ความคิดเห็นที่ 3
4.การบูรณาการกับกลุ่มทุนต่าง ๆ อำนาจเด็ดขาดของพรรคไทยรักไทยจะทำให้กลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ถือว่า อำนาจคือความสำเร็จ จะหวังเข้าร่วมกับแกนเดิมของไทยรักไทย คือกลุ่มธุรกิจสื่อสาร กลุ่มบันเทิง เกษตรกรรม กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ มีโอกาสเกิดระบบพรรคการเมืองที่คุมโดยกลุ่มทุนใหม่ ดังเช่นพรรคแอลดีพีของญี่ปุ่น สภาพเช่นนี้จะทำให้ทุนกระจุกตัวอยู่กับบางส่วน กลไกการแข่งขันทำงานไม่ได้เต็มที่ การตั้งราคาไม่เป็นธรรม ผู้บริโภคเสียเปรียบ สถาบันการเงินของรัฐอ่อนแอ เพราะไม่ได้ทำหน้าที่การเงิน แต่ทำหน้าที่การเมือง ควรสังเกตว่า กลุ่มทุนใหม่เหล่านี้ได้ประโยชน์อย่างถูกต้องตามกฎหมายจากสัญญาหรือสัมปทานจากรัฐโดยผ่านการตีค่าให้เอื้อต่อกลุ่มตน รวมทั้งการเพิ่มค่า ราคาในตลาดทุนอีกด้วย ธุรกิจกลุ่มใหม่ ๆ และการเมืองใหม่นี้จึงสามารถปราบปรามคอร์รัปชั่นแบบผ่านเม็ดเงินของกลุ่มการเมืองเก่าได้ ทำให้เกิดภาพพจน์และความชอบธรรมที่ดีได้ ถึงที่สุดการบูรณาการกลุ่มทุนใหม่เข้ากับภาคการเมือง ภาคราชการ และอำนาจมาเฟีย ก็คือการจัดระเบียบอำนาจและผลประโยชน์ใหม่ให้ลงตัวตามกำลังของแต่ละส่วนในสภาพการเมืองใหม่นั่นเอง กล่าวคือ กลุ่มทุนใหม่ได้ประโยชน์ชัดเจนขึ้น กลุ่มการเมืองท้องถิ่นอิทธิพลมาเฟียและข้าราชการถูกลดผลประโยชน์ลง บูรณาการทุนเพื่อทุน 5.การบูรณาการทุนหรือการเปลี่ยนทั้งประเทศให้เป็นทุน นายกรัฐมนตรีเริ่มต้นด้วยนโยบายประชานิยมและก็อ้างว่าตนเองเป็นสังคมนิยมบวกทุนนิยม หรือทุนนิยมเพื่อสังคม แต่โดยทิศทางใหญ่แล้ว นโยบายพรรคไทยรักไทยก็คือเสรีนิยมใหม่แบบเรแกน แธตเชอร์ที่ประยุกต์ใช้กับประเทศด้อยพัฒนา คือนโยบายทุนเพื่อทุน คือ การเปลี่ยนสิ่งต่างๆในประเทศให้เป็นทุนเพื่อนำรายได้มาใช้เป็นทุนการเเมืองเพื่อควบคุมประเทศโดยทุนนั่นเอง กล่าวคือ ชี้แปลงสินทรัพย์เป็นทุนสร้างหนี้เสียมากขึ้น (ก) การแปลงชนบทและคนจนให้เป็นทุนบริโภค โดยโครงการพักชำระหนี้ โครงการกองทุนหมู่บ้าน โครงการเอื้ออาทรต่าง ๆ สำหรับโครงการแปลงสินทรัพย์หรือที่ดินเป็นทุน ซึ่งนายกรัฐมนตรีเพิ่งแถลงให้เป็นส่วนหนึ่งของ การปล่อยทาสทุนนิยม ให้ชาวบ้านได้มีเครดิต มีโอกาส มีอิสระ เป็นตัวของตัวเองเป็นครั้งแรก แต่ในความเป็นจริง เป็นการชักนำชาวบ้านไปสู่วงจรทุนนิยมครบวงจร ซึ่งชีวิตในยุคโลกาภิวัตน์เต็มไปด้วยความเสี่ยง ซับซ้อน การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รมทั้งเต็มไปด้วยอิทธิพลบริโภคนิยมนี้ จะทำให้เกิดวงจรทรัพย์สิน (รัฐและชาวบ้าน) ทุน บริโภคนิยม หนี้สิน แรงงานรับจ้าง ฯลฯ เกิดเพิ่มมากขึ้น มีการวิจัยและการสังเกตของผู้เกี่ยวข้องที่บ่งบอกว่า เงินกองทุนหมู่บ้านหรือเงินกู้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ถูกนไปใช้ในการบริโภค มือถือ รอมอเตอร์ไซค์ รถปิกอัพ การสำรวจเบื้องต้นบ่งบอกว่าเงินกู้ดังกล่าวจำนวนมากเป็นเอ็นพีแอล แต่ที่ไม่ปรากฏเป็นตัวเลขออกมาเพราะชาวบ้านใช้วิธีกู้นอกระบบมาชำระเพื่อกู้ต่อ สถิติตัวเลขหนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้น คือจากครัวเรือนละ 52,000 บาท ในปี 2538 เพิ่มขึ้นเป็น 69,279ในปี 2544และ 82,478 ในปี 2544 สะท้อนพฤติกรรมบริโภคและปัญหาที่รุมเร้า โครงการแปลงทรัพย์สินคงมีชะตากรรมแบบเดียวกัน คือท้ายที่สุด ที่ดินก็จะหลุดจากมือชาวบ้านชาวไร่ เป็นเอ็นพีแอลให้บริษัทเกษตรกรรมใหญ่ ๆ มารวบรวมเพื่อเปลี่ยนเป็นฟาร์มเกษตรทันสมัย โดยมีเจ้าของเดิมเป็นลูกจ้าง วิธีการนี้จึงซ้ำรอยเดิมของวิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการบริโภค ไม่ใช่โดยภาคการผลิตจริง ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์หลายคนได้ออกมาเตือน การใช้เงินของรัฐเองก็ฟ้องว่าทำเพื่อสร้างภาพเสียมากกว่าจะมุ่งประสิทธิผลในการผลิต พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบบซีอีโอเสี่ยงต่อการนำเอาอธิปไตยชาติไปเป็นทุน (ข) การแปรทรัพยากรหรือทรัพย์สินรัฐเป็นทุน การบริหารแบบซีอีโอของรัฐบาลและผู้ว่าฯ จะให้ความสะดวกรวดเร็ว การจัดการทรัพยากรโดยทุน ในการแปรทรัพยากรเป็นทุนนี้บางครั้งเสี่ยงต่อการนำเอาอธิปไตยของชาติไปเป็นทุนเช่นกัน อาทิ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การเปิดเสรีและแปรรูปกิจการโทรคมนาคมต่างๆ (ค) การทำให้คุณธรรม ศีลธรรมเป็นทุน ทุกสังคมจำเป็นต้องมีศีลธรรมคุณธรรมหลาย ๆ ด้าน เป็นตัวยึดเหนี่ยว ซึ่งเป็นเหตุผลให้คนไทยคัดค้านการเปิดบ่อน จดทะเบียนโสเภณีมาตลอด แต่ในยุคนี้เราจะได้เห็นการทำให้กิจการผิดกฎหมาย เช่น หวย โสเภณี คาสิโน การพนันหลากหลาย กระทั่งยาเสพติดบางชนิด ถูกกฎหมายหรือกึ่งถูกกฎหมาย คือถูกกับขอบเขตโดยข้าราชการหรือภาคการเมืองได้ โดยสปิริต การทำเช่นนี้ก็คือสิ่งเดียวกับการแปรรูป (deregulate หรือ privatization) นั่นเอง
จากคุณ :
can
- [
6 ต.ค. 46 01:02:06
A:203.156.5.106 X:
]
|
|
|