คนอเมริกันมองโลกอย่างไร ? จริง ๆ แล้ว มีวิธีคิดแบบอเมริกัน มีวัฒนธรรมของชาติจริงหรือไม่ ? สมองพวกเขารับรู้ข่าวสาร โดยผ่านช่องทางไหน แล้วใช้กลไกอะไรตอบสนอง ? เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมพูดว่า ลึก ๆ แล้ว วัฒนธรรมอเมริกันล้มเหลว เพราะขาดการข่าวกรอง ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า เราจะวิเคราะห์ และตีแผ่มันออกมาได้หรือไม่ (บางคนบอกว่าวัฒนธรรมอเมริกัน เป็นสิ่งที่ขัดกันมาก ๆ)
ที เอส อีเลียต กวีและนักวิจารณ์ ผู้โด่งดังพูดถึงวัฒนธรรมอังกฤษ ไว้ดังนี้ ผู้อ่านพึงถามตัวเอง เหมือนที่ผู้เขียนมักเตือนตัวเอง บ่อย ๆ ว่า รายการข้างล่างนี้ เป็นวัฒนธรรมหรือเปล่า คือ วันแข่งถ้วยดาร์บี้ เฮนรี่ รีกัตต้า ศูนย์การแข่งเรือใบที่เมืองคาวส์ วันที่สิบสองสิงหา (เริ่มฤดูยิงไก่ป่า) วันชิงถ้วย การแข่งหมา โต๊ะพิน-บอล เป้าปาลูกดอก เนยแข็งเวนสลี่เดล กะหล่ำปลีต้ม หั้นเป็นชิ้น ๆ หัวบีทรูทดองนำส้ม โบสถ์กอธิคศตวรรษที่ 19 และดนตรีของเซอร์เอลก้า
ผมลอกแบบอีเลียต แล้วก็พอจะรวบรวมสิ่งที่อาจจะเรียกได้ว่า เป็นวัฒนธรรมของคนอเมริกัน ดังนี้
1. ขับรถช้า ๆ ในเลนกลาง คนอเมริกันถือเป็นอภิสิทธิ์ ที่จะขับรถแบบเอื่อย ๆ (ระบบการจราจรในสหรัฐขับชิดซ้าย เลนด่วนจึงอยู่ซ้ายมือ) ทำให้พวกขับรถเร็ว ต้องหันมาวิ่งในเลนชิดขอบทาง การขับรถแบบนี้ ทำให้รถติด นี่เป็นเรื่องน่าเศร้าของลัทธิแบ่งเฉลี่ย คนอเมริกันคิดว่า พวกเขาจะขับแบบไหนก็ได้ตามใจ ส่วนในยุโรปอภิสิทธิชนครองถนน คนขับรถเร็ววิ่งเลนกลาง คนขับข้าชิดข้างทาง
2. ทำลายรสชาติกาแฟแบบกินทิ้ง กินขว้าง ร้านกาแฟในอเมริกาต้มกาแฟ แบบที่คนอเมริกันเชื่อกันผิด ๆ ว่า เป็นรสนิยมของคนยุโรปขนานแท้ กาแฟตามปกติจะต้องขม ๆ หวาน ๆ แบบกาแฟอิตาลี แต่คนอเมริกันไม่ชอบ จึงเทนมลงไปกลบรสชาติ แบบที่เรียกว่า ลัตเต้ ซึ่งผมไม่เคยเห็นคนอิตาเลี่ยนคนไหน สั่งแบบนี้เลย ตรงกันข้าม พวกเขาดื่มกาแฟคัปปูชิโน่ ใส่นมนิดหน่อย ดื่มเสร็จ ทิ้งฟองไว้ในถ้วย ถ้าคนอเมริกันไม่ชอบ แล้วทำไม่ต้องเสียเงินซื้อแพง ๆ ? ที่ทำเช่นนั้นก็เพราะ แพงแล้วดูหรูหรา พวกสาวเลขา ฯ พวกเดินห้างชอบ
3. ชงชาใส่น้ำล้างจาน ถ้าเข้าไปสั่งชาในร้านคนอเมริกัน เขาจะให้น้ำอุ่นมาถ้วยหนึ่ง กับชาซองหนึ่ง ไม่มีเครื่องดื่มแบบไหนในโลก น่าขยะแขยงเท่า เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึง คำพูดของอับราฮัม ลินคอล์น ที่ว่า บ๋อย ถ้านี่เป็นกาแฟ ไปเปลี่ยนเอาชามาให้ผมถ้วยหนึ่ง แต่ถ้านี่เป็นชา ก็ไปเอากาแฟมาแทน
4. เหล้าองุ่นรสถังไม้โอ็ค คนอเมริกันรู้เรื่องไวน์ พอ ๆ กับกาแฟ คนทำไวน์ในแคลิฟอร์เนีย จะเอาไม้จากต้นโอ็ค ใส่ถังหมักชาร์ดอนเน่ย์ (องุ่นขาว) เพื่อให้ได้กลิ่นหมักจากถังไม้โอ็ค ไวน์ถูก ๆ ทำแบบนี้จริง ๆ แต่ขวดที่มีราคาหน่อย ก็ยังได้กลิ่นแบบนี้อยู่ ความคิดคนอเมริกัน บอกว่าไวน์จะดี ต้องหมักแคเบอร์เนต์ โซวีญง (องุ่นแดงที่ใช้หมักไวน์ชั้นยอด) ให้ได้กลิ่นไม้โอ็ค อย่างดีที่สุด เหล้าองุ่นอเมริกันให้รสชาตินุ่มนวล ชวนเมา แต่ไม่อาจเลียนแบบรสชาติเหล้าองุ่นจากยุโรปได้
5. สถาปัตยกรรมแบบช็อปปิ้ง-มอลล์ เมืองขนาดกลางในอเมริกาส่วนใหญ่ กลายเป็นย่านชานเมืองไปแล้ว โดยมีห้างสรรพสินค้า เข้ามาตั้งเป็นศูนย์กลางของเมืองแทน คนอเมริกันส่วนใหญ่ จึงไม่ค่อยมีที่ชุมนุมกัน แม้แต่โบสถ์ก็ย้ายเข้าไปอยู่ในห้างสรรพสินค้า เพื่อสะดวกในการตอบสนองรสนิยม ลูกค้าที่มาชุมนุมกัน ลักษณะสาธารณสมบัติ เช่น โบสถ์ วิหาร อนุสาวรีย์ สาธารณะสถาน ฯลฯ หายไปจากเมือง มองไปทางไหนก็เห็นแต่อาคารพาณิชย์ล้วน ๆ ชาวยุโรปคุ้นกับตึกรูปทรงกะทัดรัด วันเดียวเดินรอบ ไม่ใช่ สอง-สามวันก็แล้ว ยังไปไม่หมด
6. เมนูเดียวใช้ได้ทั้งประเทศ (มีอาหารทุกอย่างเบ็ดเสร็จ เม็กซิกัน-อิตาเลี่ยน-อาหารทะเล-แขก-ไทย-จีน) คนรุ่นก่อน สามารถหากินอาหารท้องถิ่นต่าง ๆ นานา แต่ทุกวันนี้ ไปทางไหนก็เห็นมีแต่ร้านพิซซ่า ทาโก้ อาหารทะเล ซีซาร์สลัด แฮมเบอร์เกอร์ ฯลฯ เพราะครัวในภัตตาคารอาหารอเมริกัน เปลี่ยนอาหารประจำชาติ แบบต่าง ๆ ให้เป็นแป้งราดหน้าเนื้อ เหมือนกันไปหมด แม้การประดิษฐ์ประดอยจะทำได้ไม่เลว แต่เห็นแล้วก็ละเหี่ยใจ คนอเมริกันกินแป้งกับไขมันมาก จนอ้วนเป็นตุ่มกันไปหมด
7. เคี้ยวยาเส้น ใครจะไปบรรยายได้ดี ไปกว่าไฮน์ริช ไฮนี กวีผู้ยิ่งใหญ่ของเยอรมนี ในกลางศตวรรษที่ 19 เขาเขียนว่า บางที่ผมก็อยากจะอพยพไปอยู่อเมริกา แต่ก็กลัวประเทศ ที่คนยังเคี้ยวยาเส้นกันอยู่
8. วัฒนธรรมแบบมือสอง การไม่มีวัฒนธรรมสูง ไม่ใช่เรื่องน่าอาย นักแสวงบุญในนิวอิงแลนด์ สมัยตั้งรกราก ก็ปฏิเสธวัฒนธรรมชั้นสูงของยุโรป แต่ชาวอเมริกันในศตวรรษที่ 19 กลับเลือกวัฒนธรรมชั้นสูง เลียนแบบ สุภาพบุรุษกระฎุมพี ของชอง-แบ็บติส โปรแกรองต์ โมลิแยร์ เพราะสอดคล้องกับรูปลักษณ์ ที่น่านับถือของตนมากกว่า คนอเมริกันที่ไม่รู้จักการอุปมาอุปมัย ไม่อาจเข้าใจงานเขียน ของดังเต้หรือของเกอเธ พวกเขาเอาแต่อ่าน โมบี้ ดิ๊ก ของเฮอร์แมน เมลวิลล์ อย่างไม่ลืมหูลืมตา ชาวอเมริกันคงแก่เรียน ที่ไม่เคยได้ยินเรื่อง Lazarillo de Tormes ในสมัยศตวรรษที่ 16 ย่อมต้องเชื่อว่า เรื่อง Huckleberry Finn ของมาร์ก ทเวน เป็นงานเขียนของแท้ดั้งเดิม คนอเมริกันอย่างน้อยสองรุ่น รับวัฒนธรรมแบบมือสองแบบนี้ แต่ทุกวันนี้ นักศึกษามหาวิทยาลัย หากไม่จมอยู่กับหนังสือการ์ตูน หรือนั่งหน้าจอทีวี ก็มักจะหันไปอ่านนักเขียนผิวดำ หรือไม่ก็นักเขียนสตรี เพื่อเอามาถ่วงดุล วัฒนธรรมหัวกะทิ แบบนี้
9. หลอกง่าย ถ้าคนอเมริกันยังชอบชาร์ดองเนย์ แช่ขี้เลื่อยจากไม้โอ๊ค จนเกือบเป็นยาง กินนมผสมกาแฟ เข้าร้านอาหารเมนูมาตรฐาน อ่านวรรณคดีคลาสสิกมือสอง แล้วจะมีอะไรเหลือให้ซื้ออีก ?
คนเราคิดไปจากตัวตนของพวกเขา ไม่ใช่แค่คิดตามหลักตรรกะ คนเราใช้วิธีเลีย ดม ดู สัมผัส เป็นผัสสะในการรับรู้โลก มากกว่าทัศนะของนักปรัชญา ที่เราอ่านในโรงเรียน วัฒนธรรมเป็นกาว ที่ยาคนแต่ละรุ่นเข้าด้วยกัน แต่พิกลที่วัฒนธรรมอเมริกัน เป็นแบบประเดี๋ยวประด๋าว ด้วยเหตุนี้ คนอเมริกันจึงไม่สามารถจินตนาการถึงคนถือสายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรม ว่าสำคัญถึงขั้นเป็นตาย เรื่องนี้บางทีก็มีเสน่ห์ ส่วนใหญ่เป็นนิสัยที่ไม่มีพิษมีภัยใด ๆ แต่เมื่อต้องเจอกับวัฒนธรรมอิสลาม กลับกลายเป็นมีช่องว่างที่น่าเศร้าไป
http://www.manager.co.th/around/viewNews.asp?newsid=4666554543375
จากคุณ :
..
- [
27 พ.ย. 46 12:48:19
A:203.155.1.2 X:
]