ความคิดเห็นที่ 1 เอาเป็นว่า พูดรวมๆว่า คนไทย และคนในประเทศโลกที่ 1 โดยเฉลี่ยดีกว่า พูดถึง คนไทยกลุ่มไหนล่ะครับ? ถ้าคนไทยในเมืองและคนในประเทศโลกที่ 1 ก็ไม่ต่างกันมาก ชอบความสะดวกสบาย รวดเร็ว ด่วน หลงวัตถุ (แต่บางคนไม่รู้ตัวจริงๆว่า กำลังหลงวัตถุ นึกว่ากำลัง "ก้าวทัน" เทคโนโลยี) เพราะสภาพแวดล้อมมันบังคับให้ต้องออกไปหาเงินเพื่อแลกอาหารมาเลี้ยงท้อง กับซื้อความสะดวกสบายเข้าบ้าน อยากได้อะไรก็เดินทางไปซุปเปอร์สโตร์จ่ายเงิน รูดบัตรซื้อของ ความสัมพันธ์ในการงาน คนไทยจะคาดหวังลึกๆว่า คบใครเป็นความสัมพันธ์ค่อนข้างส่วนตัว วันหยุดเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนที่ทำธุรกิจแบบเดียวกันยังออกไปสังสรรค์ท่องเที่ยวด้วยกัน ข้อดีคืออบอุ่น ข้อเสียคือ บางครั้งเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน ทำให้วุ่นวาย ... แต่ในโลกอุตสาหกรรมแบบตะวันตก ทุกอย่างเป็นความสัมพันธ์แบบธุรกิจ แม้ภายนอกจะยิ้มแย้ม say hi ทำงานเสร็จก็กลับบ้าน มีปาร์ตี้บ้าง ใครลาออกหรือเลย์ออฟไป วันรุ่งขึ้นจะไม่มีใครพูดถึงอีก  ข้อดีของเขาคือ ทำอะไรมีมาตรฐานชัดเจน ประสิทธิภาพ ข้อเสียคือ ตัวใครตัวมัน คนไทยยังไม่ถึงขั้นคนในอเมริกาหรือโลกที่ 1 ในบางแง่ แต่ก็กำลังจะกลายเป็นแบบนั้นทีละนิด คือ การอยู่คนเดียว แยกกันอยู่ ต่างคนต่างอยู่ ... คุณไปตามคอนโดมิเนียม ไม่ว่าจะเป็นในอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย ที่ผมเคยไปเห็นมา หลายคนอยู่คนเดียว ชายแก่ หญิงแก่ หรือคนโสด ทั้งปีทั้งชาติไม่เคยเห็นหน้าเพื่อนบ้านห้องตรงข้ามจนกระทั่งย้ายออกไปแล้วก็มี (ไอ้ที่เจอกันแล้วสนิทกันเป็นเพื่อนบ้านต่อกัน ก็มี แต่ไม่มาก) .... เพราะว่า เครื่องอำนวยความสะดวก บันเทิง มีมากมาย จนไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเพื่อนบ้าน เช่น ทีวี คอมพิวเตอร์ เกมส์  สเตริโอ อยากได้อะไรก็เดินไปซุปเปอร์สโตร์ จนความจำเป็นต้องติดต่อกับคนมีน้อยลง คนบ้านนอกไทย กับบ้านนอกโลกที่ 1 ถึงจะทำเกษตรเหมือนกัน แต่คนบ้านนอกโลกที่ 1 ก็เป็นบ้านนอกที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมไปแล้ว ระดับรายได้ยังสูงพอที่จะหาซื้อความเป็นอยู่ที่ดีได้ใกล้เคียงกับคนเมือง .... บ้านนอกไทยยังเป็นสังคมแบบเกษตรกรรมพึ่งพาตนเอง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ (สังเกตจากประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าว ที่เคยมี แต่หายากแล้ว) รายได้ต่ำ ซื้อทีวีเครื่องเดียว เผลอๆต้องทำงานเป็นปีๆ แต่สังคมเมืองพยายามจะยัดเยียดความเป็นอุตสาหกรรมแบบทันทีทันใด คนบ้านนอกยังตามไม่ทัน เลยเกิดปัญหาคนเข้าเมือง ทำลายสิ่งแวดล้อม หนี้สิน ตามมา แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 46 21:44:19 จากคุณ : United States of America - [ 11 ก.ย. 46 21:34:53 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อีกอย่างคือ คนอเมริกันและโลกที่ 1 ที่คุณเห็นฉากหน้าว่า เขาพยายามรักษาสิ่งแวดล้อม พยายาม Recycle บ้านเมืองสวยงาม ดูเหมือนจะ "nice" ... แต่พฤติกรรมโดยส่วนใหญ่เขาสิ้นเปลืองมาก เช่น การใช้กล่องโฟม บรรจุภัณฑ์สวยงามสิ้นเปลือง การใช้น้ำ ไฟ กระดาษ น้ำมัน แบบไม่บันยะบันยัง ... ถึงแม้เขาจะสร้างระบบหมุนเวียน หรือ recycling ที่ดีเลิศขนาดไหน .... ทรัพยากรที่พวกเขาใช้อยู่ส่วนใหญ่ก็มาจากเรา (ไทย และโลกที่ 3) นั่นเอง และนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสงคราม หรือการเข้าไปแทรกแซง เพื่อไปเอาทรัพยากรมาใช้เพื่อรักษาวิถีชีวิตแบบ free/civilized nation เอาไว้ (กรณีชาติไหนไม่ยอมเปิดเสรี) ... เอาแค่การนำเข้าผลไม้กระป๋อง หรือสินค้าที่มีกระบวนการผลิตอันตราย เขาก็มาผลิตในบ้านเรา .... เราส่งแค่เงาะกระป๋องหนึ่งออกไป ขายปลีกแค่ $1-2 (แล้วราคาจากโรงงานเมืองไทยจะต่ำขนาดไหน) แต่เบื้องหลังเราใช้ต้องทรัพยากรสิ้นเปลืองมากเพื่อมาผลิตสินค้าพวกนี้ เพียงแต่ไม่มีใครสนใจตีมูลค่าของมัน ว่าไปแล้ว วิถีชีวิตแบบ "พอเพียงและพึ่งพาตนเอง (คนไทยด้วยกันเอง)" ของพระเจ้าอยู่หัวนั่นประเสริฐสุดแล้ว พอประมาณ ไม่เกียจคร้าน ไม่เบียดเบียนคนอื่น แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 46 21:57:46 จากคุณ : United States of America - [ 11 ก.ย. 46 21:56:26 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตามสื่อที่ได้รับบ่อยๆนะครับ คนอเมริกันค่อนข้างที่จะมีระเบียบ ในหมู่คนทำงาน หรือพวกที่มีครอบครัว ตื่นเช้ามานั่งกินข้าวด้วยกัน ออกไปทำงานไปเรียนพร้อมๆกัน คนโสดก็ซดกาแฟ กับขนมปังก็พอแล้ว......................... ใช้ชีวิตในสังคมเป็นส่วนใหญ่ ตกเย็นก็กินมื้อค่ำด้วยกันอีกรอบ... อะไรทำนองนี้ พวกที่ไม่เอาไหนก็อาจจะนอนตีพุงอยู่บ้าน.... ถามว่าต่างจากสังคมไทยตรงไหน? จะพูดว่าทั้งหมดไม่ได้นะครัย คนเราใช้ชีวิตต่างกัน เอาแบบเห็นได้ชัดคือในสังคมอเมริกันจะมีความไว้ใจมากทีเดียว พอเพียงและพึ่งพาตนเอง ของคุณอเมกานี่ อยากไปอยู่ในชนบทแถวแคนนาดาจัง แต่ในความคิดผมกไม่ใช่ว่าละทิ้งเทคโนโลยี่ซะทีเดียว อย่างน้อยก็ต้องมีทีวีติดไว้หน่อย วิทยุก็ด้าย บ้านเราไม่ไหว ในเมืองก็ไม่รู้จะไปอยู่ตรงไหน ในป่าก็เกินไป ที่ไม่มีให้ โจรก็เยอะ บ้านเป็นทางผ่านพวกขนยาขนของเถื่อนเยอะ ถ้าพิมพ์ผิดก็ขออภัยนะครับ จากคุณ : Darth Zomo - [ 11 ก.ย. 46 22:50:37 ]

ความคิดเห็นที่ 4 # 3 มั่วอีกแล้ว จากคุณ : กดกด - [ 12 ก.ย. 46 00:27:31 A:203.113.39.12 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 Khon Thai have more brown noses and nosy krub. . I love Thailand na krub and patriot too... I said just that because I am afraid of mad dogs here. จากคุณ : . - [ 12 ก.ย. 46 01:46:40 A:68.86.8.159 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 เมกันเน้นไปปาร์ตี้ตามบ้าน มากกว่าไปตามผับ แต่ตามผับก็เยอะน่า เมกันเน้นดื่มเบียร์เฮฮา เมายาก เมาแล้วไม่ขับรถเนื่องจากกฏหมายแรง คนไทยเน้นสก็อตวิสกี้ เฮมั่งฮามั่ง เมาแอ๋ ขับรถอีก ตำรวจไม่ว่า เมกัน เห็นอาหารเช้าสำคัญกว่าที่คนไทยเห็น เมกันอย่างน้อยจะหาอะไรกินไวๆ ตอนเช้า เช่นคอร์นเฟลค คนไทยไปหากินเอาตามที่ทำงาน หลังจากตอกบัตร เมกันเน้นมื้อเย็นเป็นมื้อหนัก คนไทย เย็นมั่ง กลางวันบ้าง มื้อดึกก็มี เมกันบริโภคแต่อาหารรสชาติห่วยๆ จืดๆ เค็มๆ แถมพอตกดึก อาหารอร่อยๆ หากินลำบากด้วย คนไทยบริโภคอาหารอร่อยกว่าเยอะ แถมหากินได้ตลอด 24 ชั่วโมง เมกัน เน้นพักผ่อน อยู่บ้าน ไปโบสถ์ ปิคนิก วันอาทิตย์ คนไทย ไม่ค่อยจะนะ ส่วนใหญ่ ปากกัดตีนถีบกว่าคนเมกัน เลยนานๆ ทีจะหาเวลาไปพักผ่อนทั้งครอบครัว เมกัน รวยๆ ต้องมีเรือ รถ suv คนไทย รวยจริง ไม่เน้นเรือ เน้นรถสปอร์ต เบนซ์ บีเอ็ม เมกัน ไม่สนใจเพื่อนบ้านเท่าไหร่ แต่มีโปรแกรม neighborhood watch คอยสอดส่องหัวขโมย บ้านไหนเจอ แจ้ง คนไทย สนใจเพื่อนบ้าน แบ่งปันดี แต่ส่วนใหญ่จะเน้นนินทาเพื่อนบ้านมากกว่า เห็นดีกว่าตนไม่ได้ หากพบขโมยปีนบ้านเพื่อนบ้าน มักไม่แจ้งความ ชายหญิงเมกัน นิยมออกกำลังกาย รักษาหุ่น มากกว่า ชายหญิงไทย แต่พวกอ้วนเผละก็เยอะจริงๆ เยอะเพราะกินเยอะนั่นแหละ จากคุณ : 8) - [ 12 ก.ย. 46 18:46:04 ]

ความคิดเห็นที่ 7 #6 you are right 100% จากคุณ : . - [ 13 ก.ย. 46 04:29:45 A:68.86.8.159 X: ]