาท ส่วนข้าวขาวมีราคา 6,800-14,500 บาทตามชนิดข้าว "โอกาสชนะการประมูลสำหรับข้าว 25% น่าจะเป็นของบริษัทสยามอินดิก้าทั้งหมด ถ้าหากนายไชยายอมขายข้าวจำนวนนี้ให้จริงๆ ทั้งที่เป็นเรื่องผิดปกติมากๆ ส่วนข้าวขาว 10%-15% ซึ่งมีปริมาณรวม 20,000 ตันน่าจะเป็นของบริษัท พงษ์ลาภ เพราะเสนอซื้อราคาสูงที่สุดและจำนวนมาก เนื่องจากเป็นข้าวในคลังของบริษัทและคลังของพันธมิตรข้าวขาว 5% น่าจะมีการกระจายไปยังหลายๆ บริษัท เพราะมีการแข่งกันเสนอราคามากที่สุด ส่วนข้าวหอมมะลิ บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรดน่าจะชนะทั้งหมด เพราะให้ราคาสูงและซื้อยกลอตเพียงรายเดียวอีกเช่นกัน" แหล่งข่าวกล่าว ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
จากคุณ |
:
aumstar
|
เขียนเมื่อ |
:
27 พ.ย. 55 02:36:36
A:113.53.45.222 X:
|
|
|
|
 |