การตั้งไข่ของแอร์เอเซียในประเทศไทยภายใต้อุ้งปีกของชินคอร์ปและการเอื้อประโยชน์ของคณะบุคคลในรัฐบาลในปีนี้ จะดำเนินไปเป็นการเดินเหิรหาวอย่างเต็มรูปแบบในปีข้างหน้านี้
และเมื่อรากฐานได้ฝังลึกลงไปอย่างมั่นคงแล้ว ก้าวสุดท้ายจะคาดเดาไม่ยาก นั่นคือ เพิ่มทุนครั้งมโหฬาร เพื่อขายให้กับประชาชนคนไทย โดยมีผู้ถือหุ้นเดิมทั้งฝ่ายไทยและมาเลย์เก็บเกี่ยวกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ (ได้ทุนคืนทั้งสองฝ่ายจากกำไรล้ำมูลค่า) กลับไป และยังคงรักษาสัดส่วนการถือหุ้นใหญ่อยู่เช่นเดิม
เมื่อกิจการเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้แล้ว ก็เอากำไรทั้งหมดที่ได้ไปแบ่งสรรปันส่วนกัน ส่วนกิจการหลังจากพ้นอำนาจทางการเมืองของคณะบุคคลนี้แล้ว ก็คงเช่นเดียวกับธุรกิจอื่น ๆ ในตลาดหลักทรัพย์ คือ ประชาชนเป็นผู้ลุ้นว่าผลประกอบการจะดีขึ้น(ได้ปันผล ราคาหุ้นขึ้น) หรือ เลวลง (ขาดทุน ราคาตก)
เจ้าของเดิมขนกำไรกลับบ้านกันไปนานนมแล้ว ก็คงลุ้นแค่ว่า จะได้เพิ่มหรือไม่ได้เพิ่มเท่านั้น
นี่ไม่ใช่ตลาดการแข่งขันเสรีอย่างที่เข้าใจ แต่เป็นตลาดที่นักการเมืองแสวงหาประโยชน์กับกลุ่มนายทุนระดับประเทศเพียงไม่กี่กลุ่ม โดยใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือในการไถ่ถอน (ก็เช่นเดียวกับที่เกิดกับ ธ.ทหารไทย ชินแซท และไอทีวี)
สภาวะการเมืองเอื้อนายทุนของประเทศ ประชาชนก็ต้องตกเป็นเบี้ยล่างของเขาเรื่อย ๆ ไป (หรืออาจจะเรียกว่านักลงทุนกลุ่มสุดท้ายของกิจการก็ได้ เพราะกลุ่มแรกจะเก็บทุนและกำไรไปหมดแล้ว) เช่นนี้แหละครับ
จากคุณ :
*bonny
- [
1 ธ.ค. 46 16:51:38
]