ความคิดเห็นที่ 1 เป็นเวลาราว ๑๐ ปี...ผู้หญิงอาฟกานิสถานก็คลุมความสวยงามเอาไว้ด้วย Burka ดังรูปข้างบน. ..จนกระทั่งระหว่าง ๗ ตุลา ๒๐๐๑ ถึง มีนา ๒๐๐๒.....อเมริกาได้ไปไล่รัฐบาลไล่ตาลีบันให้คนอาฟกานิสถาน....(ที่จริงไม่ใช่...กะจะไปเอาตัวบินลาเดนต่างหาก....แต่คนอาฟกานิสถานมีผลพลอยได้ไปด้วย)..... .....เลยมาอีกปีเดียว.....นี่ละครับ...ความสวยงามของหญิงยุคใหม่.... ไฟล์รูปภาพ จากคุณ : Khun Sanid - [ 2 ก.ย. 46 06:50:05 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เอารูปใหม่ดีกว่า.....นี่ละครับผมว่า....คือคนที่จะไล่ให้อเมริกากลับบ้านในอนาคตอันใกล้นี้..... จากคุณ : Khun Sanid - [ 2 ก.ย. 46 06:56:20 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แม้แต่คนญี่ปุ่นยังไปร่วมด้วย......NO WAR.....แต่ว่าคลุมหัวไม่เห็นเดือนเห็นตะวันกับตาลีบันถึง ๑๐ ปี....ไม่เห็นต่อต้านกัน..... จากคุณ : Khun Sanid - [ 2 ก.ย. 46 06:59:50 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้ายูเอ็น และอเมริกันออกไป.....แล้วใครจะมา...ค่อยคิดกันดีกว่า...วันนี้มีเสรีภาพ...ขอเดินขบวนก่อน..... จากคุณ : Khun Sanid - [ 2 ก.ย. 46 07:02:25 ]

ความคิดเห็นที่ 5 รูปข้างบนกระทู้นี่มองไม่ออกเลยค่ะว่าสวยไม่สวยเพราะมีผ้าปิดหน้าปิดตา น่าสงสารหญิงชาวอาฟกันมากเลยนะคะที่ถูกริดรอน สิทธิสตรีแม้แต่การแต่งกายแต่ก็นับว่าพวกเธอยังโชคดีอยู่ที่ชีวิตภายใต้กฏเหล็กของรัฐอิสลาม....นามว่า ตาลีบัน ไม่ได้มีโอกาสเข้ามาทำกรรมเลวอีกต่อไป ส่วนรูปในความคิดเห็นที่ 1&2นั้นเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นได้ชัดเลยว่า พวกเธอไม่มีโอกาสได้เดินเรียกร้องสิทธิเสรีภาพอย่างนี้แน่นอน ตราบเท่าที่โจรตาลีบันยังอยู่ในอำนาจ นี่แหละค่ะคือสิ่งที่สวยงามในโลกระบอบประชาธิปไตยที่เหล่าเผด็จการทั้งหลายพรั่นพรึง ต่อไปนี้ก็คงไม่ต้องตั้งคำถามแล้วล่ะว่า Is there beauty behind the veil??? จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 2 ก.ย. 46 07:32:14 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เปิดผ้าก็ไม่เห็นสวยขึ้นเลย คุณ Sanid คุณไปเอารูปป้าที่ไหนมา [^.^] จากคุณ : ปากมอม (ลูกไทย หลานไทย) - [ 2 ก.ย. 46 08:55:37 ]

ความคิดเห็นที่ 7 1. อันสตรีงานมสรรพ เมื่อดับไฟ 2. ทำไมไม่คิดว่าผู้บริหารตาลีบันมีวิสั้น มองการณ์ไกลว่า ผู้หญิงชอบรักสวยรักงาม อยู่ในสังคมทะเลทราย จึงควรมีวัฒนธรรมผ้าปิดหน้าเพื่อคงความงามไว้ ในเมืองไทย ถ้าคุรขับรถขึ้นเหนือไป จะเห็นคนที่คลุมหน้าทำไร่อยู่ กลางแดดเปรี้ยงๆ ลองเข้าไปคุยดูแล้วคุณจะเห็นว่า งามแต้ ผู้หญิงจะหน้าตาดีหรือไม่อยู่ที่ความสะอาด หรือดำเป็นสีเดียวกันเลย ไม่ใช่หน้าเป็นหลายสีแบบกระ 3. อย่าหลงกลชาติยุโรป เพราะเขาขายเครื่องสำอางค์ไม่ได้ จึงอ้างเสรีภาพ ผูหญิงที่ประท้วงนั่นน๊ะ อีกหน่อยหน้าก็ตกกระ คุณเอื้องฯ เคยใช้เครื่องสำอางหรือเปล่าละ ลุงเห็นผู้หญิงไทยที่ตกเป็นทาสเครื่องสำอาง นรกแท้ๆเลย โปะเป็นชั้นๆๆๆ จากคุณ : ลุงซัน (ลุงซัน) - [ 2 ก.ย. 46 10:13:52 ]

ความคิดเห็นที่ 8 พวกเขาเป็นผู้หญิง มีเลือดเนื้อ มีชีวิตจิตใจ มีความนึกคิดของตัวเอง ไม่ใช่เป็นแค่เนื้อเสต๊กชิ้นนึง ที่ใครสามารถนำมาวิจารณ์ ว่า จะเอา แบบ rear medium rear หรือ well done อย่าลืมนะครับ สุภาพสตรีเหล่านี้เพศเดียวกับ คนที่ให้กำเหนิดเจ้าของกระทู้นั่นแหละ จากคุณ : แวะมา (J K 9) - [ 2 ก.ย. 46 10:44:20 ]

ความคิดเห็นที่ 9 rare & medium rare ค่ะ วัฒนธรรมใครก็วัฒนธรรมมันค่ะ แต่แค่ไอ้คำว่า "วัฒนธรรม" ที่ต่างกันนี่แหละ เป็นข้ออ้างให้ชาติที่(คิดว่าตัว)ศิวิไลซ์กว่า เข้าล้มล้างและเผยแพร่จักรวรรดินิยม มาแล้วในอดีต จากคุณ : Guga - [ 2 ก.ย. 46 11:11:46 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สิทธิสตรี... ถ้าหญิงมุสลิมต้องการแต่งกายเพื่อปกปิดส่วนที่บ่งบอกถึงลักษณะทางเพศหรือความสวยงามของเขาเพื่อป้องกันจากชายที่ยึดติดกับรูปลักษณ์มากกว่าสิ่งที่อยู่ในจิตใจ เขามีสิทธิที่จะทำไหม แล้วถ้าชายมุสลิมต้องการไว้หนวดไว้เคราเพื่อปกปิดความงดงามของใบหน้าและความเป็นชายอันอาจหาญ เพื่อปกป้องจากหญิงที่ยึดติดกับรูปลักษณ์มากกว่าสิ่งที่อยู่ในจิตใจ เขามีสิทธิที่จะทำไหม เป็น propaganda นำเสนอโดยอเมริกา ที่เอาเรื่องสิทธิเสรีภาพมาเป็นข้ออ้าง... เพื่อหวังผลทางการเมือง... เฮ้อ... เลวร้ายสิ้นดี จากคุณ : mp - [ 2 ก.ย. 46 11:18:52 A:128.250.209.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 หน้าตาเหมือนอีแ๊ม๊ะด้อยพัฒนาแถวๆบ้านคุณสนิด หึหึ จากคุณ : ตาบวม - [ 2 ก.ย. 46 11:21:22 A:203.113.39.6 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมไม่ใช่ตาลีบัน.....จึงขอเดาใจว่าทำไมตาลีบันจึงให้ผู้หญิงคลุม Burka........ ๑.....ผู้ชายตาลีบันเห็นว่าผู้หญิงเป็นสัตว์หรือสิ่งของ....เอาไปแต่งอย่างไรก็ได้...ไม่ต้องไปถามว่าผู้หญิงเขาชอบคลุมหัวแบบนั้นหรือเปล่า..... ๒....ผู้ชายตาลีบันเป็นพวกเห็นแก่ตัวจัด.....เมียตัวเองเอาไว้ดูคนเดียว...คนอื่นๆไม่ให้ดู...แต่ผมแน่ใจว่าผู้ชายก็อยากจะดูหน้าเมียคนอื่น ๓....ผู้หญิงตาลีบันถ้าชอบแต่งตัวแบบนั้น...เป็นคนขี้เหนียวจัด....ดอกไม้สวยๆเขาปลูกไว้หน้าบ้าน เพื่อให้คนดู...ฉันใดฉันนั้น ๔...ผู้ชายตาลีบันควบคุมอารมณ์ไม่ได้....ถ้าเห็นผู้หญิงสวยๆแล้วเกิดอาการทนไม่ไหว.....อาจจะถึงขั้นเห็นแล้วต้องจับดู...หรือต้องข่มขืน...ด้วยเหตุนี้ผู้ชายผู้รู้จุดอ่อนของตัวเอง..จึงกำหนดเป็นประเพณีให้ผู้หญิงคลุมหัว.....ตัวเองจะไม่ต้องเกิดอาการทุรนทุราย.... .....ใครที่ทราบเหตุผล...โปรดบอกด้วย.... จากคุณ : Khun Sanid - [ 2 ก.ย. 46 11:45:22 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ต้องปิดแม้กระทั่งลูกตาเหรอ ดูในรูปให้ดีๆสิ ผู้หญิงคนนั้นไม่มีสิทธิ์แม้แต่เปิดลูกตาตัวเองเชียวนะ ตามหลักศาสนา ผู้หญิงสามารถเปิดฝ่ามือ กับลูกนัยตาได้ เพื่อความสะดวกในการดำรงค์ชีวิต...แต่ตาลีบันบังคับกระทั่งลูกนัยตาก็ต้องมีตาข่ายคลุม คิดว่ามันเกินความจำเป็นไปใหม ถ้าผู้หญิงอิสลามในภาคใต้ถูกบังคับให้ปิดแม้กระทั่งฝ่ามือและใช้ตาข่ายคลุมลูกนัยตา คิดว่าจะเป็นยังไง คือจะแต่งตัวปกปิดร่างกายยังไงไม่ใช่ปัญหานะ แต่ปัญหาจริงๆมันอยู่ตรงที่ว่า ทำไมต้องบังคับให้ใช้ตาข่ายคลุมลูกตา ใช้แค่ผ้าคลุมหน้าคลุมผมปิดหน้าปิดจมูกไม่พอหรือ ว่าจะไม่เขียนแล้วเชียวมันก็อดไม่ได้ที่เห็นบางคนออกมายันตะบันเห็นดีเห็นงาม ทั้งๆที่แว๊บเดียวก็น่าจะรู้นะว่า "มันเกินไป" จากคุณ : ว่าจะไม่เขียนแล้วเชียวอดไม่ได้ - [ 2 ก.ย. 46 12:00:28 A:203.149.29.106 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 มิน่าจึงทำลายรูปพระบนเขาที่มีอายุเป็นพันปี แล้วพวกมันก็ถูกลงโทษ คนพวกนี้พระเจ้ายังเอาไว้อีกก็ไม่ไหวแล้ว ไปอยู่ศาสนาไหน พระเจ้าเดือดร้อนตาย จากคุณ : ความเชื่อ - [ 2 ก.ย. 46 12:12:49 A:203.107.209.213 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมไม่เห็นด้วยกับตาลีบันครับ และผมก็ไม่เห็นดีเห็นงามกับอเมริกา เหตุที่ผมไม่เห็นด้วยกับตาลีบันคือ เขาอ้างศาสนามาใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของเขา และอ้างแบบไม่มีหลักการ เลื่อนลอย เหตุที่ผมไม่เห็นด้วยกับอเมริกาคือ อเมริกาใช้เหตุผลหลายๆอย่างเข้ามาบุกหลายๆประเทศมุสลิมซึ่งในนี้ก็รวมประเทศอัฟกานิสถาน เหตุผลหลายๆอย่างที่อเมริกายกมาบุกประเทศเหล่านั้นมีอยู่มากมาย ซึ่งอันนึงคือเรื่องของสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย ผมมองว่ามันเป็นการกดขี่ประเทศต่างๆต้องเป็นอย่างที่ตัวเองอยากให้เป็น ถ้าพูดดีๆไม่ได้ ก็ต้องบังคับด้วยกำลัง ผมถามว่าอเมริกามีสิทธิทำแบบนี้เหรอครับ อเมริกาไม่มีสิทธิที่จะพิพากษาใครครับ คนที่จะพิพากษาเรื่องนี้ได้ จะต้องเป็นคนกลางครับ นี่ล่ะครับเป็นผลงานของพรรครีพลับบลิกันที่มีแนวความคิดอนุรักษ์นิยมใหม่ โดยดำเนินนโยบายกดขี่ ใช้สื่อในการ propagate ให้ประชาชนมองภาพที่ไกลจากความแท้จริง เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง ชั่วร้ายนัก จากคุณ : mp - [ 2 ก.ย. 46 12:14:32 A:128.250.209.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 ความคิดเห็นที่ 10   สิทธิสตรี... ถ้าหญิงมุสลิมต้องการแต่งกายเพื่อปกปิดส่วนที่บ่งบอกถึงลักษณะทางเพศหรือความสวยงามของเขาเพื่อป้องกันจากชายที่ยึดติดกับรูปลักษณ์มากกว่าสิ่งที่อยู่ในจิตใจ เขามีสิทธิที่จะทำไหม แล้วถ้าชายมุสลิมต้องการไว้หนวดไว้เคราเพื่อปกปิดความงดงามของใบหน้าและความเป็นชายอันอาจหาญ เพื่อปกป้องจากหญิงที่ยึดติดกับรูปลักษณ์มากกว่าสิ่งที่อยู่ในจิตใจ เขามีสิทธิที่จะทำไหม เป็น propaganda นำเสนอโดยอเมริกา ที่เอาเรื่องสิทธิเสรีภาพมาเป็นข้ออ้าง... เพื่อหวังผลทางการเมือง... เฮ้อ... เลวร้ายสิ้นดี จากคุณ : mp - [ 2 ก.ย. 46 11:18:52 A:128.250.209.2 X: ] ข้อความนี้ตอบกระทู้ว่า เป็นสิทธิ์ของผู้หญิงที่จะปกปิดร่างกาย ...................................................................... ความคิดเห็นที่ 15   ผมไม่เห็นด้วยกับตาลีบันครับ และผมก็ไม่เห็นดีเห็นงามกับอเมริกา เหตุที่ผมไม่เห็นด้วยกับตาลีบันคือ เขาอ้างศาสนามาใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของเขา และอ้างแบบไม่มีหลักการ เลื่อนลอย เหตุที่ผมไม่เห็นด้วยกับอเมริกาคือ อเมริกาใช้เหตุผลหลายๆอย่างเข้ามาบุกหลายๆประเทศมุสลิมซึ่งในนี้ก็รวมประเทศอัฟกานิสถาน เหตุผลหลายๆอย่างที่อเมริกายกมาบุกประเทศเหล่านั้นมีอยู่มากมาย ซึ่งอันนึงคือเรื่องของสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย ผมมองว่ามันเป็นการกดขี่ประเทศต่างๆต้องเป็นอย่างที่ตัวเองอยากให้เป็น ถ้าพูดดีๆไม่ได้ ก็ต้องบังคับด้วยกำลัง ผมถามว่าอเมริกามีสิทธิทำแบบนี้เหรอครับ อเมริกาไม่มีสิทธิที่จะพิพากษาใครครับ คนที่จะพิพากษาเรื่องนี้ได้ จะต้องเป็นคนกลางครับ นี่ล่ะครับเป็นผลงานของพรรครีพลับบลิกันที่มีแนวความคิดอนุรักษ์นิยมใหม่ โดยดำเนินนโยบายกดขี่ ใช้สื่อในการ propagate ให้ประชาชนมองภาพที่ไกลจากความแท้จริง เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง ชั่วร้ายนัก จากคุณ : mp - [ 2 ก.ย. 46 12:14:32 A:128.250.209.2 X: ] ส่วนข้อความนี้ ออกมาเบี่ยงว่าเข้าเรื่องอเมริกา พอเจอคนท้วงเรื่อง ปิดลูกกะตา แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 46 12:19:38 จากคุณ : เลดี้..จริงๆนะ - [ 2 ก.ย. 46 12:18:33 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมพูดถึงเรื่องนโยบายการต่างประเทศของอเมริกามานิดนึง แนวความคิดอนุรักษ์นิยมใหม่ สำหรับคนที่มีความคิดเป็นกลางไม่ bias ก็ลองฟังสาระคดีสั้นของ BBC เรื่องนี้ดูครับ เป็นภาษาไทยhttp://www.bbc.co.uk/thai/rams/monday_feature.ram จากคุณ : mp - [ 2 ก.ย. 46 12:22:27 A:128.250.209.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 เอ...แต่กระทู้นี้เขาพูดถึงเรื่องสิทธิของผู้หญิงอิสลามที่ถูกบังคับจนเกินขอบเขตจาก "การปกครองของตาลีบัน นะจ๊ะ" จากคุณ : เลดี้..จริงๆนะ - [ 2 ก.ย. 46 12:24:07 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เห็นด้วยกับคนที่ 13 * Burka ที่เจ้าของกระทู้เขียน คือ ตาข่ายที่ปิดตา จากคุณ : กดขี่เกินไป - [ 2 ก.ย. 46 12:29:18 A:202.133.162.61 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 คุณเลดี้จริงๆนะ เออ ผมไม่ชอบรัฐบาลอเมริกา มีอะไรไหม แล้วผมก็ไม่ชอบคนที่เอาเรื่องของศาสนาแล้วเอามาอ้างในเรื่องของสิทธิเสรีภาพต่างๆนานา ถ้าผมถามว่าแล้วศาสนาบังคับให้ทำ แล้วเขาทำตามผิดหรือ คนโง่ล่ะครับ ที่คิดตามอเมริกา ต้องการกดขี่ให้คนอื่นต้องคิดเหมือนตัวเอง โดยอ้างเสรีภาพ ช่างน่าอดสู่ ส่วนตาลีบัน ผมก็กล่าวไว้ชัดเจนว่า ไม่เห็นด้วย ถ้าบอกว่าผมเบี่ยงประเด็นก็เอาให้ชัดเจนครับ ว่าเบี่ยงประเด็นเรื่องอะไร ตรงไหน แล้วเรามาถกกันโดยใช้ปัญญา จากคุณ : mp - [ 2 ก.ย. 46 12:31:48 A:128.250.209.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 ความคิดเห็นที่ 18 เอ...แต่กระทู้นี้เขาพูดถึงเรื่องสิทธิของผู้หญิงอิสลามที่ถูกบังคับจนเกินขอบเขตจาก "การปกครองของตาลีบัน นะจ๊ะ" จากคุณ : เลดี้..จริงๆนะ - [ 2 ก.ย. 46 12:24:07 ] โอเคครับคุณเลดี้ ผมไม่เห็นด้วยกับตาลีบันคร้าบ กดขี่ข่มเหงประชาชนตาดำๆคร้าบ พอใจไหม!? จากคุณ : mp - [ 2 ก.ย. 46 12:36:43 A:128.250.209.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 เห็นด้วยกับ Khun Sanid และคุณเอื้องอัยราวัณครับ ไม่ว่าอเมริกาจะทำถูกต้องหรือไม่ในกรณีอาฟกานิสถาน ผมคิดว่าผลลัพธ์ของการกระทำของอเมริกาเป็นไปในด้านบวกมากกว่าด้านลบอย่างแน่นอน ส่วนตัวผมสนับสนุนอเมริกาในกรณีนี้ จากคุณ : พิราบอ้วน - [ 2 ก.ย. 46 12:49:25 ]

ความคิดเห็นที่ 23 mp กล่าวไว้ในคห.10 ว่า สิทธิสตรี... ถ้าหญิงมุสลิมต้องการแต่งกายเพื่อปกปิดส่วนที่บ่งบอกถึงลักษณะทางเพศหรือความสวยงามของเขาเพื่อป้องกันจากชายที่ยึดติดกับรูปลักษณ์มากกว่าสิ่งที่อยู่ในจิตใจ เขามีสิทธิที่จะทำไหม รัฐบาลใหม่ของอาฟกานิสถานไม่ได้ห้ามการคลุมมิดชิดนี่ครับ ใครใคร่ปกปิดก็เชิญปกปิดไป อันนี้ต่างจากสมัยตาลีบันที่บังคับให้คลุมปกปิดเพียงอย่างเดียว ใครเปิด...ตาย ผมว่ามัน{^_^}มาก ไอ้พวกจารีตนิยมสุดขั้วหัวรุนแรง จากคุณ : พิราบอ้วน - [ 2 ก.ย. 46 12:55:21 ]

ความคิดเห็นที่ 24 วัฒนธรรมที่แตกต่าง อย่าเอาความคิดที่ไม่เข้าใจไปออกความเห็นเลย อยากให้ผู้หญิงแก้ผ้าโชว์ หน้าด้านๆไร้ยางอายแบบวัฒนธรรมตะวันตกทั้งโลกเลยหรือครับ คูณซาหนิด เอาไว้ที่บ้านคุณแก้ผ้าโชว์เรียกผมไปดูด้วยนะ แต่ไม่ดูคุณแก้นะ...อิ...อิ.... จากคุณ : คนธรรมดา - [ 2 ก.ย. 46 12:57:22 A:203.144.143.250 X:203.118.117.106 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ตอบความเห็นที่ 13 และ 23 ผมว่าที่ผมเขียนไปในข้อความที่ 10 ผมแค่ต้องการอยากให้คนคิดว่าการที่ผู้หญิงอัฟกันปกปิดใบหน้า หรือไม่จนถึงลูกกระตา ก็เป็นสิทธิของเขาเหมือนกัน ตรงนี้ผมไม่ได้ตั้งใจเหมาไปสำหรับผู้หญิงที่ไม่ได้ต้องการปิดลูกกระตา แต่ต้องทำด้วยกฏของตาลีบัน อันหลังนี้ ผมก็ไม่เห็นด้วย แต่ไหงกลับมองผมเป็นแบบนั้นไปได้ ซึ่งในข้อความที่ผมเขียนไปก็ไม่ได้มีส่วนที่ไปบอกเลยว่าผมมีความคิดเดียวกับตาลีบัน ช่างน่าเศร้าใจ เป็นเพราะอะไรหนอ ถึงทำให้พวกคุณคิดกันไปแบบนั้น จากคุณ : mp - [ 2 ก.ย. 46 13:07:24 A:128.250.209.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมว่าที่ผมเขียนไปในข้อความที่ 10 ผมแค่ต้องการอยากให้คนคิดว่าการที่ผู้หญิงอัฟกันปกปิดใบหน้า หรือไม่จนถึงลูกกระตา ก็เป็นสิทธิของเขาเหมือนกัน * * * * * * ** * * * * * * * * * * ** ไม่เหมือนละมั้ง เพราะก่อนหน้าตาลีบันจะเข้ามา ก็ไม่เคยมีผู้หยิงอัฟกันคนไหนปิดลูกกะตานะ แล้วยิ่งปิดลูกกะตาแบบที่ตาลีบันบังคับ ก็ไม่เคยมีด้วยจ้ะ จากคุณ : เลดี้..จริงๆนะ - [ 2 ก.ย. 46 13:13:54 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เอาใจช่วยรัฐบาลใหม่ของอาฟกานิสถาน ภายใต้การนำของประธานาธิบดีฮามิด คาไซ ครับ จากคุณ : พิราบอ้วน - [ 2 ก.ย. 46 13:20:54 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมชอบความหลากหลายทางวัฒนธรรม ยิ่งมีความคิดเห็นที่มาสนับสนุน อย่างเรื่องขายเครื่องสำอาง ผมยิ่งมีอคติกับวัฒนธรรมเปิดหน้า เรื่องผ้าคลุมหน้า เคยเป็นข่าวมานานแล้ว สื่อตะวันตกพยายามสร้างภาพว่า การเปิด:-)ยถึงการเป็นอิสระ มีเสรีภาพ (ทั้ง ๆ ที่เป็นการทำลายวัฒนธรรมอันดีงามของตน และไปนิยมการเปิดโน่น เปิดนี่แบบฝรั่งตะวันตก) สุดท้ายสื่อเหล่านั้นต้องหน้าแตกกลับไป เมื่อไปพบผู้หญิงอัฟกันบางคนยังคลุมหน้า คลุมไหล่เหมือนรูปแรกอยู่ด้วยความเต็มใจ เรื่องเปิดหน้าก็มีอยู่เดิมแล้ว แต่ใครจะปิดมิดชิดกว่านั้นก็ไม่ผิด ตอลีบานบีบบังคับ แต่การปฏิบัติตามหลักศาสนาของประชาชน คือความสมัครใจ และผมไม่ค่อยชอบคำพูดของคุณสนิท เวลากล่าวถึงผู้หญิงในแง่แบบนี้เท่าไหร่นะ คงเป็นเพราะผมยึดติดกับวัยของคุณมั้ง รู้สึกเหมือนไม่ให้เกียรติเพศแม่ และผู้หญิงในวัฒนธรรมอิสลามพิกล อีกหน่อย ถ้าพวกเธอจะเปิดหน้ากันทุกคน ก็เป็นเรื่องของพวกเธอ แ่ต่อย่าถือว่าเป็นคุณความดีของอเมริกาเลย รู้เจตนาอยู่ จากคุณ : RealWorld - [ 2 ก.ย. 46 13:23:39 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อ้าว! แก้ไขไม่ได้ ตรงที่โดนเซนเซอร์ จะบอกว่า :-)ย ครับ จากคุณ : RealWorld - [ 2 ก.ย. 46 13:25:25 ]

ความคิดเห็นที่ 30 กรรม... ยังเซนเซอร์อีก หน้า และ หมาย ครับ ทำไม query ERROR หนอ?? จากคุณ : RealWorld - [ 2 ก.ย. 46 13:26:33 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เปิด...หน้าของ บัง RealWorld ในที่นี้หมายรวมถึง ปิดลูกกะตาด้วยหรือเปล่าคะ จากคุณ : เลดี้..จริงๆนะ - [ 2 ก.ย. 46 13:30:05 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เป็นดิฉัน ดิฉันก็โวยแหล่ะ โหยยย มีสิทธิอะไร ให้คลุมขนาดนั้น เอาแค่คลุมหัวแบบมุสลิมก็ไม่เอาแล้ว แต่อย่างว่า ก็คนละวัฒนธรรมนี่เนอะ แต่ก็พยายามมองมุมอื่นๆนะคะ.. สมัยโบราณ เมืองไทยมีการหมอบกราบระดับสุดฤทธิ์สุดเดช เอาแค่อยู่บ้านก็ด้ะ บางทีต้องเดินด้วยเข่าผ่านหน้าผู้ใหญ่ในบ้าน ห้ามยืนำค้ำหัว ห้ามเถียง ห้ามฯลฯ ถ้าพวกฝรั่งปัจจุบันมามอง เค้าคงว่า เป็นการริดรอนสิทธิสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลยเนอะ ว่ามะ? แต่ลองมองย้อนกลับไป คุณปู่ย่าตายายเราเค้าไม่เห็นจะเดือดร้อนซักกะติ๊ด คนเดือดร้อนคงมีบ้างตามธรรมดา แต่คนส่วนใหญ่เค้าโอเคกัน.. ของแบบนี้มันคงเป็น way of life น่ะค่ะ บางอย่าง วิจารณญาณเรา อาจไม่พอที่จะใช้ judge เค้า.. ดังนั้น จึงไม่สมควร.. จากคุณ : สาวมั่น (['-^ ]/) - [ 2 ก.ย. 46 13:45:48 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ชี้แจงให้คุณเลดี้ฯ ทราบ กรุณามีเหตุผลด้วยครับ ผมไม่ใช่มุสลิม ผมอาจจะเป็นพุทธตามทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน เดินผ่านโบสถ์คริสต์เพื่อไปวัดตั้งแต่เด็ก ๆ และแม้ผมจะไม่ใช่พุทธแท้ในปัจจุบัน แต่ผมก็ไม่ใช่มุสลิม ผมเคารพในวัฒนธรรมที่ผมคิดว่า "ดีงาม" หรือ "เหมาะสมแล้ว" เท่านั้น ดูอย่างเรื่องกินหมาสิ ผมโดนต่อว่าต่าง ๆ นานาไม่น้อยเหมือนกัน แต่เป็นเพราะผมเคารพในวัฒนธรรม และชอบความหลากหลาย เปิด:-)ยถึงการคลุมเฉพาะผม แต่ไม่ปิดหน้า ปิดหน้า ผมหมายถึงการคลุมตาด้วยครับ ส่วนเนื้อหาตามข่าว ก็เป็นข่าวที่ผมประสบพบมาจริง ๆ หาได้ปั้นแต่งขึ้นเพื่อสนับสนุนเหตุผลของตัวเองไม่ จากคุณ : RealWorld - [ 2 ก.ย. 46 13:54:43 ]

ความคิดเห็นที่ 34 แง่ว! ลืมอีกแย้ว ผมก็ได้บอกแล้ว แต่อาจจะไม่ชัดเจน ผมไม่ได้เข้าข้างตอลีบานครับ แต่เป็นศรัทธาของพวกเธอเหล่านั้นเอง จากคุณ : RealWorld - [ 2 ก.ย. 46 13:59:03 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เห็นด้วยกับคุณสาวมั่น (คห.32) ครับ ผมก็ชอบความหลากหลายทางวัฒนธรรม (cultural diversity) เช่นเดียวกับคุณ Realworld แต่ผมยืนคนละข้างและมองต่างมุมกับเชาในเรื่องนี้ ผมมองว่าอเมริกาต่างหากที่ช่วยนำความหลากหลายทางวัฒนธรรมกลับคืนสู่อาฟกานิสถาน ด้วยการโค่นล้มระบอบกดขี่อย่างตาลีบัน ซึ่งไม่เคารพความหลากหลายทางวัฒนธรรม ด้วยการทำลายพระพุทธรูปโบราณ และห้ามวัฒนธรรมสมัยใหม่หรือวัฒนธรรมตะวันตกอย่างสิ้นเชิง ... สมควรแล้วครับที่ระบอบจารีตนิยมสุดขั้วหัวรุนแรงเช่นนี้จะถูกทำลายให้ย่อยยับ จากคุณ : พิราบอ้วน - [ 2 ก.ย. 46 16:01:33 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ความคิดที่ 35 ถ้าบอกว่าตาลีบันมีแนวนโยบายข่มขี่... เห็นด้วย... ถ้าบอกว่าตาลีบันทำลายพระพุทธรูปโดยอ้างว่าตัวเองไม่เคารพแต่ไม่นึกถึงคนที่นับถือศาสนาอื่นว่าจะรู้สึกไง... เห็นด้วยว่าตาลีบันมีแนวความคิดคับแคบ ไม่มีแนวคิดที่สอดคล้องกับความเป็นจริง... ถ้าบอกว่าตาลีบันต้องรับวัฒนธรรมตะวันตกโดยไม่ลืมหูลืมตา... ไม่เห็นด้วยเพราะมันมีทั้งดีทั้งไม่ดี ควรเลือกรับแต่สิ่งที่ดีๆ และไม่ใช่ถูกยัดเยียดให้รับวัฒนธรรมตะวันตก... ถ้าบอกว่าวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องตาลีบันด้วยการกำจัดผู้นำและผู้ตามด้วยวิธีที่รุนแรง อ้างด้วยเหตุผลที่ให้มา... ไม่เห็นด้วย ถึงแม้มันจะเป็นวิธีนึงที่เห็นผลรวดเร็วก็ตาม ผลเสียมันมากกว่าและตกอยู่กับประชาชนตาดำๆ ที่ตกอยู่ภายใต้รัฐบาลหุ่นเชิดของอเมริกาที่นำโดยนายฮามิด กาไซ (ก็ยังโชคดีที่ยังมีผู้นำได้เร็ว ไม่เช่นนั้นก็คงจะเป็นเหมือนอิรัก ที่ประเทศขาดผู้นำ ทำให้เกิดความปั่นป่วนในประเทศมากมาย) ผมว่ามันไม่ logic กันเท่าไหร่ที่รัฐบาลอัฟกันนำโดยตาลีบันถูกกำจัดด้วยเหตุผลข้างต้น แต่ถ้าอ้างว่าตาลีบันเป็นพวกเดียวกับผู้ก่อการร้ายอัลเคดาที่ทำความเดือดร้อนกับประชาคมโลก เหตุผลนี้ยังจะดูฟังขึ้นมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม คนที่จะพิพากษาว่าต้องกำจัดตาลีบันออกไปก็ยังคงไม่ใช่อเมริกาครับ คนที่จะพิพากษาเรื่องนี้จะต้องเป็นคนที่เป็นกลาง นั่นก็คือการทะเลาะกันระหว่างกลุ่มก่อการร้ายอัลเคดากับอเมริกา คนที่จะพิพากษาจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับสองกลุ่มนี้ เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดการลำเอียงและไม่เป็นธรรมตามมา ผมก็ยังสนับสนุนทำตามมติ UN ที่ไม่ได้ปลุกปั่นด้วยฝ่ายใดเพื่อหวังผลประโยชน์ของตน เพราะผมถือว่า UN เป็นระบบระบอบที่สังคมประชาชมคมโลก จัดตั้งขึ้นมา เพื่อวางระบบจัดการกับสังคมโลก ถ้าหากมีใครละเมิดกับกฏระเบียบที่ UN ตั้งขึ้น แล้วไม่มีใครจัดการกับผู้ละเมิด มันก็จะทำให้สังคมปั่นป่วน ในที่นี้มันก็เป็นสังคมประชาคมโลกปั่นป่วนครับ (ก็เหมือนกับบ้านเมืองเรามีกฏหมายอยู่ แล้วมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่สามารถทำอะไรที่เหนือกฏหมายได้โดยไม่มีใครจัดการ สังคมเราก็ย่ำแย่) ผมยังสนับสนุนการอยู่รวมกันอย่างสันติแบบ multi-culture เคารพในสิทธิของแต่ละบุคคล อยู่แยกกันแต่ด้วยกัน ไม่ใช่อยู่แบบกดขี่ให้เหมือนกัน เรายอมรับความแตกต่างง่ายกว่าบังคับให้คนอื่นเป็นอย่างที่เราต้องการ จากคุณ : mp - [ 2 ก.ย. 46 16:42:22 A:128.250.209.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 37 Well said ka Khun พิราบอ้วน ^__^ จากคุณ : jess - [ 2 ก.ย. 46 17:10:35 A:170.158.100.4 X: ]

ความคิดเห็นที่ 38 A nice story. http://uk.sports.yahoo.com/030823/80/e6q5h.html They will never win under such an oppressive system for women. This event shows that atleast women should be free to run races. its true, happiness is a more complex goal, but freedom is one necessary pre-requisite for it na. ^0^ จากคุณ : jess (เอื้องอัยราวัณ) - [ 2 ก.ย. 46 17:33:50 ]

ความคิดเห็นที่ 39 จะดีเพียงไหน ถ้าอยากทำอะไรที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน แล้ว ได้ทำ การแต่งกายอันเกี่ยวเนื่องกับลักษณะภูมิประเทศนั่นเรื่องหนึ่ง วัฒนธรรมที่กำหนดกรอบการดำเนินชีวิตนั่นอีกเรื่องหนึ่ง เสรีภาพ มีเพียงความหมายเดียว จะอยากใส่ชุดชั้นในกลางทะเลทราย ก็สิทธิของเค้า จากคุณ : เทวา (รดน.) - [ 2 ก.ย. 46 17:39:43 ]

ความคิดเห็นที่ 40 #7 "คุณเอื้องฯ เคยใช้เครื่องสำอางหรือเปล่าละ ลุงเห็นผู้หญิงไทยที่ตกเป็นทาสเครื่องสำอาง นรกแท้ๆเลย โปะเป็นชั้นๆๆๆ " เคยค่ะคุณ ลุงซันแต่ไม่ใช่ทุกวันนะเฉพาะตอนไปงานโรง เรียนหรือมหาลัยอ่ะค่ะเพราะตัวดิฉันเองชอบเก็บตังค์ ไว้เที่ยวมากกว่าที่จะหมดไปกับเครื่องสำอางค์พวกนี้ ฮิฮิฮิ...คุณ ลุงทำไมถามตลกจังเลยล่ะคะ แต่ถ้าให้อยู่ภายใต้ผู้บริหารตาลีบันที่มองการณ์ไกล ของคุณลุงดิฉันรับไม่ได้แน่ๆค่ะเผอิญดิฉันชอบดูหนัง ฟังเพลงซะด้วยและไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ให้ดิฉันอยู่ในกรอบอย่างผู้หญิงอัฟกันนี่ชีวิตคงรันทดน่าดู เสรีภาพคือสิ่งที่ดิฉันรักที่สุดค่ะคุณลุงซัน \^0^/ จากคุณ : jess (เอื้องอัยราวัณ) - [ 2 ก.ย. 46 18:00:33 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ท่านทั้งหลาย..... ที่ผมตั้งกระทู้ว่า..."ขอเชิญมาดูความสวยงามของผู้หญิงอาฟกานิสถาน......." นั้น ผมตั้งใจจะให้ท่านทั้งหลายมาดู "เสรีภาพ" ของผู้หญิง...ในเมื่อเขาเองมีสิทธิเลือก....เลือกที่จะแต่งตัว และเลือกที่จะต่อต้านสิทธิของตัวเอง สิทธิของชาติ และในที่สุดก็คือต่อต้านยูเอ็นและอเมริกา นี่คือความสวยงาม...ของระบบประชาธิปไตย การแต่งตัว.....ถูกต้องอย่างคุณเลดี้ว่า...ก่อนวันที่ 28 เมษา 1992 (Black Day).....ผู้หญิงไม่ต้องคลุม Burka...แต่หลังจากอเมริกาไล่ตาลีบันไปแล้ว.....ผู้หญิงยังคลุมหัวแต่เปิดหน้า....นี่ก็คือแบบเดิมก่อนตาลีบัน....ผู้หญิงซึ่งส่วนมากก็เป็นสุหนี่ ก็แต่งตัวเคารพศาสนาตามที่เคยทำมา....แสดงว่าตาลีบันได้มาลิดรอนสิทธิส่วนตัวของสตรีในช่วงประมาณ 10 ปีนั้น....... การต่อต้าน....หรือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น...ก็เป็นสิ่งสวยงามของสตรี...โดยเฉพาะในสังคมที่เขาไม่เคยให้สิทธิ....และการต่อต้านนี้ในที่สุดจะลามมาถึงอเมริกาเอง...ผู้เอาเสรีภาพมาให้ อเมริกาเอาเสรีภาพมาให้....คงมีคนเถียง...เพราะจริงๆอเมริกาตั้งใจจะมาไล่อัลเคด้า...ที่โยงไปถึง 9/11....เสรีภาพของหญิงอาฟริกันเป็นผลพลอยได้ก็จริง...แต่ถ้าอเมริกาไม่เป็นตัวตั้งตัวตีมาไล่ตาลีบัน แล้วชาติไหนในโลกนี้จะมา.....ก็เห็นๆอยู่..ตาลีบัน..ปกครองแบบนั้นอยู่เกือบ 10 ปี.....ระเบิดพระพุทธรูปก็แล้ว.....แต่คนทั้งโลกก็เมินเฉย...ทำเป็นไม่เห็น....แม้แต่ยูเอ็น...ก็บ่นแต่เบาๆ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว....ทหารอเมริกัน 4 คน ก็ถูกตาลีบันฆ่า...แต่ข่าวอิรัคมันกลบหมด...นี่แสดงว่าตาลีบันส่วนใหญ่ยังอยู่ในประเทศอาฟกาฯนั้นเอง แต่ตอนนี้ต้องเงียบหน่อย....เมื่อไรก็ตามถ้าเริ่มมีเสียง ต่อต้านตะวันตกมากขึ้น....ซึ่งก็คงเป็นนักเดินขบวนตามรูปข้างล่างนี้.....ตาลีบันมีหวังจะกลับมาอีก จากคุณ : Khun Sanid - [ 2 ก.ย. 46 18:29:45 ]

ความคิดเห็นที่ 42 น้าเหนียดครับ ทำไมไม่เอารูปสาวอเมริกันหรือสาวแขกแก้ผ้ามาลงคู่ด้วยล่ะครับ แล้วตั้งคำถามว่านี่แหละคือสตรีหลังจากที่อเมริกาเข้าไปครอบครอง น้าจะได้อ้างได้เต็มปากว่า นี่แหละสิทธิ์ของสตรีภายใต้อิทธิพลของอเมริกา อารยธรรมตะวันตก อยากจะแก้ผ้าก็แก้ได้ อยากจะนอนกับใครก็นอนได้ ท้องขึ้นมาก็มีสิทธิ์ทำแท้ง อยากได้เงินใช้ก็เอาตัวเองไปขาย แบบที่เกิดขึ้นกับหลายๆที่ในทุกมุมโลกที่อเมริกาเอาอารยธรรมฮอลลีวู้ดและ M-TV ไปเผยแพร่ ถ้ามันเกิดขึ้นกับคนในครอบครัวน้า น้าคงจะภาคภูมิใจกับความเป็นคน "มีอารยธรรม" และ "ส่งเสริมสิทธิสตรี" ในแบบที่น้าคิด หรืออย่างพวกสาวๆบางคนในนี้คิด การที่สตรีมีชีวิตอยู่เพื่อครอบครัว เพื่อสามีเป็นสิ่งผิด เป็นการกดขี่ สตรีสมควรเปิดเผยตัวเอง มีเซ็กส์กับใครก็ได้ อย่ายึดติดอยู่กับการสนองอารมณ์ผู้ชายคนเดียว แต่ต้องสนองอารมณ์ผู้ชายให้ได้เยอะๆ เพราะจริงๆแล้วก็คือการสนองความต้องการของตัวเอง คือความสุขของตัวเอง (จะจริงหรือเปล่าก็ลองถามตัวเองดูก็แล้วกัน) รู้สึกช่วงนี้น้าหันมาโจมตีตาลีบันแทนอิรักบ่อยขึ้นนะครับน้า เกิดอะไรขึ้นครับ หรือว่าเพราะตาลีบันยึดพื้นที่คืนได้เยอะ อเมริกากำลังจะโดนศึกสองด้าน น้าก็เลยต้องรีบออกมาใส่ไข่มันไว้ก่อนเยอะๆ จากคุณ : ไม่ได้ถอนหงอกน้าแล้วนอนไม่หลับ (isa) - [ 2 ก.ย. 46 19:12:00 ]

ความคิดเห็นที่ 43 คุณ ไม่ได้ถอนหงอกน้าแล้วนอนไม่หลับ (isa) ขอบอกสั้นว่า...ผมไม่มองความเป็นไปของสังคมโลกแคบๆแบบความเห็นที่ ๔๒...ผมเข้าใจ เคยประสบมาด้วยตัวเอง เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพหลายรูปแบบ และรู้จักแยกแยะว่าว่าอันไหนควรและไม่ควร....คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อ...ผมแค่ชี้แจง จากคุณ : Khun Sanid - [ 2 ก.ย. 46 21:00:07 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เหอ เหอ รูปสาวแขกอาหรับแก้ผ้า สวยมากนา นายisa ผิวสีน้ำผึ้งรับแสงงี้ ตาหวาน หน้าคม หุ่นเพรียวอกตูม คิดผิดคิดใหม่ได้นา ว่าแบบไหนดีกว่า เข้าเรื่องดีกว่า คิดได้ไงว่าแบบเดิมดีกว่าตรงไหน ถูกห้ามประกอบอาชีพ,ห้ามนั่นห้ามนี่ ถูกปฎิบัติเพื่อสนองผู้ชาย เหมือนผู้หญิงไม่ใช่มนุษย์ แบบนี้ถูกต้อง-สมควรเหรอ ได้เสรีภาพแล้วมันจำเป้นต้องเหลวแหลกไปมั่วรึ? คิดได้ไง นับถือๆ จะฟรีเซ็กซ์ หรือ จะยอมคลุมตัว ควรให้เขาตัดสินใจเองเด่ะ ว่าจะเลือกแบบไหน ไม่ใช่มาถูกไอ้พวกที่ไม่มีมดลูก ไปตีกรอบให้เขา ไม่ใช่ว่าสนับสนุนไอ้กันหรอก แต่คิดว่า เขาอยากนุ่งสายเดี่ยว หรือ คลุมตัวมันควรเป้นสิ่งที่เขาเลือกได้ ไม่ใช่ให้ไอ้คนหัวโบราณกลุ่มเดียวมาตัดสินใจ จากคุณ : โดราเดม่อน (โดราเดม่อน) - [ 2 ก.ย. 46 21:09:18 ]

ความคิดเห็นที่ 45 อ่านแรกๆ ก็ว่าดีในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของผู้หญิง แต่ไหงตอนหลังลุงถึงพูดทำนองนี้หว่า ว่าขับไล่ตะวันตกออกไปแล้วตาลีบันจะต้องกลับมา มันมีทางอื่นนี่ครับไมลุงถึงกล้าพูดแบบนั่น เอะหรือว่ากระทู้นี้กำลังจะบอกว่า เมื่อประเทศไหนที่อเมริกาไปแทรกแซงด้วยข้ออ้างว่าปลดปล่อยจากไอ้นั่นไอ้นี่แล้วภายหลังเค้าไม่เอาอเมริกาจำเป็นด้วยหรือที่ไอ้นั่นไอ้นี่มันจะกลับมาอ่ะลุง จากคุณ : Cafe`tea - [ 2 ก.ย. 46 22:53:10 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เห็นด้วยกับคุณสนิทและโดราเดม่อน ขอบคุณคุณเอื้องฯที่พาดพิง (ในทางบวก) :) จากคุณ : พิราบอ้วน - [ 2 ก.ย. 46 23:30:22 ]

ความคิดเห็นที่ 47 Islamic Convert in Florida Refuses Driver's License Photo - OK - use her Mug Shot Instead... Sultaana Freeman took the stand in a Florida courtroom this week to fight what she believes is an assault on her civil rights and religious freedom. Seems that Freeman, who changed her name from Sandra Keller after converting to Islam, thinks that unlike everyone else in Florida that she should be permitted to wear a disguise when she poses for her driver’s license photo. http://www.dailyguardian.com/Page17.htm จากคุณ : Aisha - [ 3 ก.ย. 46 00:09:20 ]

ความคิดเห็นที่ 48 What a distorted view in the discussion about otherness? Khun Sanid? Do you know why other colors except yellow are not allowed for Buddhist monk? Do the monks' clothes indicate less freedom or democracy in religion? What a democrtic blindness toward other cultures and their way of life !! จากคุณ : NI - [ 3 ก.ย. 46 01:00:31 A:131.156.255.251 X: ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขอสนับสนุน ความคิดเห็นที่42ครับ คุณสนิดน่าที่จะเอารูปของผู้หญิงที่มีสิทธิเสรีภาพจากประทศที่คุณสนิดบอกว่าเจริญแล้วทั้งด้านจิตใจและวัตถุอย่างอเมริกา...ที่สมสู่ไม่เลือกที่แม้แต่กับสัตว์เดรัจฉานเช่นหมา..มาลงให้ดูบ้าง เผื่อผู้หญิงจากโลกด้อยพัฒนาทั้งในพันธ์ทิพย์(ตามความคิดของคุณสนิด)และที่อื่นจะได้ตามเอาแบบอย่างบ้าง.. แม้แต่ชาวเขาเผ่าต่างๆที่อาศัยอยู่ตามภูเขาสูงทางภาคเหนือของประเทศไทยเช่นเชียงใหม่ เชียงราย..คนพวกนี้เขาเคยอยู่ของเขาอย่างมีควมสุขตามขนบธรรมเนียมประเพณีของเขา เสียอย่างเดียวคือพวกเขาจะบุกลุกทำลายป่าและปลูกฝิ่นเพื่อเสพและขาย นี่คือปัญหาของรัฐบาลไทยที่จะต้องแก้ใข และรัฐบาลก็ได้แก้ใขไปแล้วและกำลังจะดีขึ้นตามลำดับ และกำลังจะหมดไป..โดยที่พวกเขาเลิกสูบและปลูกฝิ่นโดยหันมาปลูกพืชอย่างอื่นทดแทน เช่นสตรอเบอรี่ ชา กาแฟฯลฯโดยที่พวกเขาก็มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น.. ประเทศไทยเป็นประเทศเสรี โดยเฉพาะเสรีในการนับถือศาสนา ที่หลายๆประเทศในโลกนี้ไม่มี...ด้วยเหตุนี้เอง ศาสนาในเมืองไทยจึงหลากหลายมีมากมายให้เลือกนับถือ..โดยที่เราก็ไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งรุนแรงเรื่องศาสนา เพราะคนไทยเคารพและให้เกียรติ์สิทธิส่วนบุคคลมาก ไม่เหมือนอเมริกา ที่บอกว่าห้ามล่วงล้ำสิทธิส่วนบุคคลของคนอื่น.. แต่เห็นเที่ยวไปยุ่งสาระแนกับเรื่องของชาวบ้านเขาทั่วไปหมด จะอย่างไรก็ดี เพราะประเทศของเราเป็นประเทศเสรีนี่เอง..จึงมีพวกอาสาสมัครจากอเมริกาหรือพวกที่คิดว่าวิถีชีวิตของพวกตนดีที่สุดในโลกเข้าไปล้างสมอง ทั้งพวก PeaceCorpsและพวกmissionaryเพื่อเปลี่ยนวิถึชิวิตและเปลี่ยนศาสนาศาสนาความเชื่อถือของพวกเขา พวกชาวเขาเหล่านี้ เคยนับถือภูตผีปิศาจหรือวิญญาณของบรรพบุรุษของพวกเขา พวกมิชชั่นารี่จากอเมริกาทีีทำตัวเป็นนักบุญสอนศาสนาและพวกPeaceCorpsทำตัวเป็นนักสังคมสงเคราะห์ ทั้งล้างสมองเรื่องศาสนาทั้งยัดเยียดวิถีชีวิตและสังคมแบบอเมริกันให้พวกเขา..เดี๋ยวนี้ชาวเขาเลยมั่วไปหมด ใหนจะต้องเรียนและพูดภาษาไทยเพื่ออยู่ร่วมกับคนไทยให้กลมกลืน....ใหนจะต้องถุกบังคับให้นับถือพระเจ้าองค์ใหม่ที่ถูกยัดเยียด..ใหนจะต้องเรียนรู้วันสำคัญๆของศาสนาใหม่.. พอกลับบ้านก็ต้องบูชาภูตผีปิศาจและวิญญาณของบรรพบุรุษ..ปรากฏว่า เด็กๆทั้งหนุ่มสาวเลยรับเละคือรับไม่ไหวและรับไม่ทัน...สังคมของชาวเขาปัจจุบันเลยถูกคนอเมริกันทำลายเสียเละเทะ ทั้งศาสนาและวิถีชีวิตที่มีมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ชาวเขาวัยรุ่นเห็นดีเห็นงามไปกับวิถีชีวิตของคนอเมริกัน เช่นการสำส่อนทางเพศก่อนการแต่งงาน ซึ่งศาสนาและประเพณีของพวกเขาเคร่งครัดในเรื่องนี้มาก แต่หลังจากที่พวกคนอเมริกันนำเอาประเพณีใหม่เข้าไป เดี๋ยวนี้ชาวเขาเปลี่ยนไป มีการมั่วสุมทางเพศไม่เลือกที่เหมือนคนอเมริกันแม้แต่ในสถานที่ๆไม่มิดชิด เช่นใต้ต้นไม้หรือตามสวน..ตามป่าเขา..เป็นต้น..กลุ่มคนอเมริกันเหล่านี้ได้ทำให้สังคมที่ดีงามมาหลายชั่วอายุคนของพวกเขาเสื่อมทรามลง.. ทั้งยาเสพติดและปัญหาทางเพศ ผลปรากฏขณะนี้ชาวเขาติดเชื่อ HIV กันมาก...แล้วทุกวันนี้ใครเดือดร้อนที่จะต้องเ้ขาไปแก้ปัญหา ก็ไม่พ้นรัฐบาลไทย ที่ต้องทุ่มทั้งเวลาทั้งบุคลากรและงบประมาณเข้าไปแก้ใข.. ส่วนพวกเกี่ยวข้องที่เป็นอเมริกันพวกนั้นหายหัวไปหมด..ทฤษฏีเข้าทำลายแล้วละทิ้งของอเมริกายังใช้ได้... คิือทิ้งให้คนไทยแก้ปัญหากันเอาเองเหมือนในประเทศอาฟกานิสถานและอีรักกำลังจะตามมาหลังจากได้บ่อน้ำมันเป็นกรรมสืทธิ์เบ็ดเสร็จแล้ว..อเมริกันอยู่ที่ใหนต้องทำลายและทิ้งปัญหาไว้ที่นั่น แม้แต่สมัยสงครามเวียตนาม ก็มาทิ้งปัญหาไว้ให้รัฐบาลไทยและคนไทยแก้ใขจนถึงทุกวันนี้เช่นปัญหาเด็กผมแดงและปัญหาโสเภณี ที่คุณสนิดนำเอาไปประจานอยู่เนืองๆ ทำใมคนอเมริกันถึงได้แส่ไปทุกเรื่อง อย่าคิดว่าวิถีชีวิตแบบเพ้อฝันและใฝ่หาแต่สิทธิเสรีภาพของคนอเมริกันที่ตัวเองคิดว่าดีเลิศหรือดีที่สุดในโลกนั้น..จะใช้ได้กับคนชาติอื่นและกับทุกคนเสมอไป เช่นคุณสนิดกำลังนำเอาภาพของผู้หญิงตาลีบันมาประจานโดยที่พวกเธอไม่มีสิทธิ์ออกมาโต้แย้งอยู่ขณะนี้...แล้วคุณสนิดรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของพวกเธอได้อย่างไร..พวกเธออาจบอกว่าพวกเธอมีความสุขที่สุดที่ได้เกิดมาเป็นผู้หญิงที่มีวิถีชีวิตแบบนั้น แล้วคนอเมริกันไปเสือกกับเรื่องส่วนตัวของพวกเธอทำใม? สิทธิเสรีภาพนับเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าใช้ไม่ถูกสถานที่หรือถูกกาลเทศะ มันก็เป็นอันตรายหรือเป็นผลเสียทั้งตัวเองและผู้อื่นหรือแม้แต่ประเทศชาติของตัวเองได้เหมือนกัน.. , จากคุณ : envyman - [ 3 ก.ย. 46 01:25:58 A:203.113.39.6 X: ]

ความคิดเห็นที่ 51 ผมว่า envyman นั่งเทียนเขียนเอาทั้งนัน เห็นด้วยกับคุณ GUN จากคุณ : พิราบอ้วน - [ 3 ก.ย. 46 07:43:01 ]

ความคิดเห็นที่ 52 คนที่ใช้ IP ข้างล่างนี้มีปัญหา A:203.113.39.6 X: A:203.113.38.13 X: คุณ envyman ...... 1.....มีมากชื่อเกินไป ...พอถูกคนด่าก็เปลี่ยนชื่อไปเรื่อยๆ...เขาจะอายมากเวลาเด็กสาวๆรุ่นลูกด่าเขา....ชื่อที่เคยใช้มีดังนี้.....ยันตะบัน....คนร้อยชื่อ....อย่าหลงอเมริกาให้มากนัก....นอกจอ...ผ่านมาเห็น....ฯลฯ 2.....ทำงานกับคนอเมริกัน....แต่ด่าคนที่ให้เงินเลี้ยงตัวและครอบครัวมาตลอด...เรียกว่าคนอกตัญญู 3.....ชอบล้มกระทู้คนอื่น...คือมาด่าคนอื่นๆ..ไม่มาออกความเห็นเกี่ยวกับกระทู้ 4.....เคยใช้วาจาหยาบคายที่สุดในราชดำเนินนี้...ความเห็นข้างบนนี้ดีขึ้นมาก...ขอบคุณ 5.....เป็นคนโหดร้าย....ชอบสนุกโดยการทรมารสัตว์.....เขาเล่าเองว่าเลี้ยงไก่ชนหลายตัวและเอาไก่ไปชนกันพะนันเงิน...บางตัวตายคาบ่อน....เด็กเคยด่าเขาเรื่องใจโหดร้าย และทรมารสัตว์...เลยต้องเลิกใช้ชื่อ..."ผ่านมาเห็น" จากคุณ : Khun Sanid - [ 3 ก.ย. 46 11:19:44 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ผมว่าคุณ envyman ไม่ได้นั่งเทียนเขียนเอาหรอกครับ มันเป็นอีกด้านจริง ๆ แต่ก็มีบางส่วนที่ผมไม่เห็นด้วยเหมือนกัน ชาวเขาคริสต์ที่เคร่งผมก็เคยเห็นครับ พกพระคัมภีร์มาขายของด้วย เพียงแต่นึกถึงกระเหรี่ยงคริสต์น่ะ ที่กระเหรี่ยงพุทธอาจแย่กว่า คนเรามีทั้งดีและเลวปะปนกัน ศาสนาบางส่วนก็ยังมีวาระซ่อนเร้น จากคุณ : RealWorld - [ 3 ก.ย. 46 11:46:59 ]

ความคิดเห็นที่ 54 bomblastic rant! utter absurdity! repugnant aversion! เฮ้อ... นี่นะหรือเป็นการแสดงความเป็น maturity ของคุณลุงสนิด... คุณเจส... คุณเลดี้ๆจริงๆนะ... เฮ้อ... คงไม่ได้วัดแค่เรื่องอายุ แต่วัดด้วยสมอง IQ และอารมณ์ EQ จากคุณ : mp - [ 3 ก.ย. 46 11:48:21 A:128.250.209.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 55 คุณ สนิด เป็นอะไรไปอีกแล้ว.... ได้ยิวว่า คุณเป็นคนใจเย็น ธรรมธรรมโมไม่ใช่หรอครับ ไหง... กลายมาเป็นคนขี้บ่นเพียงเพราะคนๆหนึ่งแสดง ความเห็นขัดแย้งกับการอ้างอย่างลอยๆ ของคุณ ไม่เอาน่า... หนักแน่นหน่อยครับ คิดจะทำการใหญ่ (ปลุกปั่น สร้างภาพใปตามนโยบายต่างประเทศของ อเมริกา) ก็ต้องให้มัน หนักแน่น มั่นคง อย่างพวก แองโกลแซกซอนโปรแตสแตนท์ผิวขาว หรือไม่ก็ บอมบ์............................................... จากคุณ : NI - [ 3 ก.ย. 46 11:54:49 A:131.156.255.251 X: ]

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณครับคุณ GUN ที่ได้ทำหน้าที่แทนพวกมิชันนารี่ และก็ยุติธรรมดีที่พวกเขามีตัวแทนอย่างคุณมาโต้เถียงแทน...แต่คนอื่นๆที่คุณสนิดพันธมิตรของคุณ พิราบอ้วน กล่าวหา เช่นผู้หญิงตาลีบัน ที่เอารูปของพวกเธอมาประจานซิครับ พวกเธอไม่มีสิทธิหรือแม้แต่โอกาสมาโต้แย้งข้อกล่าวหาได้เลย ก็ไม่ทราบว่าทั้งคุณสนิดและคุณพีราบอ้วนเนี่ย ได้เคยมีโอกาสไปเห็นคนของประเทศนี้ด้วยตาของตัวเองบ้างหรือเปล่า ?หรือฟังแต่เขาเล่าว่าจากสื่อต่างๆ แล้วก็เอามานั่งเทียนเขียนวิจารณ์..อย่างนี้ซิครับที่เขาเรียกว่า นั่งเทียนเขียนขนานแท้... คุณGUN เคยผ่านไปตามหมู่บ้านชาวเขาบ้างใหมครับ หรือคุณGUN เคยไปเที่ยวกับพวก Treking Tour บ้างใหม.?..ผมไปมาแล้วหลายเที่ยว หลายเส้นทาง ทั้งขี้ช้างนั่งเรือ แต่ส่วนมากจะเดินสนุกดีครับเดินอย่างเดียวและก็ลดน้ำหนักไปในตัวด้วย กินนอนกับครอบครัวชาวเขา เหมือนในประเทศแถบแอฟริกาที่นักท่องเที่ยวได้ไปสำผัสกับคนพื้นเมืองเผ่าต่างๆด้วยตัวเอง ผมก็ชอบไป และก็ไปมาหลายเที่ยวแล้วเหมือนกันเพราะมีเพื่อนอยู่แถวๆนั้น พวกผมชอบเที่ยวแบบนี้มาก เพราะได้ใกล้ชิดกับของจริง รู้จริง ไม่ใช่รู้แบบเขาเล่าว่า...หรือเขาเล่าให้ฟังแล้วเอามานั่งเที่ยนเขียนวิจารณ์เป็นตุเป็นตะเหมือนนายสนิดสหายพิราบอ้วนประพฤติอยู่ขณะนี้ครับ..คนที่เขารู้จริงในพันธ์ทิพย์มีมากรวมทั้งคุณGUN แต่เขาไม่พูด พวกเขาได้แต่นั่งหัวเราะพวกแต่งนิยายยกเมฆ.... สำหรับชาวเขาบ้านเรา และที่ผมเอ่ยถึงพวกมิชันนารี่นั้น คุณGUN ก็ได้โต้แย้งแทนไปแล้ว ผมจะไม่ขอพูดอะไรอีก แต่ถ้าคุณGUN มีโอกาส ผมว่าคุณ GUN ลองไปเที่ยวตามที่ผมได้กล่าวมาแล้วดูนะครับ แล้วคุณGUN จะได้เห็นและรู้เรื่องอะไรดีๆเกี่ยวกับคนพวกนี้ด้วยตัวเองอีกมาก หรือคุณGUN อาจเคยไปมาแล้วก็ได้ เพราะเท่าที่สังเกตดูตัวหนังสือของคุณแล้ว คุณไม่ได้ซี้ซั้วนั่งเทียนเขียนโต้ผมมาเหมือนบางคนในพันธ์ทิพย์แน่นอนครับ... คุณ GUN เคยไปที่ศูนย์ชาวเขาอพยพน้ำยืนจังหวัดน่านใหม..? ถ้าเคยไป คุณGUN จะต้องรู้เรื่องพวกสอนศาสนาในศูนย์นี้ดี.. หลังจากนั้นก็ผ่านทางอำเภอปัวขับรถขึ้นภูเขาผ่านดอยผาจีบซึ่งสูงมากขนาดหูอื้อก็แล้วกัน เสันทางสายนี้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลสร้างขึ้นเพื่อปราบผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในสมัยนั้น ถ้ารถสภาพไม่ดีอย่าเสี่ยงขับขึ้นไปเด็ดขาด เพราะถ้าเกิดรถเสียขึ้นมา มีหวังกินข้างลิงครับ.และอันตรายสุดๆ.. เสันทางนี้จะตัดตรงไปยังเชียงราย.. ระหว่างทางคุณGUN จะเห็นชาวเขานาๆพันธ์ (หึหึ)ไม่ว่าจะเป็นอีก้อ แม้ว เย้า ละฮู ลีซอ ฯลฯ พร้อมพวกหมอสอนศาสนาที่พูดภาษาชาวเขา แต่แปลกแฮะคุณGUN ทราบใหม ทำใมคำสอนของพระเยซูจึงขึ้นไปอยู่บนต้นไม้เต็มไปหมด เหมือนโปสเตอร์ตามโรงหนังบ้านนอก...ทำใมคำสอนของพระเจ้าถึงได้ไปทำลายธรรมชาติที่สวยงามอย่างนั้นครับ ผมก็ไม่ทราบเหมือกันว่า พวกมิชันนารีเขาคิดอุตริอย่างไรถึงเอาคำสอนของพระเจ้าไปติดไว้บนต้นไม้ให้ดูสกปรกห้อยรกรุงรังสายตาอย่างนั้นครับ.. ไม่เฉพาะแถวนี้เท่านั้น แต่ทั่วไปหมดตั้งแต่จังหวัดน่านยันเชียงใหม่ถึงเชียงรายยันชายแดนไทยพะม่าครับคุณGUN..แถวๆอิสานหรือแม้แต่ทางภาคใต้แถวๆภุเก็ตก็เห็นติดตามต้นไม้เต็มไปหมด คุณGUN พอจะรู้จักพวกมิชชันารีบ้างใหมครับ..? กรุณาช่วยกระซิบบอกหน่อยได้ใหมว่ามีคนเขานนินทา ว่ามันดูสกปรกรกสายตาและทำลายธรรมชาติ เขาไม่ได้รังเกียจคำสอนของพระเจ้าหรอกครับ แต่มันควรจะไปอยู่ที่อื่น ไม่ใช่ไปแขวนไว้บนต้นไม้ให้รกรุงรังอย่างนั้น คนเป็นถึงมิชชันนารี่ที่มีคนเคารพนับถือว่าเป็นคนดีเสียสละ แต่มีสมองแค่นี้เองหรือครับ หึหึ คนเขาไม่ต้องการดูคำสอนของพระเจ้าหรอก เขาต้องการดูธรรมชาติมากกว่า..กรุณาเอาออกไปให้หมดจะได้ใหม...ครับ..? จากคุณ : envyman - [ 3 ก.ย. 46 12:03:16 A:203.113.38.11 X: ]

ความคิดเห็นที่ 57 ใครผิดก็เตรียมตัว จากคุณ : ิิbb - [ 3 ก.ย. 46 12:14:10 A:203.113.38.11 X: ]

ความคิดเห็นที่ 58 งงๆอยู่ จากคุณ : ทท - [ 3 ก.ย. 46 12:19:12 A:203.113.38.11 X: ]

ความคิดเห็นที่ 59 พวกเรือนร่างเดียวกัน ปกป้ิอง ป้ายโฆษณาพระเจ้า (ในจินตนาการของนักบวชตะวันตก) บนต้นไม้..... มองไปยังอีกพวกที่ทำการประท้วง การส่งออก ความระส่ำระสายทางสังคมโดยนโยบายต่างประเทศ ของสหรัฐ ในรูปของส่งเสริมการเผยแพร่ศาสนาหลาก หลายลัทธิ (แบบอเมริกัน) ให้กับคนจนในรูปของความ ช่วยเหลือ... ต่อมาพัฒนาเป็นพวกต่อต้านรัฐ... แต่ก็ยังมีคนดี ในหมู่คนเลว.... ถึงที่สุดพวกส่งออก ลัทธิความเชื่อใหม่ๆ ไปให้คนอื่นซึ่งพวกเขาไม่ได้จริง ใจอะไรนักนอกจากเป็นกลยุทธ์ในการสร้างแนวกลุ่ม กันชนทางการเมือง ก็คงต้องรับกรรมอีกแล้วครับท่าน... จากคุณ : NI - [ 3 ก.ย. 46 12:19:46 A:131.156.255.243 X: ]

ความคิดเห็นที่ 60 Aug.23,2003..http://story.news.yahoo.com/news?tmpl=story&u=/030823/168/521hz.html Two Afghan women walk down a street in downtown Kabul Afghanistan. During the Taliban's rule women had to wear the Burkha in public จากคุณ : Sh, - [ 3 ก.ย. 46 13:02:57 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ปัจจุบัน .. ใครบังคับ ?? Aug.27, 2003 .. http://story.news.yahoo.com/news?tmpl=story&u=/030828/168/53pfq.html Afghan woman, wearing burqa, buy bangles in astreet market in Jalalabad, some 125 kilometers(77miles) northeast of Kabul, Afghanistan (AP Photo/Natacha Pisarenko) จากคุณ : Sh, - [ 3 ก.ย. 46 13:04:39 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ที่จริง ผมไม่คิดจะโต้แย้งกับคุณผู้ชายวัยทองอย่างคุณสนิดเลยเพราะมันไร้สาระครับ... ธรรมชาติของคนเรานั้นเริ่มจากวัยทารก สู่วัยเด็ก วัยหนุ่มสาว..วัยผู้ใหญ่.. วัยแก่และวัยสุดท้ายคือวัยก่อนจะเข้าโลง.. ก็จะกลับมาเป็นวัยทารกอีกครั้งอย่างคุณสนิดเป็นต้น..สังเกตดูจะเห็นว่าคุณสนิดมีนิสัยเหมือนทารกจริงๆที่เที่ยวเอาชื่อของผมที่ผมพอจะนึกชื่ออะไรได้ก็ใส่เข้าไป โดยไม่มีชื่อประจำ ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะผิดกฏิกาของพันธ์ทิพย์ตรงใหน แล้วคุณสนิดเอามาประกาศให้คนรู้ว่าเป็นผมนั้นเพื่ออะไร? หรือจะประจานผมเพื่ออะไร...หรือเพราะผมมักจะไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของเขา..? แล้วผมผิดใหมที่ผมจะมีฟาร์มไก่ชนเป็นธุระกิจอีกตัวหนึ่งของผมที่ถูกกฏหมาย และการที่ผมทำธุระกิจนี้ ผมต้องเป็นคนชั่วคนใจร้ายด้วยหรือครับ ไม่อย่างนั้นคนที่ทำธุระกิจเกี่ยวกับสัตว์เช่นฟาร์มวัว ความหมู ก็เป็นคนชั่วคนใจร้ายหมดนะซิครับคุณสนิด... ถ้าคิดจะตำหนิหรือด่าผม ก็กรุณาหาคำด่าหรือคำตำหนิที่มันทันสมัยหน่อยครับ...คนวัยน้ำมูกใหลออกจากรูจมูกไปถูกริมฝีปากคิดว่าเป็นสะหริ่มเลยดูดกลืนลงคอไปอย่างคุณสนิดจะด่าจะว่าอะไรผมก็เชิญตามสบายเถอะครับ เพราะวัยขนาดเห็นน้ำมูกคิดว่าเป็นสะหริ่มเนี่ย คงอีกไม่นาน..คงไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้นแล้วครับ... ใหลออกมาถูกริมฝีปากคิดว่าเป็นสะหริ่มเลย ดูดเข้าปากกลืนลงคอไป จากคุณ : จะเอาชื่ออะไรก็เลือกเอาตามสบาย - [ 3 ก.ย. 46 13:15:53 A:203.113.38.11 X: ]

ความคิดเห็นที่ 63 การแต่งกายเช่นนี้ยังมีให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน .. เพราะอะไร http://story.news.yahoo.com/news?tmpl=story&u=/030830/168/548g1.html http://story.news.yahoo.com/news?tmpl=story&u=/030823/168/5213q.html http://story.news.yahoo.com/news?tmpl=story&u=/030829/168/540g0.html จากคุณ : Sh, - [ 3 ก.ย. 46 13:24:25 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เพราะรัฐบาลของประธานาธิบดีฮามิด คาไซ ให้สิทธิเสรีภาพแก่พลเมืองน่ะสิครับ ไม่เหมือนพวกป่าเถื่อนตาลีบัน จากคุณ : พิราบอ้วน - [ 3 ก.ย. 46 15:32:12 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ใครหัวเก่าอนุรักษ์นิยมก็แต่งตัวแบบจารีตนิยมไป ส่วนใครหัวสมัยใหม่ก็แต่งตัวตามสมัยนิยมหรือสากลนิยมไป ไม่ใช่มาบีบบังคับให้ทุกคนแต่งตัวแบบจารีตนิยมเหมือนกันหมด อย่างพวกอนุรักษ์นิยมสุดขั้วหัวรุนแรงที่ชื่อตาลีบัน จากคุณ : พิราบอ้วน - [ 3 ก.ย. 46 15:36:25 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เอ่อ....... ลุงหนิดครับ IP สองตัวที่ลุงเอามาแปะไว้ที่ ค.52 คนละจังหวัดกันนะลุง ขอบอก A:203.113.39.6 X: A:203.113.38.13 X: แบบว่าเห็นลุงหนิดทำตัวเปงนักจับ IP มาหลายทู้แย้ว เห็นแล้วก็ตะหงิดๆ อ่ะกั๊บเหอๆ จากคุณ : Cafe`tea - [ 3 ก.ย. 46 16:32:27 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ..... แบบนี้ก็หมายความว่า .... การแต่งกายของผู้หญิงอัฟกัน .... ดังสมัยการปกครองของรัฐบาล ตอลีบัน .... ก็ไม่ได้เลวร้ายดังที่ใครบางคนพยายามสร้างภาพน่ะสิครับท่าน Many Afghan women still wear the burqa, which was mandatory under Taliban rule (AFP/File/Mandel Ngan) http://story.news.yahoo.com/news?tmpl=story&u=/030807/241/4wt80.html จากคุณ : Sh, - [ 3 ก.ย. 46 18:03:30 ]

ความคิดเห็นที่ 68 Sept. 1, 2003 ... Afghan women arrive at the U.N.Agency for Refugees in Kabul from Pakistan, The U.N.refugee agency said it will build more homes and shelters for refugees who have returned to the crowded Afghan capital ... http://story.news.yahoo.com/news?tmpl=story&u=/030901/168/54rgb.html จากคุณ : Sh, - [ 3 ก.ย. 46 18:14:00 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ...... ส่วนเรื่องความป่าเถื่อนของพวกตอลีบัน และการให้สิทธิเสรีภาพแก่พลเมือง ของรัฐบาลปัจจุบัน ผมไม่เถียงครับ (ถ้าเป็นจริงตามที่สื่อรายงาน) ...... Two Afghan women pass by a French soldier (R) who patrol a street in Kabul(AFP/Shah Marai) http://story.news.yahoo.com/news?tmpl=story&u=/030814/241/4z72l.html จากคุณ : Sh, - [ 3 ก.ย. 46 18:21:29 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ถ้าไม่เลวร้าย ก็เอาสิ พรุ่งนี้ไปประกาศให้ผู้หญิงภาคใต้แต่งแบบนี้นะ แล้วลองถามพวกหล่อนด้วยนะว่าพวกหล่อนรู้สึกยังไง แต่ถ้าเอาชุดในรูปมาให้เพื่อนฉันแต่ง ฉันว่าหล่อนคงเอาชุดเขวี้ยงหัวคนบังคับนะ เรื่องสิทธิ์พื้นฐานของการเป็นคนน่ะ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีผู้ชาย(และหญิงบางคน) สนับสนุนแม้กระทั่งการปิดลูกกะตา (ถ้างั้นก็ควักตาทิ้งไปเถอะ มีไว้ก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงๆก็ต้อเอาผ้าบังลูกกะตาไว้อยู่ดี) แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 46 18:39:11 จากคุณ : เลดี้..จริงๆนะ - [ 3 ก.ย. 46 18:35:59 ]

ความคิดเห็นที่ 71 คุณ Sh ผมก็ไม่ว่าอะไร...แต่งอย่างไหนก็แล้วแต่ใจชอบ...การแต่งตัว..เป็นเสรีภาพส่วนบุคคล.....แต่ตอนตาลีบันปกครอง...ทำไมต้องบังคับกัน ภาพข้างล่างนี่ก็เดือนเมษาปีนี้....คุณเห็นไหมไม่มีใครคลุม Burka....... จากคุณ : Khun Sanid - [ 3 ก.ย. 46 18:49:16 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ต้องขอชี้แจงให้ชัดเจนก่อนนะครับว่า .... ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่เห็น ด้วยกับนโยบายหลายประการของรัฐบาลตอลิบาน .... หนึ่งในนั่นก็คือ .... การบังคับให้ปิดหน้า .... เพราะเรื่องแบบนี้ผมคิดว่ามันขึ้นอยู่กับจิต ศรัทธาของแต่ละคนมากกว่าครับ .... แต่ .... ข้อสงสัยของผมก็คือ .... ทำไมสาวอัฟกันยังแต่งกายเช่นนั้นอยู่ .... ถ้าการสวมใส่ชุดดังกล่าวเป็นการละเมิดเสรีภาพส่วนบุคคล .... อย่าง ที่หลายๆคนเข้าใจ จากคุณ : Sh, - [ 3 ก.ย. 46 19:32:35 ]

ความคิดเห็นที่ 73 รูปใน คคห 71 เป็นการเดินขบวนของกลุ่ม  RAWA ในวัน   Marks Black Day of April 28 (Apr. 28, 2003) ณ เมือง Islamabad เมืองหลวงของประเทศปากีสถานครับ http://www.rawa.org/apr28-03-p.htm แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 46 19:45:40 จากคุณ : Sh, - [ 3 ก.ย. 46 19:43:05 ]

ความคิดเห็นที่ 74 อู้ยยพ่อคู้นนน เวลา 10ปี นี่มันไม่ใช่น้อยๆนะจ๊ะ 10ปีที่ต้องอยู่ในกรอบข้อบังคับน่ะ ผู้หญิงเหล่านั้นเขาก็เป็นคนนะ มีสัญชาติญาณในความเป็นคน เป็นมนุษย์ผู้หญิงไม่ต่างไปจาก มนุษย์ผู้ชายอย่างๆคุณๆกันหรอก 10ปี ที่บีบบังคับให้เขาปิดลูกกะตาน่ะ ไม่ใส่ก็โดนเคี่ยนตี ลองนึกดูนะ ทำไม เด็กที่โดนพ่อตัวเองทารุณ ถึงยังมีนิสัยหวาดกลัวคนอยู่ เด็กที่โดนผู้ใหญ่ทารุณ จับขังกรงไว้หลายปี พอมีคนไปช่วยเหลือแล้ว ทำไมเด็กยังต้องหนีเข้าไปอยู่ในกรงอีก ผู้หญิงอัฟกันก็เหมือนคนทั่วไปนะจ๊ะ ใครปรับตัวเร็วหน่อยก้เอาผ้าปิดลูกกะตาออก ใครปรับตัวช้าหน่อยก็ใส่ผ้าปิดลูกกะตาต่อ แต่ที่เหมือนกันอยู่อย่าง ต่อไปจะไม่มีใครมาลังคับให้เธอใส่หรือปิดลุกกะตานะจ๊ะ แล้วแต่ความสมัครใจของเธอ แล้วที่พวกเธออยากจะใส่ต่อไป มันก็ไม่ใช่สิ่งยืนยันว่า เป็นเรื่องผิด ด้วย * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * ไม่ได้สนับสนุนอเมริกาเลยนะ แต่ออกมาค้าน เพราะไม่อยากให้ใครยันตะบัน สนับสนุนแม้กระทั่งเรื่องที่มันสมครอ้ะ จากคุณ : เลดี้..จริงๆนะ - [ 3 ก.ย. 46 20:12:09 ]

ความคิดเห็นที่ 75 งงจัง เอาเป็นว่า .... ใครก็ได้ช่วยหาข้อมูลมายืนยันหน่อยได้ไหมครับว่า .. .. รัฐบาลตอลิบานบังคับใช้กฎดังกล่าวมาเป็นระยะเวลา 10 ปี .... จากคุณ : Sh, - [ 3 ก.ย. 46 21:33:36 ]

ความคิดเห็นที่ 76 งงจัง เริ่มมั่วประเด็นแล้ว นาย Sh, ตอบให้ตรงประเด็นเขา ไม่ใช่หาที่จับผิดเพื่อต่อความยาวไปเรื่อยๆ จะตอบแทนคุณเลดี้ฯก็ได้ว่า จะใช้ 10 ปี หรือ 10 วัน กฎเลวๆ ก็คือ กฏเลวๆ วันยังค่ำน่ะแหละ ไม่ว่าจะใช้ถึงตามนั้นหรือไม่ ไม่มีใครเขามาเสียใจด้วยหรอกที่มันถูกล้มล้างไป กฎบ้าอำนาจ จาบจ้สงศาสนาที่ตั้งโดยไม่คิดถึงความรู้สึกของมนุษย์แบบนี้ สมควรที่จะถูกฝังไว้ไม่เหลือร่องรอยว่า เคยมีอยู่ในโลก จากคุณ : โดราเดม่อน (โดราเดม่อน) - [ 3 ก.ย. 46 22:01:17 ]

ความคิดเห็นที่ 77 คุณโดราเดม่อนครับ ถ้าไม่คิดว่าเป็นการเสียเวลาช่วยกลับไปอ่าน คคห.ๆๆ ของผมข้างบนอีกทีสิครับ มั่วประเด็นตรงไหนไม่ทราบครับ จากเจ้าของกระทู้ .. "เป็นเวลาราว ๑๐ ปี...ผู้หญิงอาฟกานิสถานก็คลุมความสวยงามเอาไว้ด้วย Burka ดังรูปข้างบน" จากคุณ : Sh, - [ 3 ก.ย. 46 22:29:13 ]

ความคิดเห็นที่ 78 (นี่คือรายการที่ ตาลีบันบังคับกดขี่ข่มเหงผู้หญิงอาฟกานิสถานมาตั้งแต่ วันที่ 28 เมษายน 1992........จนถึงวันที่อเมริกาปลดแอก.....ระหว่าง 7 ตุลา 2001 ถึง มีนาคม 2002....ถูกต้องแล้วครับ...ราว 10 ปี) An overview on the situation of Afghan Women Some of the restrictions imposed by Taliban on women [Spanish] [Italian] [French] [German] AFGHANISTAN: Report exposes continuing human rights abuses HRW Report Details Threats to Women's Rights, Freedom of Expression Afghan women: Fighting for the right to sing Eve Ensler: This is Most Fragile Time for Afghanistan "Climate of fear" rules Afghanistan, Girl's education at risk Afghanistan: the Taliban's smiling face Afghan poor sell daughters as brides Why burqas still stifle Afghan women Afghan warlords still enforcing Taliban oppression Post-Taliban Warlords Oppress Afghan Women Widespread abuse, restrictions on freedom continue Self-Immolations on Rise in Afghanistan Afghan Women Die Giving Birth at Staggering Rate Afghan Woman Fired for Meeting Bush Uncovered Afghan Girl Schools Struck by Attacks RAWA Literacy Program for Afghan Women (photos) Afghan Women Remain Victims of Hope Unfulfilled RAWA Interview with some prostitutes Women at risk in Afghanistan Afghan women still languish What the future holds for the women of Afghanistan? ZARMINA'S STORY "A female worker was gang raped in northern Afghanistan", UN HRW: Women Still Under Threat (มีต่อ.......) จากคุณ : Khun Sanid - [ 4 ก.ย. 46 00:16:22 ]

ความคิดเห็นที่ 79 (นี่คือรายการที่ ตาลีบันบังคับกดขี่ข่มเหงผู้หญิงอาฟกานิสถานมาตั้งแต่ วันที่ 28 เมษายน 1992........จนถึงวันที่อเมริกาปลดแอก.....ระหว่าง 7 ตุลา 2001 ถึง มีนาคม 2002....ถูกต้องแล้วครับ...ราว 10 ปี) HRW: Women Still Under Threat Afghan laws still repress women Afghan Woman Teacher Attacked with Acid Northern Alliance gunmen rape fourteen-year-old Fatima and her mother 3 Afghan women awaiting repatriation die Warlord's men commit rape in revenge against Taliban Pashtuns subjected to murder, sexual abuse in North of Afghanistan Annan: Afghan Women May Still Suffer Lifting The Veil On Taliban Sex Slavery Taliban Restrictions Drive Women To Suicide Reports of rape, looting by Afghan militiamen Afghan girls on sale for 100kg wheat "Give me security, then I will remove my burqa" Crimes of the "Northern Alliance" Seen Through the Eyes of a Grieving Mother The Heartbreaking Story of an Afghan Woman Taliban whipping a doctor and his female patients Inside Afghanistan: Behind the veil Misery brings down bride price in northern Afghanistan, UN Taliban orders women aid workers to stop driving Taliban stage lashing of unwed couple accused of having sex Taliban Hang Convicted Prostitutes Afghans trading young daughters to pay debts Story of a mother who never sees her only son Red Cross aids and interview with widows in Kabul Afghan women working in poppy fields prefer other jobs Samano, a poetess forced to turn to begging (photo) Taleban shuts 'widow's bakeries' Taliban arrest US aid worker, Ban women from working for NGOs Bakeries Sustain Afghan Widows Eager for Food-and Work Story of a Woman Victim of War (ยังมีต่ออีก.....) จากคุณ : Khun Sanid - [ 4 ก.ย. 46 00:19:12 ]

ความคิดเห็นที่ 80 (นี่คือรายการที่ ตาลีบันบังคับกดขี่ข่มเหงผู้หญิงอาฟกานิสถานมาตั้งแต่ วันที่ 28 เมษายน 1992........จนถึงวันที่อเมริกาปลดแอก.....ระหว่าง 7 ตุลา 2001 ถึง มีนาคม 2002....ถูกต้องแล้วครับ...ราว 10 ปี) ต่อจาก ๒ ความเห็นข้างบน.... Salehah was burnt alive Drug addiction among Afghan women on rise Sick women and the stick of Taliban Taliban Stone Woman for Adultery No female student in Afghan universities Taliban sack all female civil servants, teachers UN report flays Taliban rights violations against women Eyewitness report of a RAWA activist from Kabul A bereaved family cries for your help Taliban publicly execute woman (with photo and movie clips) Interview with many women kidnapped from Shamali regions Prostitution Under the rule of Taliban UN lashes out at Taliban for Violence against Women Large number of Afghan women are turning to prostitution Women Burning Under the Taliban Rule The Conversion of Girls Schools into Seminaries by the Taliban Taliban lashed a mother and her daughter publicly A Man Publicly Executed and a Woman Beaten Trafficking of Afghan Women from Kabul to Pakistan Cry of an Afghan women Lashing of women by Taliban Taliban impose new rules on women Trafficking of Afghan and Pakistani girls to Gulf states Women in Afghanistan suffer from depression Afghan female journalist survives life attempt Miserable life of educated Afghan women under Taliban rule Taliban Rules Weigh on Afghan Women Letter of a tormented Afghan woman to commemorate Princess Diana Mariam Girl’s High school turned into a market A woman’s sacred anger Attack on United Nations special girls’ schools Killing in front of the family members The Taliban Rapists Taliban raped two innocent girls Nazaneen’s Mother goes blind A woman challenge Taliban on the road Taliban’s another treatment of women Shakiba's Suicide The Wickedness of the Taliban and a couple Taliban raped Mariam in Kabul A woman stoned to death for adultery Taliban mistreat women Women under house arrest in Afghanistan Taliban's law drives women to suicide Taliban flog woman, cut off two men's hands Doctors ordered not ot treat women without their legal Mahrams What is going on Afghan widows? The Taliban's war on women (New York Times, Nov.6,1997) Girl-lashing by Taliban in Kabul The fundamentalist's gift: Prostitution Raping license Consequence of girls teaching Gang raping Execution for refusing forced marriage Women's self-immolation under the Taliban's domination A man and a woman are stoned to death by Jehadis (Photo) Dostum commander's crime "Women in their houses or in the grave" The fundamentalists and the Afghan women The gift of the fundamentalists Raping nine-year old girls Masoud's men rape foreigners The fundamentalists after gang-raping Shukria, killed her in cold-blooded Celebration of the conquest by raping Suicide to avoid rape Commanders have ten "wives"! The gift of the "Islamic revolution": Body-selling Women’s fault or cruelty in the name of "Shariat" (Islamic Law)? "Only loose women working in foreign aid agencies" Women workers beaten up in Kabul Taliban impose more curbs on nationals Foced abortion, Taliban style Reckoning for wearing thin socks ยังมีอีก...ไปที่....http://www.rawa.org/women.html จากคุณ : Khun Sanid - [ 4 ก.ย. 46 00:24:35 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ที่ผมทราบมา มันเป็นเวลาแค่ 5 ปีเองนะครับ ควบคุมทุกอย่าง แม้แต่การห้ามฉายละครจากอินเดีย จากคุณ : RealWorld - [ 4 ก.ย. 46 02:40:19 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ผมว่าคุณ Sh หลงประเด็นแล้วมั่ว อย่างที่คุณโดราเดม่อนว่า จากคุณ : พิราบอ้วน - [ 4 ก.ย. 46 10:04:38 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ใช่แล้วครับ คุณ RealWorld :) published 01.10.2002 After five years under the Taliban-enforced burqa, these women are waiting, they acknowledge, for someone to announce that it's OK to take off the once-mandatory covering.. http://www.csmonitor.com/atcsmonitor/specials/women/world/world011002.html ******************************************************************************** September 26, 1996 After taking control of the capital city of Kabul on September 26, 1996, the Taliban issued edicts forbidding women to work outside the home, attend school, or to leave their homes unless accompanied by a husband, father, brother, or son. In public, women must be covered from head to toe in a burqa, http://www.phrusa.org/research/health_effects/exec.html จากคุณ : Sh, - [ 4 ก.ย. 46 10:29:44 ]

ความคิดเห็นที่ 84 เอางี้... ลุงสนิด ตอบคำถามผมแบบตรงประเด็น 1. จุดประสงค์ที่คุณ post เรื่องนี้ด้วยเหตุผลอะไร (เพราะหลายๆคน รวมถึงตัวผมเองคิดว่า คุณลุงกำลังบอกว่าอเมริกากำลังหยิบหยื่นสิทธิสตรีในเรื่องของคลุมหัว ปิดลูกกระตา ทั้งที่จริงอเมริกาไม่เข้ามาเขาก็ทำกันอยู่แล้ว) 2. ประเด็นมันเริ่มเปลี่ยนไปมาก จนมีหลายๆคนออกมา บอกว่าอเมริกาหยิบหยื่นความรุนแรงให้ตอลีบัน เพื่อจะได้หยิบหยื่นสิทธิสตรีกับประชาชนอัฟกัน แถมคุณลุงยัง bomblastically rant ลงไปอีก ตกลงคุณลุงต้องการอะไร 3. คุณลุงสนับสนุนอเมริกาให้บุกอัฟกันด้วยเหตุผลอะไร ถ้าเรื่องผู้ก่อการร้ายที่เอาเครื่องบินชนตึกเวิร์ลเทรด คุณลุงคิดว่าอเมริกาใช้อำนาจบุกกลับไปถูกหรือ มันเป็นการทะเลาะกันระหว่างผู้ก่อการร้ายกับอเมริกาใช่ไหม ถ้าเป็นเช่นนั้น อเมริกาคิดว่าอัฟกันมีส่วนพัวพันเลยต้องบุกกลับหรือ ทั้งๆที่มีองค์กรระหว่างประเทศที่ตัวเองก็เป็นสมาชิกอยู่ ทำไมไม่ผ่านตัวกลางนี้ เพื่อให้ตัวกลางเป็นผู้ตัดสิน เพราะการที่อเมริกาบุกกลับ มันก็เหมือนกับคนสองคนทะเลาะกัน คนนึงเอามีดฟันที่หลัง อีกคนแค้นก็เลยต้องฟันกลับแทนที่จะไปแจ้งตำรวจให้จัดการ คุณลุงคิดว่าที่อเมริกาทำยังถูกหรือ 4. การจัดการผู้ก่อการร้ายทุกประเทศต้องทำร่วมกัน เห็นด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่า ทุกประเทศจะต้องเห็นผลประโยชน์ของอเมริกา เป็นของตนเอง เพราะการจัดการผู้ก่อการร้ายเป็นผลประโยชน์ของแต่ล่ะประเทศเอง แต่อเมริกาอาศัยจังหวะนี้มาหาแนวร่วมอีก... แหมมีไทยตกหลุมเป็นแนวร่วมเป็นประเทศแรกเลย คุณลุงดีใจไหม หวังว่าคุณลุงคงมีเหตุผลดีๆกลับมา จากคุณ : mp - [ 4 ก.ย. 46 11:38:03 A:128.250.209.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 85 คุณ mp ผมไม่ชอบพิมพ์ยาวๆ ไม่เคยถามแรงจูงใจในการออกความเห็นจากใคร...ไม่ได้มาโต้วาทีทุกประเด็น และไม่ได้มาตอบข้อสอบครู.....จึงขอชี้แจงแต่เพียงว่า ตาลีบันให้ที่พักพิงแก่บินลาเดนและอัลเคด้า...รัฐบาลอเมริกันสั่งให้ตาลีบันส่งตัวบินลาเดนให้หรือไล่ให้ออกนอกประเทศไป....ตาลีบันไม่ทำตาม อนึ่ง....อันศัตรูของอเมริกานั้น...ชาติต่างๆมิได้เห็นว่าเป็นศัตรูของชาติตน...ชาติต่างๆจึงมิได้เห็นด้วยกับอเมริกาในการกำจัดศัตรูของอเมริกา แต่ว่าประธานาธิบดีของอเมริกาได้สาบานตนที่จะปกป้องคนอเมริกัน....ตามนโยบายต่างประเทศของอเมริกาอันใหม่...ให้อำนาจแก่ประธานาธิบดีไปกำจัดศัตรู หรือผู้ที่อาจจะเป็นศัตรูนอกประเทศได้( Preemptive Strike) คุณไม่จำเป็นจะต้องเห็นด้วยที่ผมเขียนมา...ผมเพียงแต่ชี้แจงตามที่ผมทราบ จากคุณ : Khun Sanid - [ 4 ก.ย. 46 12:37:36 ]

ความคิดเห็นที่ 86 รัฐบาลตาลีบันไม่ได้รับการรับรองจากสหประชาชาติ จะว่าไปแล้วก็เหมือนรัฐบาลเถื่อนๆ มีเพียงปากีสถาน ซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เท่านั้น ที่ให้การรับรอง ดังนั้นอาฟกานิสถานก่อนอเมริกาเข้าไปจัดระเบียบก็เป็นเสมือนบ้านป่าเมืองเถื่อนที่อยู่ในภาวะสงครามกลางเมือง ในเมื่อผู้ก่อการร้ายอาศัยดินแดนอาฟกานิสถานเป็นฐาน แต่อาฟกานิสถานไม่มีรัฐบาลยังผลที่เข้าไปจัดการปัญหานี้ สหรัฐอเมริกาจึงมีความชอบธรรมที่ขอมติสหประชาชาติเข้าไปจัดการเอง และช่วยจัดระเยียบการปกครองประเทศใหม่ให้ชาวอาฟกานิสถาน จากคุณ : พิราบอ้วน - [ 4 ก.ย. 46 14:37:15 ]

ความคิดเห็นที่ 87 แก็งเหยี่ยวพวกนี้ บ๊องส์ตกกระป๋อง... ฆ่าคนอัฟกันตายเป็นหมื่น เพื่อจับบินลาดิน แล้วตอนนี้เป็นยังไง จับก็ไม่ได้ แถมยังถูกตามเก็บ โดยชาวอัฟกันรักชาติ... บทเรียนทางประวัติศาสตร์ไม่เคยอะไร กับนักการ เมืองลุแก่อำนาจ และนักการเมืองผู้หวังผลประโยชน์ เล็กๆ น้อยจากความบ้าดีเดือดของผู้คน สมัยการเลือกตั้งหน้า... บุชและแก๊งเหยี่ยวคงมีโอกาส น้อยในการเสนอหน้ัาตัวเองในนโยบายต่างประเทศ ...คุณไม่จำเป็นจะต้องเห็นด้วยที่ผมเขียนมา...ผมเพียงแต่ชี้แจงตามแรงบรรดาลใจของผม... จากคุณ : NI - [ 4 ก.ย. 46 14:41:12 A:131.156.255.243 X: ]

ความคิดเห็นที่ 88 คุณ NI ผมว่าบุชชนะ...การเลือกตั้งคราวหน้า จะลงเงินเท่าไร...ว่ามา จากคุณ : Khun Sanid - [ 4 ก.ย. 46 19:05:05 ]

ความคิดเห็นที่ 89 #54 Khun mp, Why do women wear a ghost mask (burka)?, but men dont ka? pls answer me if you can. "เป็น propaganda นำเสนอโดยอเมริกา ที่เอาเรื่องสิทธิเสรีภาพมาเป็นข้ออ้าง... เพื่อหวังผลทางการเมือง... เฮ้อ... เลวร้ายสิ้นดี " You still blame America for your fellow muslims’ misery na. why blame the neighbors when the problem is in your own back yard? What I hate about Muslims is their single-minded notion that all the tragedy in their lives is caused by Jews and Americans. They are delusional! จากคุณ : jess - [ 4 ก.ย. 46 20:11:32 A:170.158.100.4 X: ]

ความคิดเห็นที่ 91 คุณเจส ถ้าคุณแยกเรื่องศาสนาออกจากการเมืองได้ คุณค่อยมาคุยกับผม แต่ถ้าอยากรู้เรื่องศาสนา ผมว่าคุณมาใช้เวทีพันพิพย์มันผิดกาละเทศะไปหน่อย โดยเฉพาะกระทู้ราชดำเนิน จากคุณ : mp - [ 5 ก.ย. 46 09:05:58 A:128.250.209.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 92 ผมเองไม่ชอบบุช และไม่เชียร์รีพับลิกันนะ (แต่เชียร์เดโมแครต) เพราะผมเป็นพวกเสรีนิยมฝ่ายซ้ายไม่ชอบพวกอนุรักษ์นิยม-จารีตนิยม (ฝ่ายขวา) รัฐบาลบุชทำเรื่องไม่ดีหลายเรื่อง แต่เรื่องตะลุยตาลีบันกับไล่ล่าบินลาเดนนี่ ผมสนับสนุนเขา บุชกับตาลีบันก็เป็นพวกอนุรักษ์นิยม-จารีตนิยมสุดขั้วขวาจัดทั้งคู่ แต่บุชยังเลวร้ายน้อยกว่าตาลีบันหลายขุม จากคุณ : พิราบอ้วน - [ 5 ก.ย. 46 09:14:32 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ฮิฮิ...ไม่มีคำตอบให้ดิฉันเหรอคะคุณ mp ไม่เป็นไรค่ะดิฉันไม่ใส่ใจร๊อกมุสลิมก็เป็น อย่างเงี๊ยะพอจนด้วยเหตุผลก็มักจะเฉไฉไปเรื่องอื่นเสมอ คุณ mpกำลังพูดย้ำเตือนตัวเองอยู่เหรอคะ ว่ามุสลิมน่ะไม่สามารถแยกศาสนาออกจากการเมืองได้ ^0^ จากคุณ : jess - [ 5 ก.ย. 46 12:30:38 A:170.158.100.4 X: ]

ความคิดเห็นที่ 94 คุณเจส การที่ผมตอบกระทู้ เป็นเพราะว่ามีคนมาอ้างเรื่องสตรีคลุมหน้าปกปิดหน้าตาตามศาสนาในสมัยภายใต้การปกครองโดยตาลีบัน แล้วอ้างว่าที่อเมริกาบุกถล่มอัฟกันแล้วทำให้คนอัฟกันได้สิทธิไม่ต้องปกปิด... มัน{^_^}ครับ ส่วนว่าเรื่อง ทำไมผู้หญิงคลุมหน้า แล้วผู้ชายต้องคลุมอะไรบ้างไหม มันนอกเหนือประเด็น ผมมีสิทธิจะตอบหรือไม่ตอบก็ได้ ถูกไหม แล้วการที่ผมตอบไปเป็นการแยกประเด็นไม่ได้ ก็คงไม่ใช่หรอกครับ แต่คนที่แยกประเด็นไม่ได้น่าจะเป็นคุณ ที่ถามคำถามนั้นมา ไม่คิดเลยว่าคนเรียนที่ new york จะมีคนแบบคุณ เอ๋อยู่ syracuse ด้วยใช่ไหม จากคุณ : mp - [ 5 ก.ย. 46 13:05:05 A:128.250.209.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 95 นอกเรื่องนิด คุณ envyman อาสาสมัครหรือมิชชั่นนารี ที่ออกสนามอยู่ทางเหนือ และบางส่วนอยู่ทาง ตวอ.เฉียงเหนือ ในส่วนที่ติดกับ สปป.ลาว ส่วนหนึ่งมาจากหน่วยงานบางหน่วยของ ปท.เค้า ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้ไม่ค่อยได้อบรมเรื่องการทำดีเสียด้วย จากคุณ : เทวา (รดน.) - [ 5 ก.ย. 46 18:57:45 ]

ความคิดเห็นที่ 96 เอาอีก แล้ว เจส.... อธิบายปัญหาไม่ได้ก็โทษ มุสลิม ทอรอริสต์บ้างหละ มุสลิมเรือนร่้างเดียวกันบ้างหละ ชาริอะอิสลามบา้งหละ ทำไม่ถึงเกลี่ยดกลัวอิสลาม เพียงนี้หนอ หรือว่า เพราะคุณมีสายเลือดยิว ทางแม่ ดีเอ็นเอยิวปาก เสียจึงจ้องแต่จะโทษ ผู้นับถือศาสนาอิสลาม ..... เคยบอกแล้วไงว่า มียิวดีๆ และยิวที่นับถืออิสลาม จำนวน มากเป็นตัวแบบให้ เจส เรียนรู้ จะมาแสวงหาความรู้อะไร ที่พันทิพย์นี่ ฮิ ฮิ ที่พูดอย่างนี้ เพราะรัก นะจ๊ะ... จากคุณ : NI - [ 5 ก.ย. 46 23:13:37 A:131.156.255.251 X: ]

ความคิดเห็นที่ 97 "ผมว่าบุชชนะ...การเลือกตั้งคราวหน้า จะลงเงินเท่าไร...ว่ามา" ---> ขอเป็นทานข้าวที่บ้านคุณได้ไม๊ครับ หรือไม่ก็มาเยี่ยมผมที่มิดเวสต์ จากคุณ : NI - [ 5 ก.ย. 46 23:41:46 A:131.156.255.251 X: ]

ความคิดเห็นที่ 98 คุณ NI คุณนี่ปากเสียอีกตามเคยนะ ทำไมต้องมาลามปามถึงคุณแม่ของดิฉันด้วย ท่านไปทำอะไรให้คุณ คุณพ่อ คุณแม่คุณคงไม่เคยสั่งสอนลูกสินะ หรือว่าเชื้อไม่ทิ้งแถว ผู้ชายอะไรปากจัดจริงๆ ยิวที่นับถืออิสลามที่คุณ นายอ้างมาน่ะ ก็คือพวกนอกรีตดีๆนี่เองอย่าได้หลงภูมิใจนักเลย มุสลิมพอจนด้วยเหตุผลหน่อยก็นี่เลยว่า คนอื่นลามปามศาสนาทีตัวเองด่าผู้นำประเทศอื่น อย่างสาดเสียเทเสียกลับไม่คิดซักนิด ดิฉันเองก็ไม่คิดว่ามุสลิมในพันธ์นี่จะตอบคำถาม ของดิฉันได้หรอกนะดิฉันถึงได้พูดไงล่ะว่า ดิฉันไม่ใส่ใจร๊อกมุสลิมก็เป็น อย่างเงี๊ยะ ทุกคนพอจนด้วยเหตุผลก็มักจะเฉไฉไปเรื่องอื่นเสมอ จากคุณ : jess - [ 6 ก.ย. 46 01:26:26 A:170.158.100.4 X: ]

ความคิดเห็นที่ 100 ผมดูๆมานาน บางคนชอบพูดจัง พอมีใครมีความเห็นไม่เหมือนตัวเอง จะอ้างอย่างเดียวว่าถูกจ้างมาปลุกปั่นสร้างกระแส ใครมันจ้างเหรอครับ .... คนที่เล่นพันทิพย์เป็นแค่คนกลุ่มเล็กๆที่เล่นเน็ต มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ต่างคนต่างก็คิดและพิมพ์ตามความเห็นของตัวเอง แล้ว ผมก็เห็นด่ากันไป ด่ากันมาตรงนี้ ไม่เห็นว่าจะมีใครเปลี่ยนความคิดของคนอื่นได้ .... ที่นี่เป็นเรื่องของคนกลุ่มเล็กๆ ซึ่งแทบไม่มีความหมายอะไรกับใครส่วนใหญ่ของประเทศ ถ้าจะมีใครมาจ้างให้พิมพ์กระทู้ด่ากันไปมาล่ะก็ เอาเงินไปทำอย่างอื่นจะมีประโยชน์กว่านี้นะ และดูฉลาดกว่าตั้งเยอะ ... หรือถ้ามีจริงช่วยให้เบอร์โทรไว้หน่อยนะไอ้คนจ้าง จะโทรไปถามความรู้สึกหน่อย ว่ามีชีวิตอยู่ได้ยังไง โดยไม่มีสมองอยู่เลย... ฮ่า ฮ่า จากคุณ : คนข้างบ้าน - [ 6 ก.ย. 46 11:12:38 ]

ความคิดเห็นที่ 101 คุณเจส เท่านี้แหละ บอกว่าเป็นยิวที่แยกแยะไม่เป็นตั้งแต่ทีแรก ผมจะได้ไม่ต้องสงสัยในวาทะของคุณ และตอบคำถามแบบล่อให้คนเขาสร้างจินตนาการ discriminate กันในสังคม ทำตาม conspiracy theories ของประเทศของคุณอย่างจงรักพรรคดีเลยนะครับ เก่งมากๆ ปรบมือให้ จากคุณ : mp - [ 6 ก.ย. 46 13:09:22 A:128.250.209.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 102 คนข้างบ้าน ปัญหาหลายๆปัญหาเริ่มเกิดจากปัญหาเล็กแล้วปานปลายกลายเป็นปัญหาใหญ่ เพราะเราละเลยไม่สนใจกับปัญหาที่มันเกิดขึ้นตั้งแต่แรก... เป็นความจริงนะครับ จากคุณ : mp - [ 6 ก.ย. 46 13:37:48 A:128.250.209.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 103 #101 คุณ mp คุณกำลังจะสื่ออะไรหรือคะ?? ดิฉันไม่เข้าใจอ่ะดิฉันว่าเป็นคุณ ต่างหากล่ะที่แยกแยะไม่เป็น ที่เห็นๆก็ conspiracy theories นี่ไง คุณกำลังจะบอกว่าconspiracy theoriesเป็นของอิสราเอล อีกยั้งงั้นล่ะสิมุสลิมนี่สมกับที่เค้า ตั้งฉายาไว้ให้ว่าเป็น culture of shame เลยจริงๆ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 6 ก.ย. 46 15:10:53 ]

ความคิดเห็นที่ 104 "สิมุสลิมนี่สมกับที่เค้า ตั้งฉายาไว้ให้ว่าเป็น culture of shame เลยจริงๆ" ---> สายเลือดยิวดีเอ็นเอยิวปากเสียจ้องแต่จะโทษ ผู้นับถือศาสนาอิสลาม ..... "ยิวที่นับถืออิสลามที่คุณ นายอ้างมาน่ะ ก็คือพวกนอกรีต ดีๆนี่เองอย่าได้หลงภูมิใจนักเลย" ---> Bigotry idea of religion I love you Jess.... There is no way to treat you but love and understanding... ;-) จากคุณ : NI - [ 8 ก.ย. 46 01:34:56 A:131.156.255.251 X: ]

ความคิดเห็นที่ 105 แหม... ผมไม่ได้ระบุประเทศเลยนะเนี่ย คุณก็บอกความจริงให้คนเข้ารู้แล้ว :-) ดีครับ conspiracy จะได้ไม่เป็น conspiracy ซักที จากคุณ : mp - [ 8 ก.ย. 46 07:49:56 A:128.250.209.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 106 Khun NI, คุณ นายทำไมคุณถึงคิดว่าดิฉันจ้องแต่จะโทษ ผู้นับถือศาสนาอิสลามล่ะคะ มันไม่ใช่อย่างนั้น หรอกคุณ นาย ถึงแม้ดิฉันจะไม่ค่อยมีเพื่อนที่เป็น มุสลิมก็ตามแต่ดิฉันก็ไม่เคยรังเกียจมุสลิมที่ดีมี น้ำใจแม้แต่นิด แล้วคุณ นายล่ะเคยมีสักครั้งมั๊ยที่จะหยุด กล่าวโทษอิสราเอลและสายเหยี่ยว มันดูตลกนะคะ ที่ไม่ยอมมองดูข้อบกพร่องของตัวเองก่อน คุณโกรธและรับไม่ได้ที่ดิฉันพูดความจริงใช่รึเปล่าล่ะ ดิฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมคุณถึงได้จ้องแต่ย้ำว่า ดิฉันปากเสียกล่าวร้ายไปถึงคุณแม่ของดิฉัน แต่ไม่เคยทบทวนคำพูดของคุณเองเลยสักครั้ง จากคุณ : jess (เอื้องอัยราวัณ) - [ 8 ก.ย. 46 09:40:16 ]

ความคิดเห็นที่ 107 คุณ mp, คุณก็คงรู้อยู่แก่ใจหรอกว่าคุณต้องการพาดพิงถึงประเทศไหน คุณนั่นแหละพูดสรุปเอาเองอยู่ฝ่ายเดียวบอกตามตรงดิฉัน ไม่เข้าใจว่าคุณต้องการจะว่าอะไรดิฉันในความคิดเห็นที่ 101 จากคุณ : jess (เอื้องอัยราวัณ) - [ 8 ก.ย. 46 09:48:43 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ผมไม่ชอบพวกนิยมความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นพวกคลั่งศาสนาหรือพวกสายเหยี่ยว แต่กรณีถล่มตาลีบัน ไม่ว่าอเมริกาจะมีความชอบธรรมมากน้อยเพียงใด ผมก็สะใจกับผลลัพธ์เป็นอย่างยิ่งครับ จากคุณ : พิราบอ้วน - [ 8 ก.ย. 46 10:22:42 ]

ความคิดเห็นที่ 109 แฮะแฮะ คุณเจส จริงๆแล้ว ประเทศที่ผมหมายถึงคือสหรัฐอเมริกา ไม่ใช่อิสราเอล คำถามที่ผมยิงไป เป็นคำถามยิงนกได้สองตัว ตัวที่นึงคือรู้ว่าคุณเป็นยิวที่แยกแยะประเด็นไม่ได้จริงๆ ส่วนตัวที่สองคือ ได้รู้ว่าคุณก็รู้ว่า conspiracy theories ที่ผมหมายถึงคืออะไร และมันก็ไปสัมพันธ์กับประเทศอิสราเอลด้วย... แหม มันก็เหมือนประกาศให้คนเขารู้มามันมีอะไรโดยแท้และแน่จริง ;-) จากคุณ : mp - [ 8 ก.ย. 46 11:30:15 A:128.250.209.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 110 คุณ mp, ช่วยบอกดิฉันให้เข้าใจหน่อยสิคะว่าทำไมมุสลิมส่วน ใหญ่ถึงได้ชอบโจมตีอิสราเอลนักทั้งที่จริงแล้วสาเหตุ เกิดจากพวกอาหรับใจแคบ ทั้งโลกก็รู้ มีแต่มุสลิมนี่ แหละยังทำตัวเป็นบัวใต้น้ำอยู่ร่ำไป conspiracy theories ที่คุณว่ามาน่ะมันไม่มีหรอก มีอยู่แต่ในนิทานกล่อมเด็กของ Noam Chomsky และ David Duke Klu Klux Klan เท่านั้นแหละ mp นี่ย่อมาจาก muslim propagandist ใช่รึเปล่าคะ?? ฮิฮิ ท่าจะจริงแฮะ มิน่าล่ะดิฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณถึงได้พยายาม ย้ำถึงแต่เรื่อง conspiracy theoriesทั้งปี ^_^ จากคุณ : jess (เอื้องอัยราวัณ) - [ 8 ก.ย. 46 16:02:57 ]

ความคิดเห็นที่ 111 คุณเจส แล้วเรื่องการร้องฟ้อง Dr. Henry Kissinger คืออะไรเหรอ ไม่ใช่เรื่อง conspiracy theories หรอกเหรอ ทำไปทั่วทุกภูมิภาคทั่วโลกเลยน้า... ถ้าคุณไม่รู้จริงๆ ก็ไปอ่านหนังสือเล่มนี้นะครับ http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/1859846319/102-9947794-9534505?v=glance เรื่องแค่นี้โลกมุสลิมมองไม่ออกว่า conspiracy theories คืออะไรกับโลกมุสลิมก็แปลกแล้ว เฮ้อ...เฮ้อ...เฮ้อ... จากคุณ : mp - [ 8 ก.ย. 46 16:36:06 A:128.250.209.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 112 อ้อ คุณเจส mp มาจาก eMPathy ครับ เอามาจากหนังสือของ Daniel Goleman ครับ เล่มนึง http://www.amazon.com/exec/obidos/ASIN/0553375067/qid=1063013988/sr=2-1/ref=sr_2_1/102-9947794-9534505 ว่างๆลองไปอ่านดูครับ แนะนำเป็นการส่วนตัว ;-) จากคุณ : mp - [ 8 ก.ย. 46 16:41:18 A:128.250.209.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 113 เฮ้อ...เฮ้อ...เฮ้อ... นั่ง search google อีกที มีชื่อ Dr. Henry Kissinger อยู่ใน famouse jewish people ด้วย จริงๆ น่าจะเปลี่ยนเป็น notorious jewish people น้า... อ้อ ผมลืมไป การกระทำของ Kissinger แบบนี้เขาเรียก famous ในหมู่ของ jews เฮ้อ...เฮ้อ...เฮ้อ... พวกเดียวกับคุณเอื้อง Jess เลยนะเนี่ย ;-) http://jewishpeople.net/famjewpeop.html จากคุณ : mp - [ 9 ก.ย. 46 09:51:21 A:128.250.209.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 114 shalom aleichem <-> aleichem shalom ;-) จากคุณ : mp - [ 9 ก.ย. 46 11:07:22 A:128.250.209.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 115 K. mp ka, you know what was Kissinger's response to Golda Meir when she decided to appeal to the Secretary of State emotionally during 1973 Yom Kippur War referring to his Jewishness: Kissinger said: "Number one I am an American, number two I am Secretary of State of the United States and number three I am a Jew. Lets discuss politics Prime Minister and Not emotions." To what Golda answered: "That's okay Henry. In Israel we read right to left." But the point was made unilaterally. Your post show Word for word Nazi propaganda na K. mp. จากคุณ : jess - [ 9 ก.ย. 46 21:54:27 A:170.158.100.4 X: ]

ความคิดเห็นที่ 116 คุณเจส คุณให้ข้อมูลผมเพิ่มเติมเรื่อง Golda Mier ขอบคุณครับ เดี๋ยวจะ search หาข้อมูลมาอ่าน ;-) ผมว่ามันคงจะไม่ใช่ unilateral นะ น่าจะเป็น multilateral... for your references: - http://www.bbc.co.uk/bbcfour/documentaries/features/feature_kissinger.shtml - http://www.etan.org/news/kissinger/ - http://www.harpers.org/online/kissinger_forum/ - http://www.cps.org.uk/kissinger.htm (*** Sept 11 involvement***) All conspiracy theories conducted my Dr. Henry Kissinger... na krab khun Jess จากคุณ : mp - [ 10 ก.ย. 46 08:47:48 A:128.250.209.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 117 หึหึ  ใครว่างๆน่าจะลองเชิญคุณ  mp ไปคุยกับสันติบาลหน่อยดีกว่านะ ดิฉันจำได้ ว่าช่วง สาม-สี่เดือนก่อนโดยประมาณ เคยมี คนชื่อ มาลาไย ปัตตานี - มาลายู ปัตตานี โผล่มาเขียนตอบกระทู้ในทำนองเป็นภัยกับความมั่นคงของสังคมไทย ดิฉันจำได้ว่า ตอนตั้งกระทู้ สถาปนารัฐอิสระปัตตานี เคยมีคนใช้ชื่อ mp เอาลิงค์ของเว็บๆหนึ่งมาลงไว้ให้ เนื้อหาในเว็บนั้น บรรยายเอาไว้ค่อนข้างเป็นภัยกับความมั่นคงของประเทศไทยนะ ดิฉันลองให้คนที่มีความรู้เข้าไปดู เขาบอกว่า เข้าไม่ได้นอกจากสมาชิกที่มีพาสเวิร์ด และในเว็บนั้น มีระบบป้องกันคนเข้าไปแน่นหนาเชียว แถมยังอาจจะมีไวรัส และเซิฟเวอร์ก็ไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย (ดิฉันเคยเก็บลิงค์อันนั้นเอาไว้ เดี๋ยวจะไปลองค้นมาให้ดูนะคะ) * ค้ามาให้แล้ว * (http://www.sabrizain.demon.co.uk/malaya/kedah3.htm) ใครที่จะเปิดเข้าไปดูหน้าหลักของเว็บนี้ ระวังด้วยนะคะ หน้าหลักเว็บนี้ มีไวรัสด้วยค่ะ *หมายเหตุอีกครั้ง : ดิฉันส่งลิงค์ไปที่สันติบาลเรียบร้อยแล้วนะคะคุณ mp แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 46 17:19:27 จากคุณ : เลดี้..จริงๆนะ - [ 10 ก.ย. 46 13:52:21 ]

ความคิดเห็นที่ 118 Again, your anti-semitism is blatant ... na ka K. mp Muslims can not seem to take responsibility for what they do. They seem to have a pathological need to blame some one else. They seem to live in a dream world. An unbelieveable dream world inhabited by Jinns, Jews, Israeli's and American's who they think are responsible for all their problems. How sad . จากคุณ : jess - [ 10 ก.ย. 46 15:40:39 A:170.158.100.4 X: ]

ความคิดเห็นที่ 119 เลดี้จริงๆนะ :-) ดีครับ แล้วสันติบาลจะทำไงต่อหนอ ปิดกั้นเว็บไซต์นี้ไม่ให้ access จากเมืองไทย hoho เว็บไซต์นี้เขาอิงตามหนังสือชื่อ History of the Malay Kingdom of Patani: Sejarah Kerajaan Melayu Patani ซึ่งเขียนด้วยคนมลายูปัตตานีเองเขียนไว้นานแสนนาน แล้วเป็นที่ยอมรับจากมหา'ลัยโอไฮโอจนปัจจุบันเอาออกมาขายใน amazon.com http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/0896801233/qid=1063247836/sr=8-1/ref=sr_8_1/002-4076387-0736816?v=glance&s=books&n=507846 ถ้าคุณไม่ยอมรับประวัติศาสตร์ คุณก็หาข้อมูลไปตอบโต้กับมหา'ลัยข้างบนนะ... hohohohoho จากคุณ : mp - [ 11 ก.ย. 46 09:42:13 A:128.250.209.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 120 Jess, Seems like you don't accept what Jews did wrong but always condemn Islam and muslims no matter what they did. Look yourself first na ;-) จากคุณ : mp - [ 11 ก.ย. 46 09:46:46 A:128.250.209.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 121 เพิ่งรู้ว่าคุณ mpสนับสนุนการสถาปนารัฐอิสระปัตตานี จังหวัดปัตตานีเป็นของประเทศไทยไม่ใช่เหรอคะ เคยเป็นของมาเลเซียที่ไหนล่ะไม่เคยได้ยินเลยนะ โมเมอีกแล้ว จากคุณ : jess - [ 11 ก.ย. 46 11:36:16 A:170.158.100.4 X: ]

ความคิดเห็นที่ 122 แหม อย่าเพิ่งเข้าใจผิดด่วนสรุปความเอาข้างเดียวซิครับ คุณเจส แบบนี้เรียกได้ว่า bigotry Jess น้า... จากคุณ : mp - [ 11 ก.ย. 46 12:21:58 A:128.250.209.2 X: ]