ความคิดเห็นที่ 1 เห็นด้วยทั้งหมดแต่เอ๊ะ เพราะคนไทย สายตาสั้นน่ะ เลือกเข้ามาได้อย่างไร นายกประเทศที่เจริญแล้ว แล้วซ่อนหุ้นเพื่อเลี่ยงภาษีนี่น่ะ ที่จะเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติ อดึตมันบอกอนาคต แต่ตอนนี้ปัจจุบัน มันกำลังจะบอกอนาคตประเทศชาติว่า ต่อไปมีปัญหาแน่ เพราะด้านจิตใจกำลังมีปัญหา ประชาชนถูกหลอกให้เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันดี ทำไมประเทศที่พัฒนาแล้ว เขากลับสนใจในเรื่องวัตถุน้อยมาก หรือน้อยลง เป็นสังคาพอเพียงมากกว่าไทย ทำไม เพราะคนในประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ต้องไปวิ่งตามภายนอก แต่สอนให้คนมองเข้าไปภายใน ยกตัวอย่างง่ายๆว่า ในยุโรป เราเหยียบเท้าข้ามถนน รถจอดเพื่อต้องให้เราข้าม ไม่แก่งแย่งกันแบบบ้าเลือด เห็นใจในชีวิตอื่น พยายามช่วยเหลือสังคม ทำให้สังคมสงบ เพราะหากเราเอาเปรียบสังคม มันก็ต้องมีคนถูกเอาเปรียบ แล้วท้ายสุดมันก็ต้องสะท้อนออกมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แล้วก็มีปัญหา มีต้นทุนในการแก้ปัญหามากมาย ผมคิดสนุกๆว่า ประเทศอื่น เป็ดข้ามถนนเป็นฝูงๆ ฝูงเล็กๆ คนขับรถต้องหยุด แม้ว่ามันเป็นแค่เป็ด เดินช้าๆ เหมือนไม่รู้ไม่ชี้ แต่คนทุกคนก็เคารพในชีวิตของพวกมัน ถ้าเป็นเมืองไทย ขนกระจุยแน่ ความแตกต่างมันเห้นได้ชัด แต่นี่เรากำลังจะก่อปัญหาแบบใหม่ให้กับสังคม เพราะมันจะสร้างรายได้มหาศาลให้กับใคร ให้กับใครคนดีของประชาชน 11 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าคนไทยจะตาสว่างขี้นจากสิ่งที่กำลังเป็นอยู มันเหมือนกับคนไทยส่วนใหญ่กำลังอยู่ในโรงหนัง มันไม่ใช่ของจริง เมื่อหนังจบน่ะแหละถึงจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร จากคุณ : Hollywood - [ 30 พ.ย. 46 04:33:43 A:203.109.254.50 X:203.173.192.158 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมถามพวกคุณหน่อย พวกคุณทำงานอะไร เงินเป็นส่วนสำคัญในชีวิตครับ การดำรงชีพ ในปัจจุบัน เงินมีส่วนมากครับ ผมมีลูกต้องสร้างอนาคต ให้เขา สงสัยคุณไม่มีเลยไม่รู้ การที่คนเราบอกว่าคนโน้นทำไม่ดีคนนี้ทำไม่ดี แล้วเปรียบเทียบกับอะไรครับ ผมมีบ้านอยู่ ทุกวันนี้ถ้าไม่มีเงิน มีใครให้อยู่ฟรีหรือเปล่า หรือคุณให้อยู่ฟรี รัฐบาลหาเงินเพราะอะไร การกระตุ้นการใช้จ่าย เป็นส่วนสำคัญในการบริหารประเทศมาก ๆ ครับ อย่าว่าผมว่า ปชป เลย ที่ผ่านมามันดีกว่านี้หรือ ถามหน่อย ที่ผมทำงานมีคนมาอบรม คนอบรมเก่งมาก ๆ เขา บอกคิดใหม่ทำใหม่ เท่านั้น ประเทศเราจะรอด หรือ พระเจ้าอยู่หัวเรายังทรง ให้ทฤษฎีใหม่ เลย การจัดระเบียบสังคมก็ถูกต้องแล้วครับ เพราะทุกวันนี้สังคมเรามันวุ่นวายจริง ๆ ยกตัวอย่างง่าย ๆ เมื่อก่อนคุณจาติดต่อใครสักคน ก็ยากมาก ต้องเขียนจดหมาย แต่เดียวนี้หาเบอร์ก็ติดต่อกันได้ ทำไมคนเราไม่ให้โอกาสละครับ ที่ ปชป ยิ่งนายชวน ดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุน จากคุณ : ไอ้แต๋ว ซ่า - [ 30 พ.ย. 46 06:11:42 A:210.1.24.250 X:192.168.0.226 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ได้ฟังรำพึงรำพันของกระทู้นี้แล้ว....ขอเรียนว่าผมเศร้าใจจริงๆ อย่างนี้นี่เล่าประเทสไทยถึงได้เจริญช้า เพราะเชื่อว่า....แนวคิดและวิธีคิดของคนไทยอีกไม่น้อยที่เป็น ประเภทรอคอยโชคชะตาและไม่ยอมหลุดจากกรอบกะลาครอบ เศร้าใจจริงๆ.....อนิจจา! จากคุณ : สาละวิน - [ 30 พ.ย. 46 06:22:03 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยครับ กับ คห 3 ถ้างั้นเราต้องไปเริ่มต้นใหม่ ด้วยละซิ จากคุณ : ไอ้แต๋ว ซ่า - [ 30 พ.ย. 46 07:21:42 A:210.1.24.250 X:192.168.0.226 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มีเงิน แต่ไม่มีคุณธรรม ชีวิตก็ไปไม่รอด แรกๆผมก็เห็นด้วยครับเปิดพนันเสรี...แต่ไปๆมาๆผมว่าอย่าดีกว่า อย่างเปิดบนดินไปก็ใช่ว่า ใต้ดินจะหมดไป มีหวยเป็นตัวอย่างแล้ว อย่างยาบ้า ทักษิณออกมาคุยโม้ ผมว่าพอไปนานๆมันก็ออกมาระบาดอีก จะให้ดีก็ต้องปลูกฝังจริงๆ ให้เด็กมีคุณธรรม เข้าวัดเข้าวา อย่างกรณีวัตถุนิยมนั้น ผมว่ามัน่วยไม่ได้ครับ เป็นทางเลือกของเด็กเขาเอง กรณีแก้ไขปัญหาก็ต้องใวธีปลูกฝังอยู่ดี ดังนั้นผมว่าโรงเรียนสำคัญสุดครับ น่าจะสอนให้เด็กเข้าใจจริยะธรรมเป็นหลัก ไม่สักแต่จะเอาความรู้ ยัดสมอง ไอ้แต๋ว ซ่า - ครับ ผมเห็นด้วยครับ แต่ผมว่า ถ้าเงินที่ได้มานั้นมันเป็นเงินที่ทำให้สังคมถดถอยนั้นผมว่าอย่าดีกว่าครับ ลูกคุณอาจจะได้เรียนสูงๆ แต่ลูกคุณติดการพนัน ติดอบายมุข ทุกอย่างมันก็คงไม่มีความหมายหรอกครับ วิธีที่จะให้ได้เงินดีที่สุดผมว่าการขยันทำงานครับ คุณคิดูครับ ถ้าเปิดบ่อนเสรีไอ้พวกอยากสบายทางลัดมันจะทำงานกันเปล่า จากคุณ : มือปราบฯ - [ 30 พ.ย. 46 07:26:38 A:24.2.67.160 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 โอ้ศัพท์ใหม่ ดังแต่ท่อล้อไม่หมุน มอบให้พวก NATO เป็นของขวัญปีใหม่ จากคุณ : เดชา - [ 30 พ.ย. 46 07:54:52 A:203.113.51.6 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 เข้ามาเห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ครับ ภาพการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน คนไทยส่วนใหญ่มองหลักชัยในการดำเนินอยู่ที่เชิงปริมาณ เราจะเน้นความมั่งคั่งหรือความร่ำรวยว่าจะเป็นพาหนะที่จะนำพาเราไปหาความสุขได้ ซึ่งวิธีการอย่างง่ายก็คือการเร่งรีบเปลี่ยนทรัพยากรให้เป็นเงินกันเร็ว ๆ และเงินก็จะกลายเป็นแก้วสารพัดนึก สามารถเสกเป่าให้ชีวิตมีความสุขได้ในบัดดล คนไทยในปัจจุบันจึงใส่อัตราเร่งของชีวิตกันอย่างสุดตัว โดยไม่ได้ไตร่ตรองถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ทั้งในแง่ของความสมดุลของชีวิตครอบครัว ความสมดุลของทรัพยากรที่ถูกเผาผลาญไปอย่างไร้ค่า ป่าชายเลนนับร้อยไร่ถูกเปลี่ยนให้เป็นนากุ้งเพียงเพื่อจะแลกกับดอลล่าห์มาชื้อเรือสำราญหรูๆได้เพียงลำเดียว .และมิตินี้มองได้ว่า .การพัฒนาที่ขาดความสมดุลจะทำให้สังคมในอนาคตจะเกิดปัญหา เป็นการพัฒนาที่ขาดความยั่งยีน มิติที่ซับซ้อนจะต้องเข้าใจถึงรากเหง้าของวัฒนธรรมดั่งเดิมของไทย สังคมไทยพัฒนาตนเองมาจากวิถีกสิกรรม ที่คนต้องพึ่งพากันในอาชีพสูง....ประชาสังคมในระบบเก่าจึงยึดโยงกับการเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่เป็นทางการ และเนื่องจากสังคมไทยเป็นวิถีพุทธ หลักศาสนาได้เข้ามากำหนดวิถีไทย ให้เน้นความเป็นไปอย่างธรรมดา มีความสุขที่อยู่บนพื้นฐานของทางสายกลาง ระหว่างมาตรฐานการบริโภคทางวัตถุ กับคุณภาพชีวิตทางจิตใจ สังคมเก่าจึงเป็นประชานิยมในอีกลักษณะที่ไม่เน้นความสะดวกสบายทางวัตถุแต่ถึงพร้อมด้วยมาตรฐานในความยั่งยืนทางจิตใจ อันเปรียบได้กับ “สุขเย็น” ที่หมายถึง เย็นบนพื้นฐานความสมดุลของธรรมชาติระหว่างวัตถุและจิตใจไปพร้อมกัน....ส่วนสุขในแนวใหม่ มักจะเกิดมาจากอาการสุดโต่งของการเสพบริโภควัตถุ จึงน่าจะเรียกได้ว่าเป็นสุขร้อนหรือ “สุก” ที่ต้องกระเสือกกระสนต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อให้มีมาตรฐานการบริโภคที่เหนือคนอื่น เป็นความสุขแบบสุกเอาเผากิน มาตรฐานความสำเร็จของชีวิตสมัยใหม่จะวัดความสำเร็จของชีวิตที่ความมั่งคั่งหรือมีเงินตรา คำว่าความเจริญจึงมักมองที่นัยของสังคมที่แข่งกันผลิตและแข่งกันบริโภคเป็นหลัก โดยมองผ่านคุณภาพชีวิตตัวอื่น เช่น การพัฒนาจิตใจหรือการพัฒนาสังคมไป หลักของทางสายกลางจึงน่าจะยังมีความสำคัญอยู่ในปัจจุบัน รัฐน่าที่จะส่งเสริม “สินค้าคุณธรรม (Merit Goods) มากกว่ารูปแบบการเปิดตัวสินค้าอบายมุขที่กำลังนำเสนออยู่ในปัจจุบันครับ จากคุณ : ไทยพันธุ์แท้ - [ 30 พ.ย. 46 07:56:49 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นด้วยกับคุณ ไทยพันธุ์แท้ พันเปอร์เซ็นต์ค่ะ จากคุณ : พลอยเพชร - [ 30 พ.ย. 46 08:03:10 A:203.113.41.42 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 เราเชื่อมั่นในปรัชญาของ เศรษฐกิจแบบพอเพียง และเข้ามาเห็นด้วยกับคุณไทยพันธุ์แท้ อีกคนค่ะ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 46 08:38:09 จากคุณ : มัชฌิมา - [ 30 พ.ย. 46 08:35:15 ]

ความคิดเห็นที่ 10 #3 ดีแต่บ่นอย่างเดียว ไม่เห็นมีความคิดอะไรมา share กันเลย...หรือคิดไม่ออก จะบอกให้ก็ได้ว่า ไม่ใช่สาละวินคิดไม่ออกคนเดียวหรอก เจ้านายตัวเองก็คิดไม่ออกเหมือนกัน เพราะความโลภของตัวเองและคณะฯมันบังตา ---- ลองคิดดูง่ายๆ ถ้ามี 100 Taksin ประเทศไทยจะไปรอดไม๊ คิดดูง่ายๆ คนหนึ่ง กอบโกย 50,000 ล้าน คูณ 100 เข้าไป เงินจะไปกระจุกอยู่ที่คน 100 คน เป็นเงิน 50,000 ล้าน X 100 = 5,000,000 ล้านบาท เราอยากรู้ว่าคนอื่นจะเหลือ อะไร ?? นี่ คณิตศาสตร์แบบ Basic นะเนี่ย ตอนนี้ทุกคนใน ครม เร่งปั๊มเงินให้รวยเท่าท่านนายกฯ อย่าง พงษ์เทพ เทพกาญจนา และ สุดารัตน์ เป็นต้น พวกหน้าเงินทั้งนั้น ต้องยกคำของคานทีมาดัดแปลงหน่อยว่า ....ความร่ำรวยของประเทศชาติ นั้นพอเพียงที่จะเลี้ยงให้ทุกคนในประเทศอยู่สบาย แต่ไม่พอหรอก สำหรับความกระหายโลภมากของคนกลุ่มหนึ่ง สาละวินไปผ่าตัดเติมสมองหน่อยท่าจะดีนะ ถ้าฟังไม่เข้าใจ ( มากัดเราก่อนนี่หว่า 5555) จากคุณ : Cool (Venus & Mars) - [ 30 พ.ย. 46 09:22:17 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตอนนี้ทุกคนใน ครม เร่งปั๊มเงินให้รวยเท่าท่านนายกฯอย่าง พงษ์เทพ เทพกาญจนา และ สุดารัตน์ เป็นต้น พวกหน้าเงินทั้งนั้น ผมขออนุญาตไม่เห็นด้วยกับคุณ Cool ในข้อความที่ยกมา เพราะถ้าเขารวยโดยสุจริตเราจะไปว่าเขาได้อย่างไร แต่ถ้าเขาทุจริตก็สมควรยึดทรัพย์มาเป็นของส่วนรวม การที่จะตัดสินคนด้วยตัวเงินที่เพิ่มขึ้นอย่างเดียวแต่ไม่ดูที่มาของเงินคงไม่ยุติธรรมนักสำหรับคนทำงาน จากคุณ : เดชา - [ 30 พ.ย. 46 09:40:18 A:203.113.51.6 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 #11 ไอ้พวกสุจริตตามกฎหมาย อย่ามาพูดให้เมื่อย ไปไกลๆเราจะดีกว่า --- เราพูดว่า ทรัพยากรในโลกนี้มีจำกัด ดังนั้นเอาไปเก็บกักไว้แล้ว คนอื่นจะใช้อะไร เหมือนคุณซื้อที่ดินที่มีอ่างเก็บน้ำ คุณปิดอ่างเก็บน้ำ คุณสุจริตและถูกกฎหมาย แต่ในทางมนุษยธรรม คุณทำไม่ได้ เพราะชาวบ้าน เขาต้องใช้น้ำในอ่างเก็บน้ำ เช่นกัน เม็ดเงิน ก็มีไว้ ร่วมกันใช้ ต้องแบ่งปัน ไม่ควรเอาไปเก็บกักไว้คนเดียว จะทำให้คนอื่นลำบาก นี่แหละ #11 นายเดชานี่แหละ ตัวอย่างของ คนที่ไม่มีการศึกษาอย่างแท้จริง และขอรวมไปถึงนาย พงษ์เทพ และนางสุดารัตน์ด้วย ไม่มีการศึกษาอย่างแท้จริง ขอบอก ....แม้ว่าตามกฎหมาย จะเป็น รมว ก็ตาม ทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วยความเขลาของตัวเอง คนที่ไม่มีการศึกษาที่ดี จะมองประเด็นมนุษยธรรม และ กฎหมาย ไม่ออก ว่าต่างกันอย่างไร แล้วก็จะละเมิดคนอื่นโดยไม่รู้ตัวอย่างงี้เรื่อยไป เราเบื่อที่จะอธิบายแล้ว เรื่องง่ายๆ ยอมรับผิดซะก็หมดเรื่อง....เขลามาก จากคุณ : Cool (Venus & Mars) - [ 30 พ.ย. 46 09:54:57 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อ้าวแล้วกันคุณ Cool หาว่าผมเป็นตัวอย่างของคนที่ไม่มีการศึกษาอย่างแท้จริง ผมสุภาพกับคุณหาเหตุผลมาแย้ง คุณอย่ามาใช้คำพูดที่รุนแรงจนเกินเหตุ คุณเป็นคนมีการศึกษาใช่ไหม ใจเย็นๆคุณก็มีเหตุผลของคุณผมก็มีเหตุผลของผม เราโตๆกันแล้วอย่าทำตัวเป็นเด็กอมมือ จากคุณ : เดชา - [ 30 พ.ย. 46 10:03:11 A:203.113.51.6 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 สรุปแล้วคุณ cool บอกว่าทุกคนห้ามรวย ควรจะแ่บ่งปันให้เท่ากัน ทั้งคนขี้เกียจ คนขยันทำมาหากิน ควรได้เงินเท่ากัน เปลี่ยนเมืองไทยไปเป็นคอมมิวนิสต์ดีกว่า คนรวย เพราะขยัน คนจนเพราะไม่ทำอะไร จะให้มีแบ่งปันให้เท่ากัน หรือ??? จากคุณ : H.T. - [ 30 พ.ย. 46 10:14:10 A:203.170.158.248 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 Rank Major Shareholders # Shares % Shares 1 นางพนิดา เทพกาญจนา 26,701,748 7.60 2 น.ส.ฐิตินันท์ วัธนเวคิน 17,605,800 5.01 3 บริษัท น้ำตาลตะวันออก จำกัด 17,300,000 4.92 4 นางจรรย์สมร วัธนเวคิน 14,973,520 4.26 5 HSBC (SINGAPORE) NOMINEES PTE LTD 13,578,400 3.86 ไม่ได้แก้ตัวแทนคุณพงษ์เทพหรอก ที่เมียเขารวยเพิ่มขึ้น 500 ล้าน เป็นเพียงตัวเลข เพราะ หุ้น kk เพิ่มขึ้น 100% จากเมื่อ 3ปีก่อน ไม่อยากให้เจ้าของกระทู้บอกเรื่องที่ ท่านไม่ทราบข้อเท็จจริงให้ คนหลงเชื่อ พูดเหมือนว่าเขาทำการทุจริตมาอย่างนั้น ถ้าท่าน จะเบี่ยงประเด็นต่อไปก็ไม่ว่าอะไร พูดอะไรออกไปท่านก็รู้เจตนาของท่านเอง จากคุณ : bclean - [ 30 พ.ย. 46 10:42:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เจ้าของบอกว่าเงินไม่ใช่ฐานรากของสังคม ผมว่าพูดถูกครึ่งเดียวนะครับ หากมองในมุมมองที่แคบๆ แคบมากๆเลยก็จะคิดอย่างเจ้าของกระทู้ว่า อย่างน้อยที่สุดประเทศไทยมีหนี้สินจำนวนมาก ที่เป็นภาระจะต้องใช้คืน หากไม่เอาเงินมาเป็นตัวกำหนดบทบาทการบริหารประเทศแล้ว หนี้ก้อนมหึมาที่รัฐบาลก่อนๆนี้ทำไว้จะชดใช้คืนเขาอย่างไร คนไทยถูกต่างชาติกอบโกยความมั่งคั่งไปแล้ว ก็สมควรที่ไทยเราจะเอาคืนมาบ้าง จะโดยวิธีไหนก็แล้วแต่ ขอให้ได้รับการยอมรับทางสังคมและทางจริยธรรมก็โอเคแล้วครับ จากคุณ : สามสุข - [ 30 พ.ย. 46 11:47:45 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่ใช่ห้ามรวยหรอกนะ แต่คือมีอยุ่มีกิน แล้วต้องรู้จักพอไง ถ้ามือใครยาวสาวได้สาวเอา อย่าหวังเลยว่าคนจนจะหมดประเทศ มันก็แค่คำพูดสวยหรูเท่านั้น เพราะไม่ได้พัฒนาคน ไม่ได้พัฒนาจิตใจ มัวแต่พัฒนาวัตถุ จากคุณ : amonkawee - [ 30 พ.ย. 46 14:05:55 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่องเงินนี่สำคัญ เรื่องคุณธรรม ศีลธรรมก็สำคัญ เราจะสร้างความสมดุลของ 2 สิ่งได้อย่างไร เมื่อนั้นก็จะสงบสุข ประเทศไทยไม่ได้อยู่ประเทศเดียวในโลก ต้องติดต่อกับหลายประเทศ คนก็เดินไปมา เครื่องจักร เครื่องมือต่างๆ ก็นำเข้ามาราคาแพงๆ ทั้งนั้น ถ้าประเทศเรามีแต่ศีลธรรม คุณธรรม แต่ไม่ค่อยมีเงิน แล้วคนอย่างมาเฟีย อเมริกาเข้ามาพร้อม ดอลล่าห์เต็มกระเป๋า แจกฟรีให้คนทุกคน หรือ จับจ่ายซื้อของบ้านเรา ทุกอย่างที่ขวางหน้า คุณคิดดูสังคมเราจะเบี่ยงเบนหรือไม่ หรือเราต้องการที่จะพัฒนา สร้างอะไรซักอย่าง หรือวิจัย สักเรื่อง แต่ไม่มีเงิน เราจะก้าวไปข้างหน้าอย่างไร ถ้าเราจะสร้างประเทศให้มีแต่เงินก็เป็นอย่างปัจจุบัน ทุกคน ภาครัฐ ภาคเอกชน คอรัปชัน โกง กันทุกฝ่าย ทุกแผนก มีแต่คนมองหาโอกาสที่จะทำเงินจากคนที่ด้อยโอกาสกว่า มีแต่คนมีเงินแต่แสดงอะไรที่ไม่เข้าท่าออกมาให้ดูทางสังคมเรื่อยๆ จนเป็นความเคยชิน เป็นความถูกต้องของสังคมไปแล้ว เรียกว่าเอาเงินมาซื้อความสุข ความถูกต้อง อย่างอเมริกา ใช้เงินเป็นตัวขับเคลื่อนสังคม สังคมก็เพี้ยนๆ บ้องๆ บ้าๆ จะต้องสร้างความสมดุลเรื่องเงิน กับเรื่องคุณธรรม ศีลธรรมให้ได้ เราก็จะลดปัญหาทางสังคม จิตใจของทุกคนในสังคม ประเทศไทยต้องลดระบบศักดินา ความอยุติธรรม คนมีโอกาสเอาเปรียบคนด้วยโอกาส(เช่นคนซ่อมรถที่อู่ คิดค่ารถจากหมอ หรือ นักการเมือง ทำกับข้าราชการ ที่ไม่สนองก็หาเรื่องข่มขู่ โยกย้าย) ลงให้ได้ แต่ต้องรักษาความสัมพันธ์ด้านจิตใจ ความอบอุ่น (แบบครอบครัวใหญ่) ที่มีต่อกันในสังคม ที่มีอยู่ไว้ได้ จากคุณ : ล้อเล่นนะ - [ 30 พ.ย. 46 15:10:51 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เห็นด้วยกับคุณ cool จุดอ่อนของรัฐบาลทักษิณ คือการขาดความเอาใจใส่ในเรื่องการศึกษา......ประเทศจะพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ต้องมีพื้นฐานการศึกษาเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ จากคุณ : Athit - [ 30 พ.ย. 46 15:48:55 A:203.149.43.145 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 แต่ถ้ามีการศึกษาแบบนาย cool ที่พอใครไม่เห็นด้วยกับแนวคิดกับตัวเอง ก็ก้าวร้าวใส่ ด่าเขาว่าเขลา ไล่เขายังกับไม่ ใช่คน แบบนี้ยอมเป็น uneducated ดีกว่า คนมีการศึกษาชั่วๆ แบบนาย cool นี่และ :-)ทราม ประหนึ่งชีวิตนี้เกิดมาก็กำพร้า บุพการีเสียชีวิตไปหมดแล้ว จึงไม่มีโอกาสได้สั่งสอน ให้รู้จักยอมรับความคิดคนอื่น Educated แบบนี้เหรอครับ ที่สังคมควรมี จากคุณ : รังเกียจคนหยาบ - [ 30 พ.ย. 46 18:04:33 A:203.149.38.16 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 หวังว่าคงไม่ใช่การจัดสรรทรัพยากรอย่างเท่าเทียมกันเหมือนที่ประเทศหลังม่านเหล็กเคยทำนะครับ Utopia เป็นเพียงทฤษฎีในฝันเท่านั้น ตราบเท่ามนุษย์ยังคงเดินดิน กินแฮมเบอร์เกอร์ ตัดกิเลสไม่ได้ เศรษฐกิจพอเพียง ยอมรับสุดขั้วหัวใจเลยว่า เป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีมากๆ เลยครับ แต่ปัญหามันก็คือ ในที่นี้มีใครบ้างครับ ที่ยอมละทิ้งความเคยชินในความสะดวกสบายที่เคยได้รับในชีวิตประจำวันบ้าง ตัวอย่างง่ายๆ เดินหรือใช้จักรยานแทนขับรถ ใช้พัดลมแทนเครื่องปรับอากาศ กินข้าวหมดไม่เหลือทิ้ง พฤติกรรมเพื่อประโยชน์ส่วนรวมพื้นๆ ถ้ายังทำกันไม่ได้ ก็ป่วยการที่ไปพูดเรื่องศีลธรรมมโนธรรมครับ . เหมือนกับสอนให้คนหูหนวกรู้จักฟังเพลงคลาสสิกอย่างไรชอบกลๆ จากคุณ : Conservative Progressive - [ 30 พ.ย. 46 18:35:37 A:203.113.50.15 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 # 20 อ่านดูแล้ว สมควรจะรังเกียจตัวเองมากกว่านะ เพราะ #20 เนี่ยหยาบที่สุดเลย เราอาจจะพูดจากร้าวไปบ้าง แต่เนื้อหาที่เราพูดมีเหตุผลนะ พยายามเข้าใจหน่อย ---- เราพูดว่า การมีเงิน 2,500 ล้านมันมากไปสำหรับคนๆหนึ่ง และรับรองได้ว่า ถ้าไม่ใช่นักการเมือง จะไม่มีวันหาเงินไปซื้อหุ้นได้เท่านั้นหรอก ที่ว่ามากไป เพราะทรัพยากรในโลกนี้มันจำกัด และยังมีคนขัดสนวัตถุอยู่อีกมาก อีกอย่าง อย่าพยายามดึงเรื่องต่างๆที่เราพูดไปในทางสุดโต่ง พวกที่สุดโต่งอย่างแท้จริง คือพวกหน้าเงินในรัฐบาลนี้ เราพูดเพียงว่า ให้บรรเทา ความโลภลงบ้าง โดยขอให้สนใจในการพัฒนาคนบ้าง ไม่ใช่มุ่งพัฒนาแต่วัตถุ เราไม่ได้บอกว่าให้เลิกทำงาน เลิกพัฒนาวัตถุ และ อยู่อย่างพระ เราพูดเรื่องนี้มาหลายทีแล้ว และ ก็มีการโต้เถียงแบบนี้มาทุกครั้ง นี่เพราะ ฟังไม่รู้เรื่อง ก็สาดกันไป อย่างงี้ทุกที เวลาพูดอย่างนี้ ขอย้ำอีกทีว่า ขณะนี้ สังคมเราสุดโต่งในด้านวัตถุมากเกินไปแล้ว และที่เราเรียกร้องคือ ขอให้ "เดินสายกลาง" มากกว่านี้ พูดอย่างงี้จะเข้าใจได้ไหม สำหรัพวกหน้าเงินทั้งหลายเนี่ย จากคุณ : Cool (Venus & Mars) - [ 30 พ.ย. 46 23:17:31 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เราว่าคุณ cool ใช้คำพูดรุนแรงเกินไปแล้ว ในโลกทุนนิยม.....บริษัทธุรกิจย่อมแสวงหาผลกำไร.....ในระบบธุรกิจไม่มีคำว่าพอ...ถ้าพอ คือการถอยหลังลงคลองไม่มีอัตราเติบโตในธุรกิจ อนาคตก็เตรียมปิดกิจการได้เลย คุณบอกว่า ทักษิณพอได้แล้ว(เลิกขยายธุรกิจ) คุณ พงษ์เทพ พอได้แล้ว(เลิกขยายธุรกิจ)...แย่หน่อยครับ มีนักธุรกิจมาเป็นนักการเมือง(หรือว่าต้องสงวนใว้ให้นักเลือกตั้งอย่างเดียว) เราว่าคุณ cool ใช้คำพูดไม่ถูกต้อง.....ความจริงความหมายของคุณ คือ ช่องว่างของรายได้ระหว่างคนรวย(ที่เป็นนักการเมือง)กับคนเดินดินกินข้าวแกง อัตราเพิ่มของรายได้ต่างกัน....อย่านี้เราเห็นด้วยครับ เราเห็นด้วยว่ารัฐบาลทักษิณ เน้นการพัฒนาการเติบโตทางเศรษฐกิจ(วัตถุนิยม) ในอัตราเร่ง มากเกินไป.....แต่กำลังละเลยภาคสังคม และภาคการศึกษา.....ซึ่งความจริงแล้วพัฒนาควบคู่กัน จากคุณ : Athit - [ 1 ธ.ค. 46 00:23:09 A:203.149.39.27 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 ตายแล้วเอาไปได้ไหม.....วินาทีนี้ถ้าพอนั้นคือสุขแท้ เพราะอิ่มแล้ว พอแล้ว ไม่ลำบากแล้ว ไม่กังวลแล้ว ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนเปรียบเทียบความเหนือกว่าด้อยกว่าเรื่องวัตถุแล้ว ........หรือ เอ....คนในรัฐบาลกำลังจะแข่งกันเองหรือแข่งกะบิลเกสต์ ไมโครซอฟต์ อยู่อว่า..... ตายแล้ว คงเป็นสุขมากได้รวยเหนือใครในโลกา.... แต่ได้เบียดเบียนเพื่อนร่วมชาติมาชั่วชิวิตและตายจากไป หาได้อะไรติดตัวไปได้เลย นอกจากผลกรรมเท่านั้นเอง....... จากคุณ : emptiness - [ 1 ธ.ค. 46 02:55:53 A:203.113.51.103 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 ผมว่านะนะ คุณ Cool คงวิ่งหนีความจริงอะไรสักอย่าง หรือเป็นประเภทเห็นความเจริญทางเศรษฐกิจไม่ได้ นี่....ผมจะเล่าให้เอาบุญ แต่เดิม...ประเทศเราหาเงินใช่หนี้ต่างชาติบักโกรก ทำมาค้าขายได้แทนที่จะได้นำมาใช้พัฒนาประเทศอย่าง เต็มที่.....แต่ดันต้องเจียดออกไปมหาศาล น้าแม้วของผมมองการณ์ไกลกว่าคุณมากเหลือคณา อธิบายให้พอเข้าใจง่ายๆว่า....น้าแม้วของผมหา เงินให้ประเทศ...เอาเศรษฐกิจ....เรื่องปากท้อง ของประชาชนก่อน(สมัยลุงชวนคิดเช่นนี้แต่ทำไม่เป็น) โดยรีบใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ...เพิ่มส่งออก...ส่งเสริม การผลิต-ใช้ในประเทศ เพื่อจะได้เปลี่ยนจากประเทศที่กู้มาเป็นผู้ให้กู้...เปลี่ยน มิติจากประเทศที่ทำงบประมาณขาดดุลมาเป็นสมดุลในปี 48-50นี้ ส่วนเราท่านที่เป็นคนดีและแสนดีของสังคมควรมีส่วนช่วย สังคมในการสร้างความดีและคนดีตามหน้าที่ ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ไม่ใช่ประเภทมือไม่พายเอาเท้าราน้้ำอย่างที่ส่อสะท้อนใน ความเห็นของหลายๆคนในราชดำเนินนี้ ผมจึงเศร้าใจ....และยิ่งเศร้าใจที่เห็นคำตอบด้วยภาษา อันส่อถึงจริยธรรมเป็นเลิศในด้านลบของเจ้าของกระทู้ จริงไหมละขอรับ....แม่จำเนียร จากคุณ : สาละวิน - [ 1 ธ.ค. 46 05:18:25 ]

ความคิดเห็นที่ 26 พูดกับคนโง่ไร้การศึกษา เหนื่อยหน่อย เราเข้าใจดี และเมื่อพูดกันแรง ก็สาดไปสาดมาอย่างงี้ ไม่รู้จบ เราเข้าใจ แต่เราไม่สนใจ   เราถือว่าเป็นส่วนประกอบที่เราแจกแถม และรับ ซึ่งเราใช้ ในยามคุยกับคนที่ด้อยทางปัญญา ;-) เราสนใจแต่ว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ อะไรจะเกิดขึ้นกับสังคมไทย --- การที่สาละวิน ฝังใจว่า Taksin เนี่ยสุดยอดแล้วเนี่ย เราเห็นใจมาก ที่ กรอบความคิดของเธอมีแค่นั้น และเรารู้ว่ากรอบความคิดที่ตายตัวแบบนี้ขยายออกไปอีกไม่ได้แล้ว เราเห็นใจ ---- สิ่งที่เราจะพูดต่อไป อาจจะลึกซึ้ง อาจจะลึกซึ้งเกินกว่าที่นายกฯ คนเก่งของสาละวินจะเข้าใจด้วย คือเรื่องของ "ความสุข" และเรื่อง priority เราจะบอกว่าทุกอย่างเนี่ย มันมีความสำคัญของมันหมดนั่นแหละ  การทำมาหากิน  การหาเงิน เพื่อใช้หนี้   แต่มันมีอีกสิ่งหนึ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่กลับสำคัญอย่างยิ่ง คือ จิตวิญญาณของมนุษย์ ทั้งที่เป็นปัจเจก และที่เป็นของสังคม ที่ปัจเจกมารวมกัน ความเจริญ ของจิตวิญญาณตรงนี้แหละ  ที่จะทำให้สังคมไปได้ดีอย่างต่อเนื่อง ประเทศที่เจริญได้อย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถ พัฒนาจิตวิญญาณของสังคมให้สูงขึ้น ไม่ต่ำ หยาบ  สิ่งเหล่านี้มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่สะท้อนออกมาทาง ศิลปวัฒนธรรมในยุคนั้นๆ ถ้าคนมีการศึกษาในเรื่องนี้จะเข้าใจได้ ในเมื่อเรื่องแบบนี้ ไม่ได้เคยมีอยู่ในหัวของสาละวิน และหัวของนายกฯเลยเนี่ย  เราจึงพอเข้าใจว่า  การที่นายกฯและสาละวินคิดว่าตนเองประเสริฐสุดแล้วเนี่ย เป็นสิ่งที่น่าเห็นใจ .... ก็เพราะว่า คนเราจะรู้ส่วนที่ขาดหายไปได้อย่างไร นอกจากจะมีความถ่อมตัวรับฟัง สิ่งที่เราพูดบ้าง  ซึ่งความถ่อมตัว ก็ไม่ได้มีเลย ในตัวนายกฯคนนี้ และ สาละวินด้วย เราอยากรู้ว่า ดนตรีของ Mozart มีความหมายอะไรกับนายกฯ และ สาละวินบ้างไม๊  ??  เป็นต้น ??   อย่างไรก็ตาม  ...เราไม่ต้องการคำตอบหรอก เพราะรู้อยู่แล้ว เราจะอธิบายต่อไป ในโลกนี้ มีความสุขมากมาย รอบๆตัวเรา แต่เรามองไม่เห็นเอง เพราะเรามืดบอดทางปัญญา ความสุขเหล่านี้  ต้องการๆเข้าถึง ส่วนหนึ่งก็ต้องใช้เงิน... แต่ไม่มากนัก      อีกส่วนที่สำคัญ คือ ด้านปัญญา   เราต้องมีปัญญา ถึงจะเข้าถึง ความสุขเหล่านั้นได้ สิ่งนี้ที่สังคมเราขาดมาก แม้ว่าในอดีต เรามีหลักฐานว่าเราได้เข้าถึงปัญญาด้านนี้ ขั้นสุดยอดมาแล้ว และที่น่าเป็นห่วง  นายกฯของเราคนนี้ก็ขาดมากด้วย สิ่งที่เราพูดถึง เขาเรียกว่า Cultured man คือ คนที่มีปัญญาสามารถเข้าถึงความสุขได้ คนที่มีปัญญาเข้าถึงความสุขได้ ดีอย่างไร และ แตกต่างกับคนที่ ไม่มีปัญญาอย่างไร ?? ข้อแรก ....คือ เขาทำมาหากิน และคิดได้เท่านายกฯ  แต่ไม่ต้องการเงินมากมาย นั่นแปลว่า การกระจายรายได้จะเกิดขึ้น ข้อสองคือ .... การไม่มีแรงกดดันมาก เรื่องวัตถุ  ทำให้คนเหล่านี้ซื่อสัตย์ เพราะไม่รู้จะโกงไปทำไม ข้อสาม... การละเมิดคนอื่น สิ่งแวดล้อมก็จะน้อยลง  เพราะการบริโภคน้อยลง เพราะ ความเป็นเลิศในทางวัฒนธรรม ถือว่า การเป็นสุขโดยอาศัยปัจจัยน้อยที่สุด เป็นความสำเร็จอย่างยิ่ง   อันนี้ไม่ต้องกล่าวถึง การทรมานสัตว์ต่างๆ เพื่อความสนุก ซึ่งถือว่า ต่ำทรามที่สุด ในโลกที่พัฒนาแล้ว นายกฯ คนนี้ ไม่มีภาพด้านนี้เลย  ซึ่งเราเป็นห่วง   เกรงว่าจะพาประเทศชาติไปสู่สภาพที่ไม่สมดุล เหมือนพ่อที่แข็งแกร่งทางทำมาหากิน มักจะ ทำให้ลูกอ่อนแอเกินไป เป็นต้น ปัญญาทางด้านศิลปวัฒนธรรมเนี่ย  จะทำให้เกิดความสมดุล ในครอบครัว และการพัฒนาจะ Sustain ซึ่งรัฐบาลนี้ ไม่มีเลย  หาไม่มี   ไม่มีตัว เราถึงมาเตือน ซึ่งก็คงไม่เข้าใจหรอก --- ส่วนอาทิตย์พูดอะไร เราไม่รู้เรื่อง ยังไม่ได้อ่านละเอียด --- จริงๆแล้ว  เราชื่นชม ฝ่ายที่สนับสนุนนายกฯ คนนี้นะ  ส่วนใหญ่ เรามองเห็นว่าเป็นคนดี  และหวังดีกับประเทศชาติ ... ที่จิรงเราด่าไปงั้นเอง ที่เราคิดอย่างงี้ เรามีเหตุผล  ว่า คนที่สนับสนุนนายกฯคนนี้  เป็นพวกทำมาหากิน และเข้าใจธุรกิจ  เรื่องนี้เป็นเรื่องดี ที่ ปชป  ตามไม่ทันแน่ แต่เรา พูดถึงสิ่งที่ขาดไป ในตัวนายกฯต่างหาก     แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 46 07:43:00 จากคุณ : Cool (Venus & Mars) - [ 1 ธ.ค. 46 07:34:05 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ถ้าคิดจะสร้างก็ขอให้สร้างเป็นที่เฉพาะไป อย่างจะจัดที่จังหวัดไหนก็ทำที่นั่น อย่างให้เปิดทั่วประเทศ เพื่อจะได้เป็นการควบคุมได้ง่าย จากคุณ : ทองสร้อย - [ 1 ธ.ค. 46 07:34:26 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คุณ cool ความคิดของคุณมันสุดขั้วครับ ผมขอใช้คำโบราณที่ว่า "ห่มผ้าไว้ท่าไข้" คุณไม่ได้อยู่ในเมืองไทยใช่ไหม ถ้าคุณอยู่เมืองไทยและคุณดูรายการ "ฅนค้นฅน" ผมจำได้ว่ามีคนไทยที่ต้องการทดสอบความคิดที่ไม่พึ่งพิงธุรกิจสมัยใหม่โดยไปตั้งครอบครัวที่ป่าแม่น้ำเงาด้วยการพึ่งตนเองมาหลายปีแล้วแต่ผลจะออกมาอย่างไรไม่ทราบ คุณกล้าพอที่จะพิสูจน์แนวคิดไหม การใช้ชีวิตแบบนี้คงจะเหมาะสำหรับคนกลุ่มหนึ่ง แต่คนกลุ่มใหญ่ของประเทศไทยยังพอใจที่จะดำเนินชีวิตอยู่อย่างปัจจุบัน คนก็คิดถึงปัญหาของการแย่งกันกินแย่งกันใช้เช่นเดียวกัน แต่ปัญหาจะยังไม่มาถึงทรัพยากรบนโลกยังมีให้ใช้ต่อไปได้อีก ถ้าถึงยุคนั้นจริงกฏหมายกติกาต่างๆคงเปลี่ยนไปตามสภาพ จากคุณ : เดชา - [ 1 ธ.ค. 46 08:57:34 A:203.113.51.6 X: ]

ความคิดเห็นที่ 29 ฟังคุณ COOL เทศนามากัณฑ์ใหญ่...ออกจะเคลิ้มและ เพลินเหมือนฟังปรัชญาเมธีเรืองนาม ในเรื่องของสุนทรียศาสตร์...แม้ผมหรือน้าแม้วของผมจะ ไม่เรียนเป็นกิจจะลักษณะ....แต่สัมผัสได้ด้วยสำนึกและ จิตวิญญาณของปุถุชน ในส่วนตัวผมซึ้งดีกับฉันทลักษณ์(เขียนกลอนได้ เขียน โคลงได้...บ้าง) และเหนืออื่นใดโดยส่วนตัวอ่อนไหวมาก กับเสียงดนตรี...โดยเฉพาะไวโอลินออกจะลืมสติไปชั่ว ขณะเมื่อบรรเลงเพลงโปรด....SLEEPY LAGOON ส่วนบทเพลงแห่งโมสาร์ตหรือบีธอเฟนฟังได้และมักได้ ฟังเสมอทาง FM 107 MHz ชอบเท่ากับลีลาเร้าใจในบทเพลงของ แมงปอ ชลธิชา ที่รายยาวเรื่องบทเพลงนี้...ก้ฌพื่อให้คุณ Cool รู้ว่านักวิท ยาศาสตร์เข้าใจเรื่องจิตวิญญาณได้ไม่แพ้คนจากเซกเตอร์ อื่น แม้แต่ไอน์สไตน์....ก็รักดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ ส่วนเรื่องความประมาททางการเมือง......หรือไม่นั้น ผม ไม่ใช่น้าแม้ว...และไม่มีช่องใดที่จะแสดงให้ท่านผู้นั้นรับ รู้ถึงความห่วงใยของคุณ COOL เพียงแต่คิดว่า....คาดว่า...ประมาณว่าน้าแม้วเองย่อม สำเหนียกในเกมการเมือง.....ไม่ทำอะไรหักหาญจนเกิด ความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ส่วนข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆที่แก้ไขได้นั้น...ย่อมมีตาม ประสาของการทำงาน ผมคิดเช่นนั้น จากคุณ : สาละวิน - [ 1 ธ.ค. 46 09:00:07 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ความคิดเห็นของคุณ cool เป็นเรื่องของอุดมคติ เท่านั้นถ้าเป็นไปตามที่ว่าได้ดีแน่นอนครับ แต่ หากคิดในโลกแห่งความเป็นจริงแล้วยากที่จะทำได้ เช่น "ให้ทุกคนอยู่อย่างพอมีพอกิน"อย่าลืมว่าจุดที่ว่าพอมีพอกินของแต่ละคนไม่เท่ากัน เอาอะไรมาวัดเพื่อให้ทุกคนทำตามที่จุดๆนั้น จะเอามาตรฐานใดมาวัดละครับ แนวคิดนี้ขัดกับหลักการประชาธิปไตยที่ไปบังคับให้ประชาชนอยู่อย่างที่ว่าพอมีพอกิน ถ้าอย่างงั้นก็ต้องเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเป็นเผด็จการไปเลย ผมว่าเป็นการเอาเรื่องอุดมคติมาพูดในสถานการณ์โลกที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ครับ ลองยกตัวอย่างประเทศที่ปฏิบัติตามที่ว่ามาดูว่าทำได้จริงๆแค่ไหน จากคุณ : สามสุข - [ 1 ธ.ค. 46 12:37:19 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ตอบสามสุข ไม่หรอก เป็นเรื่องจับต้องได้ง่ายๆ เป็นเรื่องของการศึกษา การศึกษา เกี่ยวกับการหาความสุข คนที่มีการศึกษาเกี่ยวกับการหาความสุข สามารถ บริโภคความสุขจากศิลปวัฒนธรรม  มีมากไปครับ แถม ยังสามารถเอามาทำเป็นธุรกิจได้อีก อย่างประเทศในยุโรปนั้นลงทุนทางด้านวัฒนธรรมากมาย เข้าใจว่าฝรั่งเศส จะอยู่ที่อันดับหนึ่ง ยกตัวอย่าง การทำบ้านเมืองให้สวยงาม มีรสนิยม ปัจจุบันนี้ คนไปเที่ยวยุโรปกันเท่าใด เงินจากการท่องเที่ยวมากแค่ไหน คุณคงทราบ ในทางตรงข้าม ถ้าการศึกษาด้านศิลปวัฒนธรรมตกต่ำ คนในสังคม ก็จะหาความสุขไม่เป็น และจะหันเข้าหาอบายมุข เช่น ยาเสพติด  การพนันเป็นต้น   นี่แหละ สาเหตุที่แท้จริง แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 46 17:50:18 แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 46 17:49:04 จากคุณ : Cool (Venus & Mars) - [ 1 ธ.ค. 46 17:48:09 ]

ความคิดเห็นที่ 32 บริบทของเรา ไม่เหมือนบริบทของเขา วิธีการย่อมแตกต่างกัน ถ้าจะบอกว่าหลักการดังกล่าวเป็นสากล คนเหมือนกันทั้งโลก ก็คงไม่มีการแบ่งแยกประเทศ เหยียดเชื้อชาติ หรือสงครามสิ . ตกลง ใครกำลังพูดความจริง ใครกำลังพูดเรื่องในอุดมคติ? จากคุณ : Conservative Progressive - [ 1 ธ.ค. 46 20:13:35 A:203.113.50.141 X: ]

ความคิดเห็นที่ 33 # 32 ภาษาศิลปวัฒนธรรมนั้น เป็นภาษา Inter มีภาษาเดียวทั่วโลก แม้ มนุษย์ต่างดาว ก็เข้าใจได้ แขก จีน ฟังเพลงฝรั่ง ฝรั่งซื้อพรมแขก ซื้อรูปไทย สื่อกันได้หมดครับ นี่คือ คุณสมบัติอีกอย่างที่เราจะได้จากการ ศึกษาด้านศิลปวัฒนธรรม จากคุณ : Cool (Venus & Mars) - [ 2 ธ.ค. 46 00:54:27 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ศิลปะเป็นภาษาสากลก็จริง (แต่เรื่องมนุษย์ต่างดาวนั้นยังข้องใจอยู่นิดๆ นะครับ) แต่มองดูปลายกระทู้กับต้นกระทู้นี้แล้ว เราทั้งหลายกำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่เนี่ย? จากคุณ : Conservative Progressive - [ 2 ธ.ค. 46 10:12:13 A:203.113.50.15 X: ]