ผมเห็นด้วยว่าควรให้คลีนิคหมอขายยาได้ แต่.....
1.ต้องขอใบอนุญาตขายยาเพิ่มอีก1ใบและหากจะขายยาประเภทวัตถุออกฤทธิ์ฯ+ยาเสพติดฯประเภท3 ก็ต้องขอเพิ่มเข้าไปด้วย
2.ต้องทำบัญชีการซื้อ-ขายยาตามที่ พ.ร.บ.ยากำหนดและต้องพร้อมให้เจ้าหน้าที่ อ.ย.มาตรวจได้ทุกเวลาเช่นเดียงกับร้านขายยา
3.ขั้นตอนการส่งมอบยาให้คนไข้ ให้หมอเป็นผู้ส่งมอบ หรือผ่านการตรวจเช็คยาอีกรอบหนึ่งจากเด็กหน้าร้านจัด ข้อนี้เกรงว่าหมอจะไม่มีเวลามานั่งเช็คนะซิครับ เพราะคนไข้มันเยอะล้นคลีนิคนะซีครับ
4.เมื่อมีการขายยาก็ต้องแสดงบัญชีรายได้ รายจ่ายให้สรรพากรตรวจเพื่อที่จะเสียภาษีรายได้บุคคลธรรมดาหรือรายได้นิติบุคคลก็แล้วแต่ หากรายได้เกินกำหนดก็ต้องเข้าระบบVAT
5.ต้องแยกค่าตรวจรักษาออกจากค่ายาอย่างชัดเจน ประการนี้อาจมีคลีนิคบางแห่งต้องการเรียกลูกค้าก็จะไม่เก็บค่าตรวจรักษาก็ได้ เก็บแต่ค่ายาอย่างเดียว(แต่อาจมีการชาร์จราคาที่แพงขึ้น) แต่ต้องแสดงแยกออกจากกันอย่างชัดเจนเพื่อให้คนไข้ทราบ ไม่ใช่กระทำอย่างทุกวันนี้ที่มีการมุบมิบงุบงิบรวบยอดทั้ง2รายการเอาตามใจชอบ
คลีนิคบางแห่งหมอเล่นหุ้นด้วย พอวันไหนหมอเล่นหุ้นเสียหรือติดหุ้นก็จะมาเรียกเก็บค่าตรวจ+ค่ายาแพงขึ้น(อาจบวกเพิ่มรายละ100-200บาท)เพื่อเอาเงินไปจ่ายค่าหุ้น(หรือชดเชยส่วนที่ขาดทุนไป) แต่พอ วันไหนเล่นหุ้นได้กำไรก็คิดราคาปกติ นี่คือความจริงที่ผมได้รับทราบมา แม้ว่าจะมีหมอส่วนน้อยแต่คงไม่มีคนไข้ไหนอยากมีชะตากรรมมาเจอหมอประเภทนี้นะครับ และทำให้เกิดรอยด่างในวงการแพทย์ขึ้นมาอย่างน่าเสียดาย
แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 46 08:28:53
แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 46 08:21:16
แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 46 08:19:44