วงสัมมนาเครือข่ายฯ ต้านคอร์รัปชันประจำปี 46 นักวิจัยเผยจริยธรรมนักธุรกิจเสื่อมถอย กลายเป็นฝ่ายเสนอจ่ายสินบนเพื่อชิงความได้เปรียบคู่แข่ง ชูฮ่องกงแบบฉบับเขตปลอดคอร์รัปชัน แจกคู่มือกำหราบนักลงทุน จ่ายสินบนมีโทษจำคุก กุนซือ TDRI ชี้คอร์รัปชัน ยุคประชานิยม กลายพันธุ์ซับซ้อน พวก สวมหมวกสองใบ มักมีผลประโยชน์ทับซ้อน นักธุรกิจการเมือง ฉลาดโกงแนบเนียน แฉเล่ห์นักธุรกิจใหญ่มุ่งซื้อเก้าอี้บอร์ดหน่วยงานรัฐเพื่อปกป้องกิจการ กก.สิทธิมนุษยชน จวกข้าราชการจอมหมกเม็ด ปิดกั้นสิทธิการมีส่วนร่วมตรวจสอบของประชาชน จับตานโยบาย แปลงสินทรัพย์เป็นทุน เปิดช่องให้นายทุนหาประโยชน์จากที่ดิน สค.1 เลขาฯ คปต. เหน็บรัฐบาลไม่จริงใจปราบคอร์รัปชัน เตือนประชาชนอย่าหลงเหยื่อ เอื้ออาทร
ในการสัมมนาเครือข่ายภาคประชาสังคมต้านคอร์รัปชัน ประจำปี 2546 เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2546 ณ ห้องประชุมสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดโดยสภาที่ปรึกษาฯ ร่วมกับกองทุนสื่อประชาสังคมต้านคอร์รัปชัน (กองทุน สปต.) และองค์กรพันธมิตร ได้มีการอภิปรายในหัวข้อ คอร์รัปชันยุคประชานิยม โดยมี นายชัยวัฒน์ สุรวิชัย คณะทำงานติดตามและศึกษาปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ตป.) สภาที่ปรึกษาฯ และผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเมือง เป็นผู้ดำเนินการอภิปราย โดยมีนักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิร่วมแสดงความคิดเห็นโดยสรุปได้ดังนี้
พัฒนาการของ สินบน-เงินใต้โต๊ะ
ผศ.ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่าสิ่งที่จะพูดอาจจะไม่ตรงกับหัวข้อ คอร์รัปชันยุคประชานิยม เพราะจะพูดถึงข้อมูลจากงานวิจัยที่ตนทำตั้งแต่ปี 2541 โดยได้รับการสนับสนุนจากธนาคารโลก (World Bank) ที่ต้องการทราบถึงอุปสรรคสำคัญในการทำธุรกิจในประเทศไทย ขณะนั้นเป็นช่วงวิกฤตทางเศรษฐกิจ ปัญหาที่พบก็คือการคอร์รัปชันหรือการรับสินบนในการจัดซื้อจัดจ้าง โดยหน่วยงานหรือผู้มีบทบาทสำคัญในการคอร์รัปชันในลำดับที่สูงก็คือ นักการเมืองและหน่วยงานราชการ โดยเฉพาะหน่วยงานที่ธุรกิจต้องติดต่อมาก เช่น กรมที่ดิน กรมสรรพากร กรมศุลกากร กล่าวคือ ผู้อยู่ในหน่วยงานที่ภาคธุรกิจต้องติดต่อมาก ก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะได้รับสินบนมาก สิ่งที่เกิดขึ้นได้กลายเป็นอุปสรรคสำคัญของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย กลายเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจสูงขึ้น ผู้ประกอบการขณะนั้นมีปัญหาทางเศรษฐกิจอยู่แล้ว แต่ก็ยังต้องจ่ายในสิ่งที่ไม่ใช่ต้นทุนจริง คือต้นทุนแฝงที่ไม่ใช่ค่าวัสดุหรือปัจจัยการผลิต
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะกฎระเบียบที่ยุ่งยาก ยิ่งมีขั้นตอนมากก็ยิ่งเป็นช่องทางให้ต้องเสียเงินมาก ในกรณีที่ข้าราชการต้องใช้ดุลพินิจ นั่นคือช่องทางเลย และมักจะเป็นหน่วยงานที่ข้าราชการอยากไปอยู่ ถ้าเป็นตำรวจก็เหมือน สน.บางเขตที่คนอยากไปอยู่ คือถ้าวิ่งเต้นไปอยู่ได้ก็จะร่ำรวย แบบจำลองนี้เกิดขึ้นกับหลายหน่วยราชการ การที่คนอยากไปอยู่ ตม. อยากไปอยู่กรมศุลฯ ก็เพราะเป็นที่ที่มีโอกาสได้รับสินบน ขณะที่บางหน่วยงานไม่มีโอกาสเพราะไม่ได้ใกล้ชิดผู้ประกอบการ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากจะทำ เพราะข้อมูลที่เราพบมันกลายเป็นประเพณีปฏิบัติที่จะต้องจ่าย ถามผู้ประกอบการว่าทำไมต้องจ่าย เขาบอกว่ามันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ สังคมไทยเป็นอย่างนี้ไปแล้ว ไม่เพียงสังคมไทยเท่านั้น ฝรั่งบอกว่าเป็นสังคมเอเซีย เพราะตะวันตกเขาอาจจะรู้สึกถึงธรรมชาติการจ่ายสินบนน้อยกว่า จากข้อมูลในปี 2541 เราพบว่าวิธีการจ่ายมีปนเปกัน ข้าราชการเรียกร้องเองก็มี บางส่วนนักธุรกิจเสนอจ่ายเอง บางส่วนก็เป็นที่รู้กัน คือ สบตากันว่าคุณจะขออะไร ก็รู้ว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ จึงทำให้รู้สึกว่านั่นคือธรรมเนียมปฏิบัติ
ผศ.ดร.เสาวณีย์ กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่น่าวิตกก็คือ ผลการสำรวจล่าสุดในปีนี้ (2546) พบว่าสถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยอมรับว่าเป็นฝ่ายเสนอสินบนเอง โดยข้าราชการไม่ต้องเรียกร้อง จึงแสดงถึงความเสื่อมถอยในจริยธรรมและคุณธรรมของผู้ประกอบการ ที่ต้องการชิงความรวดเร็วและได้เปรียบเหนือคู่แข่ง จากสภาพการแข่งขันที่จะต้องเอาตัวรอด ทำให้ธุรกิจหาทางเอาชนะอุปสรรคที่มิใช่อุปสรรคของจริง แต่เป็นอุปสรรคที่สร้างขึ้นเอง ดังนั้น ปัญหาสินบนซึ่งเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน จึงมีแนวโน้มว่าจะเลวร้ายยิ่งขึ้น เนื่องจากความเสื่อมถอยด้านจริยธรรมและคุณธรรมของผู้ประกอบการสนับสนุนให้มีการกระทำผิดมากขึ้น
ฮ่องกง แบบฉบับเขตปลอดคอร์รัปชัน
ผศ.ดร.เสาวณีย์ กล่าวต่อไปว่า จากที่ได้มีโอกาสไปศึกษาดูงานด้านการป้องกันแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน หลายประเทศถือว่าปัญหาสินบนเป็นเรื่องสำคัญ แบบจำลองของประเทศที่น่าสนใจก็คือสิงคโปร์และฮ่องกง โดยเฉพาะฮ่องกงหากย้อนหลังไปในยุค 30 ปีก่อน นักธุรกิจอยู่ในสภาพที่ต้องวิ่งเต้นมาก ต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะอย่างเดียว แต่ปัจจุบันฮ่องกงกลายเป็นประเทศที่หลายประเทศต้องศึกษาเป็นแบบอย่างว่าปราบคอร์รัปชันอย่างเด็ดขาดได้อย่างไร ภายในระยะเวลา 20 กว่าปีเท่านั้น ทั้งนี้ ฮ่องกงมีหน่วยงานด้านการป้องกันแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน คือ ICAC มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 1,300 คน โดยการแบ่งงานของ ICAC นอกจากจะมีฝ่ายติดตามตรวจสอบเรื่องร้องเรียนแล้ว ยังมีฝ่ายรณรงค์เผยแพร่ความรู้และสร้างจิตสำนึกแก่ประชาชน รวมทั้งฝ่ายเชื่อมความสัมพันธ์และความร่วมมือกับเครือข่ายภาคประชาชน นักธุรกิจที่เข้าไปลงทุนในฮ่องกงจะได้รับ Gide for business man acts in practise เป็นคู่มือศึกษาจริยธรรมการดำเนินธุรกิจในฮ่องกง
หมายความว่าการจะดำเนินธุรกิจในฮ่องกง ไม่ได้เริ่มต้นโดยการที่จะต้องทราบว่าจะหาแหล่งทุนหรือสินเชื่อได้ที่ไหน แต่คุณจะต้องศึกษาจริยธรรมก่อน คู่มือจะบอกว่าถ้าคุณให้สินบนหน่วยงานจะมีโทษจำคุกอย่างไร คนที่เป็นผู้จัดการใหญ่จะต้องกรอกแบบสอบถามส่งคืน ICAC ว่ามีความเข้าใจมากน้อยเพียงใดด้วย เพราะหากเกิดความผิดพลาดหรือการกระทำผิดขึ้นมา คุณจะไม่สามารถปัดความรับผิดชอบให้พนักงานได้ เพราะฉะนั้นฮ่องกงทำมา 20 กว่าปี จนปัจจุบันกลายเป็นประเทศที่มีคอร์รัปชันน้อยมาก เนื่องจากมีการใช้มาตรการรณรงค์ต่อต้านและป้องกัน โดยไม่ได้เน้นการสอบสวนอย่างเดียว
(กรุณาติดตามตอนต่อไป)
จากคุณ :
PFEC news center
- [
17 ก.ย. 46 18:54:27
A:202.133.160.113 X:
]